หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทุเรียนทอด, 16 พฤษภาคม 2011.

  1. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    ไม้เจีย (ไม้สีฟัน)
    ในรูปนี้ หลวงปู่ท่านกำลังสีฟันอยู่ครับ.. หลวงปู่ท่านเป็นพระโบราณ ท่านจะไม่ใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันเหมือนพวกเรา แต่ท่านจะใช้ไม้สีฟัน หรือไม้เจีย
    ไม้เจียเป็นไม้ที่ทุบปลายแล้วใช้สีฟันแทนแปรงสีฟัน ทำจากไม้ที่มีคุณสมบัติเป็นยา อาจมีรสขมนิดๆ เช่น ไม้ข่อย โกทา สมัด ดีคน ฯลฯ ใช้สำหรับชำระฟัน ลิ้น ปาก ให้สะอาดปราศจากกลิ่นและเศษอาหาร รวมทั้งช่วยให้ฟันแข็งแรง ลิ้นรับรสได้ดี และขจัดเสมหะ..
    ส่วนยาสีฟันที่ท่านใช้ เป็นยาสีฟันแบบผงแบบโบราณ ซึ่งจะใช้คู่กับไม้สีฟันดังกล่าว ซึ่งยี่ฮ่อที่หลวงปู่ท่านนิยมใช้คือยี่ฮ่อ วิเศษนิยม
    ซึ่งทั้งไม้สีฟัน และยาสีฟันชนิดผงนี้ เป็นสิ่งที่พระป่า และพระยุคก่อนๆใช้กันมาก ในปัจจุบันสำนักวัดป่าต่าง ๆ ก็ยังพอมีให้เห็นกันอยู่บ้าง และยังใช้เป็นเครื่องสักการะบูชาครูบาอาจารย์ ในวาระสำคัญ เช่น การขอนิสสัย แต่พระป่าสายกัมมัฏฐานบางที่ก็ไม่นิยมใช้กันแล้ว จะใช้แปรงสีฟันเหมือนกับในปัจจุบัน เพราะไม่มีผู้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการใช้ไม้สีฟัน จึงเริ่มสูญหายไปเรื่อยๆ.. 47175985_1896523457112031_4264548619622809600_n.jpg?_nc_cat=111&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    47192628_1896523523778691_2029545409419935744_n.jpg?_nc_cat=107&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
     
  2. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    เหาะเหินเดินอากาศล่องหนหายตัว..
    มีครูบาอาจารย์หลายท่าน และผู้ที่เป็นลูกศิษย์ขององค์หลวงปู่กล่าวกันว่า.. " หลวงปู่พิศดูท่านเป็นพระที่มีฤทธิ์มีเดช (อภิญญา) "

    บ้างก็บอกว่า.. " พระอย่างหลวงปู่ ท่านสามารถเหาะเหินเดินอากาศ ล่องหนหายตัวได้ "

    ถ้ามาวิเคราะห์ตีแตกแยกธาตุกันจริงๆแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็คงไม่เกินวิสัยของหลวงปู่ท่าน เพราะองค์แห่งฤทธิ์อภิญญาทั้งหลาย ล้วนมีธาตุกสิณเป็นบาท ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งในกัมมัฏฐาน 40 กอง ซึ่งองค์หลวงปู่พิศดูท่านก็สามารถเจริญได้จบครบถ้วนแล้วทั้งหมด กัมมัฏฐานทั้ง 40 กองดังกล่าวนั้นประกอบด้วย..
    1. กสิณกัมมัฏฐาน 10 กอง
    2. อสุภกัมมัฏฐาน 10 กอง
    3. อนุสสติกัมมัฏฐาน 10 กอง
    4. พรหมวิหารกัมมัฏฐาน 4 กอง
    5. อรูปกัมมัฏฐาน 4 กอง
    6. อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1 กอง
    7. จตุธาตุววัฏฐาน 1 กอง
    รวมทั้ง 7 หมวดเป็น 40 อย่างพอดี
    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบถึงความเหมาะสมในกัมมัฏฐานต่างๆ ที่เหมาะสมกับจริตของแต่ละบุคคล เมื่อใดอารมณ์จิตของท่านผู้ใดข้องอยู่ในอารมณ์ชนิดใด ก็ให้เอากัมมัฏฐานที่พระองค์ทรงประทานไว้ว่าเหมาะสมกัน เข้าพิจารณาหรือภาวนาแก้ไข เพื่อความผ่องใสของอารมณ์จิต เพื่อการเจริญวิปัสสนาญาณ เพื่อมรรคผลนิพพานต่อไป...
    (ซึ่งรายละเอียดในกัมมัฏฐานทั้งหลายนี้จะไม่ขอกล่าวถึงให้มากเนื้อความ หากท่านใดต้องการทราบ ให้หาศึกษาได้ใน Google)

    เพียงแค่ 1 ในกัมมัฏฐานทั้ง 40 กองนี้ หากผู้ใดตั้งใจเจริญด้วยความวิริยะอุตสาหะแท้จริงแล้ว ประกอบกับใช้วิปัสสนาญาณ ก็สามารถจะบรรลุธรรมได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกท่านจะสามารถเจริญได้จบครบถ้วนทั้งหมด 40 กองก็หาไม่ มีแต่เพียงพระผู้ทรงความเป็นอัจฉริยภาพจริงๆเท่านั้น ที่สามารถเจริญได้ครบถ้วน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วท่านผู้นั้นก็จะได้อภิญญาสมาบัติ..

    จะว่าไปคำว่า " เหาะเหิน เดินอากาศ ล่องหน หายตัว " นั้นเป็นคำกล่าวที่แสดงถึงผู้มีฤทธิ์ประเภทเหนือวิสัยของปุถุชนธรรมดา
    แต่สำหรับในส่วนขององค์หลวงปู่พิศดู ที่มีลูกศิษย์ของท่านเคยพบเห็นกันมาก็มีหลายคน เรื่องที่ผู้เขียนเคยได้ยินได้ฟังมาจากผู้มีประสบการณ์ตรง ที่ว่า
    " ล่องหน หายตัว และเดินอากาศ " นั้นมีจริงอย่างแน่นอน แถมผู้ที่พบเจอ ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่สำหรับเรื่อง " เหาะเหิน " นี้ก็ยังไม่ทราบว่ามีใครเคยเห็นท่านแสดงบ้างหรือไม่ แต่ถ้าจะว่าเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงหน่อยก็จะเป็นเรื่องที่มีคนเห็นหลวงปู่ท่านนอนภาวนา แล้วตัวท่านก็ลอยสูงขึ้นไปบนอากาศ ห่างจากพื้นที่ท่านนอนร่วมเมตรกว่าๆ แบบนี้จะว่าเป็นการเหาะได้หรือไม่..? แต่สำหรับเรื่องหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต และรู้วาระจิตนั้น เป็นเรื่องปกติที่ลูกศิษย์ของท่านมีประสบการณ์กันแทบทุกคน..

    หลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีจริตชอบอยู่แบบสงบวิเวกเป็นพระปัจเจกบุคคล ถ่อมตน ไม่โอ้อวดหรือชอบแสดงอะไรให้ใครดูบ่อยครั้งนัก แต่ก็ยังมีคนเจอประสบการณ์แนวนี้กันมาก ซึ่งเป็นเรื่องเหนือวิสัยคนธรรมดา ทั้งนี้ก็ตามแต่วาสนาของแต่ละบุคคลไป.. 39976708_1755706207860424_1982200735080644608_n.png?_nc_cat=103&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.png
     
  3. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    #ประสบการณ์ผีพรายน้ำ..
    เรื่องนี้คุณอวยชัย (หนวด) บ้านเสม็ดงามได้เป็นผู้เล่าให้ฟังว่า..
    สมัยปี 2540 กว่าๆได้มีลูกศิษย์จากตำบลไม้รูด จังหวัดตราด ได้ขอปวารณาตนกับองค์หลวงปู่ และยังได้สร้างกุฏิรับรองพระภิกษุเอาไว้ที่สวนของตน และได้ตั้งใจมานิมนต์หลวงปู่พิศดูไปพัก กุฏิรับรองหลังนี้ได้ถูกสร้างให้ดูคล้ายกับกุฏิพระ มีห้องพระ ห้องนอน และห้องน้ำในตัว ปลูกสร้างอยู่ในสวนผลไม้ ใกล้ทะเลสาบหรืออ่างเก็บน้ำที่กว้างใหญ่พอสมควร บรรยากาศน่ารื่นรมย์สัปปายะดี ซึ่งหลวงปู่ก็ได้เมตตาเดินทางไปพักตามคำอาราธนานิมนต์ การเดินทางไปในครั้งนั้นคุณอวยชัยได้เดินทางติดตามหลวงปู่ไปด้วยเพื่ออุปัฏฐากรับใช้ เมื่อไปถึงทางเจ้าของที่ก็ได้จัดน้ำปานะถวาย และหลวงปู่ท่านก็ได้สวดมนต์ให้สักพักหนึ่ง เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้ว จู่ๆหลวงปู่ก็บอกคุณอวยชัยว่า " โยมหนวดรออยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวเรากลับมา.."
    ซึ่งคุณอวยชัยก็คิดว่าหลวงปู่คงจะออกไปทำธุระแถวนี้ ไม่นานก็คงจะกลับ แถมก่อนออกไปหลวงปู่ยังบอกด้วยว่า " อยู่คนเดียวว่างๆก็ให้สวดมนต์ภาวนาบ้างนะ.." แล้วท่านก็ออกไปโดยมีลูกศิษย์เจ้าของที่เป็นผู้ขับรถให้

    คุณอวยชัยก็ได้รอ รอ แล้วก็รอ หลวงปู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาจนกระทั่งถึงเวลาเย็น แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้าแล้ว คุณอวยชัยก็ออกมาเดินเล่นรอบๆที่พัก และแล้วสายตาก็พลันเห็นเข้ากับสิ่งแปลกประหลาดหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต นั่นก็คือ ในทะเลสาบ ได้มีกลุ่มเส้นผมสีดำยาวสยายกลุ่มใหญ่ 2 กลุ่ม และกลุ่มเล็กๆอีก 3 กลุ่ม กำลังเคลื่อนที่ไปมาบนผิวน้ำราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต พอกลุ่มเส้นผมเหล่านี้เคลื่อนตัวไปทางไหน ก็จะมีฝูงปลากระโดดหนีขึ้นบนผิวน้ำเป็นพักๆ คุณอวยชัยตกตะลึง ใจหายวาบ เนื้อตัวเย็นเฉียบแทบจะเป็นลม ความรู้สึกเหมือนถูกสะกดด้วยนะจังงังเกือบ 1 นาที พอหายตกใจสติเริ่มคืนมาก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เห็นนั่นคือ #ผีพรายน้ำ นั่นเอง เคยได้ยินแต่คนเก่าคนแก่เล่าขานกันมา ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้ก็เพิ่งเคยเจอของจริง พอตั้งสติได้ก็นึกถึงองค์หลวงปู่ จิตใจตอนนั้นก็ค่อนข้างว้าวุ่น และนึกรำพึงรำพันว่า สงสัยตัวเองจะถูกทิ้งเสียแล้ว หลวงปู่คงจะกลับไปวัดแล้วกระมัง ทำอย่างไรดี ถ้าหลวงปู่อยู่ที่นี่ละก็เราจะไม่กลัวอะไรเลย สมัยนั้นตนเองก็ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือที่จะโทรตามใครได้ ก็เลยรีบเดินเข้าไปในที่พัก เห็นหนังสือสวดมนต์วางอยู่ ก็เลยเอามาสวดมนต์ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ อันมีองค์หลวงปู่พิศดูเป็นที่สุด ไม่รู้บทไหนเป็นบทไหน สวดมันทุกบทนั่นแหละ สวดๆไป ก็หันมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นระยะๆก็ยังเห็นผีพรายน้ำยังไล่กินปลาอยู่ ยังไม่ได้หายไปไหนจนกระทั่งความมืดเข้ามาเยือน ไฟฟ้าก็ยังไม่มี มีแต่เพียงแสงจะเกียงเจ้าพายุดวงเดียว กับแสงเทียนที่จุดบูชาพระเท่านั้น คืนนั้นคุณอวยชัยก็สวดมนต์ภาวนาทั้งคืนไม่ได้หลับเลยจนกระทั่งเช้า คืนนั้นคุณอวยชัยจึงสามารถท่องจำบทสวดมนต์ได้หลายบท โดยเฉพาะพระคาถาชินบัญชรก็ท่องได้ตั้งแต่คืนนั้นเอง พอตอนสายๆหลวงปู่ก็เดินทางมากลับมาพร้อมกับลูกศิษย์เพื่อมารับคุณอวยชัย แล้วท่านถามคุณอวยชัยว่า " โยมหนวดเมื่อคืนเป็นไงบ้าง.." คุณอวยชัยก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงปู่ฟัง ท่านก็หัวเราะชอบใจแล้วบอกว่า " ดีแล้ว เจอของจริงจะได้หายสงสัย และได้ไม่ขี้เกียจสวดมนต์.."

    * หลวงปู่ท่านทราบหรือไม่ว่าคุณอวยชัยจะเจอกับอะไรบ้าง..?
    * และ ท่านทราบหรือไม่ว่าในทะเลสาบนั้นมีผีพรายน้ำอยู่..?

    เรื่องนี้คุณอวยชัยมาทราบภายหลังว่า.. หลวงปู่ท่านทราบดีด้วยญาณอยู่แล้วว่าในน้ำนี้มีผีพรายน้ำอยู่ และท่านก็ทราบอีกด้วยว่าคุณอวยชัยจะเจอกับอะไรบ้าง ความประสงค์ของหลวงปู่ท่านต้องการให้คุณอวยชัยได้เชื่อและหายสงสัยในสิ่งลี้ลับ และคนเราเมื่อเกิดความกลัวแล้ว ก็จะมีความเพียรปฏิบัติ และยึดเอาพระพุทธคุณเป็นที่พึ่ง และจะเร่งภาวนาจิต ซึ่งคุณอวยชัยได้บอกว่า แรกๆนั้นกลัวจนทำอะไรไม่ถูก แต่พอสวดมนต์ภาวนาและนึกถึงบารมีหลวงปู่เป็นที่พึ่งแล้ว ไม่รู้ความกลัวมันหายไปตั้งแต่ตอนไหน มันกลัวจนหายกลัว คิดแล้วก็นึกขำเรื่องของตัวเองที่ชีวิตนี้ต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็นึกขอบพระคุณหลวงปู่ว่า ท่านได้สอนธรรมให้แบบถึงจิตถึงใจดีแท้ๆ..

    #หมายเหตุ.. ว่ากันว่า ผีพรายน้ำเป็นผีชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่ในน้ำ เวลาปรากฏตัวจะเห็นเป็นเหมือนเส้นผมสยายลอยอยู่บนผิวน้ำ เคลื่อนที่ไปมาได้เหมือนสิ่งมีชีวิต ดูดกินเลือด หรือกินสัตว์เล็กๆเช่น ปลาเป็นอาหาร แต่ว่ามีนิสัยขี้อายไม่กล้าให้ใครเห็นรูปร่างหรือหน้าตาที่แท้จริง ถ้ามีใครทำให้ตกใจ จะดำน้ำหายไป แต่บางข้อมูลก็บอกว่า ผีพรายน้ำตนที่แก่กล้าแล้ว จะสามารถแปลงกายเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาสะสวยเพื่อล่อเหยื่อได้ ใครเห็นก็เหมือนถูกมนต์สะกดจนขาดสติ จนกระทั่งเดินเข้าไปหา แล้วถูกทำร้ายจนเสียสติ บางรายถึงกับเสียชีวิตได้.. ( โปรดใช้วิจารณญาณ ) 38159503_1716234308474281_6735001181078159360_n.png?_nc_cat=105&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.png
     
  4. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    มีผู้เคยถามหลวงปู่พิศดูว่า ใช้คาถาอย่างไรจึงจะขลัง และได้ผล..??
    หลวงปู่ตอบว่า..
    " จะใช้คาถาอะไรนั้น สำคัญที่จิต(มีสมาธิ) และต้องสวดด้วยใจเคารพ ไม่ใช่สักแต่ว่าสวดเล่นๆไป แบบนั้นก็ไม่ได้ผล.."
    " สวดมนต์สวดได้ทุกอิริยาบท แต่ต้องมีใจเคารพ.."

    สำหรับคาถาที่เกี่ยวกับทางพุทธคุณนั้น เปรียบเสมือนพระธรรมคำสอน หรือเป็นบทที่สรรเสริญคุณพระ ถึงแม้คาถาบางบทที่อริยครูท่านสอนถ่ายทอดสืบต่อกันมาเป็นเพียงคำสั้นๆ นั่นก็เป็นการตัดทอนย่อลงมาจากพระพุทธมนต์บทใหญ่ ให้เหลือเพียงหัวข้อทีาเรียกกันว่า " หัวใจ " ก็สมควรสวดด้วยใจที่เคารพอย่างที่หลวงปู่ท่านกล่าวไว้เช่นกันครับ

    คนสมัยโบราณที่เรียนธรรมบาลี หรือมูลกัจจายน์สูตร เวลาเขาเขียนชอล์คลงแผ่นกระดาน ยังต้องกล่าวบทไหว้ครูก่อน และต้องตั้งใจเขียน และต้องปู่ผ้าขาวรองไว้ เวลาลบอักษรจะต้องระวังไม่ให้ผงชอล์คหล่นลงพื้น (ต่อมาผงนี้นิยมเก็บไว้สร้างพระผงเพื่อสืบอายุพระศาสนา) เพราะยึดถือเป็นอุปาทานว่า อักขระตัวหนึ่ง หมายถึงพระ 1 องค์ คนโบราณจึงทำอะไรได้ขลังจริง เพราะใจเคารพมั่นคง.. 36879493_1677473132350399_8770790364844916736_n.jpg?_nc_cat=101&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
     
  5. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
  6. Khun Krit

    Khun Krit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +93
  7. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,126
    ค่าพลัง:
    +22,240
    เรื่องพระลป. ไม่แน่ใจว่ามีเหลือไหม แต่หนังสือน่าจะมีนะครับ ไปวัดท่านก็ถือเป็นมงคลแล้วครับ
     
  8. Khun Krit

    Khun Krit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +93
    ขอบพระคุณครับ วันนี้ได้ไปวัดมาเรียบร้อย ร่มรื่นมากครับ
     
  9. Sunti999

    Sunti999 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2023
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    สมัครมาใหม่ครับ เบอร์ผม 0840983694
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. Sunti999

    Sunti999 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2023
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    ยาวาสนาจินดามณี ขององค์หลวงปู่พิศดู
    สมัยที่องค์หลวงปู่ยังดำรงค์ขันธ์อยู่ ท่านมียาวิเศษอยู่ขนานหนึ่ง นั่นคือยาวาสนาจินดามณี ซึ่งยาขนานนี้ได้สร้างตามสูตรของตำรายาแต่ดั้งเดิมของสำนักวัดกลางบางแก้ว หลวงปู่ท่านได้อธิษฐานจิต แล้วจึงนำออกแจกจ่ายเป็นทานต่อไป หลวงปู่เคยบอกว่าใช้กินเพื่อรักษาโรคได้ทุกอย่าง ถ้าไม่ถึงวาระจริงๆโรคที่เป็นจะเบาบางลงและหายในที่สุด หรือหากไม่กินจะนำมาแขวนคอ หรือบูชาก็ได้เป็นยาวิเศษกว่ายาใดๆทั้งปวง.. ซึ่งก็เป็นอย่างที่องค์หลวงปู่ท่านกล่าวไว้ หลายคนที่ได้ไปใช้ได้หายจากโรคร้ายต่างๆ เช่น มะเร็ง เชื้อราในสมอง เนื้องอก ไวรัสตับ ฯลฯ ตลอดถึงเมตตามหานิยม ป้องกันภัยต่างๆด้วย บางครั้งท่านก็ให้มาทำเป็นมวลสารในการสร้างพระบางรุ่นก็มี เช่นผสมในผงที่อุดไว้ด้านหลังล็อกเก็ตรุ่นต่างๆ และที่บรรจุไว้ใต้ฐานพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ของท่าน ก็ล้วนแต่มียาวาสนาจินดามณี ยาอันสุดวิเศษของท่านผสมอยู่..
    การอธิษฐานจิตยาวาสนาขององค์หลวงปู่นั้น ท่านก็มิได้จำเป็นต้องตั้งปรัมพิธี หรือมีราชวัตรฉัตรธง วงสายสิญจน์เหมือนที่อื่นๆเลย เพียงแต่ท่านสวดมนต์ ตั้งจิตอธิษฐานหรือที่ท่านเรียกว่า " เสก " ให้เป็นยาวาสนาจินดามณี ให้มีคุณวิเศษตามแต่เหตุปัจจัยนั้นๆ ของที่ท่านเสกนั้นก็จะเป็นไปตามที่ท่านตั้งใจไว้ทุกอย่างทุกประการ แม้แต่วัตถุมงคลอื่นๆก็เช่นกัน..
    เท่าที่เคยได้ยินที่องค์หลวงปู่ท่านสวดเพื่อเสกยาจินดามณีของท่าน ส่วนมากจะใช้บทนี้ครับ..
    " จินดามณีเป็นยาวาสนา เลิศล้ำโลกาในโลกแดนดิน
    ผู้ใดได้กินจะสวัสโสภิณ กว่าคนทั้งหลาย
    ทรัพย์สินเงินทอง มูลมองมากมาย
    โทษหนักเท่าหนัก จะถึงความตาย
    เบาบางผ่อนคลาย ลดน้อยถอยเอย "
    " เราสวดบทนี้ อธิษฐานให้เป็นยาจินดามณีแค่นี้แหละ..เสร็จ "
    หลายท่านอ่านดูแล้วอาจรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่เป็นบทคาถาแต่เป็นคำกลอนต่างหาก.. บางท่านที่เคยศึกษาวิชาอาคมหรือเคยเห็นบทคาถาที่ใช้ปลุกเสกยาจินดามณีของสำนักอื่นๆมา ก็อาจจะรู้สึก งง งง ว่าทำไมถึงได้ใช้บทนี้ เพราะจริงๆแล้วบทที่ใช้ปลุกเสกยาจินดามณีน่าจะเป็นอีกบทหนึ่งไม่ใช่หรือ..???? ขอตอบตามความรู้ที่องค์หลวงปู่และครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกมาว่า ของที่จะมีความศักดิ์สิทธิ์ได้ สำคัญอยู่ที่ " จิต " โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอริยะเจ้า หรือพระอรหันต์ที่มีบารมีสูงๆ และท่านที่มีฤทธิ์ทรงคุณวิเศษโดยบริบูรณ์แล้ว เพียงแต่นึกคิด หรืออธิษฐานให้เป็นอะไรก็สามารถเป็นไปอย่างนั้นๆได้ทุกประการตามเจตนาของท่าน ตัวคาถานั้นเป็นเพียงเครื่องจูงจิตให้มุ่งไปในจุดที่ต้องการเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องจิตจึงสำคัญที่สุด พระคาถาจึงเป็นเรื่องรอง ไม่ว่าพระอริยะเจ้าหรือพระอรหันต์นั้นท่านจะกล่าวสิ่งใดที่ท่านคิดว่า(สมมุติให้)เป็นพระคาถา ก็จะเกิดความขลัง มหาขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นทั้งสิ้นแน่นอนไม่ต้องมีข้องสงสัย และที่สำคัญที่สุดไม่มีวันเสื่อมคลายความขลังด้วยครับ..
    ยาวาสนาจินดามณีขององค์หลวงปู่นี้ ครูบาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในองค์ญาณทัศนะ ยังบอกเลยว่า " ไม่ได้ด้อยไปกว่าของหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้วเลย " สุดยอดจริงๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...