หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ _วัดป่าอาจารย์ตื๊อ สนทนาธรรม ประวัติ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 23 กันยายน 2017.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    ?temp_hash=0b716a4e618a30ca3a8ac019523aa916.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    วันนี้วันที่ ๒๔ กันยายนเป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่สังข์ สังกิจฺโจ เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๗ ปี ปัจจุบันท่านจำพรรษาที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

    "..ผู้ใดที่มีศีลเป็นนิจ ผู้ใดที่มีทานเป็นนิต ผู้ใดภาวนาพุท-โธ เป็นนิจ ผู้ใดสร้างจิตใจ ของตนให้สงบ เรียกว่า จิตพบพระพุทธศาสนา.." โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่สังข์ สังกิจฺโจ

    ชีวประวัติปฏิปทาของหลวงปู่สังข์ สังกิจฺโจ

    นามเดิมของท่านชื่อ สังข์ นามสกุล คะลีล้วน ท่านถือกำเนิดตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๓ บ้านเกิดของท่านอยู่ที่บ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม บิดามารดา นายเฮ้า และ นางลับ คะลีล้วน พี่น้อง ท่านมีพี่ชายติดโยมบิดา ๑ คน มีพี่ชายติดโยมมารดา ๑ คน มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันจำนวน ๔ คน ท่านเป็นลูกชายคนที่ ๑

    เมื่อท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งถือว่าสูงสุดในสมัยนั้น เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี บรรพชา ณ พัทธสีมา วัดศรีเทพประดิษฐาราม โดยมีพระสารภาณมุนี (จันทร์ เขมิโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ (ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระเทพสิทธาจารย์)

    เมื่อบรรพชาเสร็จก็กลับมาจำพรรษาที่วัดอรัญญวิเวกบ้านข่า ซึ่งเป็นบ้านเกิด เมื่อครั้งเป็นสามเณรหลวงปู่มัน ภูริทัตโต ได้มาพำนักที่วัดป่าบ้านหนองผือนาใน ท่านก็ได้มีโอกาส ได้ไปรับฟังพระธรรมเทศนาจากหลวงปู่มั่นโดยตรง แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจเพราะยังเป็นเด็กอยู่ ท่านเป็นสามเณรอยู่สามปีสามนักธรรมชั้นตรี โท ได้จากสนามสอบวัดศรีชมชื้อ ซึ่งเป็นวัดบ้านเพราะยุคนั้นสนามสอบของคณะธรรมยุตยังไม่มี

    ท่านได้ออกติดตามหาหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติทางยายคือปู่ของหลวงปู่ตื้อเป็นพี่ชายของคุณยายของท่าน ได้ยินแต่กิตติศัพท์ของหลวงปู่ตื้อมานาน แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน เลยจึงอยากจะออกติดตามหาหลวงปู่ตื้อ มีพระและญาติโยมขึ้นมาเชียงใหม่เป็นครั้งแรก โดยมีพี่ชายของหลวงปู่ตื้อ มีพระและญาติโยมตามมาด้วยซึ่งเมื่อถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ก็เขาพักที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อน ได้ยินว่าหลวงปู่ตื้อจำพรรษาอยู่ที้วัดป่าดาราภิรมย์จึงตามไปพบท่านที่วัดป่าดาราภิรมย์ เมื่อได้พบหลวงปู่ตื้อแล้วก็พักอยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ ระยะหนึ่งจึงเดินทางกลับบ้านเกิด

    อุปสมบท พ.ศ.๒๔๙๓ อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ณ พัทธสี วัดป่าบ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม โดยมีพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระทัด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์บุญส่ง โสปโก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อท่านอุปสมบทแล้ว ก็อยู่จำพรรษาที่วัดป่าบ้านสามผงกับพระอุปัชฌาย์เป้นเวลา ๕ ปี ท่านสอบนักธรรมชั้นเอกได้ที่วัดป่าบ้านสามผงแห่งนี้ แล้วทำหน้าที่เป็นครูสอนนักธรรมช่วยพระอุปัชฌาย์

    จากนั้นปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ท่านจึงออกเดินทางขึ้นเหนือเพื่อมาอยู่กับหลวงปู่ตื้อ อจลธมโม ที่วัดป่าดาราภิรมย์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้พบกับพระอาจารย์กาวงค์ โอทาตวณฺโณ ซึ่งเป็นหลานของหลวงปู่ตื้อเช่นกัน และต่อมาได้รับสมณศักดิ์เป็ฯพระครูสังฆรักษ์กาวงค์ และเป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่ตื้อ ที่นี่ท่านได้เรียนบาลีไวยากรณ์กับพระมหามณีพยอมยงย์ จนจบชั้นหนึ่ง สอบได้แล้วจึงหยุดเรียน เพราะจิตใจใฝ่ในทางธุดงค์มากกว่า ท่านจึงได้ออกวิเวกแถบจังหวัดเชียงราย โดยมีพระอาจารย์ไท ฐานุตตโม เป็นสหธรรมิก เที่ยววิเวกไปด้วยกัน ได้พบพระอาจารย์มหาทองอินทร์กุสลจิตฺโต ที่วัดถ้ำผาจรุย อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย

    การเที่ยวธุดงค์

    ในพรรษาแรกที่ท่านบรรพชาเป็นสามเณรอยู่วัดอรัญญวิเวกบ้านข่า หลังจากออกพรรษาแล้ว เคยไปกราบครูบาอาจารย์หลายรูป อาทิ หลวงปู่สีลา อิสฺสโร วัดป่าอิสสระธรรม บ้านว่าใหญ่, หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม วัดอุดมรัตนาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร เป็นต้น

    ซึ่งครูบาอาจารย์ได้ให้กำลังใจแก่หลวงปู่สังข์ให้อยู่ในสมณเพศนานๆ ท่านหลวงปู่สังข์ได้เที่ยวรุกขมูลกับพระอาจารย์บุญส่ง โสปโก ไปหลายที่ เช่น บึงโขงหลง แล้วไปภูลังกา พบพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร แล้วเที่ยวไปเรื่อยๆจนถึงอำเภอบึงกาฬ ตามทางที่หลวงปู่ตื้อเคยไป เมื่อได้เวลาเข้าพรรษาก็กลับมาจำพรรษาวัดอรัญญวิเวกตามเดิม เมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระแล้วท่านได้ขึ้นมาจังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้ออกวิเวกแถบจังหวัดเชียงราย โดยมีพระอาจารย์ไท ฐานุตฺตโม เป็นสหธรรมมิก เที่ยววิเวกไปด้วยกัน ได้พบพระอาจารย์มหาทองอินทร์ กุสลจิตฺโต ที่วัดถ้ำผาจรุย อ.ป่าแดด จ.เชียงราย

    ในช่วงออกพรรษาหลวงปู่สังข์ท่านได้เที่ยวรุกขมูลทางภาคอีสานบ้าง บางพรรษาก็จำพรรษาที่วัดอรัญญวาสี อ.ท่าบ่อ สองครั้งๆ ละพรรษา ที่วัดอรัญวาสีนี้หลวงปู่ท่านได้พบกับหลวงปู่คำพอง ติสฺโส ซึ่งเวลานั้นยังเป็นพระหนุ่ม ท่านเจริญมนต์เก่งมาและเคยไปจำพรรษาที่วัดโคมคำ บ้านหมอ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

    เวลาลงอุโบสถก็ไปลงกับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ครั้นออกพรรษาแล้วที่วัดหินหมากเป้งมีงานกฐิน หลวงปู่เทสก์ เทสฺรังสี ก็นิมนต์ท่านไปรับกฐินที่วัดด้วย บางพรรษาก็ไปจำพรรษาที่ประเทศลาว ซึ่งช่วงเวลานั้นยังอยู่ในการปกครองของฝรั่งเศส การเดินทางข้ามฟาก ต้องของอนุญาตจากทางการไทยและลาว ซึ่งสะดวกกว่าปัจจุบันมาก การเดินทางใช้เรือพายข้ามแม่น้ำโขงที่ท่าอำเภอศรีเชียงใหม่ ไปขึ้นที่เวียงจันทน์ ไปพักที่วัดป่าสัก หัวสนามบิน เป็นเวลา ๕ เดือน คือ ขออนุญาตไป ๓ เดือน ออกพรรษาแล้ว ก็ดำเนินเรื่องขออยู่ต่ออีก ๒ เดือน ระยะเวลาที่อยู่ประเทศลาว ท่านได้ไปเที่ยวดูวัดวาอารามต่างๆในเวียงจันทน์ ซึ่งยุคนั้นยังไม่ได้เป็นเมืองหลวงปของประเทศลาว เช่น วัดองค์ตื้อ วัดศรีสะเกตุ วัดพระแก้ว เป็นต้น

    บางปีไปเที่ยวฝั่งลาวขึ้นเรือที่อำเภอบึงกาฬ ข้ามน้ำโขง ผ่านแก่งอาฮง น้ำไหลเชี่ยวน่ากลัวมาก บางปีท่านออกจากวัดอรัญญวิเวก เดินเท้าไปอำเภอพังโคน บริเวณรอยต่ออำเภอวานรนิวาสมีดงหนาทึบ มีลิงอยู่มาก เดินผ่านดงใหญ่ถึงอำเภอพังโคนเป็นทุ่งนา ไปอำเภอวาริชภูม อำเภอสว่างแดนดิน เช้าถึงจังหวัดอุดรธานี ไปพักอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ แล้วเดินทางต่อไปอำเภอบ้านผือ ไปภาวนาที่วัดพระพุทธบาทบัวบก ซึ่งแต่ก่อนหลวงปู่ตื้อเคยมาภาวนาที่นี่

    บางปีท่านธุดงค์เที่ยวไปทางอำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ไปไหว้พระธาตุพนม เดินผ่านป่าโคกที่กันดารแห้งแล้ง มีหินแหลมแทงเท้า จนเท้าท่านแตก ไปพบสองตายาย หาบของมาเต็มตะกร้าเหงื่ออาบท่วมตัว เมื่อเขาเห็นหลวงปู่เขาถามว่า “ครูบาทุกข์ขนาดก็ยังเดินอยู่บ่” ท่านไม่ได้ตอบแต่อย่างใด ได้เพียงมองดูสองตายายแล้วนึกในใจ “โยมนี้ก็ทุกข์เหมือนกัน

    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม สร้างวัดป่าสามัคคีธรรมซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดป่าอาจารย์ตื้อ อำเภอแม่แตงจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ ท่านได้กลับจากเที่ยววิเวกมาจำพรรษากลับหลวงปู่ตื้อที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ ได้พัฒนาและบูรณะวัดนี้มาตลอดในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าอาจารย์ตื้ออย่างเป็นทางการ

    ท่านได้สร้างอุโบสถหนึ่งหลัง ในปี พ.ศ.๒๕๓๘ ได้รับพระราชสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระครูภาวนาภิรัต ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้มา เป็นเวลากว่า ๕๑ ปีแล้ว ปัจจุบัน(พ.ศ.๒๕๖๐) ท่านอายุ ๘๗ ปี พรรษา ๖๗

    _/\_ _/\_ _/\_


    *******************************************************************************


     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    ช่วงนี้ท่านพักฟื้นหลังผ่าตัดใหม่ๆ ถ้าท่านใดมีโอกาสช่วยค่ารักษาพยาบาลน่าจะใช้โอกาสนี้ทำบุญใหญ่เลยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...