หลวงปู่ดูลย์...อัศจรรย์ !!! จิตคือพุทธะ ตอน จิตที่ไปรู้นิพพาน

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ปาปิปผลิ, 24 พฤศจิกายน 2012.

  1. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    ลวงปู่ดูลย์...อัศจรรย์ !!! จิตคือพุทธะ ตอน จิตที่ไปรู้นิพพาน

    จิตนี้คือพุทธะโยนิอันบริสุทธิ์ซึ่งมีประจำอยู่แล้วในคนทุกคน
    สัตว์ซึ่งมีความรู้สึกนึกคิด กระดุกกระดิกได้ทั้งหมดก็ดี
    พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระโพธิสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงก็ดี
    ล้วนแต่เป็นของแห่งธรรมชาติอันหนึ่งนี้เท่านั้น ไม่มีแตกต่างกันเลย
    ความแตกต่างทั้งหลายเกิดขึ้นจากเราคิดผิดๆเท่านั้น
    ย่อมนำเราไปสู่การก่อสร้างกรรมทั้งหลายทั้งปวงทุกชนิดไม่มีหยุด
    ธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะดั้งเดิมของเรานั้น


    โดยความจริงอันสูงสุดแล้ว เป็นสิ่งซึ่งไม่มีความหมายแห่งความเป็นตัวตน
    แม้แต่สักปรมาณูเดียว
    สิ่งนั่นก็คือความว่าง เป็นสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่ทุกแห่งซึ่งสงบเงียบและไม่มีอะไรเจือปน
    มันเป็นสันติสุขที่รุ่งเรืองและเร้นลับ และก็หมดกันเพียงเท่านั้นเอง
    จงเข้าไปสู่สิ่งสิ่งนี้โดยลึกซึ้ง โดยการลืมตาต่อสิ่งนี้ด้วยตัวเราเอง
    สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรานี่แหละ คือสิ่งสิ่งนั้นในอัตราที่เต็มที่ทั้งหมดทั้งสิ้น
    และสมบูรณ์ถึงที่สุดแล้วไม่มีอะไรนอกไปจากนี้อีกแล้ว



    จิตก็คือพุทธะ (สิ่งสูงสุด) มันย่อมรวมสิ่งทุกสิ่งเข้าไว้ในตัวมันทั้งหมด
    นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้วทั้งหลาย เป็นที่สุดในเบื้องสูง
    ลงไปกระทั้งจนถึงสัตว์ที่ต่ำต้อยที่สุด ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานอยู่ด้วยอก
    และแมลงต่างๆ เป็นที่สุดในเบื้องต่ำ
    สิ่งเหล่านี้ทุกสิ่งนั้นย่อมมีส่วนแห่งความเป็นพุทธะเท่ากันหมด
    และทุกๆสิ่งมีเนื้อหาเป็นอันเดียวกันกับจิตหนึ่งนั้น
    ดังนั้นสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงได้เป็นสิ่งที่มีเนื้อหาเป็นอันเดียวกันกับพุทธะ
    อยู่แล้วตลอดเวลา
    ถ้าพวกเราเพียงแต่สามารถทำความเข้าใจในจิตของเรานี้ให้สำเร็จ
    และค้นพบธรรมชาติอันแท้จริงของเราเองได้ ด้วยความเข้าใจอันนั้นเท่านั้น
    มันก็จะเป็นที่แน่นอนว่า ไม่มีอะไรที่พวกเราจำเป็นจะต้องแสวงหาแม้แต่อย่างใดเลย


    จิตของเรานั้นถ้าเราทำความสงบอยู่จริงๆ
    เว้นขาดจากการคิดนึกซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของจิตแม้แต่น้อยที่สุดเสียให้ได้จริงๆ
    ตัวแท้ของจิตก็จะปรากฏออกมาเป็นความว่าง แล้วเราก็จะพบว่ามันเป็นสิ่งที่ปราศจากรูป
    มันไม่ได้กินเนื้อที่อะไรที่ไหนๆแม้แต่จุดเดียว
    มันไม่ได้ตกลงสู่การบัญญัติว่าเป็นพวกที่มีความเป็นอยู่
    หรือว่าไม่มีความเป็นอยู่แม้แต่ประการใดเลย
    เพราะเหตุที่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอาตยนะ
    เพราะจิตที่เป็นธรรมชาติที่แท้ของคนเรานั้น มันเป็นครรภ์หรือเป็นกำเนิด
    ซึ่งไม่ได้มีใครทำให้เกิดขึ้น และไม่อาจจะถูกทำลายได้เลย
    ในการทำปฏิกริยาตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆนั้น
    มันเปลี่ยนรูปของมันเองออกมาจากปรากฎการณ์ต่างๆ
    ซึ่งสะดวกในการพูด เราพูดถึงจิตในฐานะที่เป็นตัวสติปัญญา
    แต่ในขณะที่มันไม่ได้ทำการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม
    คือไม่ได้เป็นตัวสติปัญญาที่คิดนึงหรือสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมานั้น
    มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจถูกกล่าวถึงในการที่จะบัญญัติว่า มันเป็นความมีอยู่
    หรือไม่ใช่ความมีอยู่


    ยิ่งไปกว่านั้นอีก แม้ในขณะที่มันทำหน้าที่สร้างสิ่งต่างๆขึ้นมา
    ในฐานะของกฏแห่งการตอบสนองของเหตุและผลของกันและกันนั้น
    มันก็ยังเป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย
    และมโนทวารอยู่นั่นเอง


    ถ้าเราทราบความเป็นจริงข้อนี้ เราทำความสงบเงียบสนิท
    อยู่ในภาวะแห่งความไม่มีอะไรในขณะนั้น
    พวกเรากำลังเดินอยู่แล้วในทางแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายโดยแท้จริง
    ดังนั้น เราควรเจริญจิตให้อยู่หยุดอยู่บนความไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น
    มูลธาตุทั้งห้าซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นวิญญาณนั้น มันเป็นของว่างเปล่า
    แต่ละมูลธาตุทั้งสี่ของสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นรูปกายนั้น
    ไม่ใช่เป็นสิ่งทีประกอบกันขึ้นเป็นตัวของเรา


    จิตจริงแท้นั้นไม่มีรูปร่างและไม่มีอาการมา อาการไป ธรรมชาติเดิมแท้
    ของเรานั้นเป็นสิ่งสิ่งหนึ่ง
    ซึ่งไม่มีการตั้งต้นขึ้นที่การเกิด และไม่มีการสิ้นสุดลงที่การตาย
    แต่เป็นของสิ่งเดียวรวดและปราศจากเคลื่อนไหวใดๆ
    ในส่วนลึกจริงๆของมันทั้งหมด จิตของเรากับสิ่งต่างๆซึ่งแวดล้อมเราอยู่นั้น
    เป็นสิ่งสิ่งเดียวกัน
    ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจได้ตามนี้จริงๆ เราจะได้ลุถึงความรู้แจ้งเห็นแจ้งได้
    โดยแว๊บเดียวในขณะนั้น
    และเราเป็นผู้ไม่ต้องข้องเกี่ยวในโลกทั้งสามอีกต่อไป
    เราจะเป็นผู้อยู่เหนือโลก จะไม่มีการโน้มเอียงไปสู่การเกิดใหม่อีกแม้แต่นิดเดียว
    เราจะเป็นแต่ตัวของเราเองเท่านั้น ปราศจากความคิดปรุงแต่งโดยสิ้นเชิง
    และเป็นสิ่งสิ่งเดียวกับสิ่งสูงสุดสิ่งนั้น และเราจะได้ลุถึงภาวะแห่งความที่
    ไม่มีอะไรปรุงแต่งได้อีกต่อไป
    ฉะนั้นนี่แหละคือหลักธรรมะ นี่เป็นหลักมูลฐานอยู่ในที่นี้


    ******


    สัมมาสัมโพธิเป็นชื่อของการเห็นแจ้งชัดว่า ไม่มีธรรมใดเลยที่ไม่เป็นโมฆะ
    ถ้าเราเข้าใจความจริงข้อนี้แล้ว ของหลอกลวงทั้งหลายจะมีประโยชน์อะไรแก่เรา
    ปรัชญาก็คือความรู้แจ้ง ความรู้แจ้งคือจิตต้นกำเนิดดั้งเดิมซึ่งปราศจากรูป
    ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจได้ ผู้กระทำและสิ่งที่ถูกกระทำ คือจิตและวัตถุ
    เป็นของสิ่งเดียวกันนั่นแหละ
    จะนำเราไปสู่ความเข้าใจอันลึกซึ้งและลึกลับเหนือคำพูด
    และโดยความเข้าใจอันนี้เอง พวกเราจะได้ลืมตาต่อสัจธรรมที่แท้จริงด้วยตัวเราเอง
    สัจธรรมที่แท้จริงของเรานั้น มันไม่ได้หายไปจากเราแม้ใน
    ขณะที่เรากำลังหลงผิดอยู่ด้วยอวิชชา
    และไม่ได้รับกลับมาในขณะที่เรามีการตรัสรู้ มันเป็นธรรมชาติแห่งภูตตถาตา



    ในธรรมชาตินี้ไม่มีทั้งอวิชชา ไม่มีทั้งสัมมาทิฐิ มันเต็มอยู่ในความว่าง
    และเป็นเนื้อหาอันแท้จริงของจิตหนึ่งนั้น
    เมื่อเป็นดังนั้นแล้วอารมณ์ต่างๆของเราที่จิตได้สร้างขึ้นทั้งฝ่ายธรรมและฝ่ายรูปธรรม
    จะเป็นซึ่งอยู่ภายนอกของความว่างนั่นได้อย่างไร
    โดยหลักมูลฐานแล้ว ความว่างนั่นเป็นสิ่งซึ่งปราศจากมิติต่างๆแห่งการกินเนื้อที่
    คือปราศจากกิเลส ปราศจากกรรม ปราศจากอวิชชา และปราศจากสัมมาทิฐิ
    พวกเราต้องทำความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งว่า โดยแท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลย
    ไม่มีมนุษย์สามัญ ไม่มีพุทธะทั้งหลาย เพราะว่าในความว่างนี้ ไม่มีอะไรบรรจุอยู่
    แม้เท่าเส้นขนที่เล็กที่สุด อันเป็นสิ่งซึ่งจะมองเห็นได้โดยทางมิติ หรือกฏแห่งการกินเนื้อที่เลย
    มันไม่ต้องอาศัยอะไร และไม่ต้องติดเนื่องอยู่กับสิ่งใด มันเป็นความงามที่ไร้ตำหนิ
    เป็นสิ่งซึ่งอยู่ได้โดยตัวมันเอง และเป็นสิ่งสูงสุดที่ไม่มีอะไรสร้างขึ้น
    มันเป็นเพชรพลอยที่อยู่เหนือการตีค่าทั้งปวงเสียจริงๆ

    เราต้องแยกรูป​
    ถอด ด้วยวิชามรรคจิต เหตุต้องละ ผลต้องละใช้ หนี้ก็หมด พ้นเหตุเกิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2016
  2. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    เพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801

แชร์หน้านี้

Loading...