สืบสานตำนานข้าวแช่

สืบสานตำนานข้าวแช่

<DD>ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุของเมืองไทยในขณะนี้ หลายคนคงกำลังมองหาอาหารรสชาติหอมหวานเย็นฉ่ำมาดับร้อน ให้ความสดชื่นทั้งกายและใจ ซึ่งหนึ่งในอาหารที่ติดอันดับในใจของหลายคนก็คือ ข้าวแช่ อาหารที่ไม่ได้มีแค่ความอร่อย แต่ยังแสดงถึงภูมิปัญญาของคนไทยอีกด้วย เราจึงอยากชวนคุณมาพิสูจน์ความเป็นมาที่ยาวนานนี้ร่วมกันค่ะ

<DD>ข้าวแช่ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เรารับมาจากชนชาติมอญในช่วงปลายรัชกาลที่ 3 ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในพระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี จนทำให้ถูกขนานนามว่าเป็นต้นตำรับที่แท้จริง หลังจากนั้น ข้าวแช่ ก็ถูกลืมเลือนหายไป

<DD>แต่แล้ว ข้าวแช่ ก็กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อพระองค์ทรงเสด็จแปรพระราชฐานมาพระนครคีรี แล้วพนักงานเครื่องต้นได้นำข้าวแช่ขึ้นถวาย ซึ่งก็มีรสชาติเป็นที่พอพระราชหฤทัยยิ่งนัก พระองค์จึงได้ทรงฟื้นฟูและปรับปรุงสูตรข้าวแช่ขึ้นใหม่

<DD>มีการเล่าขานกันว่า ข้าวแช่ฝีมือเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ตำหนักของพระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาถอร่อยและสวยงามมาก จนกลายเป็นต้นแบบของข้าวแช่ในทุกวันนี้

<DD>สำหรับส่วนประกอบของข้าวแช่ นอกจาก ข้าวสุกและน้ำข้าวแช่ที่หอมกลิ่นดอกไม้แล้ว ยังมีเครื่องเคียงหลายอย่างด้วยกันคือ กะปิทอด พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มผัดหวาน ผักกาดเค็มผัดหวาน หอมแดงทอดและปลายี่สนผัดหวาน ซึ่งวิธีการรับประทานที่ถูกต้องคือ ต้องทานเครื่องเคียงก่อน แล้วตามด้วยข้าวและน้ำข้าวแช่ เพียงเท่านี้ก็จะเข้าถึงรสชาติที่ชื่นใจอย่างแท้จริงแล้วล่ะค่ะ

<DD>ในปัจจุบันข้าวแช่ถูกลดความนิยมลง เพราะหาทานได้ยากและราคาแพงมากขึ้น แถมยังมีขนมหวานต่างชาติมากมายให้เลือกอีก แต่ยังไงเราก็เชื่อแน่ค่ะว่ามรดกวัฒนธรรมที่แสนอร่อยนี้คงไม่เลือนหายไปจากความคิดของคนไทยแน่นอน ขอให้ผู้อ่านทุกท่านอิ่มอร่อยกับรสชาติอาหารไทยโบราณ ข้าวแช่ กันตลอดร้อนนี้นะคะ

<DD>และสำหรับคนที่อยากมีเสน่ห์ปลายจวักติดตัวก็อย่าลืม click ไปดูสูตร ข้าวแช่ และ กระท้อนลอยแก้ว ที่หน้า Enjoy Cooking กันนะคะ </DD>(bb-flower