สัมมาสติ และมหาสติ เพื่อความตื่นอย่างแท้จริง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย pra_TopSecret, 8 สิงหาคม 2010.

  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    พระท๊อปได้อยู่ไกล้หลวงปู่ ถึอว่ามีวาสนา

    นำธรรมหลวงปู่มาเผยแพร่บ้างสิ

    อนุโมทนาล่วงหน้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 สิงหาคม 2010
  2. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    รบกวนเรียนถามสักเล็กน้อย
    พระคุณเจ้า ท๊อปได้เคยแสดงธรรมให้หลวงปู่ทอง หรือไม่เจ้าค่า

    หากยังรบกวนพระคุณเจ้า ช่วยแสดงธรรมให้หลวงปู่ช่วยรับรองทีเถิด

    เพื่อ ประโยชน์เพื่อความสุขความเจริญธรรม และ
    มีสัมมาทิฎฐิของพระคุณเจ้าเองสืบไป
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    หลัก 4 อย่างสำหรับเดินตามรอยพระอริยะเจ้า

    การที่เรามาบวชในพระพุทธศาสนาเป็นการสร้าง เนกขัมบารมี คือออกจากบ้านมาจำศีล บำเพ็ญภาวนา เป็นการสร้างบารมีอันหนึ่ง ซึ่งเรามาเดินตามรอยของพระพุทธเจ้า และอริยะเจ้าทั้งหลาย เราจะต้องมีหลักอยู่ 4 อย่าง

    1.อุปนิสสะยะ คือ มีอาจารย์คอยแนะนำ

    2.อารักขะ คือ การรักษาอินทรีย์ การได้ยิน ได้เห็น ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส ได้คิด ต้องมีสติกำหนดตลอดเวลา เพื่อรักษาอารมณ์

    3.อุปะนิพัทธะ คือ ผูกจิตในสติปัฏฐานทั้ง 4 เอาสติไปกำหนดที่กาย เวทนา จิต ธรรม อุปมาเหมือนลิงไปจับต้นตาล 4 ต้น นายพรานยิงต้นที่ 1 ลิงไปต้นที่ 2 ยิงต้นที่ 2 ลิงไปต้นที่ 3 พอยิงต้นที่ 3 ลิงไปต้นที่ 4 พอยิงต้นที่ 4 ลิงไปต้นที่ 1 ซึ่งเหมือนจิต ไปๆ มา ๆ ดังนั้นถ้ายิงต้นใดต้นหนึ่งเลือกมาหนึ่งต้นแล้วยิงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพอลิงมันมาก็โดนยิงเอง ถ้าเราเอาสติไปตั้งที่เวทนาอยู่ตลอด สบาย ไม่สบาย เฉยๆ กำหนดอยู่ตลอดก็สามารถเข้าถึงธรรมได้

    4.ปลูกฉันทะความพอใจในธรรม ถ้ากำหนดด้วยความรักความเกียจเปรียบเทียบกับเอาข้าวกล้าไปปลูกที่หิน ข้าวกล้าก็จะไม่มีทางงอกงามขึ้นมาได้.
    ความต่าง
    ขอทำความเข้าใจให้แก่นักปฏิบัติ ในเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนา กับการเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 เหมือนกันหรือต่างกัน โดยเนื้อความไม่ต่างกัน ต่างกันตรงที่เขียนไม่เหมือนกัน

    การเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 เรียกว่าเจริญสติปัฏฐานสนั่นเอง การเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 มีขันธ์ 5 เป็นอารมณ์ ขันธ์มีอะไรบ้าง คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เราเจริญกายานุปัสสนาเอากายเป็นอารมณ์ กำหนดยุบหนอ พองหนอ เราเจริญเวทนานุปัสสนากำหนด ปวดหนอ เจ็บหนอ เมื่อยหนอ สุขหนอ เฉยๆหนอ นี่เราเวทนาเป็นอารมณ์ได้แก่เวทนาขันธ์นั้นเอง เราเจริญจิตตานุปัสสนา กำหนดคิดหนอๆ เราได้เอาวิญญาณเป็นอารมณ์ เราเจริญธัมมานุปัสสนา นิวรณ์ 5 ชอบ ไม่ชอบ ง่วง ฟุ้ง สงสัย เรียกได้ว่าเราเอาสัญญากับสังขารมาเป็นอารมณ์ เพราะสัญญาเป็นเจตสิกสังขารหมายเอาเจตสิกทั้งหมดเว้นโลภะ


    การที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ เราเจริญสติปัฏฐาน 4 ก็เรียกได้ว่าเราเจริญวิปัสสนามีสภาวะเสมอกัน รูปในสติปัฏฐาน 4 กับรูปในวิปัสสนาต่างกันที่ตัวอักษรเท่านั้นเองสภาวะนั้นเหมือนกัน เวทนาในสติปัฏฐานกับเวทนาในขันธ์ 5 เหมือนกัน เราเจริญเวทนาในสติปัฏฐาน 4 ก็ได้ชื่อว่าเราเจริญวิปัสสนาในขันธ์ 5 นั่นเองอันนี้เป็นตัวอย่าง ดังนั้นไม่ต้องสงสัย.
    คุณธรรมที่ทำให้เจริญ


    เวลาปฏิบัติ คุณธรรมที่จะเจริญหรือจะมีกำลังจะมีหลัก 3 อย่าง “อาตาปี สัมปะชาโน สติมา”

    1.อาตาปี คือ ทำให้เป็นปัจจุบันธรรม เวลาย่างขวาไปนี้ คือ จิตของเรากับเท้าให้ไปพร้อมกัน ห้ามเอาจิตไปก่อนและค่อยก้าว หรือเท้าก้าวไปก่อนแล้วค่อยเอาจิตตามไป ถ้าจิตไม่ได้ไปพร้อมกับเท้าจะเดิน 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมงก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าจิตกับเท้าไปพร้อมกันแล้วมีอินทรีย์แก่กล้าก็จะได้บรรลุธรรม เช่น พระองค์หนึ่งในพุทธกาล เดินจงกรมสามก้าวเท่านั้นก็ได้บรรลุธรรม เช่น พระองค์หนึ่งในพุทธกาล เดินจงกรมสามก้าวเท่านั้นก็ได้บรรลุธรรม เพราะการเดินของท่านเป็นปัจจุบันธรรม โพธิปักขิยธรรม เช่น มรรคมีองค์ 8 ศีล สมาธิ ปัญญา ก็อยู่ที่ปัจจุบันธรรมนี่แหละ

    2.สัมปะชาโน คือ ความรู้สึกตัว

    3.สติมา เมื่อรู้สึกตัวว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ สติก็จะมากำหนดทันทีกำหนดเพื่อให้ได้ปัจจุบันธรรม แล้วจะเกิด “วิเนยยะ โลเก อวิชชาโทมะ นัสสัง” คือ เอาความชั่วออกจากตน ไม่ควรเอาการล้างบาปลัทธิอื่นมาเป็นตัวอย่าง บางลัทธิเชื่อว่าจะล้างบาปได้ต้องไปอาบน้ำคงคา ถ้าเป็นอย่างนี้พวกปูพวกปลาที่อยู่ในน้ำคงไม่มีบาปติดตัว แล้วเราไม่ควรจะเอาลัทธิอื่นเป้ฯตัวอย่าง เอาพระพุทธเจ้าเป็นอย่าง การเอาสติมากำหนดนั้นจะนำเอาความชั่วออกจากตนได้ อวิชชา คือ ตัวโลภต้องเอาออกไป เมื่อโลภะเกิดให้กำหนดให้ได้ปัจจุบัน โทมนัสสัง คือ โกธรต้องเอาออกไปเมื่อโกธรเกิดให้กำหนดให้ได้ปัจจุบันธรรม ตัวโมหะทำไมไม่มีเพราะเมื่อสติอยู่ตัวโมหะจะไม่มีเปรียบเหมือนมีแสงสว่างอยู่แล้วความมืดก็จะไม่มี.

    สิ่งที่หาได้ยาก

    สมัยหนึ่ง ในพุทธกาลมีนาคที่เสื่อมใส ในพระพุทธศาสนามากได้แปลงกายแล้วมาบวช พอเวลานอนหลับได้กลายร่างเป็นนาค เมื่อเพื่อนพระภิกษุเห็นจึงเกิดความกลัว จึงได้ไปกราบทูลพระพุทธจ้า พระพุทธเจ้าได้เรียกมาสอบถามพอรู้ว่าเป็นพญานาค ก็ขอให้สึกไปก่อน เพราะนาคบรรลุธรรมไม่ได้ ดังนั้นพระพุทธองค์ทรงเทศนาว่า
    “กิจโฉ มนุสสะปฏิลาโภ กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตัง
    กิจจัง สัทธัมมัสสวนัง กิจโฉ พุทธานุมุปปาโท
    แปลว่า การได้เป็นมนุษย์นั้นยาก การได้มีชีวิตอยู่วันหนึ่งเป็นของหาได้ยาก การได้ฟังธรรม การปฏิบัติ ฟังเรื่องการหลุดพ้นเป็นของหาได้ยาก การที่จะมีพระพุทธเจ้าจะลงมาบังเกิดนั้นหาได้ยาก




    ธรรมบางตอน
    พระราชพรหมาจารย์(พระอาจารย์ทอง สิริมงฺคโล) วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร จ.เชียงใหม่
    เนื่องในโอกาสทำบุญครบอายุ 78 ปี 57 พรรษา
    วันที่ 21 กันยายน 2544
     
  4. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    เพราะพระคุณเจ้าต้องแจ้งแก่ใจว่า
    พุทธกาลหนึ่งๆ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้พระองค์เดียวเท่านั้น

    พระธรรมเทศนาที่เป็นมรดกในพระไตรปิฎก และพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ที่ตามประทีปแห่งธรรมที่พระพุทธเจ้า แสดงไว้ดีแล้วเพื่อเป็นเครื่องออกจากทุกข์ในสงสาร

    พระธรรมเทศนาทุกบท ทุกอักษร เป็นความจริง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    เมื่อปฎิบัติตาม ไม่ว่า ธรรมบทใดๆ มาตรแม้นแตกต่างตามจริตวิสัยบารมีของสัตว์ แล้ว

    ผลแห่งการปฏิบัติที่สุดมีเพียงรสเดียวคือพระนิพพาน

    ไม่ใช่วิสัยของพุทธบริษัท ๔
    ที่จะอิมโพรไวส์ขึ้นมาเองหรือใช้ความคิดสร้างสรรค์ว่าคิดค้นพบไม่เลียนแบบ
    ไม่ลอกเลียนใคร เป็นท่านเองที่ตรัสรู้เอง

    ขอพระคุณเจ้าตรึกตรองให้จงดี เจ้าค่า
    เรามีเมตตา ต่อกัน หาได้มีจิตมุ่งร้ายหมายขวัญแต่ประการใด เราต่างมีใจเพื่อสืบทอดพระศาสนา ช่วยกันตามประทีปธรรมให้ยาวนาน ถึงสัตว์ในอนาคตกาล เช่นเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2010
  5. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    พระท๊อป ทำหน้าที่เรียบเรียงหนังสือธรรมะจากหลวงปู่
    ไฟล์มีในเครื่องอยู่
    จะทยอยลงให้
     
  6. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ไตร่ถาม ธรรม จากหลวงปู่ และทุกข้อสงสัย อยู่ทุกเมื่อ
    สบายใจ คลายกังวลได้

    ในช่วงอยู่บนรถ พระท๊อป เปิดธรรมะหลาย ๆ อันให้ หลวงปู่ ฟังบ่อย ๆ
    ทั้งหลวงพ่อโพธิ์ศรี ...
    อ่านหนังสือให้หลวงปู่ฟัง ในบางครั้งบางคราว

    และจะปิดท้ายทุกครั้ง ด้วยคำถามว่า
    ถูกทางมั๊ยครับ หลวงปู่
    หลวงปู่ตอบว่า ถูกกกกก
     
  7. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    แท้จริง ความเข้าถึงธรรม ที่หลวงปู่ นำทางมากที่สุด คือ พุทธธาตุธรรม นี่แหล่ะ

    ลองมองกายทิพย์ท่านดี ๆ สิ
    จะเข้าใจ ว่าท่านคือใคร
    จะเข้าใจเหตุผลของหลวงปู่ จริง ๆ

    และจุดหมายสูงสุดของหลวงปู่

    และสำหรับเรื่องวิถี และแนวทางพุทธภูมิ
    หลวงปู่เมตตา ชี้แนะแนวทางอย่างอย่างเสมอมา
    สิ่งนี้ เป็นเรื่องที่พระท๊อป สนทนา กับหลวงปู่บ่อยที่สุด
    ขอท่านวางใจได้
    สบายใจได้


    ท่านไม่ใช่แค่วิปัสสนาจารย์
    และการสอนและการโปรดลูกศิษย์
    ของท่าน มันนอกเหนือความเข้าใจของเราทั้งหลาย

    กายทิพย์หลวงปู่
    สมันตรภัทรมหาโพธิสัตว์

    บอกได้แค่นี้
     
  8. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +2,670
    ลองดูนะครับท่าน ท่านลองงดเล่นเนตซัก2อาทิตย์ แล้วย้อนกลับมาอ่านกระทู้นี้ใหม่

    ผมว่ามีแต่คนหวังดีกับท่านทั้งนั้น บางท่านอาจจะพูดหนักไปบ้าง แต่ก็หวังดีต่อท่าน

    ผมว่าในเว็ป พลังจิตนี้คนดีๆเยอะมากครับ หลายๆท่านมีความรู้ทั้งทางโลกทางธรรม

    ความเป็นปึกแผ่นของพระพุทธศาสนา ก็ด้วยความเห็นที่ถูกต้องเป็นสัมมาฑิฐิของพุทธบริษัทสี่นี้แหละครับ

    อนุโมทนาความรู้จากทุกๆท่าน ครับ
     
  9. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ตอนนี้ พระท๊อป กำลังเรียน วิปัสสนาจารย์ ฝึกการสอบอารมณ์ กรรมฐาน กับหลวงปู่

    ทุกท่านในที่นี้ล้วนเป็น ครูอาจารย์ ของพระท๊อป โดยทั้งสิ้น

    ให้ได้ทราบ จริง ๆ
    ว่าสิ่งที่คนเข้าใจธรรมะ นั้นเป็นอย่างไร
    ทรรศนคติ ของหลายท่านที่แสดงไว้ที่นี้
    เป็นกระจกเงา (แบบนี้แหล่ะเรียกว่าธรรมะ เครื่องสะท้อน)

    สะท้อนให้เห็นความจริง ของ ชีวิตเรา
    ชีวิตเขา
    ความคิดเรา
    ความคิดเขา
    เพื่อเข้าใจเขา เข้าใจเรา

    เข้าใจวิถีการเป็นไปของแต่ละคน
    นี่เป็นบทเรียนอันประเสริฐ
    เป็นบิณฑบาตรอันล้ำค่า
    เป็นวิทยาทาน อันล้ำเลิศ สุดประเสริฐ
    จริง ๆ

    ขออนุโมทนากับท่านทั้งหลาย
    จักไม่ลืมบุญคุณ

    ขออโหสิทุกสิ่งที่
    หากได้ปรามาสล่วงเกิน ในสิ่งต่าง ๆ
    ทั้งกาย วาจา ใจ
    ไม่ว่าชาติใดภพใด
    กับท่าน ทั้งหลาย ณที่นี้

    ขอพวกท่านทั้งหลายโปรดยกโทษล่วงเกิน
    ทั้งหมดนี้
    ด้วยเทอญ

    ขออนุโมทนา กับ สรรพวิชา ทั้งหลาย
    ในที่แห่งนี้ด้วยเทอญ

    หลายวันมานี้ หลังจากได้สนทนาธรรมกับท่านอาจารย์กร
    หลวงปู่ ท่านตามดูสภาวะจิต พระท๊อปตลอด
    จนท่านหายห่วง ในหลาย ๆ เรื่องไปแล้ว

    และอยากขอแนะนำ
    หลาย ๆ ท่าน
    ให้ลองศึกษาแนวทางของ
    อาจารย์กร

    ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค
    และธรรม
    และพระสงฆ์

    อันเป็นที่พึ่งเหนือสิ่งใด เหนือชีวาของข้าพเจ้า

    ลาก่อน ท่านทั้งหลาย
    วาระของเรามีน้อยเหลือเกิน
    วาระทั้งหลายล่วงผ่านเลยมาแล้ว
    จึงขอ อำลาทุกท่าน
    ณ ที่นี้


    หากบุญสัมพันธ์ ยังมี
    โอกาสจะพบกัน คงไม่ยากนักแล

    เจริญพร สาธุการ
    ขอน้อมเคารพในองค์คุณ องค์ธรรม
    ของท่านทั้งหลาย
    ด้วยเทอญ

    Good bye......
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ขออโหสิทุกสิ่งที่
    หากได้ปรามาสล่วงเกิน ในสิ่งต่าง ๆ
    ทั้งกาย วาจา ใจ
    ไม่ว่าชาติใดภพใด
    กับท่าน ทั้งหลาย เช่นกัน

    แล้วจะไปสนทนาธรรมถึงหน้ากุฏิเลย หุหุ
     
  11. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    958
    ค่าพลัง:
    +1,699
    [​IMG]

    ไม่รู้มาตอนจบยัง ..
    อ่านไม่ไหว ไปนอนก่อนนะ ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2010
  12. ToPiCaL

    ToPiCaL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,475
    ค่าพลัง:
    +4,585
    หลวงปู่อะไรอ่ะครับ ที่พูดถึงกันอยากรู้
     
  13. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +1,163
    ธรรมะสวัสดีและขอบคุณครับ
    นิทานเซ็นเรื่องผิดบาปที่ใคร

    ศิษย์และอาจารย์เดินผ่านท่าน้ำริมทะเล เห็นชาวเรือกำลังจะนำเรือออกจากท่าเพื่อที่จะไปส่งผู้โดยสาร
    หลังจากเรือลงน้ำไปแล้ว ที่ชายหาดมี กุ้ง หอย ปู ปลา โดนทับตายเป็นจำนวนมาก ทำให้เห็นแล้ว รู้สึกน่าสงสารยิ่งนัก

    ลูกศิษย์ : ขณะที่ชาวเรือนำเรือออกไปนั้น ทำให้ กุ้ง หอย ปู ปลาแถวนั้นตายไปไม่น้อย ขอถามหน่อยว่า
    เป็นความผิดบาปของชาวเรือหรือผู้โดยสาร

    พระอาจารย์ : ไม่ได้เป็นบาปของชาวเรือ และไม่ได้เป็นบาปของผู้โดยสาร

    ลูกศิษย์ : ถ้าไม่ได้เป็นบาปของทั้งสองฝ่าย แล้วจะเป็นบาปของใคร

    พระอาจารย์ : ก็เป็นของเจ้านะซี

    พระอาจารย์พูดต่อว่า “ พุทธศาสนาแม้จะพูดถึงวัฏสงสาร แต่ในแง่ของคน เมื่อพูดในฐานะเป็นมนุษย์
    เรื่องราวบางอย่าง บางครั้งก็ไม่สามารถพูดให้ชัดแจ้งลงไปได้ ชาวเรือประกอบอาชีพนี้เพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้อง
    ผู้โดยสารจำเป็นต้องขึ้นเรือ เพราะต้องเดินทาง กุ้ง ปู โดนเรือกดทับ
    เพราะซ่อนตัวอยู่ในทราย นี่เป็นความผิดใคร ?

    กรรมเกิดจากจิต จิตไม่มี กรรมก็ไม่มี
    จิตไม่มี จะสร้างกรรมได้อย่างไร
    แม้จะมีบาปกรรม ก็เป็นบาปที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ
    แต่เจ้า สิ่งที่ไม่มีสร้างให้มี
    สร้างผิดถูกขึ้นมาเอง
    แล้วนี่จะไม่ใช่ผิดบาปที่เจ้าหรอกหรือ ?
     
  14. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +1,163
    หลวงพ่อชา ... " คนเลี้ยงไก่ " คนที่ 1 ทุกเช้าจะเอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ แล้วก็เก็บ "ขี้ไก่" ใส่ตะกร้ากลับบ้าน!! แล้วทิ้งไข่ไก่ให้เน่าไว้ในโรงเรือน เมื่อเขาเอาขี้ไก่กลับถึงบ้าน ทั้งบ้านก็เหม็นหึ่ง ไปด้วยกลิ่นขี้ไก่ !!! คนทั้งบ้านต้องทนกับกลิ่นเหม็น!!! คนเลี้ยงไก่คนที่ 2 เอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ เก็บ "ไข่ไก่" ใส่ตะกร้าเอากลับบ้าน เขาเอาไข่ไก่ลงเจียว กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้าน คนทั้งบ้านได้กินไข่เจียวแสนอร่อย ไข่ไก่ที่เหลือเขาก็เอาไปขาย แล้วได้เงินมาใช้จ่ายในบ้าน ทุกคนในบ้านมีความสุขมาก..... ในชีวิตของเรา พวกเรา เป็นคนเก็บ "ไข่ไก่" หรือ เก็บ"ขี้ไก่" เราเป็นคนเก็บ "ขี้ไก่" โดยเฝ้าแต่เก็บเรื่องร้ายๆ แย่ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราไว้ในหัวของเรา และมีความทุกข์ตลอดเวลาที่คิดถึงมัน!!! หรือเราเป็นคนที่เก็บ "ไข่ไก่" เราจดจำสิ่งที่ดีๆที่เกิดในชีวิตของเรา และมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงมัน!! คนเราส่วนใหญ่ชอบเป็นคนเก็บ "ขี้ไก่" เราถึงต้องเป็นทุกข์ตลอดเวลา เรื่องความเสียใจ ความผิดพลาด ความเจ็บใจ ฯลฯ มักจะติดอยู่ในใจของเรานานเท่านาน ถ้าเราอยากมีความสุขในชีวิต เลือกเก็บ "ไข่ไก่" กับชีวิต ทิ้ง "ขี้ไก่" ไปเถอะ ชีวิตของเราจะได้มีความสุขซักที
     
  15. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +1,163
    อั ญ ม ณี ข อ ง ชี วิ ต

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้น..
    ผู้คนอยู่กันด้วยอาชีพค้าขาย มีพ่อค้าวาณิช และเด็กหนุ่มมากมาย
    ต่างเดินทางออกไปหาประสบการณ์ในการซื้อขายสินค้า และร่ำเรียนวิชา
    ว่ากันว่า ที่ขอบชายแดนของดินแดนแห่งนั้น มีภูเขาสูงตระหง่านลูกหนึ่ง
    บนยอดเขามีชายชราที่เคยร่ำรวยมหาศาล แต่ในวันหนึ่ง
    เขากลับทิ้งทรัพย์สมบัติขึ้นไปอยู่กินอย่างเรียบง่ายบนภูเขา
    บ้างก็ว่าชายชรายังจะต้องมีสมบัติติดตัวอยู่มากมาย
    จึงอยู่อย่างสมถะบนเขาได้ บ้างก็ว่าเขาตายไปแล้ว
    บ้างก็ว่าวันหนึ่งเขาต้องทนไม่ไหว
    และลงมาเสพสุขยังพื้นดินเบื้องล่างในสักวันหนึ่ง

    เด็กหนุ่มคนหนึ่งมีชื่อว่าปาหัน เป็นลูกขอทานในเมือง
    เขาใฝ่ฝันจะร่ำเรียนวิชาเพื่อจะเป็นพ่อค้า
    และหลีกหนีให้พ้นการเป็นขอทานเที่ยวแบมือขอเศษเงินจากผู้คน
    เมื่อได้ยินเรื่องราวชายชราบนยอดเขา ปาหันเก็บเอาไปฝันในคืนหนึ่ง
    ว่าชายชราได้เรียกเขาไปพบภายในถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่บนยอดเขานั้น
    ชายชราแปลกหน้ามอบอัญมณีสีน้ำตาลวาวเจิดจรัสก้อนใหญ่ให้แก่เขา
    ปาหันยกอัญมณีนั้นขึ้นชูบนฟ้า ก็สามารถบดบังพระอาทิตย์ได้ทั้งลูก
    แสงของอัญมณีที่อยู่ในฝันเจิดจ้าจนปลุกปาหันให้ตื่นขึ้นมา
    เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นพร้อมกับความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน

    นี่คงเป็นนิมิตที่มาบอกว่าเราจะได้พบสมบัติล้ำค่าบนยอดเขา แน่ล่ะ
    เราไปขอสมบัติที่ชายชราไม่ต้องการแล้ว มาสร้างเนื้อสร้างตัวก็ได้นี่!!?

    ปาหันทำตามความคิดโดยไม่บอกกล่าวแก่ผู้ใด
    เขากล่าวอำลาพ่อเพื่อไปสร้างเนื้อสร้างตัว และเริ่มเดินทางขึ้นไปบนภูเขา
    วันแล้ววันเล่า ปาหันเดินทางจนถึงยอดเขา และพบกับชายชราผู้สงบนิ่ง
    เครื่องแต่งกายของเขามีลักษณะคล้ายนักบวช
    ในอากัปกิริยาที่สงบนิ่งของชายชราแฝงความร่าเริงมาในดวงตา และรอยยิ้ม



    สวัสดี เจ้าจะมาเรียนการปล่อยวางกับเราใช่ไหม?

    ปาหันไม่คิดจะร่ำเรียนวิชาอันใดบนยอดเขา เขาตอบปฏิเสธ

    เปล่าเลย ข้ามาขอสมบัติจากท่าน เอาไปสร้างเนื้อสร้างตัว
    ข้าฝันเห็นท่านมามอบอัญมณีให้แก่ข้า ข้าจึงมาเพื่อพิสูจน์ความฝัน?

    นั่นล่ะ เจ้ามาตามคำอธิษฐานของเรา?

    ชายชรายิ้มอย่างยินดี และเดินเข้าไปหยิบเพชรสีน้ำตาลเจิดจรัส
    สะท้อนอรุณรุ่งของพระอาทิตย์วิบวับ รูปพรรณสัณฐานเดียวกับในฝัน
    นำมายื่นให้กับปาหัน เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปรับอย่างตื่นตะลึง
    ชายชราทำท่าจะเชื้อเชิญให้เขาร่ำเรียนวิชาการปล่อยวาง

    ปาหันรีบปฏิเสธ และขอลากลับ

    ชายหนุ่มประคองเพชรเม็ดงามเอาไว้
    ต่อมาก็เริ่มหวาดระแวงผู้คนที่ตีนเขา ว่าจะมีใครมาเห็นแล้วแย่งชิง

    เราเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก....?

    เขาคิด และเริ่มพูดคุยกับตัวเองตลอดการเดินทางกลับไปยังผืนดินเบื้องล่าง

    ว่าแต่เราจะเอาเพชรเม็ดนี้ไปทำอะไรดีนะ ควรจะเอามันไปขายที่เมืองข้าง ๆ
    ด้วยราคาที่สูงที่สุด ไม่สิ เราจะกลายเป็นคนที่รวยเร็วเกินไป
    แล้วก็จะมีคนมาหลอกลวง เพื่อเอาเงินของเราไปอีกมากมาย
    หรือควรจะนำเพชรไปตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วค่อยๆทยอยขาย ว่าแต่ที่ไหนดีล่ะ
    ว่าแต่เอ...คนตัดเพชรอาจจะเกลี้ยกล่อมให้เราขายเพชรนั้นให้แก่ใครสักคน
    หรือไม่ เขาอาจจะบอกแต่แก่ผู้อื่นแล้วทุกคนก็จะมาแย่งชิงเพชรของเรา
    หรือเราจะเอาเพชรไปซ่อน... ว่าแต่ที่ไหนล่ะที่จะปลอดภัย
    เราคงต้องมาคอยระแวดระวังตลอดเวลา ว่าใครจะมาขโมย
    จะปรึกษาใครดีหนอ...ไม่สิ ขืนบอกใครเข้า
    ทุกคนจะมากลุ้มรุมแย่งเพชรไปจากมือเราทั้งหมด?

    ปาหันเริ่มกุมขมับ หยุดเดิน และคิดหาคำตอบอยู่จนค่ำ
    ในที่สุด เขาก็เดินหันหลังกลับ และปีนขึ้นไปบนยอดเขาใหม่

    เมื่อพบกับชายชราบนยอดเขาผู้ให้เพชรเม็ดงามแก่เขา
    ปาหันจ้องมองชายชราผู้ไม่มีร่องรอยของความยึดติด หรือเสียดายใด ๆ

    ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล บอกข้าเถิด วิชาปล่อยวางเป็นอย่างไร?

    ชายชรายิ้มละไม

    เจ้าได้เริ่มเรียนบทที่หนึ่งไปแล้ว...?
     
  16. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +1,163
    เรื่องก็มีอยู่ว่า ช่างไม้

    มีช่างไม้สูงอายุคนหนึ่งต้องการจะเกษียณตัวเอง
    ก็เลยบอกความต้องการดังกล่าวกับนายจ้างเกี่ยวความต้องการที่จะเกษียณ
    และใช้ชีวิตที่หรูหรากับภรรยา


    ซึ่งช่างไม้ก็บอกว่าเขาอาจจะเสียดายค่าจ้างที่จะได้รับ
    แต่เขาก็ต้องการที่จะเกษียณ

    นายจ้างก็บ่นเสียดายที่จะต้องสูญเสียช่างฝีมือดีไป
    แต่ก็ได้ขอร้องให้ช่างคนนี้ช่วยสร้างบ้านให้อีกสัก 1 หลัง
    ช่างไม้ผู้นั้นก็ตอบตกลง ครั้นพอบ้านสร้างเสร็จ
    ก็พบว่ามันไม่ใช่งานที่เป็นฝีมือของช่างคนนี้เลยแม้แต่น้อย

    งานที่ออกมาก็เป็นงานแค่เปลือกนอก(จอมปลอม)
    วัตถุดิบที่ใช้ก็ด้อยคุณภาพ
    มันช่างเป็นการจบชีวิตช่างฝีมือดีที่ไม่สวยหรูเลย
    และเมื่อนายจ้างสำรวจงานชิ้นนี้ของช่างผู้นี้
    นายจ้างก็ได้ยื่นกุญแจให้แล้วบอกกับช่างไม้ว่า
    "นี่คือบ้านของคุณ .......
    ผมขอมอบให้คุณเป็นของขวัญ"

    เมื่อช่างไม้ได้ยินเช่นนั้น
    ถึงกับตกใจและอุทานกับตัวเองว่า น่าละอายจริงๆ
    ถ้าเขารู้สักนิดว่ากำลังสร้างบ้านของตัวเองอยู่
    เขาก็คงตั้งใจสร้างให้ดีกว่านี้
    เช่นเดียวกับพวกเราที่กำลังสร้างชีวิตของตัวเราเองด้วยการสั่งสมสิ่งต่างๆวันละเล็กวันละน้อย


    และบ่อยครั้งที่เราไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการสรรสร้างชีวิตของตนเอง

    และเมื่อวันๆ หนึ่งมาถึงเราก็จะตระหนักว่าเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับ
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเป็นผู้สร้างขึ้นมาทั้งหมด


    และเมื่อถึงวันนั้นเรามักจะพูดเสมอว่าถ้าเราสามารถกลับไปได้

    เราจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น
    แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ .....
    เพราะพวกเราทุกคนก็คือช่างไม้

    ในทุกๆวัน พวกเรากำลังตอกตะปู, ปูกระดาน
    หรือแม้แตกำลังเลือกกำแพงให้กับชีวิตตัวเอง
    ดังคำพูดที่ว่า
    "ชีวิตก็คือสิ่งที่เราสร้างด้วยตัวเราเอง"
    ทัศนคติ และ ทางเลือกต่างที่พวกเราได้เลือกกันในวันนี้
    ก็เสมือนกับการสร้าง"บ้าน"
    (ชีวิต) ที่เราจะต้องอยู่กับมันให้กับตัวเอง .......
    ดังนั้นจงสร้างบ้านด้วยความฉลาด

    จงจำไว้ว่า
    "จงทำงานเหมือนกับว่าเราไม่ต้องการเงินทอง
    จงรักราวกับว่าเราไม่เคยเจ็บ
    จงเต้น(ร่าเริง)ราวกับว่าไม่มีใครจ้องมองอยู่"
     

แชร์หน้านี้

Loading...