หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่ง...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 24 ธันวาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่ง

    หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่งเสี่ยงโชคเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ
    ทั้งที่มิได้มีความรู้อะไรเลย เนื่องจากได้ทราบข่าว ที่เพื่อนเล่าให้
    ฟังว่า มีโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพกำลังรับสมัครนักการภารโรง
    ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา จึงนั่งรถมากรุงเทพ และเดินกางแผนที่ (ที่
    เพื่อนเขียนให้) สุ่มถามชาวบ้านถึงที่ตั้งของโรงเรียนนั้นซึ่งกว่าจะ
    เจอก็เหงื่อตกไปหลายปี๊บทีเดียวแหละ

    เมื่อเข้าไปแจ้งความจำนงที่แผนกธุรการ จึงมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้
    นั่ง และยื่นใบสมัครมาให้กรอกข้อความ นายหนุ่มนั้นก็ยิ้มแหย ๆ
    ยกมือไหว้แล้วบอกอ่อย ๆกับเจ้าหน้าที่ว่า

    "..ขอโทษครับพี่ ผม..คือว่า...ผม..อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนัง
    สือไม่ได้ครับ.."
    เจ้าหน้าที่ ท ี่นั่งรับสมัครอยู่นั้นชักสีหน้าทันที
    "...อะไรกัน คิดจะมาสมัครงานที่โรงเรียนถึงจะตำแหน่งแค่นักการ
    ภารโรง ถึงจะไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษาแต่อย่างน้อยก็น่าจะอ่านออก
    เขียนได้ บ้างแหละ"
    หนุ่มบ้านนอกหน้าซีด ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ประหลก ๆ
    "...ผมไม่รู้หนังสือจริง ๆ ครับ แต่ช่วยรับผมไว้หน่อยเถิดครับพี่ ให้
    ผมแบกหามกวาดถูอะไรก็ได้ทุกอย่างครับ"
    "งั้นก็คงจะไม่ได้หรอก. .."
    เจ้าหน้าที่เก็บใบสมัครกับปากกาที่วางไว้ให้ คืนที่อย่างไม่มีเยื่อใย
    "...เรามาสมัครงานกับโรงเรียนนะ อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นรู้หนังสือ
    บ้างสิ ถ้าไม่รู้อะไรเลยอย่างนี้ ก็เสียใจด้วยนะ กลับไปเถอะ"

    หนุ่มบ้านนอกก็ได้แต่เดินออกจากโรงเรียนที่ตั้งความหวังว่าจะได้
    งานทำนั้นอย่างเงื่องหงอย และเมื่อไม่รู้ว่า จะทำอะไรได้ในกรุง
    เทพก็จึงต้องจำใจ กำเงินจำนวนสุดท้ายนั่งรถ ซมซานกลับบ้าน
    อย่างนกปีกหัก

    แต่เมื่อกลับถึงบ้าน จึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นเพิ่งได้รับมรดก เป็น
    ที่ดินสวนรกร้างเท่าแมวดิ้นตายมาจากพ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว ด้วย
    ความเจ็บใจ จึงเกิดเป็นแรงมานะ ให้จับจอบเสียมหักร้างถางพง
    ที่ดินสวนเก่าที่รกร้างนั้น และค่อย ๆ พลิกฟื้นลงร่องผลไม้ไปทีละ
    เล็กละน้อย อย่างฮึดสู้ชะตาชีวิต ด้วยความอดทน. . .

    อาจเป็นบุญในปางบรรพ์ของพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้ที่ปรากฎว่า หลาย
    ปีต่อมาสวนผลไม้ที่ลงแรงไว้นั้นออกผลอย่างงดงาม และสร้าง
    ผลกำไรมากทบทวีขึ้นทุกปี กระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินใน
    แปลงข้างเคียงขยายอาณาเขตสวนของตนเอง จนกว้างขึ้น และ
    กว้างขึ้น. . .

    หลายสิบปีต่อมาจากความขยันขันแข็ง มานะอดทน และประสบ
    การณ์ที่เพิ่มพูน บัดนี้หนุ่มบ้านนอกคนนั้น ก็กลายเป็นชายชราที่
    คนทั้งเมืองรู้จัก ในนามของพ่อเลี้ยงสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจัง
    หวัดและภูมิภาคนั้น

    อยู่มาปีหนึ่งเมื่อเก็บเกี่ยวผลไม้มากมายมหาศาล และชำระบัญชี
    เรียบร้อยโดยฝีมือของลูกหลานที่เลี้ยงดูให้การศึกษา และแจก
    งานการให้ทำในสวนนั้นแล้ว พ่อเลี้ยงชราก็หอบเงินเป็นฟ่อนนั่ง
    รถเข้ามาในตัวอำเภอเพื่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารเป็นครั้งแรก

    เมื่อแจ้งนาม และความจำนงกับธนาคารแล้ว พนักงานถึงกับตื่น
    เต้นกันยกใหญ่ ผู้จัดการสาขาถึงกับเดินมาต้อนรับด้วยตัวเองเลย
    ทีเดียว เมื่อพนมมือไหว้ลูกค้าใหญ่ รายใหม่ อย่างนอบน้อม แล้ว
    ผู้จัดการก็แตะข้อศอก ยื่นใบเปิดบัญชีพร้อมปากกาปลอกทองให้
    กับพ่อเลี้ยงชราอย่างพินอบพิเทา
    "ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่าง
    ยิ่งที่ได้มีโอกาสบริการพ่อเลี้ยงในครั้งนี้ รบกวนกรอกใบเปิดบัญชี
    ด้วยครับ"
    พ่อเลี้ยงชราส่ายหน้าช้าๆ ยื่นปากกาปลอกทองคืนให้กับผู้จัดการ
    พร้อมกับยิ้มให้ พลางกล่าวเนิบๆ
    "พ่อหนุ่ม ช่วยกรอกรายการให้ลุงทีเถิด ลุงอ่านหนังสือไม่ออก
    เขียนหนังสือไม่ได้หรอก...."
    ผู้จัดการรับปากกาคืนมาโดยอัตโนมัติแบบงงสุดขีด พลางค่อยๆ
    อ้อมแอ้มถามลูกค้ารายใหญ่ (มาก ) อย่างเกรงใจสุดๆ
    ".....เอ่อ...ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ...เอ่อ..ขออนุญาตเรียน
    ถามพ่อเลี้ยงด้วยความเคารพนิดหนึ่งเถิด ครับคือ....พวกเราในจัง
    หวัดนี้ก็ทราบกันดีอยู่ ถึงชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงในกิจการสวนผล
    ไม้ที่ใหญ่โตและเจริญก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาคนี้แต่..."
    ผู้จัดการ ชะงัก ด้วยความเกรงใจ
    และในที่สุดก็หลุดปากถามออกมาด้วยความฉงน ที่มิอาจเก็บไว้
    ได้จริงจริง
    "...แต่ พ่อเลี้ยงอ่านหนังสือไม่ออก และเขียนหนังสือไม่ได้ หรือ
    ครับ..."
    "...พ่อหนุ่ม"
    พ่อเลี้ยงชรายิ้มให้ผู้จัดการสาขาของธนาคารอย่างใจดี
    "...ถ้าลุงอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้น่ะนะ..."
    แกถอนหายใจยาว
    ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผู้จัดการถึงกับอึ้งไปนานเลยว่า
    "...ป่านนี้ ลุงก็คงได้เป็นภารโรงไปแล้วแหละ..."

    ที่มา : http://wut1977.wordpress.com/2009/03/27/
    ภาพ : #gusde - DeviantArt
    #ThammanoonsFC
    #เรื่องดีๆมีข้อคิด

    Line : ts2502
    Instagram : th.thamma
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,973
    ...ให้มองเห็นศักยภาพและคุณค่า ที่มีอยู่ในตัวเรา และพัฒนาขึ้นมา

    หลายคน จะไปถึงจุดหมายที่งดงามกว่า คุณค่าที่สังคมภายนอกกำหนดไว้ให้เราเป็น


    ...แต่จะค้นหาศักยภาพและตัวตนของเราที่ซ่อนอยู่ได้
    ก็ต้อง มีสติ-สัมปชัญญะ ที่แยกแยะได้ว่า อะไรคือเปลือกที่ภายนอกสรวมให้เรา และอะไร คือ ตัวเรา....
     

แชร์หน้านี้

Loading...