"หมู่บ้านคนระลึกชาติ" แห่งเดียวในโลก ที่อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย rungie, 9 กันยายน 2009.

  1. rungie

    rungie สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    พบเรื่องราวราวสุดพิสดาร หมู่บ้านตะคร้อ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ หมู่บ้านเดียว
    ระลึกชาติได้กว่าครึ่งร้อย ยิ่งสาวยิ่งต้องตะลึง บางคนตายไปกว่าพันปี กลับชาติมาเกิด
    บางคนตายไปแล้ว กลับมาเกิดใหม่ จำได้แม้กระทั่งชื่อวัว ควาย สุนัข ที่เลี้ยงไว้ บางรายชาติที่แล้ว
    เป็นผัวเมียกัน ชาตินี้เกิดเป็นแฝด(ชายหญิง) รายล่าสุดเด็กหญิงวัย ๔ ขวบเศษ คนวัย ๕๐ ปี
    ยอมเรียกแม่อย่างสนิทใจ
    <O:p
    "คม ชัด ลึก" ได้รับการเปิดเผยจาก นายธวัชชัย ขำชะยันจะ ผู้ศึกษากรณีการจำอดีตชาติ หรือ
    ระลึกชาติ ว่า จากการสำรวจศึกษา และเก็บข้อมูล การระลึกชาติได้ของคนในหมู่บ้านตะคร้อ
    ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๘ พบว่า มีผู้จำอดีตชาติได้ที่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่า
    ๕๐ ราย บางรายยังสามารถจำอดีตชาติได้ บางรายมีพยานรู้เห็นจำนวนมาก บางรายมีหลักฐาน
    ที่เป็นรูปธรรมสามารถพิสูจน์ได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้เท่าที่ทราบมีผู้ที่จำอดีตชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    อย่างรายล่าสุด คือ ยายเพียร แย้มประดับ ตายไปเมื่อปี ๒๕๓๕ กลับมาเกิดเป็น เด็กหญิงญาณินท์
    ศิริมงคล วัย ๔ ขวบ ถึงกับทำให้ลูกหลานของยายเพียร ดีใจ ลูกหลานยายเพียรบางคนถึงกับเรียก
    เด็กหญิงญาณินท์ว่า "แม่" หรือ "ยาย" โดยทุกวันนี้ลูกหลานยายเพียรรับเด็กหญิงญาณินท์มาเลี้ยง
    เหมือนญาติคนหนึ่งในครอบครัว
    <O:p</O:p
    นายธวัชชัย บอกว่า ในจำนวนผู้ที่ระลึกชาติได้กว่า ๕๐ ราย นายธวัชชัยได้ศึกษาข้อมูลในเชิงลึก
    ๑๔ ราย มีเรื่องราวในอดีตชาติอันเป็นที่สนใจอย่างยิ่ง และเป็นที่ยอมรับของญาติพี่น้องในอดีตชาติ
    อย่างสนิทใจ ได้แก่ ๑.นายเทเวศน์ เรียบสัมพันธ์ ๒.นายนพพร ใจเร็ว ๓.นายเจษฎา เต็มหัตถ์
    ๔.เด็กชายอดิศร สุขโภชน์ ๕.เด็กชายพงศธร ศรชัย ๖.เด็กชายฤทธิไกร โนนน้อย ๗.นางเสงี่ยม
    นันกลาง ๘.นางสาวส้มลิ้ม คงสะโต ๙.นายธีระพันธ์ วงษ์คำภา ๑๐.เด็กชายวรวัฒน์ เจริญพร้อม
    ๑๑.นางสุรางคนา มาลา ๑๒.เด็กชายพลวัฒน์ จุลโพธิ์ ๑๓.เด็กชายไพโรจน์ นาดง ๑๔.เด็กชายวัชระ
    ใจเร็ว ๑๕.เด็กชายโสภณ ขำพาลี และ ๑๖.นายอำนาจ อะวิสุ
    <O:p</O:p
    นอกจากนี้แล้ว ยังมีเบาะแสและข้อมูลเบื้องต้นของผู้จำอดีตชาติรายอื่นๆ ในหมู่บ้านตะคร้อที่
    ระลึกชาติได้ คือ ๑. เด็กชายจักรพงษ์ ภู่ชื่น ๒. เด็กชายวรวุฒิ แย้มสัจจา ๓. นายชาญชัย มั่นสติ
    ๔.เด็กหญิงเกศสุดา กล้าดี ๕. นายเสวก คุ้มตระกูล (คู่แฝดชาย) ๖. นายสุวิทย์ คุ้มตระกูล(คู่แฝดชาย)
    ๗. นายหนอง นาคตระกูล(คู่แฝดชายหญิง) ๘. นางอำนวย นาคตระกูล(คู่แฝดชายหญิง)
    ๙. นายจักรกริช(เตี๋ยว) กล้าดี ๑๐. นายจำรัส ศรีบัวแก้ว ๑๑. นายแอ๊ด สวัสดี ๑๒. นายสมบัติ บัวทอง
    ๑๓. เด็กชายบรรจบ(โจ) สร้อยอาภรณ์ ๑๔. นายวิชัย ใจดี(คู่แฝดชาย) ๑๕.นายวิเชียร ใจดี
    (คู่แฝดชาย) ๑๖.นายโกมินทร์ พัตตาสิงห์ ๑๗. น.ส.กลอย อวิสุ ๑๘. เด็กชายพรชัย ปัญโญใหญ่
    ๑๙. นายสุรศักดิ์ เต็มหัตถ์ ๒๐. น.ส.นงนุช สุขเทพ ๒๑. นายดำเนิน ใจเกื้อ ๒๒. น.ส..จันทร์จิรา
    (ดำมี่) ไผ่ประการ ๒๓. เด็กชายคิง แซ่เตียว ๒๔. นางแสตมป์ มหิดุลย์ ๒๕. เด็กชายแดง คุ้มตระกูล
    ๒๖. ลูกสาว นางเนี๊ยะ หงษ์ทอง ๒๗. เด็กชายศักดิ์ดา พุทธรักษา ๒๘. นางน้ำผึ้ง แซ่อ๊วง และ
    ๒๙. นายของ กล้าดี เป็นต้น
    <O:p></O:p>
    อย่างไรก็ตาม ในการเก็บรวบรวมคนระลึกชาตินั้น ไม่เฉพาะนายธวัชชัยเท่านั้น ในระดับโลก ก็มี
    ศ.นพ.เอียน สตีเวนสัน แต่ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว ทั้งนี้ท่านทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ
    การจำอดีตชาติได้และ การกลับชาติมาเกิดมากว่า ๔๗ ปี ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.๒๕๐๓ ในช่วงที่
    มีชีวิตอยู่ท่านได้พบผู้ที่จำอดีตชาติได้ หรือผู้ที่สืบชาติมาเกิดใหม่ จากชาติและศาสนาต่างๆ ทั่วโลก
    ทั้งใน ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย แอฟริกา และทวีปเอเชีย (รวมทั้งประเทศไทย) มากกว่า
    ,๐๐๐ ราย ด้วยการสนับสนุนทุนในการศึกษาวิจัยเด็กที่จำอดีตชาติได้จำนวนมหาศาล ถึง ๑ ล้าน
    ดอลลาร์สหรัฐ จาก เชสเตอร์ คาร์ลสัน (Chester Carlson) ผู้คิดประดิษฐ์เครื่องถ่ายเอกสาร
    ให้พวกเราได้ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสืบหากรณีศึกษา สัมภาษณ์
    และเก็บข้อมูลหลักฐานในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย
    <O:p</O:p
    คณะนี้ ได้เข้ามาสืบหา สัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลหลักฐานกรณีศึกษาผู้ที่จำอดีตชาติได้ใน
    ประเทศไทยหลายครั้ง ตั้งแต่เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๐๙ จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า ๔๐ ปีแล้ว
    โดยจะเดินทางเข้ามาติดตามกรณีศึกษาที่เคยเก็บข้อมูลหลักฐานไปแล้ว และมาสืบหา สัมภาษณ์
    และเก็บข้อมูลหลักฐานกรณีศึกษาผู้ที่จำอดีตชาติได้รายใหม่ๆ ในประเทศไทย ปีละ ๒-๓ ครั้ง
    ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ดร.เจอร์เกน ไคล์ (นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน เคยเป็นอาจารย์
    สอนที่มหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย) ได้เดินทางมาศึกษาค้นคว้าเรื่องเด็กที่จำอดีตชาติได้ใน
    ประเทศไทยแทน ศ.นพ.เอียน โดยมี นายสุตทยา วัชราภัย นักวิชาการอิสระสาขาพุทธศาสตร์
    และจิตศาสตร์ เป็นผู้ร่วมศึกษาค้นคว้า บุคคลทั้งสองได้เดินทางไปยังภาคอีสานตอนบน เพื่อหา
    ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กที่จำอดีตชาติได้ โดยสืบถามข้อมูลจากญาติพี่น้อง พยานที่รู้เห็น หรือตัวเด็ก
    ที่จำอดีตชาติได้ (บางคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว) ข้อมูลที่ค้นคว้ามาได้มีมาก (ระหว่างปี ๒๕๓๕-
    ๒๕๔๑) ค้นคว้ามาได้รวม ๕๐ ราย เฉพาะปี ๒๕๕๐ มี ๘ ราย และมีอีก ๗๐-๘๐ ราย ที่ยังไม่ได้
    ไปสัมภาษณ์
    <O:p</O:p
    ในประเทศไทยนั้น ท่านและคณะศึกษาวิจัยได้เคยมาสืบหา สัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลหลักฐาน
    กรณีศึกษาผู้ที่จำอดีตชาติได้หลายครั้ง โดยความร่วมมือจากคณะคนไทยที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับ
    เรื่องนี้มาแล้วหลายท่าน ได้แก่ นายแพทย์เชียร สิริยานนท์, อาจารย์นาซิบ สิโรรส, อาจารย์เต็ม
    สุวิกรม, ศ.ดร.คลุ้ม วัชโรบล เป็นต้น ซึ่งท่านได้เขียนไว้ใน กิตติกรรมประกาศ
    (Acknowledgments) ในหนังสือ Reincarnation and Biology ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี ๒๕๒๐ และยังมี
    อีกหลายท่าน เช่น คุณประสิทธิ์ การุณยวณิชย์, ดร.บุญย์ นิลเกษ, อาจารย์สุตทยา วัชราภัย ดร.วิเชียร
    สิทธิประภาพร อาจารย์ประจำ แขนงวิชาดนตรีบำบัด วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    และ รศ.ดร.นัยพินิจ คชภักดี ผู้อำนวยการโครงการวิจัยชีววิทยาระบบประสาทและพฤติกรรม
    สถาบันวิจัยและพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล(ศาลายา)
    <O:p</O:p
    สำหรับผู้ที่สนใจเรื่อง คนระลึกชาติ หน้าพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" มีให้อ่านอีก ๓ ตอน โดยวันพุธที่
    ๙ เสนอเรื่อง ระลึกชาติ!...ลืมชาติ! เรื่องจริงคนจริงที่..."บ้านตะคร้อ" วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กันยายน
    เสนอเรื่อง ศ.นพ.เอียน สตีเวนสัน ผู้ยิ่งใหญ่ในการศึกษาเรื่อง "ระลึกชาติ!" และวันศุกร์ที่ ๑๑
    กันยายน เสนอเรื่อง นายธวัชชัย ขำชะยันจะ ผู้ไล่ล่าหาข้อพิสูจน์..."คนระลึกชาติ"
    บ้านตะค้ออยู่หนใด?
    <O:p</O:p
    ปัจจุบัน หมู่บ้านตะคร้อเป็นหมู่บ้านหนึ่งใน ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ประกอบด้วย
    หมู่บ้านทั้งหมด ๑๘ หมู่บ้าน มีประชากรประมาณ ๑๓,๐๐๐ คน จากจำนวนครัวเรือนประมาณ
    ,๐๐๐ ครัวเรือน สำหรับชื่อของหมู่บ้าน สันนิษฐานว่า ในสมัยก่อนบริเวณนี้ มีต้นตะคร้อ
    ซึ่งผลมีรสเปรี้ยว ขึ้นอยู่มาก คนโบราณจึงเรียกบริเวณนี้ว่า โคกตะคร้อต่อมาจึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า
    บ้านตะคร้อ
    <O:p</O:p
    ส่วนประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านตะคร้อนั้น มีหลักฐานทางด้านโบราณวัตถุหลายอย่าง
    ที่บ่งบอกถึงความเป็นมาของหมู่บ้านรอยต่อสามจังหวัดแห่งนี้ มีชาวบ้านพบโครงกระดูก
    ของคนโบราณ ภาชนะดินเผา อาวุธ เคียว กะพรวนม้าโบราณ สุสานโบราณ และสิ่งของอื่นๆ
    อีกจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วหมู่บ้านและรอบๆ หมู่บ้าน โดยเฉพาะบริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่า
    โคกพักทัพ” “โคกพญาสั่งและ หนองแร้ง หนองกาซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน
    เคยมีชาวบ้านขุดพบโครงกระดูก ภาชนะดินเผา และอาวุธโบราณจำนวนมาก
    <O:p</O:p
    จากการสืบค้นหลักฐานต่างๆ ทั้งจากทางด้านภูมิศาสตร์ โบราณคดี โบราณวัตถุ สันนิษฐานว่า
    น่าจะเคยมีการเคลื่อนทัพใหญ่มาพักทัพที่บริเวณหมู่บ้านตะคร้อแห่งนี้ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่า
    เป็นช่วงใดสมัยใด และบริเวณนี้น่าจะเคยถูกใช้เป็นเส้นทางติดต่อกันทั้งทางน้ำและทางบกระหว่าง
    เมืองเก่า ศรีเทพที่ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ และเมืองเก่า ไพศาลีที่บ้านหนองไผ่ ต.สำโรงชัย
    อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ (อยู่ห่างจากหมู่บ้านตะคร้อไปทางทิศตะวันตก ประมาณ ๑๓ กิโลเมตร)
    ซึ่งทั้งสองเมืองเคยเป็นเมืองหน้าด่านทางตอนเหนือของอาณาจักรละโว้ เมื่อครั้งที่ขอมยังเรือง
    อำนาจ ตั้งแต่เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๔ ทางด้านภูมิศาสตร์ หมู่บ้านตะคร้อตั้งอยู่บริเวณ
    รอยต่อของ ๓ จังหวัดคือ ทางทิศตะวันออกมีเขตติดต่อกับ ต.ภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
    ทางทิศใต้มีเขตติดต่อกับ อ.หนองม่วง และ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี และทางด้านทิศตะวันตกเป็นเขต
    อ.ไพศาลี ซึ่งติดต่อกับ อ.ตากฟ้า และ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ส่วนทางด้านทิศเหนือติดกับ
    เทือกเขาสอยดาว ซึ่งทอดตัวยาวเป็นระยะทางกว่า ๒๐ กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่บ้านหนองไผ่และบ้าน
    พระบาท ต.สำโรงชัย อ.ไพศาลี ไปจนถึง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
    <O:p</O:p
    เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"
    <O:p</O:p
    ที่มา... http://www.komchadluek.net/detail/20090908/27498/หมู่บ้านคนระลึกชาติแห่งเดียวในโลกที่อ.ไพศาลีจ.นครสวรรค์.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • page1.jpg
      page1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.4 KB
      เปิดดู:
      214
  2. rungie

    rungie สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    ระลึกชาติ!...ลืมชาติ! เรื่องจริงคนจริง ที่... บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี

    <O:p</O:pในจำนวนผู้ที่ระลึกชาติได้กว่า ๕๐ ราย ของบ้านตะคร้อ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์บางราย<O:p</O:p
    ยังสามารถจำอดีตชาติได้ บางรายมีพยานรู้เห็นจำนวนมากบางรายมีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมสามารถ<O:p</O:p
    พิสูจน์ได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้เท่าที่ทราบมีผู้ที่จำอดีตชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรายล่าสุด คือ ยายเพียร<O:p</O:p
    แย้มประดับ ตายไปเมื่อปี ๒๕๓๕ กลับมาเกิดเป็น เด็กหญิงญาณินท์ ศิริมงคล วัย ๔ ขวบถึงกับทำ<O:p</O:p
    ให้ลูกหลานของยายเพียรสุดดีใจลูกหลานยายเพียรบางคนถึงกับเรียกเด็กหญิงญาณินท์ว่า "แม่" หรือ <O:p</O:p
    "ยาย"รวมทั้งรับเด็กหญิงญาณินท์เหมือนญาติคนหนึ่ง <O:p></O:p>
    <O:p</O:p
    ส่วนการเก็บข้อมูลในเชิงลึก ๑๔ ราย ของ นายธวัชชัยขำชะยันจะ ผู้ไล่ล่าหาข้อพิสูจน์ของคนระลึก<O:p</O:p
    โดยแต่มีเรื่องราวในอดีตชาติอันเป็นที่สนใจอย่างยิ่งและเป็นที่ยอมรับของญาติพี่น้องในอดีตชาติ<O:p</O:p
    อย่างสนิทใจทั้งนี้ "คม ชัด ลึก"ขอยกตัวอย่างคนระลึกชาติ ที่โดดเด่น ๓ ท่าน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    รายแรก คือ เรื่องของ นายเทเวศน์ (เท่) เรียบสัมพันธ์ชื่อเล่น “เอ็ด” วันเดือนปีเกิด ๒๙ เมษายน <O:p</O:p
    พ.ศ.๒๕๒๑ มีรอยแผลเป็นตั้งแต่กำเนิดซึ่งมีแผลเป็นคล้ายรูกระสุนปืนที่ศีรษะด้านหลัง และใต้ราว<O:p</O:p
    นมด้านขวาที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : ๑๔๒/๒ หมู่ ๓ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ส่วนในอดีตชาติชื่อ-นามสกุล คือ นายศิริ ใจเร็วชื่อเล่น “ริ” วันเดือนปีเกิด ๑๗ เมษายน พ.ศ.<O:p</O:p
    ๒๕๐๓ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน๕/๒ หมู่๕ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สาเหตุที่เสียชีวิต ถูกฆาตกรรมบาดแผลที่ทำให้เสียชีวิต มีบาดแผลกระสุนปืนที่ศีรษะด้านหลัง และ<O:p</O:p
    ใต้ราวนมด้านขวาสถานที่เสียชีวิต ริมถนน ระหว่างหมู่บ้านตะคร้อ กับหมู่บ้านวังกระโดนน้อย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การระลึกชาติของนายเทเวศน์นั้น นอกจากจำเพื่อนสนิทได้จำป้าในอดีตชาติได้ จำต้นกระถินที่ทุ่ง<O:p</O:p
    นาในอดีตชาติได้รวมทั้งแสดงความคุ้นเคยกับสถานที่ในอดีต ที่สำคัญคือเขายังจำชื่อควายที่เคย<O:p</O:p
    เลี้ยงได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มีครั้งหนึ่ง ญาติในอดีตชาติเคยถามเด็กชายเท่ว่า “จำได้ไหม ว่าควายเรามีชื่ออะไรบ้าง” เด็กชายเท่<O:p</O:p
    ตอบว่า “ชื่อไอ้เหลือง ไอ้ม่วงแล้วก็ไอ้สมชาย” เด็กชายเท่สามารถบอกชื่อควายทั้ง ๓ ตัว ทั้งๆ ได้<O:p</O:p
    ขายควายทั้ง ๓ตัวนั้นไปนานแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในขณะที่ความผูกพันกับพ่อแม่ในอดีตชาติของเขามีมาตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรก จนกระทั่งถึง<O:p</O:p
    ปัจจุบันซึ่งความผูกพันที่เขามีให้กับพ่อแม่ในอดีตชาตินั้นบางครั้งก็ทำให้พ่อแม่ในปัจจุบันชาติรู้สึก<O:p</O:p
    น้อยใจอยู่เหมือนกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อก่อนเวลาที่นายเทเวศน์คิดถึงเรื่องราวในอดีตชาติภาพความทรงจำจะผุดขึ้นมาเหมือนกับว่า<O:p</O:p
    เหตุการณ์นั้นเพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่ปัจจุบันนี้ภาพความทรงจำในอดีตชาติของเขา ได้ลบเลือนไป<O:p</O:p
    เกือบหมดแล้วยังเหลือก็แต่รอยแผลเป็นที่บริเวณศีรษะด้านหลัง และใต้ราวนมด้านขวาที่ติดตัวของ<O:p</O:p
    เขามาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งยังคงปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    รายที่ ๒ คือ นางสุรางคนา วันที ชื่อเล่น “ส้ม” วันเดือนปีเกิด ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๔ ที่อยู่ตาม<O:p</O:p
    ทะเบียนบ้าน๗๐/๑๔ หมู่ ๑ต.โคกเดื่อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ อดีตชาติ ชื่อ-นามสกุล “ฟ้าแตง” <O:p</O:p
    ไม่มีที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พี่น้องร่วมบิดามารดา (เธอบอกว่าเธอมีน้องชายอีก ๑ คนไม่ทราบชื่อ) <O:p</O:p
    วันเดือนปีที่เสียชีวิต เมื่อประมาณกว่า ๑,๐๐๐ ปีที่แล้วสาเหตุที่เสียชีวิต ประสบอุบัติเหตุเรือล่มกลาง<O:p</O:p
    ลำน้ำใหญ่บริเวณสำนักสงฆ์คลองมะม่วงเตี้ย ในปัจจุบัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เรื่องราวการจำอดีตชาติของนางสุรางคนาเกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตะคร้อเธอจำอดีตชาติได้ว่าเคยมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ ๑,๐๐๐ ปีที่แล้ว พอประมวลความได้ว่า<O:p</O:p
    ชาติก่อนเธอมีชื่อว่า “ฟ้าแตง” พ่อของเธอชื่อ “โกสีย์” แม่ของเธอชื่อ “นวลจันทร์” เธอมีน้องชาย<O:p</O:p
    ด้วย ๑ คน (ไม่บอกชื่อ)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในอดีตชาติ ครอบครัวของเธอพร้อมทั้งข้าทาสบริวารกำลังจะล่องเรือไปยังเมืองศรีเทพ ระหว่าง<O:p</O:p
    ทาง เรือได้ชนกับโขดหินที่อยู่ใต้น้ำทำให้เรือล่ม ทุกคนที่อยู่บนเรือเสียชีวิตทั้งหมด เรือได้จมลงก้น<O:p</O:p
    แม่น้ำพร้อมทรัพย์สมบัติที่บรรทุกมาในเรือด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เธอบอกว่า แต่ก่อนบริเวณต้นมะม่วงต้นนั้นเป็นลำน้ำกว้างใหญ่ มีน้ำไหลเชี่ยว หลังจากที่เธอและ<O:p</O:p
    ครอบครัวเสียชีวิตวิญญาณของพวกเธอก็ได้สิงสถิตอยู่ที่ซากเรือนั้น มานานหลายร้อยปี<O:p
    <O:p
    ต่อมาลำน้ำบริเวณนั้นตื้นเขินขึ้นก็ได้มีต้นมะม่วงเกิดขึ้นมาซึ่งเกิดจากลูกมะม่วงที่พวกเธอเคยใช้<O:p
    เป็นเสบียงอาหารระหว่างเดินทางในครั้งนั้นนั่นเองตอนนั้นวิญญาณของเธอ และครอบครัวได้สิง<O:p
    สถิตอยู่ที่ต้นมะม่วงต้นนั้นต่อมาอีกหลายร้อยปี ต่อมาพ่อของเธอได้จุติไปเกิดก่อนจึงเหลือแต่เธอ<O:p</O:p
    น้องชายและแม่ของเธอที่ยังเป็นวิญญาณสิงสถิตอยู่ที่ต้นมะม่วงต้นนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในช่วงเวลา ๕๐ ปี ที่ผ่านมามีผู้คนหลายกลุ่มพยายามจะขุดหาสมบัติ ที่เล่าขานกันมานานว่าเป็น<O:p</O:p
    สมบัติที่บรรทุกมากับเรือของฟ้าแตง และครอบครัว บริเวณรอบๆ ต้นมะม่วงต้นนี้แต่สุดท้ายพวกเขา<O:p</O:p
    ก็ต้องมีอันเป็นไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ต้นมะม่วงต้นนั้นได้ยืนต้นตายไปเสียแล้ว เมื่อต้นปี ๒๕๔๘เนื่องจากมีคนนำ<O:p</O:p
    รถแม็คโครมาขุดดินบริเวณโคนต้นมะม่วงต้นนั้นทำให้ต้นมะม่วงพันปีต้นนั้น ยืนต้นตายไปอย่างน่า<O:p</O:p
    เสียดาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ชาวบ้านลือกันว่า ผู้ที่มีส่วนรู้เห็น คือคนที่นำรถแม็คโครไปขุดนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุ<O:p</O:p
    เสียชีวิตและเจ้าสำนักสงฆ์คลองมะม่วงเตี้ย ก็มรณภาพ หลังจากต้นมะม่วงต้นนั้นตายได้ไม่นาน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อย่างไรก็ตาม นางบุญนาค แสนดีซึ่งเป็นแม่ของนางสุรางคนา เมื่อเริ่มแน่ใจว่า เด็กหญิงสุรางคนา<O:p</O:p
    น่าจะจำอดีตชาติได้นางบุญนาค ก็เกิดความกลัวว่า บุตรสาวจะอายุสั้นกลัวว่าแม่ในอดีตชาติจะมา<O:p</O:p
    เอาชีวิตลูกคืนและไม่อยากให้บุตรสาวพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติอีกจึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำ<O:p</O:p
    ให้เด็กหญิงสุรางคนา ลืมเรื่องราวในอดีตชาติโดยให้กินไข่บ้าง ทำให้ผวาตกใจบ้าง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แต่เด็กหญิงสุรางคนาในขณะนั้นยังคงพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติของเธออีกหลายครั้งข่าวการ<O:p</O:p
    จำอดีตชาติได้ของเด็กหญิงสุรางคนา ได้แพร่ออกไปและมีนักข่าวหนังสือพิมพ์มาติดต่อ<O:p</O:p
    ขอสัมภาษณ์ แต่นางบุญนาคไม่ยอมให้สัมภาษณ์และพาบุตรสาวหนีนักข่าว ไม่ยอมให้นักข่าวได้พบ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ส่วนรายที่ ๓ เป็นกรณีคู่ผัวเมียในอดีตชาติเกิดมาเป็นแฝดชายหญิงในชาติปัจจุบัน คือ นายหนอง-<O:p</O:p
    นางอำนวย นาคตระกูล (คู่แฝดชายหญิง) นายหนอง (จอน)-นางอำนวย (คู่แฝดชายหญิง) บุตรของ <O:p</O:p
    นายอ้น-นางหนูนาคตระกูล (อ้างว่าในชาติก่อนเคยเป็นสามีภรรยากัน) นางหนู นาคตระกูล (แม่)<O:p</O:p
    เล่าให้ฟังว่า นายจอน นาคตระกูล ก็จำอดีตชาติได้เช่นเดียวกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่ทั้งสองยังเป็นเด็กเธอแอบได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องราวในอดีตชาติ <O:p</O:p
    โดยใช้คำเรียกกันและกันว่า “แก..ข้า” เหมือนกับที่สามีภรรยาใช้เรียกกัน นางหนู ถามนายจอนว่า<O:p</O:p
    “หนูเป็นใครมาเกิดลูก” นายจอนตอบว่า “ผมชื่อเหม็ง อีนาง (นางอำนวย) ชื่อขำเป็นผัวเมียกัน อยู่ที่<O:p</O:p
    หมู่บ้านโคกมะขวิด ชาติก่อนผมขี่ม้าเลี้ยงวัว ผมมีวัวฝูงใหญ่แต่ถูกโจรปล้น พวกมันยิงผมกับอีนาง<O:p</O:p
    ตาย ผมก็จูงมืออีนางวิ่งหนีมาทางนี้ พอดีมาเจอแม่เลยมาเกิดกับแม่นี่แหละ”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตอนนั้นเธอกับนายอ้นสามีเคยไปสอบถามชาวบ้านที่หมู่บ้านโคกมะขวิด แถวสี่แยกไดตาลซึ่งอยู่<O:p</O:p
    ห่างจากบ้านตะคร้อประมาณ ๓๐ กิโลเมตร<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คนในหมู่บ้านบอกว่าเมื่อก่อนเคยมีคนชื่อนายเหม็งและนางขำอยู่จริง ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน<O:p</O:p
    เป็นคนที่มีฐานะดี มีวัวอยู่หลายตัว แต่ไม่มีลูกหลาน ต่อมาพวกเขาถูกโจรปล้นและถูกฆ่าตายอย่าง<O:p</O:p
    อนาถ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ขณะเดียวกัน นายอ้นผู้เป็นพ่อของฝาแฝดทั้งสองเล่าให้ฟังว่า นายจอนมีความชำนาญเรื่องวัวมาก<O:p</O:p
    เป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยสอนตนเองก็ไม่ค่อยชำนาญในเรื่องนี้นัก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มีครั้งหนึ่ง ตนถูกวัวขวิดจนปางตายยังดีที่นายจอนมาช่วยไว้ทัน นายจอนกับนางอำนวยเป็นพี่น้อง<O:p</O:p
    ที่ไม่เคยทะเลาะกันเลยนายจอนจะเป็นห่วงนางอำนวยมากเวลาที่ต้องอยู่ห่างไกลกันก็จะพก<O:p</O:p
    ภาพถ่ายของนางอำนวยไปด้วยปัจจุบันนายจอนมีภรรยาแล้วและมีบุตรด้วยกัน ๑ คน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลากวิธีทำให้เด็กลืมอดีตชาติ<O:p</O:p

    จากความเชื่อเกี่ยวกับการเสียชีวิตก่อนสิ้นอายุขัยหรือ สิ้นกรรมนี้เอง ที่ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่ของผู้ที่จำ<O:p</O:p
    อดีตชาติได้ชาวพุทธส่วนใหญ่กลัวว่า เด็กที่จำอดีตชาติได้จะอายุสั้นจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้<O:p</O:p
    พวกเขาลืมอดีตชาติให้ได้โดยเร็ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของครอบครัวพ่อแม่ของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วที่รู้สึกดีใจ <O:p</O:p
    ที่บุคคลซึ่งพวกเขาเคยคิดว่าได้พลัดพรากจากกันไปอย่างไม่มีวันกลับได้สืบชาติมาเกิดอีกครั้ง เป็น<O:p</O:p
    ความรู้สึกที่ไม่อาจจะบรรยายได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีบางรายที่พ่อแม่ในปัจจุบันชาติและครอบครัวพ่อแม่ของผู้ที่เสียชีวิตใน<O:p</O:p
    อดีตชาติร่วมใจกันพยายามทำให้เด็กลืมอดีตชาติเพราะเด็กพูดถึงความทรงจำในอดีตชาติที่เกี่ยวกับ<O:p</O:p
    การฆาตกรรมการที่เคยกระทำผิดศีลธรรม หรือเคยกระทำผิดกฎหมายในอดีตชาติซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มี<O:p</O:p
    ใครอยากให้เด็กพูดถึงมันอีก <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในหมู่บ้านตะคร้อมีวิธีการที่จะทำให้เด็กลืมอดีตชาติได้อยู่หลายวิธี เช่น วิธีการโยนกระด้งการ<O:p</O:p
    ให้เด็กกินไข่ พาลอดไต้บันไดบ้าน จับหมุนทำให้เวียนศีรษะ ทำให้ตกใจให้คนทรงทำพิธีให้ เป็นต้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แต่จากข้อมูลที่ได้ ดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยได้ผลนักส่วนใหญ่เด็กจะเริ่มหยุดพูด และหยุดแสดงออก<O:p</O:p
    ถึงอดีตชาติไปเองเสียมากกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุมีผลเสียเลยทีเดียว เพราะมีบางกรณีที่คนที่<O:p</O:p
    เสียชีวิตไปแล้วมาเข้าฝันและเป็นฝ่ายบอกเองว่า อย่าเพิ่งให้เด็กคือตัวเขาที่จะเกิดมากินไข่เพราะจะ<O:p</O:p
    ทำให้ตัวเขาลืมความทรงจำในอดีตชาติ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเชื่อว่า การให้เด็กกิน<O:p</O:p
    ไข่มากๆ จะทำเด็กลืมความทรงจำในอดีตชาติ<O:p></O:p>
    <O:p</O:p
    สำหรับ วิธีการโยนกระด้ง ในหมู่บ้านตะคร้อนั้นเป็นวิธีการที่ใช้ในสมัยก่อน เมื่อครั้งที่ยังต้องใช้<O:p</O:p
    หมอตำแยในการทำคลอดอยู่มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะทำให้เด็กตกใจ และลืมอดีตชาติเสียตั้งแต่ยังเป็น<O:p</O:p
    ทารกจะกระทำกันเมื่อเด็กคลอดออกมาแล้ว ได้ตัดสายสะดือและทำความสะอาดร่างกายของเด็ก<O:p</O:p
    เรียบร้อยแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หมอตำแย หรือญาติๆ จะยกเด็กขึ้นด้วยสองมือและยื่นออกจากตัวไปในแนวนอน ลักษณะตั้งฉาก<O:p</O:p
    กับหน้าอก แล้วให้ญาติๆนำกระด้งขนาดใหญ่มาคอยรองรับเด็กที่ด้านล่างโดยจะยกเด็กให้สูงกว่า<O:p</O:p
    กระด้งที่รองรับพอสมควร แล้วก็จะโยกมือที่อุ้มเด็กวนไปรอบๆกระด้งที่รองอยู่สามรอบพร้อมกับ<O:p</O:p
    พูดไปด้วยว่า “สามวันลูกผี...สี่วันลูกคนนะ” ก่อนที่จะปล่อยมือให้เด็กตกลงมายังกระด้งที่รองรับอยู่<O:p</O:p
    ด้านล่าง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อเด็กตกลงมาในสภาพไร้น้ำหนัก ก็จะมีอาการผวาตกใจและร้องไห้ เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีการ แต่<O:p</O:p
    ในปัจจุบันนี้แม่ของเด็กส่วนใหญ่จะไปฝากท้อง และไปคลอดบุตรที่สถานีอนามัย หรือที่<O:p</O:p
    โรงพยาบาลทำให้วิธีการโยนกระด้ง เพื่อทำให้เด็กลืมอดีตชาติ กำลังจะเลือนหายไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    http://www.komchadluek.net/detail/2...เรื่องจริงคนจริงที่...บ้านตะคร้ออ.ไพศาลี.html

    [​IMG]<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2009
  3. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    อนุโมทนา สาธุ แม้ว่าในยุควิทยาศาสตร์ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ คิดว่า มีเหตุผล แน่นอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้นักวิทยาศาสตร์ท้าเข้าไปพิสูจน์ที่หมู่บ้านนี่ดู แล้วทำไมต้องเป็นหมู่บ้านที่นี่มาก น่าคิดนะครับ สิ่งที่เรายังไม่รู้ยังมีอีกมาก ผมถึงว่าวิทยาศาสตร์กับศาสนาต้องไปด้วยกัน ประเทศจึงจะเจริญก้าวหน้ามาก ๆ
     
  4. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ขอบคุณสำหรับการนำเรื่องราวนี้มาเผยแพร่ อนุโมทนา สาธุ
     
  5. rungie

    rungie สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    หมู่บ้านเดียว มีคนจำอดีตชาติได้มากกว่า 40 คน เรื่องจริงไม่น่าจริง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว พ.ศ. 2541 ผมมีคำถามในใจว่า ศาสนาพุทธที่เรานับถือกันอยู่ทุกวันนี้ สอนในสิ่งที่เป็นความจริงแค่ไหน พวกเราถูกพ่อแม่ปลูกฝังจนเราคล้อยตามโดยไม่มีเหตุผลหรือเปล่า

    ผมกลัวว่าจะเป็นเหมือนลูกหลานของศาสนาอื่นๆ ที่พ่อแม่และสังคมของเขาบังคับว่าต้องนับถือศาสนานั้นๆ ถ้าไม่นับถือก็อยู่ร่วมชายคากันไม่ได้ อยู่ในหมู่บ้านไม่ได้ ก็เลยต้องเชื่อและนับถือศาสนานั้นๆสืบต่อๆกันไป แบบจำยอม

    ด้วยความคิดนี้ผมก็เลยเอาตัวเองออกมาจากศาสนาพุทธเสียก่อน เพราะตอนนั้นผมก็เป็นเพียงชาวพุทธตามทะเบียนบ้าน เขาว่ามาก็ว่าไป ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร
    เมื่อเอาตัวเองออกมา โดยมีความตั้งใจว่าเราจะศึกษาศาสนาทุกศาสนาที่ยังมีคนเชื่อถืออยู่ในปัจจุบันนี้

    ถ้าศาสนาไหนสอนถูกต้อง แบบว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ หรือเราพิสูจน์ได้ ก็จะนับถือศาสนานั้น เรียกว่าเปิดตัวเองเต็มที่ ไม่ยอมยึดติด ไม่ยอมให้พ่อแม่ สังคม หรือใครมาครอบงำความคิดได้

    ก็มาศึกษาทุกศาสนาอย่างจริงจังจากหนังสือ ตำรา คัมภีร์ต่างๆ ทั้งไบเบิล อัลกุรอ่าน พระไตรปิฎก ศาสนาเปรียบเทียบ และลัทธิความเชื่ออื่นๆอีกมาก ตอนนั้นเรียกได้ว่าแทบจะกินนอนอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติท่าวาสุกรีเลยทีเดียว

    เมื่อศึกษาไปก็พบความแตกต่างว่า มีบางศาสนาสอนเรื่องการเกิดใหม่และการเวียนว่ายตายเกิด เช่น ศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์(ฮินดู) มีบางศาสนาสอนว่าจะมีการเกิดอีกเพียงครั้งเดียวในวันพิพากษา เช่น ศาสนาฮีบรู(ยูดาย,ยิว) ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และมีบางศาสนาบางลัทธิความเชื่อก็ไม่พูดถึงชีวิตหลังความตายหรือการเกิดใหม่เลย เช่น ลัทธิขงจื้อ เป็นต้น

    ตอนนั้นผมมีความคิดว่าถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าการเกิดใหม่มีจริง การเวียนว่ายตายเกิดหลายๆครั้งได้มีจริง เราก็ตีวงในการพิจารณาได้ว่า ควรจะนับถือศาสนาใด ดี หรือว่าไม่ควรนับถือศาสนาใดๆเลย

    สาเหตุที่คิดว่าจะยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพิสูจน์ก็เพราะเมื่อตอนที่ผมอายุได้ประมาณ 10 ขวบ เคยมีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 2 ขวบ มาอ้างว่าตัวเขาเป็นน้าของผมที่ถูกยิงตายมาเกิดใหม่ เขามีรอยแผลเป็นที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด 2 แห่ง ซึ่งตรงกันกับตำแหน่งและลักษณะรอยแผลที่น้าผมถูกยิง

    ตอนแรกพวกเรา(ฝั่งอดีตชาติ) ไม่เชื่อและก็ทำการพิสูจน์เด็กต่างๆนานาเท่าที่จะคิดขึ้นมาได้ เรียกว่าคัดเอาแต่เรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ ญาติพี่น้อง หรือสิ่งของที่พ่อแม่เด็กหรือใครก็ไม่อาจรู้ได้ งัดเอามาพิสูจน์ เด็กก็พูดและแสดงออกให้เห็นว่าเขาคือน้าของผมสืบชาติมาเกิดจริงๆ พวกเราจำนนต่อคำพูดและสิ่งต่างๆที่เขาแสดงออกมา เด็กชายวัย 2 ขวบคนนั้นสามารถทำให้พวกเราเชื่อได้สนิทใจโดยไม่มีข้อกังขาว่าเขาคือน้าของผมสืบชาติมาเกิดใหม่จริงๆ

    ตอนนั้นผมเริ่มมีความโน้มเอียงมาทางศาสนาที่เชื่อเรื่องการเกิดใหม่และการเวียนว่ายตายเกิด เนื่องจากผมเองเคยได้ร่วมพิสูจน์เด็กชายวัย 2 ขวบคนนั้นด้วยตัวเองมาก่อนแล้ว จึงยากที่ผมจะปฏิเสธเรื่องนี้

    แต่เพื่อความมั่นใจผมจึงเริ่มค้นหาผลการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการเกิดใหม่ การระลึกชาติได้ การจำอดีตชาติได้ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ มีเวลาก็เข้าไปฟังการบรรยายของชมรมต่างๆ เช่น ชมรมกฏแห่งกรรม(ที่ราชนาวีสโมสร) ชมรมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย(ที่โรงแรมรอยัลฯสนามหลวง) และอีกหลายชมรม หลายวัดทั้งที่สอนอภิธรรมทั้งที่สอนวิชาสารพัด มีหลายคนที่รู้จริง เป็นของจริง แต่ก็มีไม่น้อยที่หลุดโลก

    เมื่อได้ข้อมูลมากพอสมควรในระดับหนึ่งแล้วผมตัดสินใจ ลงภาคสนาม โดยตั้งใจจะไปสอบถามรายละเอียด สอบพยานแวดล้อม และพยานบุคคลที่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอาให้ชัดๆไปเลย ตอนนั้นตั้งใจว่าจะไปสอบถามเรื่องของเด็กที่มาอ้างว่าเป็นน้าของผมมาเกิดใหม่อีกครั้ง ผมกลับไปยังบ้านเกิดที่บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ แต่ไม่พบเด็กคนนั้นแล้วเพราะตัวเขาและครอบครัวพากันย้ายไปทำงานอยู่ที่พัทยากันหมดแล้ว นานๆงานบุญหรือเทศกาลจึงจะกลับมาบ้านสักครั้ง

    เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวผมจึงถามแม่ของผมเองว่ามีใครในหมู่บ้านเราที่ระลึกชาติได้บ้าง แม่ผมก็บอกว่ามีอยู่รายหนึ่งระลึกชาติได้และบอกว่าเป็นใครมาเกิด ผมก็ไปยังบ้านที่แม่ผมบอก นั่นเป็นรายแรก ก็สอบถามไปจนพบตัวเด็กที่เขาบอกว่าระลึกชาติได้ เมื่อสอบถามสัมภาษณ์เรื่องราวของเด็กคนนั้น สอบถามญาติที่เป็นพยานรู้เห็น ก็จะมีคนในหมู่ญาติๆพี่น้องที่ผมไปสอบถามได้บอกว่ายังมีเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ระลึกชาติได้รายอื่นอีก เมื่อผมไปสอบถามรายอื่นอีกก็จะได้เบาะแสเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    เท่าที่ผมรวบรวมได้ เฉพาะในหมู่บ้านตะคร้อ มีผู้ที่ระลึกชาติได้มากกว่า 40 คน มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ตอนนั้นผมสนใจที่จะสอบถามสัมภาษณ์เฉพาะเด็กที่ยังจำอดีตชาติได้และรายที่มีพยานยืนยันชัดเจน คือ ขณะที่ไปสอบถามเขาก็ยังระลึกชาติได้ หรือมีพยานรู้เห็น และพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องยังมีชีวิตอยู่ ก่อน

    ตอนนั้นผมต้องเดินทางไปกลับระหว่างบ้านที่กรุงเทพฯกับบ้านเกิดหลายครั้งจนกระทั่งได้ข้อมูลครบถ้วนพอสมควร ผมสอบถามสัมภาษณ์ข้อมูลจากผู้ที่ระลึกชาติได้จำนวน 16 ราย และมีพยานบุคคลมากกว่า 100 คน

    ซึ่งจากการศึกษาหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้นับตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปัจจุบันนี้ เป็นเวลากว่า 10 ปี ผมมีคำตอบในเรื่องนี้ให้กับตัวเองชัดเจนแล้ว และผมได้เลือกแล้วว่าผมควรจะนับถือ เชื่อถือ และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของศาสนาใด

    ท่านสามารถอ่านเรื่องราวโดยละเอียดของผู้ที่จำอดีตชาติได้ทั้ง 16 รายได้

    http://www.se-ed.com/eshop/Products/image.axd?picture=9789749476949L.gif&Type=Large<o:p></o:p>



    แล้วท่านจะได้รู้ว่าเพราะเหตุใดผมจึงนอบน้อมในธรรมะของพระพุทธเจ้า อย่างเต็มเปี่ยม และบอกกับตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า ผมเป็น พุทธศาสนิกชน อย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นพุทธ เพราะถูกบังคับ ถูกครอบงำ ถูกปลูกฝัง หรือเป็นพุทธตามบัตรประชาชน ตามสำเนาทะเบียนบ้าน อย่างที่หลายๆคนกำลังเป็นกัน <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ธวัชชัย ขำชะยันจะ<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...