สัมภาษณ์ดวงวิญญาณ กุ้งกุลาดำ สุชาณี เมืองใหม่

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย matiepoppy, 28 กรกฎาคม 2011.

  1. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169


    [​IMG]





    ดวงญาณกุ้งกุลาดำ สุชาณี เมืองใหม่ มาแสดงหลักฐานขอบุญ
    ในเทศกาลโปรดสามโลก ยุคสุดท้ายปลายกัป
    ดวงญาณมาแสดงประจักษ์หลักฐาน ณ สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช
    วันศุกร์ที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๔ เวลา ๑๗.๐๗น.



    พระพุทธองค์ตรัสว่า ในวัฏสงสาร อันหาเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ ไม่เคยมีเลย ที่สัตว์ตัวใดจะไม่เคยเกิดเป็นเครือญาติแก่กัน ไม่เคยเกิดเป็นพี่น้องหญิงชายแก่กันและกัน
    “โอ! มหาบัณฑิต ในวัฏสงสารอันไม่มีใครทราบที่สุดในเบื้องต้นนี้ สัตว์ผู้มีชีพ ได้พากันท่องเที่ยวไปในการว่ายเวียนในการเกิดอีกตายอีก ไม่มีสัตว์แม้แต่ตัวเดียว ที่ในบางสมัย ไม่เคยเป็นแม่-พ่อ พี่น้องชาย พี่น้องหญิง ลูกชาย ลูกหญิง หรือเครือญาติอย่างอื่นๆแก่กัน สัตว์ตัวเดียวกันย่อมปฏิสนธิในภพต่างๆ เป็นกวาง หรือสัตว์สองเท้าสัตว์สี่เท้าอื่นๆ เป็นนก ฯลฯ ซึ่งยังนับได้ว่า เป็นเครือญาติของเราโดยตรง สาวกแห่งพระพุทธศาสนา จะทำลงไปได้อย่างไรหนอ จะเป็นผู้สำเร็จแล้วหรือยังเป็นสาวกธรรมดาอยู่ก็ตาม ผู้เห็นอยู่ว่าสัตว์เหล่านี้ทั้งหมดเป็นภราดรของตน แล้วจะเชือดเถือเนื้อหนังของมันอีกหรือ?”
    การเวียนเกิดเวียนตาย เข้าร่างโน้นออกร่างนี้ ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นกฎของจักรวาล เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ถือว่าโชคดี แต่เมื่อทำผิดกฎของฟ้าดิน ครั้นทิ้งกายสังขารวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว ก็ต้องลงไปรับการชำระโทษความผิดบาปในสถานที่เบื้องบนกำหนดไว้ ที่เรียกกันว่า “นรก” จนกว่าจะสำนึกถึงความผิดบาปนั้นได้ ถ้าไม่สำนึก ก็จะต้องถูกทรมาน เจ็บปวดอยู่เช่นนั้น จนกว่าจะสำนึก และรับว่า “ผิด” จะยาวนานเท่าใด ก็อยู่กับความสำนึกนี้แหละ บางญาณถูกกำหนดโทษไว้ยาวนาน แต่เมื่อถูกชำระโทษ เจ็บปวด ไม่ดื้อรั้น ยอมรับผิด สำนึกผิดแต่โดยดี ก็หลุดออกมาเร็ว แต่ผู้ที่ถูกกำหนดโทษไว้ไม่มาก เมื่อโดนลงโทษ กลับคิดว่าเราไม่ผิด คนอื่นซิ ผิด ทำไมเราต้องโดนแบบนี้ ไม่ยุติธรรม ก็จะต้องถูกชำระโทษยาวนานกว่า
    ตั้งแต่เบิกฟ้าเบิกดินมา ตั้งแต่นรก สวรรค์ได้ตั้งขึ้นมาในยุคกลาง ผู้ทำความผิดบาปที่ทางการยมโลกได้กำหนดโทษที่ต้องชำระ ในเมืองนรกเท่าใด เวลานานเท่าใด ก็จะต้องอยู่ชำระโทษความผิดบาปนั้น ตามกำหนดเวลานั้น
    มาบัดนี้โลกหมุนมาถึงยุคกาลโปรดสามโลก ในเวลาสุดท้ายปลายกัป ที่ภัยพิบัติเกิดขึ้นพร้อมกับฉุดโปรดครั้งยิ่งใหญ่ ลูกหลานกายเนื้อใดที่ได้รับวิถีอนุตตรธรรม วิญญาณบรรพบุรุษ ๗ ชั้น ลูกหลาน ๙ นับด้วยสองร้อยกว่าวิญญาณ ในตระกูลหนึ่งๆนั้น ที่ต้องรับโทษอยู่ในนรก จะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษเบาบางลงตามลำดับ ไม่ต้องถูกชำระโทษครบถ้วน เหมือนแต่ก่อน จึงถือได้ว่า ยุคนี้เป็นยุคที่วิเศษที่สุด ที่ภัยพิบัติกับธรรมะลงมาพร้อมกัน อยู่ที่ใครจะเชื่อศรัทธา และเลือกเอาเอง ถ้าไม่มีอัตตาสูงจนเกินเหตุ ก็จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ ม่านอัตตาจะไม่บังความรู้สึก เมื่อเปิดใจกว้าง วางใจให้เป็นกลาง ไม่ยึดติดวิธีการใดวิธีการหนึ่งเฉพาะ และเหนียวแน่น คิดว่าไม่มีวิธีอื่นที่ดี หรือยิ่งไปกว่าวิธีที่ตนยึดอยู่ ถืออยู่ จักรวาลมีความละเอียดอ่อน หลากหลาย ไม่มีอะไรเป็นอยู่อย่างเดียว อย่างเดิม ตลอดกาลยาวนาน พลังงานแปรเปลี่ยนไปตามเหตุ ตามปัจจัย จึงต้องเปิดใจศึกษา เพื่อจะได้พบสัจจะแห่งจักรวาล เพราะว่าสัจจะในจักรวาลมีเพียงหนึ่งเท่านั้น แต่หนทางที่จะเข้าถึงสัจจะไม่ได้มีเพียงเส้นทางเดียว การเข้าถึงสัจจะมีหลายหนทาง............
    เรื่องราวต่อไปนี้ ขอท่านผู้อ่านพึงใช้สติ ปัญญาพิจารณาด้วยหลักสัจธรรม นำเอาข้อมูล เหตุผลอื่นมาประกอบด้วย ประมวลเรื่องราวเคยเกิด ใกล้ตัวที่ใกล้เคียงกันมาร่วมพิจารณา และเปิดใจศึกษา จะได้ข้อคิดสะกิดเตือนใจที่ดี และจะรู้ว่าจักรวาลเป็นอยู่ ดำรงอยู่ ไม่เป็นไปตามเจตจำนง ความเชื่อ หรือไม่เชื่อของผู้หนึ่งผู้ใด สิ่งที่มีอยู่ในจักรวาล เช่นไร ก็มีอยู่เช่นนั้น เป็นไปตามสภาวธรรม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ว่าคนไม่เชื่อ แล้วสิ่งที่อยู่จะหายไปเพราะคนไม่เชื่อ ขอความสุขสวัสดี พึงบังเกิดมีแก่ทุกท่าน
    -----------------------------------------------------------------------------
    อาจารย์ : คุณมาจากไหน ?
    วิญญาณ : มาจากชายทะเล
    อาจารย์ : เป็นกุ้งทะเลหรือ ?
    วิญญาณ : มาจากทะเล
    อาจารย์ : ชายทะเลที่ไหน ?
    วิญญาณ : โน่น! มาจากปลายทอนโน่นแน่ะ
    อาจารย์ : ปลายทอนหรือ ?
    วิญญาณ : มันเลี้ยงกุ้งเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด พวกเราอยู่กันเต็มไปหมด ไม่รู้กี่สิบล้านตัวที่อยู่ตรงนั้น
    ญาติธรรม : กุ้งยังเป็นอยู่ไม่ใช่หรือ ? (ยังมีชีวิต)
    วิญญาณ : นี่ล่ะ! มันใกล้เข้ามาแล้ว เราจะทำให้ล่มจมให้หมดเนื้อหมดตัวเลย เดี๋ยวก่อนเถอะ เดี๋ยวเถอะ (ทำเสียงฮึ่มๆในลำคอ เน้นเสียง มีกิริยาท่าทางเคียดแค้นอย่างหนัก)
    อาจารย์ : จะทำใครล่ะ ?
    วิญญาณ : คอยดูนะ เดี๋ยวเถอะ
    อาจารย์ : จะทำใคร คนเลี้ยง หรือใครกัน ?
    วิญญาณ : ทำทั้งนั้นล่ะ ทั้งคนสร้าง คนเลี้ยง คนจ้าง คอยดูนะ ฝั่งทะเลฝั่งนั้นจะทำให้ล่มจมให้หมด
    อาจารย์ : คนกินไม่ทำใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ทำทั้งนั้นแหละ ที่อยู่ใกล้ตลิ่งนะ ทำลายทั้งนั้นแหละ ที่อยู่ริมทะเลน่ะ
    อาจารย์ : จะทำวิธีไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : เดี๋ยวเถอะ คอยดูเถอะ จะทำให้คลื่นใหญ่กว่าบ้านเลยล่ะ
    อาจารย์ : เอาวิธีไหนมาทำ นั่งเป่ามนต์น่ะหรือ กุ้งเป่ามนต์เป็นด้วยหรือ?
    วิญญาณ : เดี๋ยวเถอะ พวกเรารวมตัว พวกเรารวมพลังกันแล้ว เราคิดกันไว้แล้ว
    อาจารย์ : เมื่อไหร่ล่ะ เมื่อวานนี้หรือ ?
    วิญญาณ : คิดกันนานแล้ว ตั้งแต่พวกมัน เริ่มสร้างบ่อกุ้งบ่อแรกเลย
    อาจารย์ : กี่ปี กี่เดือนแล้วล่ะ ?
    วิญญาณ : เป็นปีแล้ว ๒-๓ ปีแล้ว ที่พวกมันทำกันอยู่
    อาจารย์ : ๒-๓ ปีหรือ เมื่อปีที่แล้ว เราส่งบุญให้กุ้ง หอย ปู ปลาทั้งหลาย หยุดไปครั้งหนึ่งแล้วนี่
    วิญญาณ : ส่วนหนึ่งยังไม่ไปนี่
    อาจารย์ : ไปกันเยอะแล้วนี่นา
    วิญญาณ : ส่วนหนึ่งคอยอยู่ที่นั่นแหละ
    อาจารย์ : ขึ้นไปข้างบนก็มีแล้วนี่ ?
    วิญญาณ : บางส่วนคอยอยู่ที่นั่นแหละ
    ญาติธรรม : เขาบอกว่า เขาไม่ไปอย่างนั้นหรือ ?
    วิญญาณ : ยังอยู่ ยังมีเหลืออยู่อีก
    อาจารย์ : นี่! จะคุยให้ฟังนะ คุณเคียดแค้นพยาบาทอย่างนี้ แล้วมันได้อะไรขึ้นมา ?
    วิญญาณ : จะให้มันล่มจม ให้มันวอดวาย ให้มันหมดตัว มันทำแต่ความชั่ว เลี้ยงแต่พวกเรา เลี้ยงแต่กุ้ง ไม่รู้จักสร้างบุญให้เราบ้าง ให้เราตากแดด เราเจ็บ ผิวเราถลอกหมด มันไม่รู้ น้ำเค็มจัด เราเจ็บที่ผิว มันไม่รู้เรื่อง หลังจากนั้น พอเราตาย โอย! (พูดแบบเคียดแค้นเป็นอย่างมาก)
    อาจารย์ : เป็นยังไง เจ็บหรือ เจ็บตรงไหนละ ?
    วิญญาณ : อย่ากดสิ (เพื่อให้ความแค้นของเขาเบาบางลง จึงใช้พลังจักรวาล กดเบาๆที่ลำตัว และกำหนดพลังเมตตาใส่เข้าไปในญาณ ให้คลายความเจ็บปวดในญาณ และคลายเคียดแค้นลงบ้าง)
    อาจารย์ : เอ้า อยากพูดอะไรพูดไป ไม่เป็นไรแล้ว หายเจ็บปวดแล้ว
    วิญญาณ : เราลอกคราบ ผิวเราอ่อน เพราะตอนที่เปลือก ผิวของเราจะแข็งนั้น ผิวเปลือกของเราอ่อน มันก็เลยเจ็บน่ะสิ
    อาจารย์ : แล้วโกรธเขาเรื่องอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : โกรธสิ
    อาจารย์ : พูดไปให้หมด โกรธเขาเรื่องอะไร
    วิญญาณ : ทำเราเจ็บ คุณรู้ไหมว่า เขาเอาถุงพลาสติกไปคลุมตัวเรา เวลาถูกแสงแดดมันเจ็บเท่าไหร่
    อาจารย์ : ถุงพลาสติกคลุมบ่อน่ะหรือ ?
    วิญญาณ : คลุมหลังคาน่ะสิ
    อาจารย์ : คลุมหลังคาก็ดีน่ะสิ ไม่ร้อน แล้วเจ็บตรงไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : เราร้อน มันไม่รู้ มันคิดว่าเราอยู่ในน้ำสบาย เราร้อนจะตาย
    อาจารย์ : น้ำมันร้อนใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : น้ำร้อนรู้สึกเหมือนกับ…....?
    วิญญาณ : เหมือนถูกต้มไงล่ะ ?
    อาจารย์ : วิ่งพล่านเลยสิ
    วิญญาณ : ต้องหาที่หลบ ที่ร่มๆ น่ะ
    อาจารย์ : ก็ในเมื่อเขาเอาถุงพลาสติกคลุมให้มันก็น่าจะเย็นน่ะสิ ?
    วิญญาณ : ร่มแล้วทำไมล่ะ พวกเราต้องดำน้ำลงไปอยู่ที่ก้นบ่อโน่น ใครจะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำได้ล่ะ มันร้อน?
    อาจารย์ : ลงไปอยู่นานๆ หายใจไม่ได้ล่ะสิ ?
    วิญญาณ : มันอึดอัด ต้องโผล่ขึ้นมาบ้าง ถึงร้อนยังไงก็ต้องโผล่ขึ้นมา
    อาจารย์ : คุณเล่าต่อไป
    วิญญาณ : นี่ล่ะ คุณรู้ไหม คุณจะว่าก็ว่าเถอะ แต่พวกเราคิดกันแล้วว่าต้องเอาให้พวกมันหมดตัวบ้าง
    อาจารย์ : เอาล่ะ! คุณประกาศมาเลยว่าจะทำอย่างไร แล้วเราจะบอกให้ฟัง คุณจะรวมพลังกับใครบ้าง พวกกุ้ง หอย ปู ปลา ?
    วิญญาณ : โน่น! ในทะเลโน่น เยอะแยะไปหมด เพื่อนเราทั้งนั้น
    อาจารย์ : แล้วเวลานี้จะรวมตัวกันที่ไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : เรายังไม่บอกก่อน ใกล้เข้ามาแล้วล่ะ
    อาจารย์ : เรามาคุยกันดีๆ ก็ได้ คุณรู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน ?
    วิญญาณ : รู้!
    อาจารย์ : ที่นี่คือที่ไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : ที่ให้บุญ
    อาจารย์ : มาถึงที่ให้บุญแล้ว เราก็จะให้บุญนะ
    วิญญาณ : เรามาขอบุญ ขออนุญาตเขาแล้ว แต่ว่ามันแค้นใจ ฉันเลยมาระบายความแค้นที่มันอยู่ในอก ที่มันทำกับเราน่ะ
    อาจารย์ : ที่นี่ยินดีให้ระบายความแค้น
    วิญญาณ : นี่ล่ะ ฉันคิดว่าจะทำลายให้หมดเลยล่ะ ไม่ให้เหลืออะไร ให้มันหมดตัวไปเลย ให้มันมาทำบุญบ้าง กับพวกเราพอตายไปแล้ว มันไม่ได้ทำบุญให้เราเลย
    อาจารย์ : เอ้า! เมื่อทำให้เขาหมดตัวแล้ว จะเอาอะไรมาทำบุญให้ล่ะ ?
    วิญญาณ : ไม่ใช่! ที่ตายผ่านมาแล้ว พวกมันไม่ได้คิดกันเลย ตอนที่พวกมันยังมีอยู่
    อาจารย์ : แล้วที่คุณบอกว่าจะทำให้คนเลี้ยงหมดตัวล่ะ ?
    วิญญาณ : เดี๋ยวเถอะ ไม่นานหรอก ที่พวกเราอยู่ตั้งนานแล้ว พวกมันไม่เคยเอ่ยชื่อพวกเราเลย บุญพวกมันก็ไม่เคยทำให้………..
    อาจารย์ : อ้าว! แล้วพวกคุณไม่ได้ยินบ้างหรือ ที่นี่พวกเรากรวดน้ำให้กุ้ง หอย ปู ปลา ?
    วิญญาณ : คุณให้นั่นแหละ แต่พวกมันทำนะ ไม่ใช่คุณทำ คนละเรื่องกัน
    อาจารย์ : แล้วที่เราให้พลังบุญทุกวัน พวกคุณได้รับทุกวันไหม ?
    วิญญาณ : ได้นิดเดียว เพราะไม่ได้เป็นอะไรกัน
    อาจารย์ : แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ขอบคุณนะ แต่ที่คุณว่า ฉันไม่ยอมหรอกนะ
    อาจารย์ : คุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ ?
    วิญญาณ : (หัวเราะ) ผู้หญิง
    อาจารย์ : คุณมีลูกเยอะไหม ?
    วิญญาณ : ลูกของเรามีอยู่ไม่รู้กี่สิบล้านตัว เวลาฟักออกมาทีหนึ่ง มันเอามาขังไว้ ไม่รู้กี่สิบบ่อ
    อาจารย์ : คุณเป็นกุ้งกุลาดำใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : ทำไมถึงได้มาที่นี่ล่ะ ?
    วิญญาณ : มากับรถของมันน่ะสิ นี่กำลังจ้องมันอยู่
    อาจารย์ : เจ้าของรถชื่ออะไร พูดมาเพื่อเป็นหลักฐาน จะได้บอกเขา เจ้าของรถชื่ออะไร ?
    วิญญาณ : ไม่ใช่รถเขา ยืมเขามา
    อาจารย์ : ใครหรือ ?
    วิญญาณ : ก็ไอ้คนขับรถน่ะสิ
    อาจารย์ : คนขับรถชื่ออะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ไม่รู้จัก
    อาจารย์ : เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ?
    วิญญาณ : ผู้ชาย
    อาจารย์ : คุณตามเขามาจากไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : ก็ตามมาจากปลายทอน ฉันบอกอยู่นี่ไง
    อาจารย์ : นักเลงจัง เขาขับรถผ่านที่นี่ เขาจะไปที่ไหนกัน ?
    วิญญาณ : เขาไปที่บ้านผู้หญิงคนนี้ (ชี้ไปที่ร่างที่กุ้งอาศัยหลอดเสียงสนทนากันอยู่)
    อาจารย์ : ไปทำอะไรที่นั่นล่ะ ?
    วิญญาณ : ไม่รู้เรื่องอะไรของเขา
    อาจารย์ : วันนี้ วันศุกร์ที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๔
    วิญญาณ : คุณคอยดูนะ ฝั่งทะเลฝั่งนั้น เราจะโหมเข้าใส่ให้หมด ต้นมะพร้าวต้นไม้ใกล้ๆฝั่ง จะถอนลงทะเลให้หมดเลย คอยดูนะ
    อาจารย์ : เราจะถามว่า คุณมาได้อย่างไร พูดว่าวันนี้ วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ เวลา ๑๖.๓๐ น. โดยประมาณ ที่ผู้ชายคนนั้นไปที่บ้านร่างใช่ไหม ?
    ญาติธรรม : เขาไปตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว
    อาจารย์ : อ๋อ! เขามาตั้งแต่ตอนเที่ยงหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่แล้ว อยู่ข้างนอกใต้ต้นชมพู่น่ะ
    อาจารย์ : ทำไมไม่เข้าไปในบ้านล่ะ ?
    วิญญาณ : เข้าไม่ได้
    อาจารย์ : เพราะอะไร ?
    วิญญาณ : เขามีกำแพง มีลวดหนามทั้งนั้น เข้าไปได้ยังไงล่ะ ?
    อาจารย์ : ตกลงว่า คุณเข้าไปไม่ได้ คุณมาตั้งแต่ตอนเที่ยง ตามผู้ชายคนนั้น ที่ว่ามาจากปลายทอนใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : ชื่ออะไรล่ะ ? (หันไปถามญาติธรรม)
    ญาติธรรม : รู้จักแต่น้าชัยจิ้นคนเดียว ผู้ชายสองคนนั้นไม่รู้จัก
    อาจารย์ : ตามคุณชัยจิ้น หรือตามคนไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : เราอยู่กันบนรถ
    อาจารย์ : ทำไมถึงอยู่บนรถล่ะ ?
    วิญญาณ : กระโดดเกาะพวกมันมาน่ะสิ นั่งกันเต็มไปหมด หลังรถพวกเราทั้งนั้นเลย
    อาจารย์ : วิญญาณกุ้งที่มาร้องเฮฮากันมั๊ยล่ะ ?
    วิญญาณ : ไม่เฮฮาหรอก กำลังจ้องอยู่น่ะสิ ถ้าหากว่ามันกินเหล้าสักหน่อยนะ เสร็จเราแน่ ให้รถชนเสาไฟฟ้าเสียเลย
    อาจารย์ : คุณจะทำอย่างไร ถ้าเขากินเหล้า คุณจะทำให้ชนเสาไฟฟ้าได้ยังไงล่ะ ?
    วิญญาณ : ก็หักพวงมาลัยรถไงล่ะ เสาไฟฟ้าเยอะแยะไปหมด
    อาจารย์ : มีแรงไหมล่ะ ที่จะหักพวงมาลัยรถน่ะ ?
    วิญญาณ : เยอะแยะ พวกเรามากันเต็มรถเลย
    อาจารย์ : เป็นพันหรือเป็นหมื่นวิญญาณ ?
    วิญญาณ : ฮึ! แสนกว่า

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2011
  2. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    อาจารย์ : นี่! บอกพวกคุณเถอะ ว่าอย่าพยาบาทเขาเลย มาที่นี่นะ มารับบุญเถอะ ที่มากันเป็นแสนๆ พวกเขาอยู่ที่ไหนกันล่ะ ?
    วิญญาณ : พวกเราติดรถกลับไปแล้วล่ะ
    อาจารย์ : คุณลงมาที่นี่คนเดียวหรือ จะเอาพลังที่ไหนมาสู้?
    วิญญาณ : ลงมาเยอะ หลายร้อย
    อาจารย์ : ที่ลงมาหลายร้อยตัวนะตอนนี้อยู่ที่ไหนละ ?
    วิญญาณ : อยู่หน้าบ้าน ต้นชมพู่โน่น
    อาจารย์ : ทำไมไปอยู่ตรงนั้นล่ะ ?
    ญาติธรรม : ทำไมไม่เข้ามาให้หมดล่ะ ?
    วิญญาณ : มันต้องกลับไปอีก ไอ้คนนั้นน่ะ เราคอยมัน
    ญาติธรรม : เขาต้องกลับมาอีกหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่! พวกมันยังคุยกันไม่รู้เรื่อง
    อาจารย์ : ใครพูดไม่รู้เรื่อง
    วิญญาณ : ไม่รู้เรื่องอะไรของพวกมัน
    อาจารย์ : แล้วที่ตามเขามา เขาพูดเรื่องอะไรไม่ได้ยินหรือ ?
    วิญญาณ : ได้ยินว่า รถชนๆ น่ะสิ
    อาจารย์ : ทำไมถึงได้ชนล่ะ ไหนบอกเหตุผลหน่อยซิ พวกคุณอีกล่ะสิ ?
    วิญญาณ : ไม่ใช่พวกเราหรอก พวกเราไม่รู้เรื่องหรอกว่าชนเมื่อไหร่
    อาจารย์ : แสดงว่าไม่รู้ว่าใครทำ ?
    วิญญาณ : ไม่เกี่ยวกัน
    อาจารย์ : อ๋อ! เขามาเรื่องรถชนกันหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่น่ะสิ
    อาจารย์ : เอาล่ะ! เรารู้เหตุผลจุดมุ่งหมายของคุณแล้ว ทีนี้ถามว่า อดีตชาติคุณเป็นมนุษย์ คุณชื่ออะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ไม่ต้องรู้หรอก
    ญาติธรรม : บอกเถอะ จะได้ให้บุญ
    อาจารย์ : ได้บุญนะ เดี๋ยวคุยกันเรื่องที่ลงตัวได้
    ญาติธรรม : บอกเถอะ เข้ามาที่นี่ต้องบอก
    อาจารย์ : ตอนที่คุณเป็นมนุษย์ คุณชื่ออะไรล่ะ บอกเถอะ เราจะนำเป็นหลักฐานออกเผยแพร่
    ญาติธรรม : เราทำเป็นหนังสือคัมภีร์จิต คุณได้บุญนะ บอกหน่อยนะ เดี๋ยวเราให้บุญคุณเต็มที่เลย ชื่ออะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ชื่อ ก้อย
    อาจารย์ : ก้อยน่ะชื่อเล่น ชื่อจริงชื่ออะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : สุชาณี เมืองใหม่
    อาจารย์ : สุชาณี เมืองใหม่ อยู่ที่ไหนล่ะ ไม่ใช่คนที่นี่นี่นา ?
    วิญญาณ : อยู่สุราษฎร์น่ะสิ เมืองใหม่น่ะ ทำไมคุณไม่รู้จักล่ะ ?
    อาจารย์ : คุณเป็นอะไรตาย ?
    วิญญาณ : ตายนานแล้วล่ะ ตายมา ๒๐-๓๐ ปีแล้วล่ะ ตายตั้งแต่เมืองสุราษฎร์ยังไม่เจริญ
    อาจารย์ : ทำไมถึงตายล่ะ รีบตายจัง ตอนตายอายุเท่าไหร่ล่ะ ?
    วิญญาณ : อายุไม่มากหรอก
    อาจารย์ : ตอนนั้นคุณเป็นสาวรุ่นหรือยังล่ะ ?
    วิญญาณ : เป็นสาวรุ่นแล้ว ขายปลาอยู่
    อาจารย์ : มีแฟนไหม ?
    วิญญาณ : ยังไม่มี
    อาจารย์ : แล้วทำไมไม่มีล่ะ หาไม่ได้หรือ ?
    วิญญาณ : ไม่มีเวลาหา ต้องทำมาหากิน
    อาจารย์ : อืม! เหตุผลดี แล้วทำไมรีบตายล่ะ ทำไมไม่อยู่ต่อ ?
    วิญญาณ : ถูกรถชน
    อาจารย์ : รถอะไรชน รถเมล์หรือรถกระบะ ?
    วิญญาณ : รถกระบะชน เราขับรถมอเตอร์ไซค์ตอนใกล้สว่าง เราไปซื้อกุ้ง ซื้อหอยที่ตลาดล่าง
    อาจารย์ : คุณรู้ไหมว่าทำไมคุณต้องเกิดมาเป็นกุ้ง ไหนลองอธิบายมา ผมไม่ต้องพูดอะไร ?
    วิญญาณ : (แสดงอาการไม่พอใจ)
    อาจารย์ : เป็นอะไร คุณได้บุญนะ วันนี้ได้บุญ
    วิญญาณ : มันเจ็บ อย่าให้พูดเลย มันเจ็บ
    อาจารย์ : มันเจ็บตรงไหนล่ะ พอพูดถึงแล้วมันเจ็บตรงไหน เอ้า! ช่วยกันหน่อย ให้เขาหายเจ็บ ช่วยให้พลังที่หน้าผากจะได้หายเจ็บ
    วิญญาณ : ศีรษะน็อคพื้นน่ะ คุณรู้ไหมว่าฉันเจ็บ
    อาจารย์ : นี่ไง เรากำลังทำให้หายเจ็บ เอาล่ะ! รื้อฟื้นอดีต กลับไปสู่ชาติของสุชาณี…….
    วิญญาณ : โอ๊ย! เจ็บ
    อาจารย์ : ให้คุณหายเจ็บ ให้หายเป็นปกติ จะได้คุยกันไม่ต้องปวดศีรษะ ขอพลังบารมีพระแม่องค์ธรรม ขอพระองค์เมตตา ขอพลังจักรวาลช่วยวิญญาณกุ้งให้หายเจ็บปวด ไหนๆ เขาก็มาแล้ว เมื่อมาแล้วก็มาแสดงประจักษ์หลักฐาน เราต้องการเป็นข้อมูลสำหรับทำหนังสือคัมภีร์จิต ช่วยให้เขาหายที่ศีรษะ น็อคพื้นก็ขอให้หาย เป็นอย่างไรบ้าง หายหรือยัง ?
    วิญญาณ : ยัง หัวสมองเละ มันสมองไหล แล้วมันจะหายง่ายๆ หรือท่าน โอ๊ยเจ็บ (ร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน)
    อาจารย์ : เอาล่ะหายๆ ปิดภาพสมองเละเสีย รวบรวมมันสมองให้ เก็บใส่ในกะโหลกตามเดิมให้เป็นปกติ อย่าดิ้นนะ ทนนะ อาการดีขึ้นหรือยัง ?
    วิญญาณ : อย่าเพิ่งถามสิ บอกไม่ทัน มันเจ็บอยู่นะ ถามแบบไม่หายใจเลยนะ
    อาจารย์ : น่าเห็นใจ เอาล่ะ! เราให้พลังนะ ให้สุชาณีเป็นปกติเถิด เป็นอย่างไรบ้าง สดชื่นขึ้นมาบ้างไหม ?
    วิญญาณ : มันเหมือนจะลอย
    อาจารย์ : อะไรลอยล่ะ ตัวเบาแล้ว สบายแล้วล่ะ สมองที่เละเป็นปกติหรือยัง ?
    วิญญาณ : ตัวเบาเหมือนจะลอยเลย
    อาจารย์ : จะลอยไปไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : ไม่รู้ เบาไปหมดเลย
    อาจารย์ : ตัวกุ้งหรือตัวสุชาณีล่ะ เป็นอย่างไรบ้างล่ะตอนนี้ ?
    วิญญาณ : อ้าว! ก็คนเดียวกันนั่นแหละ
    อาจารย์ : ก็ตอนนี้กำลังฟื้นความจำตอนเป็นมนุษย์ไงล่ะ ?
    วิญญาณ : นี่ไงมันเบาไงล่ะ มันจะลอยแล้ว
    อาจารย์ : คุณไม่เจ็บแล้วใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : งั้นก็พูดเลยนะ ตกลงว่าแฟนยังไม่มี ใช่ไหม เมื่อสักครู่ เราถามถึงว่าทำไมคุณถึงได้เกิดมาเป็นกุ้ง พอถามถึงตรงนั้น คุณบอกว่าปวดศีรษะ แล้วคุณรู้มั๊ยว่า ทำไมคุณถึงได้เกิดมาเป็นกุ้ง คุณสุชาณีตอนใกล้สว่างขับรถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อกุ้ง เอาไปขายใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ไปซื้อมาขายที่ตลาดเกษตร ไปซื้อมาจากตลาดล่าง
    อาจารย์ : อาชีพของคุณสมัยนั้นขายกุ้ง ขายปลาแล้วขายอะไรอีก ?
    วิญญาณ : มีหมด ทั้งกุ้ง ทั้งปลาหมึก หอยแครง เป็นแม่ค้าขายของทะเล
    อาจารย์ : คุณไปซื้อที่ไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : ที่ตลาดล่างริมคลอง
    อาจารย์ : แล้วคุณก็เอาไปขายที่ตลาดเกษตรหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : นั่นก็คือเหตุที่คุณทำ มันก็เลยเกิดผล หลังจากที่คุณถูกรถชนตาย ไหนลองเล่าซิ เอาล่ะ! ไม่ต้องเล่าดีกว่า ไม่ต้องนึกถึง ภาพนั้นให้ผ่านไปเลย แล้วคุณไปที่ไหนต่อล่ะ วิญญาณของคุณไปไหน ?
    วิญญาณ : เขามาพาไป
    อาจารย์ : เขานะใครล่ะ นี่คุณจะได้บุญก็ตรงนี้ล่ะ คุณจะได้บุญมากหรือน้อยก็ตรงนี้ล่ะ เขาที่คุณว่าเป็นใครหรือ ?
    วิญญาณ : ข้างล่าง
    อาจารย์ : ข้างล่างใต้ถุนบ้านน่ะสิ ใครอยู่ใต้ถุนบ้านล่ะ ? (พูดล้อเขา เพราะว่าวิญญาณที่มาให้หลักฐานเกือบทั้งหมด ที่พูดว่าข้างล่างก็หมายถึงเมืองนรก เราจึงแกล้งหยอกดูว่า ข้างล่าง คือใต้ถุนบ้าน)
    วิญญาณ : นรกไงล่ะ (พูดกระซิบ)
    อาจารย์ : พูดดังๆ ก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก คุณพ้นจากที่นั่นมาแล้ว
    วิญญาณ : มันเสียว
    ญาติธรรม : ไม่ต้องเสียว มันพ้นมาแล้ว
    วิญญาณ : มันน่ากลัว น่าสยดสยอง อย่าลงไปเลยนะ
    อาจารย์ : แหม! ผมไม่ลงหรอก ผมขี้เกียจลงไป
    วิญญาณ : ทรมานจะตาย เจ็บไปหมด ที่เขาทำ ลงโทษเรา
    อาจารย์ : คุณอย่าข้ามขั้นตอนสิ เล่ามาก่อนว่า คนที่มาพาคุณไปน่ะ เป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร ?
    วิญญาณ : ทางการของนรกน่ะสิ
    อาจารย์ : ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ ?
    วิญญาณ : ผู้ชายสิ
    อาจารย์ : หน้าตาเป็นอย่างไรล่ะ แล้วเขาเรียกว่าอะไร ?
    วิญญาณ : หน้าตาดุ
    อาจารย์ : เขาเรียกชื่อว่าอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ยมทูต
    อาจารย์ : ชัดเจนแล้ว ยมทูตมีกี่คน ?
    วิญญาณ : ตอนนั้นมากัน ๒ คน
    อาจารย์ : หน้าตาเขาเป็นแบบไหนล่ะ หน้าขาวหรือหน้าดำ ?
    วิญญาณ : หน้าดุ เหี้ยม เขาตัวใหญ่ หน้าตาโหดร้าย เหมือนองคุลีมาลเลยละ
    อาจารย์ : คุณรู้ได้อย่างไรล่ะว่าเหมือนองคุลีมาล ล่ะ ?
    วิญญาณ : เคยอ่านหนังสือ เคยเห็นน่ะสิ
    อาจารย์ : เคยดูหนังหรือ ?
    วิญญาณ : เคยดู เมื่อก่อนเขาตัดนิ้วคน
    อาจารย์ : อ๋อ! เห็นจากในภาพยนตร์เรื่อง “องคุลีมาล” หน้าตาแบบนั้น ขาวคนหนึ่ง ดำคนหนึ่ง ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : ใครเดินนำหน้าคุณล่ะ ?
    วิญญาณ : คนขาวน่ะสิ
    อาจารย์ : คนดำถือสามง่ามเดินตามหลังใช่ไหม ?
    วิญญาณ : พอเถอะ ฉันเสียวจัง อย่าเล่าเลย พอแล้วนะ
    อาจารย์ : คุณจะเอาบุญไหมล่ะ ?
    วิญญาณ : เอาสิ ก็มาขอบุญอยู่นี่ไง คุณให้บุญฉันหน่อยสิ
    อาจารย์ : ให้แน่ แต่ว่าคอยอีกหน่อย
    วิญญาณ : คุณถามเยอะ ฉันกลัวนะ
    อาจารย์ : ไม่ต้องกลัวหรอก คุณไม่ต้องลงไปแล้ว คุณมาเป็นกุ้งแล้ว คุณจะไปไหนอีกล่ะ เพื่อเหตุผลอะไร คุณฟังนะ ให้คนรุ่นหลังเขาได้รู้ เขาจะได้ไม่กล้าทำผิด
    วิญญาณ : นรกมีจริง เราขอยืนยันไม่ได้โกหก มีจริงๆ
    อาจารย์ : แล้วเขาจะเชื่อหรือ ถ้าคุณไม่เล่าให้ละเอียด คุณต้องเล่าให้ละเอียด เมื่อสองคนนั้นมาพาคุณไป เขาพาไปไหน ?
    วิญญาณ : พาไปข้างล่าง พาไปชำระโทษ
    อาจารย์ : คุณช่วยเล่าให้ผมเห็นภาพได้ไหมว่า พาไปที่ไหน ?
    วิญญาณ : พาไปที่ถ้ำใหญ่ พาไปที่บัลลังก์น่ะสิ
    อาจารย์ : นั่นแหละ! ชัดเจนแล้ว มีใครนั่งอยู่บนบัลลังก์ล่ะ ?
    วิญญาณ : พญามัจจุราช พญายมไงล่ะ
    อาจารย์ : พญายมหน้าตาเป็นอย่างไร ?
    วิญญาณ : หน้าตาดุ
    อาจารย์ : คุณไปเจอแต่คนหน้าตาดุนะ ?
    วิญญาณ : เสียงท่านดังกังวาน ตัวใหญ่มหึมาเลย
    อาจารย์ : ตัวใหญ่แค่ไหน เท่าภูเขาได้ไหม ?
    วิญญาณ : เกือบเท่าเลยล่ะ
    อาจารย์ : ท่านพญายมแต่งตัวแบบไหน เราอยากรู้ ที่คุณเห็นท่านแต่งตัวแบบไหน ?
    วิญญาณ : แต่งตัวแปลกๆ มีอย่างนี้ อย่างนี้ (แสดงท่าให้ดูว่าสรวมสร้อยคอห้อยลงมา)
    อาจารย์ : เป็นสร้อยสังวาลทำมาจากอะไร ?
    วิญญาณ : ทำจากกะโหลก
    อาจารย์ : แขวนกะโหลกเลยหรือ เหมือนองคุลีมาล แขวนนิ้วมือน่ะหรือ ?
    วิญญาณ : ก็เราเห็นแบบนั้นนี่นา (ยืนยันย้ำกลัวเราจะไม่เชื่อ)
    อาจารย์ : เอาล่ะ! คุณเล่าตามที่คุณเห็นเป็นสายสร้อยไขว้กันสองเส้นใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่! ไขว้แบบนี้ (แสดงท่าให้ดู)
    อาจารย์ : แล้วใส่เสื้อไหมล่ะ ?
    วิญญาณ : ไม่ใส่เสื้อ
    อาจารย์ : ที่คุณเห็นท่านนุ่งผ้าอะไร ?
    วิญญาณ : ใส่ผ้า
    อาจารย์ : เขาใส่ผ้าอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ผ้านั้นออกสีมืดๆ
    อาจารย์ : สีมืดๆ ก็สีออกน้ำตาลใช่ไหม นุ่งโจงกระเบนหรือว่าใส่แบบไหน ?
    วิญญาณ : มันดูไม่ถนัด เพราะนั่งอยู่
    อาจารย์ : อ๋อ!เอาล่ะ ผ่านตรงจุดนั้น บนศีรษะล่ะ ?
    วิญญาณ : ฉันเห็นมีเขาบนศีรษะ
    อาจารย์ : เขาเหมือนเขาควายสองอันน่ะหรือ ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : แต่หน้าเป็นคน ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : เอาล่ะ! สองคนนั้นพาคุณไปที่บัลลังก์ของพญายม เมื่อไปถึง เขาให้ทำอย่างไร เขาบอกให้คุณคุกเข่าใช่ไหม ?
    วิญญาณ : เขาเอาสามง่ามแทงหลัง แล้วบอกให้นั่งลง อย่าเงยหน้า ให้ก้มหน้าดู แล้วให้ฟังเสียงท่านพญายม แล้วอย่าเถียงท่าน
    อาจารย์ : เขาสั่งแบบนั้นเลยนะ จากนั้นคุณก็นั่งตามคำสั่งที่ยมทูตสองตนนั้นบอกใช่ไหม คุณก็คุกเข่าใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ไม่คุกเข่าได้อย่างไรล่ะ เขาแทงหลังอยู่
    อาจารย์ : อ๋อ! เขาทิ่มหลังต้องคุกเข่า หลังจากคุณคุกเข่าพนมมือ ?
    วิญญาณ : ฉันไม่กล้าเงยหน้ามองเลย พอท่านพูดที ฉันก็สะดุ้งที เจ็บแก้วหูไปหมด
    อาจารย์ : เอาล่ะ! แล้วคำพูดแรกของท่านพญายมที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ คำแรกที่ท่านพูด คุณได้ยินไหมว่าท่านพูดว่าอะไร ?
    วิญญาณ : คำแรกที่ท่านพูด ท่านพูดว่า “รู้มั๊ยว่าตายแล้ว” ฉันตกใจเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นหน้าท่านฉันก็ตกใจต้องรีบก้มหน้า
    อาจารย์ : เล่าต่อไป
    วิญญาณ : ฉันกลัว เพราะเสียงท่านทำให้เจ็บแก้วหูไปหมด ก้องกังวานไปทั่วถ้ำ
    อาจารย์ : เสียงใหญ่สินะ คุณบอกท่านว่าอย่างไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ฉันก็เลยถามท่านว่า ฉันตายแล้วหรือ ท่านก็บอกว่า ใช่ ตายแล้ว ที่เขาพามาที่นี่ก็คือ นรก พอได้ยินคำว่านรกนะท่าน ฉันตัวอ่อนไปหมดเลย
    อาจารย์ : สะดุ้งวาบ มือเท้าอ่อนไปหมดเลยใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : กลัวนรกหรือ กลัวทำไมล่ะ ตอนเป็นมนุษย์ทำไมไม่กลัวล่ะ ?
    วิญญาณ : ใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องลงนรก ถ้ารู้ว่าลงนรก ฉันจะทำบาปทำไมล่ะ ?
    อาจารย์ : แล้วรู้ไหมว่า เลี้ยงกุ้ง ขายกุ้ง แกงกุ้ง กินกุ้งน่ะ ตกนรกนะ ?
    วิญญาณ : ไม่รู้น่ะสิ
    อาจารย์ : มารู้เอาตอนนั้นสินะ ? (ตอนที่ลงไปเมืองนรกแล้ว)
    วิญญาณ : รู้สึกเข่าอ่อนหมดเลย ตกใจเหมือนจะช็อคเลยล่ะ
    อาจารย์ : หมายความว่าจะเป็นลมเลยสินะ แล้วคำพูดที่สอง ที่ท่านพูด คุณตอบท่านมั๊ย ว่ารู้หรือไม่รู้ หรือว่านั่งเฉยๆ ?
    วิญญาณ : ตกใจ รู้แล้วว่าต้องตาย เพราะว่าคนที่คุมมา เขาเอาสามง่ามแทงเรื่อย
    อาจารย์ : เอาล่ะ! คุณตายแล้วนะ แล้วท่านพญายมพูดว่าอะไรอีก คุณบอกมาเลย ?
    วิญญาณ : ก็นั่นนะสิ ชื่อนั้น แบบนั้น เสร็จแล้วท่านบอกว่า...
    อาจารย์ : เล่าแบบนั้น ฟังไม่รู้เรื่อง
    วิญญาณ : แล้วจะให้เล่ายังไงล่ะ ?
    อาจารย์ : พอท่านพูดว่า คุณตายแล้ว ท่านก็บอกให้สุวรรณ สุวาร แบบนั้นใช่ไหม
    วิญญาณ : เขาให้ดูในกระจก เขาพาไปที่หน้ากระจก
    อาจารย์ : เขาให้คุณดูอะไร ไหนลองเล่าซิ ภาพที่คุณเห็น ?
    วิญญาณ : ให้เห็นเลยว่าตั้งแต่เป็นมนุษย์นะ ตื่นเช้าขึ้นมาทำอะไรในแต่ละวัน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ท่านบอกว่านี่ล่ะ ชั่งกุ้ง โกงกิโลเขา เราต้องไปใช้หนี้ ๑๐ กิโล
    อาจารย์ : ความหมายก็คือ คุณต้องไปเกิดเป็นกุ้งให้ได้น้ำหนัก ๑๐ กิโลใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่แล้วล่ะ โอ๊ย! หลายอย่าง ปลาก็เหมือนกัน ฉันเชือดคอปลา เวลาเขาสั่งให้ทำ ฉันก็จะขอดเกล็ดให้เขา แล้วก็เอามีดเชือดคอปลา มีให้เห็นหมด ฉันก็เลยเถียงไม่ออก บอกไม่ถูกเลย
    อาจารย์ : พอเห็นภาพในกระจก ก็ต้องยอมจำนนต่อหลักฐานใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่! เป็นความจริงทั้งนั้นแหละ เพราะเราทำจริงๆ
    อาจารย์ : คุณก็เลยไม่เถียงใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ฉันเถียงไม่ออกหรอก ได้แต่ร้องไห้
    อาจารย์ : นั่นคุณยังดีนะ บางคนเถียงไม่ยอมรับว่าตัวเองทำผิด
     
  3. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    วิญญาณ : จะโกหกได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อภาพที่เรากำลังทำปลานะ มีให้เห็นอยู่
    อาจารย์ : เห็นเป็นคุณชัดๆ เลยนะ ?
    วิญญาณ : ใช่แล้วล่ะ แล้วจะโกหกได้อย่างไรล่ะ ?
    อาจารย์ : เอาล่ะ! หลังจากเห็นภาพการทำบาปในการขอดเกล็ดปลา ไปขายกุ้ง คุณทำอย่างนั้นอยู่กี่ปีล่ะ ?
    วิญญาณ : ทำอยู่ ๑๒ ปีแน่ะ
    อาจารย์ : ๑๒ ปีหรือ หลังจากคุณเห็นภาพนั้น ท่านพญายมพูดอะไรบ้างล่ะ ?
    วิญญาณ : ท่านบอกว่า ทำเขาไว้ เราก็ต้องไปให้เขาทำเหมือนกัน แต่ท่านบอกว่า ก่อนจะไปให้เขาทำ ต้องลงนรก ไปใช้กรรมแต่ละขุมก่อน ทำเขามาก่อนแล้ว ท่านถามว่าบาปทั้งนั้นที่ทำนะ รู้ไหม ?
    อาจารย์ : แล้วคุณตอบว่าอย่างไรล่ะ ?
    วิญญาณ : ตอบว่ารู้ แต่ต้องเลี้ยงครอบครัว เลี้ยงพ่อแม่ และต้องส่งน้องเรียนหนังสือ
    อาจารย์ : แล้วท่านพญายมว่าอย่างไรบ้าง พอคุณให้เหตุผลแบบนั้น ?
    วิญญาณ : ท่านไม่ยกโทษให้
    อาจารย์ : เขาบอกว่าอาชีพอื่นมีเยอะแยะใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ก็บอกท่านว่า จำเป็นต้องทำ เพราะว่าขายมาตั้งแต่รุ่นแม่ พอแม่ฉันแก่ตัวลง แม่หยุดขาย ฉันก็เลยต้องขายต่อ เพราะลูกค้าประจำก็เยอะ แล้วฉันจะหยุดขายได้อย่างไรล่ะ ?
    อาจารย์ : ก็เลยทำต่อไปถึง ๑๒ ปี พอลงไปในนรก ท่านพญายมให้เห็นภาพทั้งหมดแล้วหลังจากนั้น ท่านพญายมพูดว่าอะไรต่อล่ะจากนี้ไป ?
    วิญญาณ : ท่านก็ให้ไปรับโทษ ท่านบอกว่าเมื่อรับโทษเสร็จแล้ว ก็ต้องกลับไปเกิดเหมือนอย่างที่เราทำกับเขานั่นแหละ
    อาจารย์ : ท่านพญายมบอกว่าต่อไปนี้ จะพิพากษาแล้ว ท่านบอกแบบนั้นใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ให้ไปรับโทษไงล่ะ
    อาจารย์ : ท่านพิพากษาให้คุณรับโทษกี่อย่างล่ะ ที่คุณจำได้ รับโทษในนรก เล่ามาเลย ใกล้จะจบแล้ว เดี๋ยวให้คุณรับบุญกุศลให้เต็มที่เลย โทษฐานของการเชือดคอปลา เล่าเลย เล่าเป็นตัวอย่างสักหน่อยนะ ?
    วิญญาณ : เชือดคอปลานะหรือ เฮ้อ!
    อาจารย์ : เป็นยังไงล่ะ ?
    วิญญาณ : ยกให้ฉันไปเถอะ อย่าให้ฉันเล่าเลยนะ พอเถอะ
    อาจารย์ : คุณไม่เล่าก็ไม่เป็นไร ก็หมายความว่าตกนรก รับโทษเสร็จ ก็ขึ้นมาข้างบน คุณตกนรกเพราะเชือดคอปลา ขายกุ้ง ต้องไปเกิดเป็นกุ้ง ชดใช้เขา ๑๐ เท่า ที่คุณเล่าให้ฟัง ?
    วิญญาณ : คุณรู้ไหมล่ะ เชือดคอปลานะ ฉันต้องไปนอนบนแผ่นเลื่อน เหมือนกระดานเลื่อน พอนอนก็มีมีดมาตัดคอ
    อาจารย์ : เห็นไหม คุณเล่าแล้วไม่เป็นไร แล้วเรื่องขายกุ้งล่ะ เขาลงโทษแบบไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : ขายกุ้ง เวลาเขาสั่งให้ปอกกุ้ง ฉันต้องแกะเล็บตัวเองหลุดหมดเลย
    อาจารย์ : ไปนั่งฉีกในนรกนี่นะ ?
    วิญญาณ : ใช่แล้ว ดึงเล็บ เลือดไหลเต็มเลย พอดึงแล้วมันเจ็บไปหมด อยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง เล็บมันก็งอกมาอีก ก็ต้องดึงอีก ดึงไปไม่หยุดเลย
    อาจารย์ : จนตายแล้วฟื้น ตายแล้วฟื้นแบบนั้นสินะ แล้วอะไรอีก ?
    วิญญาณ : หลายอย่างนะท่าน
    อาจารย์ : ก็เห็นใจนะ ไม่ให้คุณเล่าแล้วล่ะ หลังจากนั้นคุณก็ขึ้นมา คุณไปตกนรกอยู่กี่ปีล่ะกว่าจะได้ขึ้นมา ?
    วิญญาณ : หลายปี จำไม่ได้ นานเลยล่ะ
    อาจารย์ : ขึ้นมาแล้วไปเกิดเป็นอะไรก่อนล่ะ ?
    วิญญาณ : จำไม่ได้แล้วล่ะว่าเกิดมาเป็นอะไรเป็นบ้าง
    อาจารย์ : เป็นปลา เป็นอะไรต่อมิอะไรบ้างล่ะ ?
    วิญญาณ : จำไม่ได้
    อาจารย์ : ชาตินี้ชาติสุดท้าย มาเป็นกุ้งอยู่ที่ปลายทอนนะ กี่ชาติแล้วล่ะ ที่เกิดเป็นกุ้งที่ปลายทอนนะ ?
    วิญญาณ : เพิ่งมาเกิดเป็นชาติแรก
    อาจารย์ : อ๋อ! ชาติแรก งั้นคุณก็เกิดเป็นกุ้ง หอย ปู ปลามาก่อนแล้ว คุณไปโกรธเขาเรื่องอะไรล่ะ นี่ผมจะคุยกับคุณว่า คุณโกรธคนกินกุ้ง คนเลี้ยงกุ้ง เพราะเหตุผลอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : มันไม่ให้บุญเราเลย ไม่ให้พบพวกเราเลย เอาแต่เงินอย่างเดียว
    อาจารย์ : สมัยที่คุณเป็นมนุษย์ คุณเคยให้บุญพวกเขาบ้างไหม ?
    วิญญาณ : ไม่เคย
    อาจารย์ : ไม่เคยใช่ไหม แล้วคุณลองนึกดูซิว่า บัดนี้ เมื่อคุณมาเกิดเป็นกุ้ง เมื่อเขาไม่ให้บุญ คุณจะโกรธเขาด้วยเหตุผลอะไร ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปโกรธเขา เพราะในอดีตคุณก็เคยทำแบบนั้น แล้วที่คุณบอกว่าจะรวมตัวกัน เอาพลังกุ้ง หอย ปู ปลาในทะเลไทย เพื่อจะให้เกิดคลื่น เล่นงานให้บ้านพัง น้ำท่วมนะ ก็เท่ากับว่าคุณสร้างบาปอีก คุณรู้หรือเปล่าล่ะ ?
    วิญญาณ : เขาคิดกันหลายคน ไม่ใช่เราคนเดียว
    อาจารย์ : นั่นคือวิญญาณพยาบาทที่ไม่เข้าใจกฎแห่งกรรม เข้าใจไหมล่ะ ในเมื่อคุณไม่เข้าใจกฎแห่งกรรม คุณก็สร้างบาปอีก เห็นไหมล่ะ มันมีเหตุมีผล วิญญาณพยาบาทเหล่านั้นนะ เวลานี้เป็นยุคโปรดสามโลก คุณเข้าใจไหม พระแม่องค์ธรรมเบื้องบนเมตตา จึงจัดให้มีการโปรดสามโลกครั้งยิ่งใหญ่ ให้กับสรรพวิญญาณทั้งหมด ให้วิญญาณทุกวิญญาณขึ้นข้างบน คุณก็ได้ขึ้นลานธรรมพระศรีอาริย์วันนี้ล่ะ ตอนเย็นเลย พอเรากรวดน้ำ ให้คุณขึ้นลานธรรมฯ ให้บุญแก่คุณเต็มที่เลยล่ะในวันนี้ ให้ขึ้นลานธรรมฯไปอยู่ที่นั่น ฟังธรรมจากพระศรีอาริย์ หลังจากฟังธรรมจากพระศรีอาริย์สักระยะหนึ่ง จิตของคุณผ่องใสบริสุทธิ์แล้ว คุณก็จะได้เข้ามาสู่ฝั่งของมนุษย์ มันมีอยู่สองฝั่งที่บนลานธรรมพระศรีอาริย์ ฝั่งของสัตว์เดรัจฉาน คุณต้องไปอยู่ที่นั่นก่อน หลังจากที่จิตใจของคุณงดงามดีแล้ว คุณสำนึกความในความผิดที่เคยทำมา และจะไม่ทำอีกต่อไปแล้ว คุณก็จะไปสู่ฝั่งของมนุษย์ได้ทันที
    วิญญาณ : ถ้าฉันไปแล้ว พวกเพื่อนๆ ของฉันไม่ว่าหรือ เอาตัวรอดคนเดียว ?
    อาจารย์ : เดี๋ยวผมจะจัดการเอง บริเวณนั้นพวกเขายังอยู่ใช่ไหม ที่ใต้ต้นชมพู่ ?
    วิญญาณ : ยังอยู่
    อาจารย์ : เดี๋ยวให้คนของผมไปเชิญพวกเขามาให้หมด ให้มาขึ้นลานธรรมพระศรีอาริย์ ถ้าหากคุณอยู่เพื่อที่จะล้างแค้น คุณก็จะมีบาป แล้วเมื่อไหร่คุณจะได้เกิดเป็นคนล่ะ แล้วตอนนี้ยุคโปรดสามโลก ก็มีเวลาจำกัด ถ้าคุณไม่ขึ้นลานธรรมตอนนี้ คุณก็ต้องเวียนเกิด เวียนตาย เป็นเดรัจฉานอีกนาน เป็นมนุษย์อีกนาน ไม่ได้พ้นจากความทุกข์ และเมื่อยุคโปรดสามโลกสิ้นสุด ประตูนรกปิด ก็หมายความว่าคนที่จะต้องลง ก็ลงได้ แต่คนที่อยู่ที่นรกไม่สามารถขึ้นมาได้อีก เมื่อถึงเวลานั้น ก็หมดโอกาส คุณเข้าใจไหมที่ผมพูดแบบนี้ ?
    วิญญาณ : เข้าใจ แต่กลัวเพื่อนๆ จะว่า
    อาจารย์ : อ้าว! แล้วจะทำอย่างไรล่ะ ?
    ญาติธรรม : ก็พาเพื่อนไปด้วยสิ
    อาจารย์ : ที่คุณมาแสดงหลักฐานครั้งนี้ ด้วยเหตุผลอะไรล่ะ ?
    วิญญาณ : เพื่อขอบุญไงล่ะ
    อาจารย์ : ใช่! คุณมาขอบุญ ในเมื่อเราบอกหนทางบุญให้คุณแล้ว เราบอกของดีให้แล้ว
    วิญญาณ : ก็คุณนะสิ
    อาจารย์ : ใช่! คุณก็ได้บุญไม่น้อย เพราะคุณเล่าอดีตชาติให้ฟัง ใช่ไหมล่ะ ตอนนี้วิญญาณพยาบาททั้งหมด เรากำลังเจรจาอยู่ กำลังคุยกับเขาอยู่ ว่าอย่าทำเลย เพราะมันไม่เป็นผลดี
    วิญญาณ : คุณต้องไปคุยที่โน่น
    อาจารย์ : เดี๋ยวผมส่งคนไปคุยแทน ผมจะส่งไปเอง
    วิญญาณ : ต้องไปที่โน่นต่างหากล่ะ
    อาจารย์ : ไปที่ไหนล่ะ ?
    วิญญาณ : ที่เขาเลี้ยงโน่น คุณคุยกับฉันไม่เป็นไร แต่ที่โน่นนะ พวกเรารวมพรรครวมพวกกันอยู่
    ญาติธรรม : พรุ่งนี้เราจะไป
    อาจารย์ : พรุ่งนี้เราจะไปกี่โมงล่ะ เอาธูปไปจุด ตำแหน่งตรงไหนล่ะที่อยู่กันเยอะนะ ?
    วิญญาณ : เยอะแยะเต็มไปหมดเลยที่นั่นนะ
    อาจารย์ : ไปคุยที่นั่น เขาก็ได้ยินกันหมดนั่นแหละ
    ญาติธรรม : บริเวณนั้นบ่อเลี้ยงกุ้งทั้งนั้นเลยล่ะ
    อาจารย์ : เราไปคุยอย่าให้ใครที่เป็นคนได้ยิน
    วิญญาณ : ที่นั่นมีมากกว่าสิบบ่อ เป็นร้อยๆ บ่อนะที่นั่นนะ
    อาจารย์ : เอาล่ะ! ผมไปที่ปลายทอน ผมจะประกาศให้ทุกวิญญาณที่ปลายทอนได้ยินให้ทั่วทั้งหมด ไม่ต้องไปทุกบ่อ แต่ไปที่เดียว ให้เขาได้ยินทุกบ่อ แบบนั้นดีกว่านะ ?
    วิญญาณ : ก็แล้วแต่คุณเถอะ
    อาจารย์ : ตอนนี้คุณก็เข้าใจแล้วสินะ ?
    วิญญาณ : เข้าใจ
    อาจารย์ : คุณโชคดีนะที่ได้มาที่นี่ เพราะไม่อย่างนั้น คุณก็ต้องตามไปล้างแค้นเขา คุณก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนานแสนนาน ตอนนี้ขึ้นลานธรรมพระศรีอาริย์แล้ว ส่วนที่เหลือเย็นนี้ เราจะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ ให้คนของผมไปเรียก ไปเชิญพวกของคุณมารับบุญนะ เขาอยู่ใต้ต้นชมพู่ใช่ไหม คุณเข้าใจดีแล้วใช่ไหม เดี๋ยวก็ออกไปรับบุญนะ ดีไหมล่ะ ?
    วิญญาณ : ดี
    อาจารย์ : คุณดูซิ ข้างหน้าสถานปฏิบัติธรรมมีอะไรอยู่ หันไปดูซิ ?
    วิญญาณ : อยู่กันเยอะแยะเลย
    อาจารย์ : อยู่กันเต็มไปหมดเลยหรือ คุณก็ไปอยู่ตรงนั้นนะ ไปเถอะ มีอะไรจะพูดอีกไหม แต่ว่าคุณต้องเลิกพยาบาทเขานะ เลิกแค้นนะ ?
    วิญญาณ : คุณให้ฉันไป ฉันก็จะไป แต่คนนั้นที่ฉันบอกว่าอยู่ที่โน่น (หมายถึงที่บ่อกุ้ง)
    อาจารย์ : ไม่เป็นไรๆ ที่อยู่ที่โน่น พรุ่งนี้เราไปเจรจา ไปคุยกับพวกเขา ว่าให้เลิกพยาบาทเขา เราไปชวนพวกเขาให้ขึ้นลานธรรมพระศรีอาริย์ให้หมด ส่วนที่ยังแค้นรุนแรงก็ไม่เป็นไร ต้องปล่อยเขาไป ไม่อยากได้ของดี แต่ว่าพรุ่งนี้ส่วนใหญ่คงมาหมดล่ะ ?
    วิญญาณ : ฉันจะบอกให้นะ ถึงแม้ว่าพวกฉันจะยอมแล้ว แต่ที่อื่นอีกล่ะ ?
    อาจารย์ : ที่อื่นก็ค่อยว่ากันไป
    วิญญาณ : ที่อื่นเขารวมตัวกันแล้วจะเป็นพายุ
    อาจารย์ : อืม! รวมกันทั่วภาคใต้ เราจะเปิดการเจรจา ทำความเข้าใจกับเขา พูดเหมือนกับที่พูดกับท่านนั่นแหละ เราเอาความจริงของจักรวาลไปบอกเขา
    วิญญาณ : นั่นล่ะ มันไม่ใช่ใกล้ๆ มันไกลก็จริง แต่มันก็ถึงนี่ล่ะ คุณต้องระวังลมนี้เอาไว้ มันจะมาทั้งลม ทั้งฝน กลางดึก คุณไม่รู้ตัว แก้ไขไม่ทัน บ้านไปทั้งหลังเลยล่ะ
    อาจารย์ : หมายความว่า กุ้ง หอย ปู ปลา เขาจะรวมพลังกันเป็นพายุใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่! เขาบอกว่า เขาขอบ้าง
    อาจารย์ : ขอจากใครล่ะ ?
    วิญญาณ : ขอคืนบ้าง
    ญาติธรรม : ขอคืนจากเจ้าของบ้าน ?
    วิญญาณ : ใช่แล้วล่ะ คุณให้ฉันไป ฉันก็จะไป แล้วคนอื่นอีกล่ะ ?
    อาจารย์ : พรุ่งนี้เราก็จะไปจัดการเร่งด่วน เราไม่ชักช้าให้เสียเวลา เปิดการเจรจา พูดความจริง ให้เขาเห็นจริง เพื่อให้สันติสุขเกิดแก่บ้านเมือง
    วิญญาณ : ที่อื่นอีกล่ะท่าน ไม่ใช่เฉพาะที่นั่น มันมีทั่วไปหมด ที่ริมทะเลไกลโพ้นออกไปอีกล่ะ ?
    อาจารย์ : ที่อื่นที่มีเยอะ ก็ชวนเขามาทุกวัน ชวนมาเยอะ เกือบหมดแล้วนี่
    วิญญาณ : คุณลองคิดดูสิ ที่อื่นคุณไปทุกวันเหมือนที่คุณพูดนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าเขาจะขึ้นหมดทุกวัน ไอ้ที่มันยังแค้นอยู่มันก็มี
    อาจารย์ : เข้าใจ เราก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้
    วิญญาณ : แล้วคุณอย่าโกรธนะ ถ้าเขารวมพลังทำอะไรนะ
    อาจารย์ : ไม่โกรธหรอก เราเพียงบอกความจริง ที่เป็นสัจจะให้เขาทราบ เขาเชื่อ ไม่เชื่อ เป็นความรู้สึกของอนุสัยในจิตญาณเขา เขาเชื่อก็เป็นผลดีกับเขา
    วิญญาณ : เพราะว่าต้องให้เขาบ้าง
    อาจารย์ : ที่นี่เราไม่คิดโกรธหรอก แต่สิ่งที่คุณคิดว่า ถ้าให้ทำเขาหมดตัว ………
    วิญญาณ : ฉันจะบอกตามตรงนะ ฉันมาในครั้งแรก ที่ฉันพูด ขอโทษนะ เพราะฉันแค้นจริงๆ เพราะพวกเรารวมตัวกันแล้วจริวงๆ
    อาจารย์ : เข้าใจ ไม่ว่าอะไรหรอก ที่คุณพูดมาก็ไม่ใช่ว่าจะหยาบคายอะไร
    วิญญาณ : ฉันเป็นคนพูดเสียงดัง ฉันก็เป็นแบบนี้ล่ะ
    อาจารย์ : ก็ไม่เห็นว่าจะหยาบคายเลย พวกเราเจอหยาบคายกว่านี้เยอะ
    วิญญาณ : เฮ้อ! (วิญญาณกุ้งถอนหายใจ)
    อาจารย์ : นี่ล่ะชีวิต คุณต้องเข้าใจนะ การเวียนว่ายตายเกิด เห็นมั๊ยล่ะ คุณเกิดเป็นคนแล้ว ต้องเกิดมาเป็นกุ้ง เป็นปลา หอย เราเคยกินเขา เคยทำเขาไว้มากเท่าไหร่ ต้องไปเกิดเพื่อชดใช้ทั้งหมด แต่คนส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจ จะไม่รู้เรื่องนี้มากนัก ถึงแม้ว่าจะเล่าให้เขาฟัง เขาก็ไม่เชื่อ เห็นไหมล่ะ เล่าให้เขาฟังเถอะว่า กินเข้าไปเถอะ กุ้ง หอย
    วิญญาณ : เออ! โง่กันทั้งนั้นเลยพวกที่ไม่เชื่อน่ะ
    อาจารย์ : ก็เขาไม่เข้าใจ จึงไม่เชื่อ จะว่าเขาโง่ก็ไม่ได้หรอก
    ญาติธรรม : เพราะว่าพวกเขากินมาตั้งแต่ ปู่ ย่า ตา ทวดแล้ว
    อาจารย์ : ใช่! เขาก็บอกแบบนั้นล่ะ ก็เหมือนที่คุณคิดนั่นแหละว่า ในสมัยก่อนคุณก็เคยกินเขาเหมือนกัน
    ญาติธรรม : เมื่อแม่คุณขาย คุณก็มาขายต่อใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : เมื่อไปเป็นกุ้ง เป็นหอยเอง จึงรู้ใช่ไหม แล้วความแค้นก็เกิดเพราะเขากินเรา เขาไม่ให้บุญเรา เมื่อสมัยคุณๆ ก็ไม่ได้ให้บุญเขาเหมือนกัน และนี่ก็คือกฎแห่งกรรม เป็นกฎของฟ้าดิน กฎของจักรวาล เป็นกฎที่ตายตัว ทำแบบไหนก็ได้รับผลแบบนั้น เราทำเขา เขาก็ทำเรา เป็นวงเวียนกรรมไม่จบไม่สิ้น เพราะฉะนั้น เราตัดวงเวียนกรรมเสีย ตัดวัฏสงสารเสีย ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถตัดได้ เมื่อเข้าใจกฎของจักรวาล เราทั้งหลายที่ได้เข้าใจสิ่งเหล่านี้ เพราะบัดนี้เป็นยุคการโปรดสามโลก ฟ้าเมตตา เปิดเผยความลับฟ้าหลายอย่างที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน ที่คุณได้มาให้หลักฐานครั้งนี้ก็เพราะอยู่ในวาระการโปรดสามโลกนั่นแหละ ถ้าไม่มีการโปรดสามโลกคุณก็เวียนว่ายอยู่แบบนี้ ไม่มีที่สิ้นสุด และต้องทุกข์อีกยาวนานเท่าใดก็ไม่รู้ เข้าใจไหม ?
    วิญญาณ : เข้าใจ
    อาจารย์ : คุณมาได้รู้ได้เห็นชีวิต เมื่อคุณทิ้งกายสังขารแล้ว มาเห็นความจริง เห็นสัจธรรมของชีวิต แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ ?
    วิญญาณ : (ถอนหายใจ)….(คงนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร)
    ญาติธรรม : ทำไมหรือ ?
    วิญญาณ : กำลังคิด ฟัง
    อาจารย์ : ออกจากที่นี่ไปแล้ว คุณไปที่โน่น คุณได้ฟังธรรมต่อจากพระศรีอาริย์ พอคุณออกจากร่าง คุณก็ได้ยินเสียงเทศน์แล้วล่ะ ท่านก็จะพูดเหมือนที่ผมพูดนี่ล่ะ แต่ท่านจะพูดละเอียด และลึกซึ้งกว่า พอคุณขึ้นไปข้างบน คุณก็จะได้ฟังธรรมทุกวัน มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดให้ฟัง พระศรีอาริย์พูดให้ฟัง ให้คุณลืมเรื่องราวในโลกมนุษย์ ในอดีตที่คุณเคยเป็นให้หมด แล้วให้คุณตั้งใจฟัง แล้วคิดตาม ปฏิบัติตาม สำนึกในความผิดที่เคยทำ มันก็มีบ้างที่คุณต้องร้องไห้ แต่ก็จะทำให้จิตของคุณจะฟื้น
    วิญญาณ : ฉันเป็นห่วงเพื่อนว่าพวกเขาจะยอมไหม ในวันพรุ่งนี้ที่คุณจะไป
    ญาติธรรม : ยอม เพราะจิตของเขาก็เหมือนกับคุณ รู้ผิดรู้ถูก
    วิญญาณ : ใช่! แต่เขาก็มีผู้นำของเขาเหมือนกัน เป็นคนอันธพาลเลยล่ะ
    อาจารย์ : ผมก็จะพูดให้เหมือนกับที่พูดกับคุณ อันธพาลด้วยท่วงทำนองภายนอก แต่จิตภายในเขาก็รู้ถูกรู้ผิด เราให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เขา
    ญาติธรรม : ในเมื่อคณะเราไปช่วย ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปร่วมช่วยด้วย และเป็นภารกิจของทุกพระองค์เหล่านั้นอยู่ด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ยังไงเขาก็ต้องเชื่อ เพราะเขาก็อยากได้บุญเหมือนกัน
    วิญญาณ : ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก จะให้ไปอยู่ไหนล่ะ จะไปแล้วนะ ?
    อาจารย์ : จะไปแล้วหรือ ไปอยู่หน้าสถานปฏิบัติธรรม ที่มีลำแสงที่มีวิญญาณเยอะๆ คุณเห็นแล้วใช่ไหม ?
    วิญญาณ : เห็นแล้ว
    อาจารย์ : ตอนนี้ได้เวลา ให้คุณถอนญาณออก อย่าให้มีเศษญาณค้างอยู่นะ คุณรวบรวมจิต รวมพลัง ถอนออกไปเลย
    วิญญาณ : เวลาฉันไปคุณกดตรงนี้นะ (ตรงหัวใจ)
    อาจารย์ : ผมให้อีกคนกดให้ ได้ไหม ได้นะ ?
    วิญญาณ : กำหนด กด ดันให้เราด้วยนะ
    อาจารย์ : เดี๋ยวผมนับให้นะ ๑..๒..๓ เอ้า ถอนญาณเลย…



    --------------------------------------------------

    ขอบพระคุณเบื้องบนเมตตาและมูลนิธิชินบัญชรค่ะ
     
  4. chakra

    chakra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +46
    นรกสวรรค์มีจริง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ขออนุโทนา ครับ
     
  5. preecha909

    preecha909 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +114
    อ่านช่วงแรก แว๊บแรกคิดถึง ญี่ปุ่น กับ วาฬ

    ขอบคุณ ได้อะไรหลายอย่างมากมายเลย
     
  6. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    อุโมทนาสาธุ ครับ

    บ้านผมอยู่สุราษ อยู่ที่ตลาดล่างที่เดียวกันเลย ริมน้ำด้วย บังเอิญจริง

    ถ้าจะบังเอฺญอีก บ้านผม(พ่อแม่)ก็ทำอาชีพประมง โดยเฉพาะกุ้ง

    สาธุ สาธุ สาธุ เป็นธรรมทานดีแท้
    ขอให้บุญกุศล ที่ท่านได้มาเผยแพร่ กฏแห่งกรรม ใ้หแก่ทุกคนได้รู้
    ขอให้ท่านได้สำเร็จในบุญนั้น ถ้าท่านอยู่ในที่ทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้าท่านอยู่ที่สุข แล้วก็สุขยิ่งๆๆขึ้นไปด้วยผลบุญนี้ด้วยเทอญ
     
  7. worada panyawatcharapon

    worada panyawatcharapon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +77
    ถ้าใครที่กินเนื้อสัตว์อยู่ โปรดพยายามละลดลง เเต่ถ้าทำไม่ได้ โปรดแผ่บุญกุศลให้กับ

    ชีวิตสัตว์เหล่านั้นที่คุณได้เคยกินด้วยนะคะ บางครั้งสิ่งที่เรามองไม่เห็น อย่าคิดว่าไม่มี

    นะคะ
     
  8. โคม

    โคม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    กำลังเลี้ยงอยู่เลย สยองงงเลยเรา
     
  9. เดินดง

    เดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +1,614
    เมื่อก่อนชอบกิน กุ้งกับปลาหมึกมาก พอได้สามี เป็นมังสวิรัต ต้องทำกับข้าว เจ ให้สามีกิน เป็นหก เจ็ดปีแล้ว บางครั้งก็ซื้อกุ้งกับปลาหมึกมาทำกินคนเดียว แต่พอทำไปแล้วมันเหม็น กินไม่ได้ เลยเลิกไปโดยปริยาย เวลาไปซื้อของในตลาด ผ่านที่ขายเนื้อสัตว์ รู้สึกเจ็บกระเพาะ ก็เลยกำพระที่ห้อยคอ แล้วแผ่ส่วนกุศุล ให้กับซากสัตว์เหล่านั้น
     
  10. เดินดง

    เดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +1,614
    แล้วก็เรื่องที่ ญี่ปุ่นฆ่าปลาวาฬ เขาไม่ได้ฆ่าแต่ปลาวาฬ มัน(ขอใช้คำว่ามัน) ฆ่าทุกปลา แม้กระทั่ง โลมาที่น่ารัก ไม่รู้ใครได้ดู เรื่องนี้หรือเปล่า เป็นเรื่องจริง ฝรั่งคนนึง รวมกับเพื่อน ของเขาหลายๆคน แอบเอากล้อง ไปติดตามภูเขาชายฝั่งทะเล แล้วก็ทำเป็นบอลลูนรูปวาฬ ลอยขึ้นไปตรงที่พวกมัน เอาโลมาไปขังไว้ เพื่อรอเวลาฆ่า เอากล้องไปไว้ใต้ทะเล ที่ขังโลมาด้วย แล้วเวลาที่มันฆ่า เหมือนหอกหรือฉมวก แทงตัวโลมา กล้องทุกตัวจับภาพไว้ทุกมุม ดูแล้วหัวใจแทบสลาย ก็เลยไม่ค่อยตกใจ ที่เห็น ญี่ปุ่นโดนภัยธรรมชาติเล่นงานอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้สมน้ำหน้า แต่ภาวนาให้เขาสำนึกได้ เราคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะหาดูได้ใน พี่กูเกิ้ล ญี่ปุ่นฆ่าโลมา ลองหาดู
     
  11. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,428
    ค่าพลัง:
    +33,493
    อนุโมทนาสาธุค่ะ เป็นบุญทื่ได้อ่าน สาธุ
    ขอคัดลอกไปให้ผู้่อื่นอ่านเพื่อเป็นธรรมทานนะคะ
     
  12. marineboy51

    marineboy51 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2007
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +46
    ผมก็ทำงานฟาร์มกุ้งมา 7 ปี ตอนนี้ลาออกแล้ว ก็สบายใจขึ้นเยอะ เพราะการเลี้ยงกุ้งนั้นแทบทุกขั้นตอนต้องมีการฆ่า ช่วงเตรียมน้ำก่อนเลี้ยงก็ต้องกำจัดสัตว์อื่นที่เป็นศัตรูกุ้ง หรือพวกพาหะนำโรค เช่น ปลา ปู หรือกุ้งชนิดอื่น ใช้คลอรีนบ้าง กากชาบ้าง สารกำจัดพาหะ(พวกไตรคลอฟอน)เวลาลงสารพวกนี้ไป เห็นปลาเล็กๆ(พวกปลาบู่แคระ)พากันดิ้นกระเสือกกระสนขึ้นมาเกาะขอบบ่อ เพื่อหนีให้พ้นจากน้ำที่มีสารพิษ ช่วงปล่อยกุ้งลงเลี้ยงแล้วถ้ามีการติดเชื้อโรคบางชนิดเช่น ตัวแดง หัวเหลือง บางทีก็ต้องฆ่าทิ้งทั้งบ่อ ทั้งกุ้งที่เป็นโรค และตัวที่ยังไม่เป็น เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค พอถึงช่วงจับกุ้ง ก็จะต้องเอาอวนลากกุ้งมารวมกันแล้วตักขึ้นจากอวนด้วยตะกร้า ซึ่งกุ้งในอวนจะต้องแออัดยัดเยียดกันมาก บางตัวก็ตายตั้งแต่ยังอยู่ในอวน ส่วนตัวที่ไม่ตายก็จะถูกนำมาเทใส่ถังหลอด (ถัง200ลิตรที่เป็นพลาสติก สีน้ำเงิน)จนเต็มเพื่อลำเลียงไปลานคัด ที่ฟาร์มผมใช้รถ วีโก้ บรรทุก รอบนึงก็ใส่ได้ 6ถัง กุ้งที่โดนเทลงไปอยู่ก้นถังจะเป็นอย่างไรคงไม่ต้องพูดถึง ไหนจะโดนทับ ไหนจะขาดอากาศหายใจ พอไปถึงลานคัดก็จะเอากุ้งในถังหลอดเทลงในถังน๊อคน้ำแข็ง วึ่งมีน้ำที่แช่น้ำแข็งไว้ เย็นมาก เพื่อรักษาความสดของกุ้ง แต่ละขั้นตอนมีแต่ความทรมานนะครับว่ามั๊ย ผมเองถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกคงไม่เข้ามาทำ เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พออายุมากขึ้นก็เริ่มมาคิดถึงเรื่องเวรเรื่องกรรม เลยตัดสินใจลาออกดีกว่า แต่ก็ไม่กล้าพูดกับคนในวงการเลี้ยงกุ้งแบบนี้หรอกครับ กลัวเขาหมั่นไส้เอา ทุกวันนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้กุ้งหอยปูปลาที่เคยเบียดเบียนเขามาตลอดครับ และก็คิดว่าจะไม่กลับไปทำอาชีพด้านนี้อีกแล้วครับ
     
  13. นภัสดล

    นภัสดล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +433

    สาธุขออนุโมทนาในธรรมทาน และทุกกุศลจิต ...

    ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก่อนกินก็จะอุทิศส่วนบุญกุศลให้เสมอ
     
  14. nyingja

    nyingja สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +17
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    สาธุขออนุโมทนาในธรรมทาน และทุกกุศลจิต ...

    หากจำเป็นต้องกินจริง ๆ ก็จะอุทิศส่วนบุญกุศลให้เสมอ
     
  15. Zintellar

    Zintellar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    423
    ค่าพลัง:
    +143
    อนุโมทนาสาธุขอเอาไปเผยแพร่ต่อ แล้วเราก็ต้องเปลี่ยนมากินผักหรอครับในเมื่อเราก็สร้างกรรมให้ตัวเองแท้ๆ
     
  16. Zintellar

    Zintellar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    423
    ค่าพลัง:
    +143
    โดยปกติเริ่มมาได้ไม่นานมานี้เป็นหลายอาทิตย์แล้วจะไม่กินเนื้อพวกสัตว์ใหญ่เลย จะกินก็แต่ปลา กุ้ง แต่ก็อุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์ที่เรากินหรือทำร้ายให้ทุกวันอยู่นะแต่มันคงไม่พอ นอกจากเลิกทำร้ายเขา
     
  17. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    อนุโมทาสาธุการในบทความดีเป็นธรรมทานนี้ด้วยครับ
    ผมเลิกไป 2-3 อย่างแล้ว สุดท้านตังใจจะทานมังสะวิรัต

    เวลาทำกุศลผมมักจะ แผ่กุศลให้สัตว์ทั้งหลายที่ข้าพเจ้ากิน เลือดเนื้อหนัง กระดุก
    เพื่อดำรงธาตุขนธืก้ดี เคยค้าขาย เบียดเบียนทั้งกายวาจาใจ ทั้งที่เจตนาก้อดี ขาดเจตนาก้อดี แก่สัตว์ทั้งหลาย ทั้งอดีตที่ผ่านมาและปัจจุบันก้อดี ขอท่านทั้งหลายได้รับกุศลที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้ทั้วทุกท่านด้วย

    ลองนำไปใช้ต่อท้านตำแผ่เมตตาประจวะน หรือหลังทำบุญก้อดีนะครับ แต่งขึ้นมาใหม่ก้อได้ อย่างน้อยผมคิดว่าทำไปแบบนี้เขาคงได้บบ้างไม่มากก้อน้อยครับ


     
  18. teeeeen

    teeeeen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +105
    อาชีพผมเลย เลี้ยงมาเจ็ดปีแล้วพรากชีวิตเขาเป็นพันล้านแล้วบาปหนัก แต่ก่อนก็เลี้ยงที่สุราษต้นปีก็ท่วมหนักเสียหายมากตอนนี้มาเลี้ยงที่เวียดนามต่อ กลัวพายุคลื่นทะเลครับตอนนี้ก็นกเตนกำลังเข้าอยู่แรงมาก ก็พยายามทำบุญนั่งสมาธิภาวนาให้เขา แล้วเปลี่ยนอาชีพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2011
  19. grosso

    grosso Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +59
    อนุโมทนาด้วยครับ ตอนนี้ผมเริ่มกินมังอาทิตย์ละวัน มาได้เกือบปีละ ขณะนี้ก็กำลังเพิ่มเป็น 2วันต่ออาทิตย์ จะทำให้ได้มากที่สุดนะครับ พอดีตัวผมเป็นคนทานผักไม่เก่งด้วยนะครับ
     
  20. aces

    aces เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +587
    ผมเพิ่งเคยลองอุทิศส่วนบุญกับแผ่เมตตาไปให้ปลาที่อยู่ในหม้อครับ
    ที่รอคิวโดนเชือดอยู่ เหมือนเขาจะรู้นะครับ ตอนผมเดินผ่าน
    พากันอ้าปากมาเอาอากาศที่ผิวน้ำ เสร็จแล้วก็ว่ายดิ้นไปมา
    พอผมอุทิศบุญกับแผ่เมตตาให้ เลิกดิ้นกันทุกตัวเลย
    ทุกตัวอยู่ในความสงบหมด ไม่รู้การทำของผมได้ผลหรือเปล่านะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...