สัมมาสังกัปปะ..การระลึกชอบ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เราโตมาคนละแบบ, 8 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ยอมรับครับว่าพลาด ไปกล่าวตัดตอนการสั่งสมสุตตะเข้า ไม่แก้ตัวอะไรต่อทั้งนั้น เรื่องอื่นให้เป็นไปตามเหตุปัจจัย ปฏิบัติดีแล้วก็โมทนาครับ จบ.
     
  2. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผมไม่ได้เฉย แต่ผมเห็นมันแยกส่วนกันออกจากกัน ระหว่าง ปิติ สุข เป็นส่วนหนึ่ง กับความพ้นจากการปรุงแต่งใดๆ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับใครๆใดๆ ทั้งนั้นส่วนหนึ่ง ซึ่งปิติ สุข ไม่กระเทือนถึงธรรมนั้นเลย เมื่อรู้ดังนั้นจึงรู้ว่า โง่จมโลกมานาน คนละเรื่องเลย
     
  3. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    เฉยไม่ได้ ผมกำลังขับรถอยู่บนถนน สิบล้อเยอะแยะ แถว ๆ แก่งคอย สระบุรี พอนะ มันแค่เป็นการเปิดโลกทัศน์บางอย่างกับผมแค่นั้น แค่จุดประกายให้รู้ว่าหลงอะไรมาบ้าง
     
  4. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    คุณใช้ถาษาไม่เคลียร์-มั่ว

    ของคุณยกมา "..ปิติสุขเป็นส่วนหนึ่ง กับความพ้นจากการปรุงแต่งใดๆ ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับใครๆใดๆ ทั้งส่วนหนึ่ง ..ซึ่งปิติสุขไม่กระเทือนถึงธรรมนั้นเลย.."
    :p เป็นข้อความที่มั่วมากขาดความรู้เรื่อง จิตรับรู้ได้ทีละอารมณ์ เมื่อจิตเสพ ปิติ สุข เขาก็รู้ด้วยตนเองในอารมณ์นั้นๆเรื่องธรรมดา.. มันเกี่ยวอะไรกับที่คุณยกมาอธิบาย ไม่กะเทือนถึงธรรม มีแต่ตรรกะ คารม ลอยๆไปมาไม่เข้าใจถึงปริยัติเลยครับ
     
  5. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    คุณพูดถูก เมื่อจิตเสพ ไม่ใช่ผมเสพ
     
  6. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    ยกมายิ่งลอยๆไปมาใหญ่เลย มั่วไปหมดครับ คุณต้องสู้ความจริงซิครับ การปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องน่าอายหากผิดไป..คุณกำลังหนีอะไรครับ อัตตาหรือครับ ท่าน tboon..เราไม่ได้มาทับถม เอาชนะกันนะครับ มาเผยแพร่-แลกเปลี่ยน ความรู้ ไล่เรียงเอาความจริงไม่ได้มาฆ่ากันให้อายหรือตายไปครับ
     
  7. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    พูดทำนอง จิตเหนือโลก อีกแล้วคุณไม่สบายนะครับคุณ tboon..ละอัตตาทิฏฐิซะครับ
     
  8. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +470
    วิมุติมี 5 แต่ที่ใช้ๆกันอยู่ หมายถึง มรรคผลครับ
    ส่วนพ้นความปรุงแต่ง ถ้าเอาตามสัจจะสอง เรียกว่าปรมัตถธรรม รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    รูปก็ธาตุสภาวะ เช่น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว …เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็เหมือนกัน
    ต่อให้เห็นละเอียดขนาดไหน เข้าอรูปฌาณ เหาะไปสุดขอบจักรวาลได้ ก็ยังเป็นของโลก
    ไม่กำหนดรู้” ”ก็ยังไม่มีสัมมาสมาธิ ยังแยกธาตุแยกขันธ์ไม่ได้
    ญาณขั้นต้นยังไม่มี วิมุติธรรมไม่เป็นคู่ ไม่มีทางเห็นหรอกครับ
    แนะนำพี่ศึกษาจากพระไตรปิฏกด้วย คำพูดมันได้ตรงกับสภาวะ
    ใช้สัจจะพิสูจน์คำของพระพุทธองค์ เดี๋ยวก็รู้ได้ด้วยตนเอง พอมีน้ำมีเนื้อบ้างครับ
     
  9. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    เอาเป็นว่า การเห็นนั้น จะอะไรก็ตามไม่จำเป็นต้องไปบัญญัติให้เขาหรอก ผมว่านะ เพราะบัญญัติเมื่อไหร่ก็คือกรูบัญญัติเอาเองอยู่วันยังค่ำ การเห็นนั้นเป็นสิ่งเฉพาะตน ช่วยคลายความหลงสมมุติได้ แต่ถ้าติดใจก็ว่ากันอีกเรื่อง ความจริงผมไม่ควรเอามากล่าวเล้ยยย เสียเวลาและฟุ้งซ่านกันไปเปล่าๆ ขอโทษที เหตุปัจจัยไม่เหมือนกันก็จะเข้าใจกันยาก ทางเดินจริงๆ ก็คือทางเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่าอยู่ตรงไหนติดอะไรกันอยู่เท่านั้นเอง
     
  10. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    จะข้ามบัญญัติ ก็คนปัญญาอ่อนนะซิครับ คุณTBOON..ไปกันใหญ่แล้ว คุณยังเป็นฆราวาสทำมาหากินนะครับ
     
  11. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    บางทีก็ต้องข้ามๆ การบัญญัติไปครับ เพราะบัญญัติไปก็โง่ตามเคย ยิ่งบัญญัติยิ่งโง่ ปัญญาอ่อน รู้ไม่จริงแน่นอน ติดสงสัยต้องเทียบเคียงกับตำรา คือรู้ไม่จริง อุตส่าห์ปฏิบัติมาจนญาณเกิดปัญญาเกิด แจ้งในทุกข์เพราะความหลงสังขาร อุปาทานในขันธ์แล้ว ยังจะมาเมาบัญญัติต่อมันไม่ใช่เรื่องแน่ พิจารณาดีแล้วก็ปฏิบัติไปเถอะครับ เหตุปัจจัยถึงพร้อมเดี๋ยวรู้เอง อย่าไปดูถูกดูแคลนคนอื่น มันจะเกิดโทษ ลดสัปปายะตัวเองเปล่าๆ เสียเวลาน่ะ อาหารที่ยื่นให้ แต่ผู้รับไม่มี อาหารนั้นจะกลับไปหาใคร.. มีสติกันสักหน่อยก็ดีครับพี่น้อง
     
  12. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +470
    พี่กล่าวว่าจะข้ามบัญญัติจากตัวเอง ดีแล้วครับ
    เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธองค์ ทำหน้าที่สืบต่อศาสนา
    เวลาจะพูดอะไร ไม่ต้องกลัวพระพุทธเจ้า พระไตรปิฏก
    ถ้ากลัวจะพูดผิดหรือเถียงกัน ก็ใช้คำของพุทธองค์ที่ท่านบัญญัติไปเลย
    ถ้ายิ่งรักษาคำของท่านโดยไม่เอาคำตัวเองไปปนได้อย่างที่พี่กล่าวไว้ จะยิ่งดีมาก
     
  13. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    การปฏิบัติธรรม ต้องอาศัย สัญญา-สมมุติ- บัญญัติ จากทางโลกเพื่อเรียนรู้-จดจำ ตำรา -พระไตรปิฏก เมื่อตนเองเข้าใจลึกซึ้งหรือสำเร็จแล้ว-พ้นแล้ว-ถึงจะวางหรือทิ้งบัญญัติ เพิกสมมุติได้เองตามคุณภาพของจิต..
    การละวางสมมุติ-เพิกสัญญา-มันเป็นสภาวะที่เกิดกับคนผู้บรรลุแล้ว สภาวะเขาบังคับ เกิดขึ้นเองทางจิต ไม่ใช่เราจะมาวางเขาได้ ..ยิ่งคุยคุณยิ่งแสดงธรรมเลอะเทอะ ขาดหลักวิชาการ เหตุผลก็สะเปะสะปะ ปนเปกันไปหมด คุณกลายเป็นคนดันทุรังตั้งแต่เมื่อใด ไม่เหมือน ท่านtboon คนก่อนที่ผมรู้จักเลย สาธุ
     
  14. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ฝากพระสูตรบทนี้ให้ปู่ฉับฉนดีก่าา

    ดูกรพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็น จักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟัง จักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบ จักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้ง จักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ดูกรพาหิยะ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล

    ดูกรพาหิยะ ในกาลใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใดท่านไม่มี ในกาลนั้นท่าน ย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

    สมาทานศึกษากันต่อไปน่ะครับ
     
  15. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :mad::rolleyes: คุณแกล้งรั่วนะคุณ TBOON..เอาหัวมาเป็นท้าย-เอาท้ายมาเป็นหัว ท่านพาหิยะนี่ท่านเรียนรู้มาขนาดไหนแล้ว สั่งสมสุตตะมาจนสุดท้าย พจ ท่านต่อยอดให้ด้วยญาณหยั่งรู้ การเกิด- การมาจากที่ไหน ด้วยกรรมอันใด ของเหล่าสรรพสัตว์
    :)ท่านจึงชี้จี้ไปยังที่ ท่านพาหิยะติดข้องอยู่-ทำให้ไม่บรรลุธรรมสักที ให้ใคร่ครวญธรรมบทที่ท่านยกมานะ จนบรรลุธรรม..
    :mad:คุณดันทุรังผิดอยู่เพื่อเอาชนะ แกล้งไม่รู้ ทำลายอัตตาซะครับ แล้วไปตั้งต้นหาความรู้ใหม่ ผมกัลยา ณ มิตร ของคุณนะครับ ไม่ใช่ศัตรู สาธุ
     
  16. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ไม่มีศัตรูหรอกปู่ ปู่ลองพิจารณาดูดีๆ จะเห็นว่าที่ยกมาเป็นเรื่องเดียวกัน อย่างปู่พยายามรู้ทันเมื่อเวลาผัสสะนั่นแหละ อย่างผมก็ตอนไปเห็น ไปแจ้งอะไรบางอย่าง บทนี้ท่านสอนตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะปู่ พระธรรมไม่มีของใครหรอกนะปู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...