สายสัญญา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย แมวหนุ่ม, 13 เมษายน 2013.

  1. กรุงเก่า

    กรุงเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +335
    เกี่ยวกับสายสัญญาในส่วนตรงไหนของเว็บนั้นหรือครับช่วยชี้แนะหน่อยครับ
     
  2. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ไม่ได้ดูที่เวปครับ ดูที่ตัวสมาธิของคุณแม่ชีพิมพาครับถึงจะเป็นสายสัญญา

    การที่คนเข้าสมาธิเห็นเจ้ากรรมนายเวร เกิดอาการต่างๆ นี้เกิดจากสัญญาทั้งสิ้น
    สัญญาว่าเป็นพ่อแม่พี่น้อง สัญญาว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร ทั้งสัญญว่าเป็นตัวเรา
    ของเรา เราชื่อนี้โคตรนี้ ฐานะแบบนี้เป็นต้น
    รวมไปถึงการนั่งสมาธิตัดบัญชีกรรมของท่านเจ้าหน้าที่ว่าเข้าสมาธิครั้งหนึ่ง
    ได้อารมณ์บุญเท่าใด ควรจะตัดกรรมให้กี่บัญชี เหล่านี้คือสัญญาครับ
     
  3. กรุงเก่า

    กรุงเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +335
    ขอบคุณครับ สัญญาที่คุณ จิ-โป พูดถึงนั้นก็เป็นไปตามที่ชาวพุทธทั่วไปเข้าใจครับ ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมสายสัญญาที่ผมพูดถึงครับ สายสัญญานำคำภาวนาว่า "สัญญานะ" มาใช้ตอนชุบตัวและขั้นตอนต่างๆ ญาติธรรมสายนี้มีกุศลกับองค์ห้าจึงมาพบมาเจอการปฏิบัติสายสัญญานี้ครับ เป็นสัญญากันทางกุศลเลยไม่เสียหายครับ

    ปฏิบัติแล้วก็ลุเวรลุกรรมได้โดยไม่ต้องมีสมาธิแบบท่านแม่ชีครับ คนละวิธีกันครับ
     
  4. naithammada

    naithammada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +283
    ขอเพิ่มเติมครับ

    ปฏิบัติได้ก็ปฏิบัติแต่อย่าหลง สิ่งสำคัญที่สุดยึดคำสอนองค์สมเด็จพระจอมไตร
    เพราะเป็นที่สุดแล้ว

    ขอบคุณทุกท่านครับ
     
  5. กรุงเก่า

    กรุงเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +335
    ขอบคุณครับผมยึดครับตามที่ท่านว่า ไม่ทำบาปทั้งปวง สร้างกุศลกรรมให้ถึงพร้อม ทำจิตตนให้ผ่องใส
     
  6. บัวใต้ตอ

    บัวใต้ตอ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +5
    ตามที่ได้ศึกษามานะครับ
    สายสัญญาก็เป็นวิธีการปฏิบัติธรรมอีกวิธีหนึ่งที่พระโพธิสัตว์ พระยาธรรมมิกราชราชาท่านทรงโปรดยั้งลงมาเพื่อให้มนุษย์ได้ปฏิบัติเพื่อให้เกิดเป็นสมาธิเกิดปัญญาเพื่อจะได้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรม
    การปฏิบัติของสายสัญญา
    1.การถวายพานบารมี ข้อพิจารณาเพื่อเป็นการถวายตัวฝากตัวในศาสนา เพื่อเป็นศิษย์เพื่อให้ครูบาอาจารย์ได้อบรมสั่งสอนนั่นเอง ก็เหมือนวิธีการทั่วไปที่เมื่อเราจะไปเรียนอะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโลกๆหรือทางธรรมเราก็จะมีการถวายตัวมอบตัวเป็นศิษย์กับครูบาอาจารย์นั้นๆ หรือเป็นการฝากตัวในศาสนา ซึ่งแต่ละครูบาอาจารย์ก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป
    2.การลงองค์พระธรรม ข้อพิจารณา เป็นการทำสมาธิอีกวิธีหนึ่ง เพราะจะมีการนำเอาเหล็กจารย์ไปจ่อที่จุดต่างๆแล้วเขียนแต่ละองค์ให้เสร็จโดยไม่มีการยกขึ้นก่อนจะเขียนเสร็จ ซึ่งถ้าเราไม่มีสติมีสมาธิแล้วก็จะเขียนผิดได้ และนี่ก็เป็นการฝึกสติด้วย และความพิเศษขององค์พระก็คือ แต่ละองค์พระธรรมก็คือญาณบารมีของพระผู้สำเร็จในแต่ละขั้นไป ถ้าจะพิจารณาแล้วแต่ละองค์ก็จะเหมือนพระผู้สำเร็จในธรรมแต่ละขั้นเมื่อเราลงครบตามบัญญัติเราก็จะสามารถสื่อคุณธรรมในห้องนั้นๆและพิจารณาธรรมนั้นได้ เปรียบเสมือนเรานั่งสมาธิเมื่อสมาธิเราสงบแล้วภูมิจิตที่สามารถสื่อต่อครูบาอาจารย์ได้ท่านก็จะมาสอนเราเทศน์โปรดเราได้ในสมาธิ แต่ใช่ว่าเราได้ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์แล้วเราจะบรรลุธรรมเหมือนท่านไม่ เราจึงต้องพิจารณาให้เข้าถึงธรรมนั้นๆด้วย เราจึงจะมีคุณธรรมในธรรมนั้นๆด้วย สายสัญญาก็เช่นเดียวกันหากเราปฏิบัติได้แล้ว ถึงบัญญัติแล้วก็จะมีองค์บารมีองค์นั้นๆรับรอง แต่ถ้าเราไม่พิจารณารู้ไม่เท่าหันไม่ทันองค์บารมีแล้วเราก็จะถูกองค์บารมีถอดถอนสัญญาคืนไม่รับรองตามเดิม แต่ถ้าเราพิจารณาในคุณธรรมแต่ละองค์แล้วรู้เท่าหันทันรับก็จะได้คุณธรรมในห้องนั้นๆ แแล้วจะได้องค์พระธรรมในขั้นที่สูงไปๆเรื่อยๆ เราก็พิจารณาในคุณธรรมห้องนั้นๆไปเรื่อยโดยไม่ยึดมั่นถือมั่นในคุณวิเศษใดๆจนกว่าเราจะเป็นผู้สำเร็จแล้วพระผู้สำเร็จทุกกระทรวงรับรอง คำเตือนองค์พระธรรมแต่ละองค์เหมือนผู้สำเร็จแต่ละองค์ท่านย่อมมีทั้งฤทธิ์และญาณปัญญา ฤทธิ์นั่นเกิดจากผลพลอยได้ของการปฏิบัติ แต่ท่านก็ไม่ได้หลงยึดมั่นในฤทธิ์นั้น ท่านพิจารณาเอาปัญญาเพื่อธรรม ท่านจึงเป็นผู้สำเร็จได้ เพราะฉนั้นขอเตือนนักปฏบัติทั้งหลายเราจะบรรลุเป้าหมายได้นั้นย่อมด้วยปัญญาใช่ฤทธิ์ไม่ ถ้าท่านรับรองแล้วเราควรที่จะพิจารณารู้ให้เท่าหันให้ท่านอย่าหลงฤทธิ์หลงเดช เราจึงจะสามารถพัฒนาและได้คุณธรรมในห้องต่อไปได้ จนถึงห้องพระนิพพาน
    3.การดับล้าง ข้อพิจารณา คนเรานั้นเกิดมาหลายภพชาติแล้วมีทั้งดีทั้งชั่วปะปนกันอยู่การดับล้างคือการฟอกฝนการซักฝอกจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ การดับล้างคือการประหัดประหารทำลายล้างธาตุอกุศลที่ค้างอยู่ในจิตด้วยใฟด้วยพลังจิตที่ขับธาตุเหล่านั้นให้ขึ้นมาบนฝ่ามือแล้วเผาไฟเสีย หลายท่านอาจสงสัยว่าเผาเพื่อะไรจะเกิดปัญญาได้อย่างไร การเผาออกนั้นเหมือนการทำความสะอาดสถานที่ในจิตใจเพื่อรองรับเอาญาณบารมี คุณธรรม ให้มาสถิตในใจเพื่อพิจารณาธรรมนั้น เหมือนการปฏิบัติที่พุทธองค์ทรงตรัสว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลคือการทำความสะอาดจิตใจให้บริสุทธิ์ เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้วสมาธิก็เป็นผลดี พอเป็นสมาธิแล้วการพิจารณาธรรมก็จะเป็นผลดี
    เมื่อเราดับล้างฟอกฝนกิเลสมารตัวนั้นแล้วได้พิจารณาธรรมในองค์พระธรรมแต่ละองค์จนลึกซึ้งแล้วเราก็จะเกิดการเบื่อหน่ายในกิเลสมาตัวนั้นแล้วก็ไม่ทำอีก
    4.การกรวดน้ำ ข้อพิจารณา เป็นการกรวดน้ำส่งให้ดวงจิตวิญญาณทั้งหลายตามที่ท่านทั้งหลายเข้าใจนั่นแหละครับ เมื่อเราดับล้างเอาธาตุธรรมอกุศลออกมาแล้วเราก็จะกรวดน้ำส่งให้เขาเหล่านั้นไปเกิดในภพภูมิใหม่ไม่ให้มาติดบ่วงวิบากของเราเพื่อให้อโหสิกรรมกันไป
    การกรวดน้ำใช่ว่าจะทำเฉพาะหลังดับล้างเท่านั้น ยังมีการกรวดหลังทำสังฆทานและอีกหลายๆอย่างตามเหตุตามปัจจัยของแต่ละอย่างไป
    นี่ก็เป็นวิธีขั้นต้นของสายสัญญาและสายสัญญาก็ยังมีอีกหลายวิธี เช่นวิธีการทำสังฆทาน การลงหลักปราบมาร การทะบารมี ซึ่งวิธีเหล่านี้เราก็ต้องปรึกษากับครูบาอาจารย์ เพื่อให้ท่านพิจารณาตามเหตุไป แต่วิธีการเบื้องต้นก็มีอยู่นี้ ถ้าต้องการศึกษาก็ควรที่จะศึกษากับครูบาอาจารย์ท่านแล้วใช้ปัญญาพิจารณาให้ถึงหลักของสายสัญญาจริงๆ อย่าศึกษาตามข้อความตามช่องทางเทคโนโลยีมากนัก เพราะในยุคนี้สายสัญญาที่นอกลู่นอกทางเยอะแยะมากมาย หลายคนหลายท่านนำสายนี้ไปใช้ในทางที่ผิด และพบเห็นมากมายด้วย ควรค่อยๆศึกษาไป อย่าด่วนตัดสินใจว่าอะไรผิดอะไรถูกเพราะหากว่าเป็นวิธีที่ดีแล้ว มันจะเป็นกรรมติดตัวซึ่งกรรมที่เราติฉินในธรรมคือความมืดบอดในธรรมน่ะครับ จะดีหรือไม่ดีก็ให้เป็นเรื่องของเวรกรรมเราอย่าไปตัดสินใจแทนวิบากเลยอย่าเอาตัวไปเกี่ยวข้องในเรื่องของกรรมผู้อื่นเลย เพราะเอาแต่วิบากตัวเองก็หนักพอตัวอยู่แล้วยังไปเอาวิบากที่ไม่ใช่ของตัวมาใส่ตัวแล้วเมื่อไรจะบรรลุคุณธรรมละครับ
    ตามที่ศึกษามาก็พอจะอธิบายเบื้องต้นให้เข้าใจไม่เข้าใจบ้างเท่านี้น่ะครับ หากข้าพเจ้าได้กล่าวผิดพลาดพลั้งประการใดก็กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยความจริงใจยิ่งนะครับ

    แต่เป็นคนละอย่างกับที่คุณ จิ-โป กล่าวถึงนะครับสายสัญยาที่ผมกล่าวมานั้นเป็นคนละสายสัญญากับแม่ชีน่ะครับ ของแม่ชีที่ได้เห็นจะคล้ายๆกับกับธรรมะเปิดโลกของวัดเขาสมโภชน์นะจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤษภาคม 2013
  7. บัวใต้ตอ

    บัวใต้ตอ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +5
    ตามที่ได้ศึกษามานะครับ
    สายสัญญาก็เป็นวิธีการปฏิบัติธรรมอีกวิธีหนึ่งที่พระโพธิสัตว์ พระยาธรรมมิกราชราชาท่านทรงโปรดยั้งลงมาเพื่อให้มนุษย์ได้ปฏิบัติเพื่อให้เกิดเป็นสมาธิเกิดปัญญาเพื่อจะได้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรม
    การปฏิบัติของสายสัญญา
    1.การถวายพานบารมี ข้อพิจารณาเพื่อเป็นการถวายตัวฝากตัวในศาสนา เพื่อเป็นศิษย์เพื่อให้ครูบาอาจารย์ได้อบรมสั่งสอนนั่นเอง ก็เหมือนวิธีการทั่วไปที่เมื่อเราจะไปเรียนอะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโลกๆหรือทางธรรมเราก็จะมีการถวายตัวมอบตัวเป็นศิษย์กับครูบาอาจารย์นั้นๆ หรือเป็นการฝากตัวในศาสนา ซึ่งแต่ละครูบาอาจารย์ก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป
    2.การลงองค์พระธรรม ข้อพิจารณา เป็นการทำสมาธิอีกวิธีหนึ่ง เพราะจะมีการนำเอาเหล็กจารย์ไปจ่อที่จุดต่างๆแล้วเขียนแต่ละองค์ให้เสร็จโดยไม่มีการยกขึ้นก่อนจะเขียนเสร็จ ซึ่งถ้าเราไม่มีสติมีสมาธิแล้วก็จะเขียนผิดได้ และนี่ก็เป็นการฝึกสติด้วย และความพิเศษขององค์พระก็คือ แต่ละองค์พระธรรมก็คือญาณบารมีของพระผู้สำเร็จในแต่ละขั้นไป ถ้าจะพิจารณาแล้วแต่ละองค์ก็จะเหมือนพระผู้สำเร็จในธรรมแต่ละขั้นเมื่อเราลงครบตามบัญญัติเราก็จะสามารถสื่อคุณธรรมในห้องนั้นๆและพิจารณาธรรมนั้นได้ เปรียบเสมือนเรานั่งสมาธิเมื่อสมาธิเราสงบแล้วภูมิจิตที่สามารถสื่อต่อครูบาอาจารย์ได้ท่านก็จะมาสอนเราเทศน์โปรดเราได้ในสมาธิ แต่ใช่ว่าเราได้ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์แล้วเราจะบรรลุธรรมเหมือนท่านไม่ เราจึงต้องพิจารณาให้เข้าถึงธรรมนั้นๆด้วย เราจึงจะมีคุณธรรมในธรรมนั้นๆด้วย สายสัญญาก็เช่นเดียวกันหากเราปฏิบัติได้แล้ว ถึงบัญญัติแล้วก็จะมีองค์บารมีองค์นั้นๆรับรอง แต่ถ้าเราไม่พิจารณารู้ไม่เท่าหันไม่ทันองค์บารมีแล้วเราก็จะถูกองค์บารมีถอดถอนสัญญาคืนไม่รับรองตามเดิม แต่ถ้าเราพิจารณาในคุณธรรมแต่ละองค์แล้วรู้เท่าหันทันรับก็จะได้คุณธรรมในห้องนั้นๆ แแล้วจะได้องค์พระธรรมในขั้นที่สูงไปๆเรื่อยๆ เราก็พิจารณาในคุณธรรมห้องนั้นๆไปเรื่อยโดยไม่ยึดมั่นถือมั่นในคุณวิเศษใดๆจนกว่าเราจะเป็นผู้สำเร็จแล้วพระผู้สำเร็จทุกกระทรวงรับรอง คำเตือนองค์พระธรรมแต่ละองค์เหมือนผู้สำเร็จแต่ละองค์ท่านย่อมมีทั้งฤทธิ์และญาณปัญญา ฤทธิ์นั่นเกิดจากผลพลอยได้ของการปฏิบัติ แต่ท่านก็ไม่ได้หลงยึดมั่นในฤทธิ์นั้น ท่านพิจารณาเอาปัญญาเพื่อธรรม ท่านจึงเป็นผู้สำเร็จได้ เพราะฉนั้นขอเตือนนักปฏบัติทั้งหลายเราจะบรรลุเป้าหมายได้นั้นย่อมด้วยปัญญาใช่ฤทธิ์ไม่ ถ้าท่านรับรองแล้วเราควรที่จะพิจารณารู้ให้เท่าหันให้ท่านอย่าหลงฤทธิ์หลงเดช เราจึงจะสามารถพัฒนาและได้คุณธรรมในห้องต่อไปได้ จนถึงห้องพระนิพพาน
    3.การดับล้าง ข้อพิจารณา คนเรานั้นเกิดมาหลายภพชาติแล้วมีทั้งดีทั้งชั่วปะปนกันอยู่การดับล้างคือการฟอกฝนการซักฝอกจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ การดับล้างคือการประหัดประหารทำลายล้างธาตุอกุศลที่ค้างอยู่ในจิตด้วยใฟด้วยพลังจิตที่ขับธาตุเหล่านั้นให้ขึ้นมาบนฝ่ามือแล้วเผาไฟเสีย หลายท่านอาจสงสัยว่าเผาเพื่อะไรจะเกิดปัญญาได้อย่างไร การเผาออกนั้นเหมือนการทำความสะอาดสถานที่ในจิตใจเพื่อรองรับเอาญาณบารมี คุณธรรม ให้มาสถิตในใจเพื่อพิจารณาธรรมนั้น เหมือนการปฏิบัติที่พุทธองค์ทรงตรัสว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลคือการทำความสะอาดจิตใจให้บริสุทธิ์ เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้วสมาธิก็เป็นผลดี พอเป็นสมาธิแล้วการพิจารณาธรรมก็จะเป็นผลดี
    เมื่อเราดับล้างฟอกฝนกิเลสมารตัวนั้นแล้วได้พิจารณาธรรมในองค์พระธรรมแต่ละองค์จนลึกซึ้งแล้วเราก็จะเกิดการเบื่อหน่ายในกิเลสมาตัวนั้นแล้วก็ไม่ทำอีก
    4.การกรวดน้ำ ข้อพิจารณา เป็นการกรวดน้ำส่งให้ดวงจิตวิญญาณทั้งหลายตามที่ท่านทั้งหลายเข้าใจนั่นแหละครับ เมื่อเราดับล้างเอาธาตุธรรมอกุศลออกมาแล้วเราก็จะกรวดน้ำส่งให้เขาเหล่านั้นไปเกิดในภพภูมิใหม่ไม่ให้มาติดบ่วงวิบากของเราเพื่อให้อโหสิกรรมกันไป
    การกรวดน้ำใช่ว่าจะทำเฉพาะหลังดับล้างเท่านั้น ยังมีการกรวดหลังทำสังฆทานและอีกหลายๆอย่างตามเหตุตามปัจจัยของแต่ละอย่างไป
    นี่ก็เป็นวิธีขั้นต้นของสายสัญญาและสายสัญญาก็ยังมีอีกหลายวิธี เช่นวิธีการทำสังฆทาน การลงหลักปราบมาร การทะบารมี ซึ่งวิธีเหล่านี้เราก็ต้องปรึกษากับครูบาอาจารย์ เพื่อให้ท่านพิจารณาตามเหตุไป แต่วิธีการเบื้องต้นก็มีอยู่นี้ ถ้าต้องการศึกษาก็ควรที่จะศึกษากับครูบาอาจารย์ท่านแล้วใช้ปัญญาพิจารณาให้ถึงหลักของสายสัญญาจริงๆ อย่าศึกษาตามข้อความตามช่องทางเทคโนโลยีมากนัก เพราะในยุคนี้สายสัญญาที่นอกลู่นอกทางเยอะแยะมากมาย หลายคนหลายท่านนำสายนี้ไปใช้ในทางที่ผิด และพบเห็นมากมายด้วย ควรค่อยๆศึกษาไป อย่าด่วนตัดสินใจว่าอะไรผิดอะไรถูกเพราะหากว่าเป็นวิธีที่ดีแล้ว มันจะเป็นกรรมติดตัวซึ่งกรรมที่เราติฉินในธรรมคือความมืดบอดในธรรมน่ะครับ จะดีหรือไม่ดีก็ให้เป็นเรื่องของเวรกรรมเราอย่าไปตัดสินใจแทนวิบากเลยอย่าเอาตัวไปเกี่ยวข้องในเรื่องของกรรมผู้อื่นเลย เพราะเอาแต่วิบากตัวเองก็หนักพอตัวอยู่แล้วยังไปเอาวิบากที่ไม่ใช่ของตัวมาใส่ตัวแล้วเมื่อไรจะบรรลุคุณธรรมละครับ
    ตามที่ศึกษามาก็พอจะอธิบายเบื้องต้นให้เข้าใจไม่เข้าใจบ้างเท่านี้น่ะครับ หากข้าพเจ้าได้กล่าวผิดพลาดพลั้งประการใดก็กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยความจริงใจยิ่งนะครับ
     
  8. กรุงเก่า

    กรุงเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +335
    ขอบคุณ คุณบัวใต้ตอมากครับที่ได้มาอธิบายเกี่ยวกับสายสัญญาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...