หลวงปู่พุทธอิสระชี้ชาวพุทธงมงายคือสัญญาณหายนะของสังคมปัญญา

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย paang, 31 กรกฎาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    'หลวงปู่พุทธอิสระ'ชี้ชาวพุทธงมงายคือสัญญาณหายนะของสังคมปัญญา

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> หลวงปู่พุทธอิสระแสดงธรรม พุทธบริษัทงมงายคลั่งสำนักทรงเจ้าขอหวยเป็นสัญญาณอันตรายส่อสังคมทางปัญญาเริ่มจำกัดวงแคบลงและตายไปในที่สุด ปัจจุบันมนุษย์แข่งกันจนลืมคนข้างเคียง แนะให้สามัคคีและใส่วิญญาณในการทำงาน สนธิ ระบุยุคปัจจุบันเป็นยุคแข่งขันเอาที่ 1 จนขาดความสามัคคี

    อุทยานอนุรักษ์สุขภาพ ครั้งที่ 13 ยังคงได้รับการตอบรับจากประชาชนผู้สนใจเข้าร่วม "ตลาดนัดทางปัญญา" อย่างคับคั่ง โดยในเวลา 13.30-16.00 น. วันที่ 30 ก.ค.หลวงปู่พุทธอิสระ,สนธิ ลิ้มทองกุล และ สำราญ รอดเพชร ร่วมเสวนาธรรม เรื่อง วิเคราะห์สังคมด้วยธรรม โดย หลวงปู่พุทธอิสระ แสดงธรรมว่า จำนวนพุทธศาสนิกชนที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมไม่สามารถนำเอามาชี้ได้ว่าสภาพสังคมในขณะนั้นเป็นอย่างไร แต่หากเข้าวัดเพื่อแสวงหาตัวเลขหรือวัตถุมงคลฝนช่วงเศรษฐกิจไม่ดี สังคมไม่ดีแล้วเข้าวัดและส่วนใหญ่เป็นการเข้าสำนักที่หนักไปทางมอมเมาและทรงเจ้า เป็นเครื่องส่งสัญญาณให้รู้ว่า คนไทยฉลาดน้อยลง ไม่ค่อยใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา แต่ใช้ความเคยชินและความทรงจำในการแก้ปัญหาแทน ซึ่งการประ มวลผลการเรียนรู้และวิถีทางแห่งปัญญาไม่ค่อยโตในเมืองไทย มีแต่ตายลงและจำกัดอยู่ในวงแคบๆ ขณะที่สังคมที่ไม่ใช่ปัญญาผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดและโตวันโตคืน

    "เป็นการส่งสัญญาณที่น่ากลัวและเสี่ยงมากสำหรับมวลมนุษย์ เพราะแสดงว่ามนุษย์จะเหลือแต่โครงสร้าง แต่ความเป็นมนุษย์จะหายไป เราจึงไม่รู้ตื่น ไม่รู้เบิกบาน เพราะเราไม่รู้ว่าจะตื่นจากอะไร ต่อไปพุทธบริษัทจะเหลือแต่โครงสร้าง การเข้าวัดก็ไปคลั่งหวย ไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจ และสงฆ์ก็ควรตระหนักว่าการสนับสนุนกิจกรรมของฆราวาสในรูปแบบนั้น เป็นการแสดงความเสื่อมทางพุทธศาสนา ซึ่งศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนนำเอาวิถีแห่งพุทธธรรมที่ซื่อตรงไปทำให้บิดเบี้ยว" หลวงปู่ธรรมอิสระแสดงธรรม

    หลวงปู่ฯ กล่าวอีกว่า หลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรมกับพูดกับข้าราชการกรมอนุรักษ์พลังงานแห่งชาติ ซึ่งหลายๆ คนบ่นว่า ณ วันนี้ ข้าราชการมัวแต่ทำให้ได้เป้าตามที่นายสั่ง คือ ทำผลงานดี ตัวเลขดี บริการดีแล้วทุกคนก็ต้องแข่งกัน โดยลืมไปว่าคนที่แข่งด้วยคือพี่ น้อง คนข้างบ้าน ทุกคนเลยไร้สำนึกกับคนข้างใกล้เคียง เกรงแต่ว่าจะตกจากดีและทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทน ระบบราชการก็เลยกลายเป็นระบบที่ฝังไมโครชิฟไว้ว่าต้องทำแบบนี้ ทำให้คนไร้สำนึก โดยลืมไปว่าคนทำงานก็ต้องมีความสุข ข้าราชการเขาเลยกลัวว่า คนจะเหลือแต่ซาก ขาดจิตวิญญาณ จึงนิมนต์พระไปถ่ายวิญญาณ

    "หลวงปู่ฯ บอกไปว่ามันถอนไม่ได้ตราบใดที่ยังฝังไมโครชิฟไว้อย่างนี้ วิธีการคือเราต้องร่วมกันสร้างเอกลักษณ์ขององค์กรและทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งปัจจุบันตัวเลขและการแข่งกันดีมันมีอยู่ทั่วถิ่น แม้แต่ในพระสงฆ์เองก็มี ซึ่งไม่รู้ว่าสังคมไทยถูกใครปั่นหัวอยู่หรือเปล่า"

    ส่วนที่วัดต่างๆ มีการสร้างวัตถุมงคลออกมาจำหน่ายนั้น หลวงปู่ฯ ให้แง่ธรรมว่า ผู้ทำก็คงคิดอยากจะได้เงินจึงได้ทำ เพราะหากไม่อยากได้เงินเขาก็คงไม่ทำ แต่การสร้างวัตถุมงคลที่เป็นการทำเพื่อเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ เช่น วัตถุมงคลที่ทำแล้วเอาบรรจุใส่กรุวัดต่างๆ หรือทำเพื่อแจกก็สามารถทำได้เพราะมีเจตนาดี แต่หากทำเพื่อหวังว่าจะทำจำนวนมากและนำออกมาจำหน่ายเป็นเรื่องไม่สมควร

    นอกจากนี้หลวงปู่ฯ ยังได้แสดงธรรมถึงเหตุการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยว่า หลวงปู่ฯ ได้รับของฝากจากโต๊ะอิหม่ามที่เดินทางไปแสวงบุญที่กรุงเมกกะและได้พบกับผู้เฒ่าสูงสุดของกรุงเมกกะซึ่งเป็นคนไทย โดยเป็นลูกศิษย์ที่ศึกษาเรื่อง ฝึกจิตกับท่านพุทธทาส แต่นับถือศาสนาอิสลาม มีคำปรารภมาถึงหลวงปู่ว่า เขาไม่อยากให้รัฐบาลสร้างเงื่อนไขอะไรกับคนมุสลิมมากนัก ปัญหาเกิดจากการที่ไปยุบ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)ทิ้งไป ซึ่งหน่วยงานเปรียบเสมือนหินที่ทับหญ้าอยู่ พอไปยกหินออกก็ทำให้หญ้าโต แล้วก็ไม่ยอมรับว่าตนเองทำให้หญ้าโต

    "แม้ว่าจะเกิดปัญหาการทำร้ายคนมาหลายครั้ง แต่รัฐบาลไม่เคยจับคนร้ายได้เลย เพราะที่ผ่านมาคนที่ลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล้วนแต่เป็นคนใหญ่มากซึ่งชาวบ้านลำบากใจที่จะเล่าหรือพูดอะไรให้ฟัง แล้วเมื่อพูดก็เชื่อคนรอบข้างมากกว่า หลวงปู่ฯ จะเอาจดหมายฉบับนี้ไปแจก 3 จังหวัดชายแดนภาคมต้ เพราะโต๊ะครูท่านนี้เป็นที่เคารพของชาวมุสลิมมาก หวังว่าจะทำให้เกิดสันติสุข ซึ่งที่ผ่านมาชาวเราไปพูดดูถูกเหยียดหยามเขาว่าเป็นโจรกระจอกบ้าง ไม่มีหัวนอนปลายตีนบ้าง ทั้งๆ ที่ชาวมุสลิมบางคนไปร่ำเรียนอยู่เมืองนอก เมืองนา เรียนสูงแต่เมื่อกลับมาเมืองไทย ไม่มีการรับรองวิทยฐานะ สุดท้ายก็ต้องไปอยู่มาเลเซียที่เขาให้การยอมรับนับถือ เป็นความรู้สึกที่สะสมและทำให้เขารู้สึกว่า ไม่ได้รับความเที่ยงธรรมจากรัฐบาลไทยและบางหมู่บ้านยังไม่มีส้วมด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันรัฐไทยไม่ให้ความเป็นธรรมแต่เก่าก่อน แม้นายกรัฐมนตรีจะบอกว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ช่วยชาวมุสลิมมากแล้ว เขาก็จะถามว่าจริงใจหรือเอาใจ เพราะทุกอย่างทำหลังเกิดเหตุ เขาก็มองว่าเป็นการเอาใจและไม่สนใจว่าจะต้องตอบแทนอะไร ปัญหาจึงไม่จบลงง่าย"หลวงปู่พุทธอิสระกล่าว

    ด้าน สนธิ กล่าวว่า จากข้อมูลของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าใน 4 ปีที่ผ่านมา คนไทยฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นกว่าเก่าเกือบ 1,000% และอาชญกรรมเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินเพิ่มอีกมหาศาล ถือเป็นยุคที่น่ากลัวมาก เรามีปัญหาทุกจุด แต่ไม่รับความจริงเสียทีว่าเรามีปัญหา แล้วเอาหลักการตลาดไปเชิดชู เป็นการทำลายชาติอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งตนได้รับเชิญไปบรรยายที่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เรื่องคุณภาพ ตนได้บอกไปว่าคุณภาพไม่ต้องไปลอกเลียนฝรั่งเพื่อทำไอเอสโอ ขอให้เอาจิตวิญญาณไปใส่ในงาน พระพุทธเจ้าสอนโลกมา 2,500 กว่าปีแล้ว นั่นคือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา

    "มีหมอฟันประจำที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์มารอพบ แล้วระบายให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้โรงพยาบาลล้วนทำตามฝรั่ง คือตั้งราคาไว้เสร็จว่าถอนฟันซี่ละ 300 บาท 3 ซี่ 900 บาท แล้วหมอคนนี้ได้เห็นแม่ค้าคนหนึ่งนำลูกมาถอนฟัน 3 ซี่ หมอเห็นว่าอีก 2 ซี่จะหลุดแล้วจึงคิดแค่ 300 บาท แต่แล้วก็ถูกผู้อำนวยการโรงพยาบาลเรียกไปตำหนิ นี่เพราะทุกอย่างในเมืองไทย เป็นเรื่องการแข่งขันแบบเอาเป็นเอาตายไปหมด ทุกอย่างต้องประกวด แต่ไม่เคยเห็นมีการแข่งขันกันทำงานกลุ่ม ใครจะรวมตัวกันสามัคคีกันทำงานแล้วไปรวมกับกลุ่มอื่นได้ มีแต่การแข่งขันกันว่าต้องเอาที่ 1 ให้ได้"นายสนธิกล่าว

    สำหรับการสร้างวัตถุมงคลถือเป็นกระบวนการของเซียนเล่นพระที่จะไปคุยกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดดังๆ ว่าจะทำพระรุ่นนี้ออกมา แล้วเอาเงินถวายวัด ซึ่งนานมาแล้วพวกนี้เคยลามปามถึงสมเด็จพระสังฆราชให้เททองหล่อพระ ซึ่งช่วงหลังท่านไม่ทำ หรือแม้แต่พระสมเด็จจิตรลดาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำแจกให้กับข้าราชการเพื่อเอาไว้บูชา เป็นสิริมงคล ในปี 2509 ผ่านไป 31 ปีราคาขึ้นเป็น 8-9 แสนบาท ลูกหลานก็นำออกมาเร่ขายผิดวัตถุประสงค์ไปหมด

    ส่วนการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น การใช้ความรุนแรงไม่ช่วยอะไรเพราะไม่เคยมีประวัติศาสตร์ว่า การแก้ปัญหาโดยใช้ความรุนแรงตอบโต้จะลงเอยได้ดี เปรียบเสมือนประชาชนคือน้ำ รัฐบาล คือปลา ตำรวจ ทหารที่เข้าไปอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนก็คือปลา ซึ่งน่าสงสัยว่าทำไมน้ำไม่ช่วยปลาเลย แสดงว่าเขาไม่เอาด้วย

    "เพื่อนผมชาวมุสลิมบอกว่า มีคนหายไปเกือบ 2,000 พันคน แต่ไม่เคยมีการเสนอข่าว รัฐบาลไทยไม่เคยตอบคำถามพ่อแม่เขาว่าลูกหลานเขาหายไปไหนเขาจะรู้สึกอย่างไร"นายสนธิกล่าว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...