หลวงปู่สาวกโลกอุดรแสดงถึงธรรมแทรกซ้อนในพระไตรปิฎก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ฐสิษฐ์929, 3 สิงหาคม 2013.

  1. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    เหตุใดในพระไตรปิฎกจึงมีธรรมแทรกซ้อน
    หลวงปู่แสดงว่าพระไตรปิฎกฉบับปฐมสังคายนาแบ่งเป็น ๓ หมวดโดยสงเคราะห์ลงในอริยสัจจ์สี่ทั้ง ๓ หมวดได้เแก่ ๑.หมวดทุกข์และสมุทัย ๒.หมวดนิโรธธรรม ๓.หมวดมรรคสัจจ์ ซึ่งแตกต่างกับพระไตรปิฎกฉบับปัจจุบัน
    ต่อมาได้มีการสังคายนาครั้งที่ ๒ และที่ ๓ ห่างกันในแต่ละครั้งประมาณ ๑๐๐ ปี ซึ่งในช่วงนี้ยังมีพระอรหันต์เป็นผู้จัดทำการสังคายนาอยู่
    ต่อมาราว พ.ศ. ๒๓๖ ภายหลังทำสังคายนาครั้งที่ ๓ แล้ว เรื่องฌานสมาบัติได้สูญหาญจากการปฏิบัติ ประกอบกับไม่มีพระอรหันต์ในช่วงเวลานั้นด้วย
    ต่อมาพระเจ้ามิลินกษัตริย์แห่งอียิปได้บุกเข้ายึดประเทศอินเดีย และเผาทำลายคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งจับพระสงฆ์ไปประหารชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยการนำไปสอบถามปัญหา หากตอบคำถามไม่ได้ก็ถูกประหาร ต่อมาพระเจ้านาคเสนก็ได้โต้ตอบปัญหากับพระเจ้ามิลิน แต่พระเจ้านาคเสนชนะจึงไม่ถูกประหาร
    ต่อมาได้มีการทำสังคายนาครั้งที่๔ และครั้งที่ ๕ ซึ่งใน ๒ ครั้งหลังนี้ไม่มีพระอรหันต์ร่วมทำสังคายนา ประกอบกับตำราที่เป็นต้นแบบก็ถูกเผาทำลายไปเกือบทั้งหมด ซึ่งต้องมีการเก็บรวบรวมในส่วนที่หลงเหลือเพื่อนำมาการสังคายนา ในส่วนนี้เมื่อรวบรวมมาได้ไม่ครบก็จึงมีการแต่งต่อเติมขึ้น เพื่อให้เนื้อหาเต็มครบ
    ฌาน ๑๖ คืออะไร ทั้งที่ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก ตรงนี้เป็นธรรมแทรกซ้อนที่แต่งขึ้นโดยพระพุทธโฆษาจารย์ปรากฏในคัมภีร์วิสุทธิมรรค และพระพุทธโฆษาจารย์ก็เป็นผู้ทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่๕ ที่ประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นพระไตรปิฏกที่ต่อมาได้เผยแพร่เข้ามาในประเทศไทย
    ในพระไตรปิฎกมีเรื่องสมาบัติและวิปัสสนาญาณ ๙ ในวิปัสสนาญาณ ๙ มีคำอธิบายเป็นสังขาร โดยหลวงปู่อธิบายเป็นความคิดปรุงแต่ง เป็นลักษณะเดียวกับฌานสมาบัติแต่อธิบายไปคนละนัย แต่ญาณ๑๖ อธิบายเป็นรูป-นาม ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ขัดกับคำสอนที่พระพุทธองค์สอน พระองค์สอนเป็นสังขารซึ่งหมายถึงความคิดปรุงแต่ง
    แต่ญาณ๑๖ ก็เป็นที่ยอมรับของนักปฏิบัติของหลายๆสำนัก ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ
    แต่ฌานสมาบัติก็พึ่งมีการปฏิบัติภายหลังที่หลวงปู่ได้เริ่มแสดงธรรม ราว พ.ศ. ๒๕๓๒ ครับ

    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2013
  2. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    มั่วไปใหญ่แล้วครับ พระเจ้าเมนันเดอร์หรือพระเจ้ามิลินทเป็นชาวกรีก ปกครองแถวอัฟกานิสถานไม่ใช่อียิปต์ เมืองสคนคร พระเจ้ามิลินท์ไมไ่ด้จับพระไปประหาร ตอนท้ายระเจ้ามิลินท์ท่านเป็นพระอรหันต์ไปแล้วครับ ไปอ่านมิลินทปัญหาใหม่ดีไหมครับมาตีความมั่วๆๆกล่าวตู่พระพุทธเจ้าเหรอ พระนาคเสนเป็นพระอรหันต์ และพระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ในมหาปรินิพพานว่า๕๐๐ปีจะมีพระอรหันต์มาทรมานพญาองค์หนึ่งคือพระเจ้ามิลนท์และจะทำให้เลื่อมใสจึงเกิดมีการปั้นพระพุทธรูป การสังคายนาเกิดหลังจากนั้นในสมัยราชวงศ์ถังโดยพระเจ้ากนิษกะ ในการสังคายนาครั้งนั้นแยกมหาสังฆิกะออกจากเถรวาท กลายเป็มหายาน อย่ามั่วครับ พวกนั่งแต่ทางในมั่วข้อมูลศาสนาพุทธเราเสียหายไปมากแล้วครับ
     
  3. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    หลวงปู่ท่านเข้าอตีตังคญานย้อนไปดูในอดีต ไม่ได้เปิดตำราครับ ปฐมสังคายนาหลวงปู่ก็รู้ทั้งๆที่ไม่ปรากฏในตำราเล่มใด ส่วนพระเจ้ามิลินจะเป็นกษัตริย์ของประเทศใดผมอาจมีการจำผิดพลาดได้ แต่เนื้อความเป็นอย่างนี้ (ย้อนกลับไปฟังถูกของท่านเป็นกษัตริย์ของกรีก กษัตริย์ของกรีกมีการเข้ามาตีอินเดีย ๒ ครั้ง ครั้งแรกพระเจ้าอเลกซานเดอร์เข้ามาตีก่อน พ.ศ.๒๐๐ และพระเจ้าอโศกตีคืนมาได้และได้มีทำสังคนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ ราว พ.ศ.๒๐๐ ต่อมาพระเจ้าเมดัลโดหรือพระเจ้ามิลินทปัญหาก็เข้ามาตียึดได้อีกครั้ง การเผาทำลายคัมภีร์เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกด้วยหลวงปู่ได้แสดงด้วยว่าต้นฉบับบางส่วนที่ไม่ได้เผาทำลายพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ได้นำกลับไปยังประเทศกรีกด้วย และหลวงปู่ก็ยืนยันว่าพระอรหันต์สูญไปพร้อมกับฌานสมาบัติ ราว พ.ศ.๒๓๖)
    นอกจากนี้หลวงปู่ยังได้แสดงประวัติพระนาฬะกะ พุทธสาวกหนึ่งเดียวที่ปฏิบัติโมนัยปฏิบัติ ตรงนี้ก็ไม่มีในตำรา
    แสดงความเป็นมาของวันมาฆบูชา ตรงนี้ก็ไม่มีในตำราเช่นกัน
    เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติและเดินได้ ๗ ก้าวเป็นจริงหรือไม่ หลวงปู่ก็รู้ครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2013
  4. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ลำพังที่ใครหลายคนกล่าวตู่หลวงปู่ว่าได้แค่ฌานสมาบัติ ยังไม่ได้บรรลุธรรมชั้นใดชั้นหนึ่งนั้น กระผมข้อเสนอความคิดเห็นว่า ถ้าเพียงแค่ทำเรื่องฌานสมาบัติ แล้วสามารถที่จะอธิบายธรรมที่ละเอียดและมีบางตอนที่ไม่มีในพระไตรปิฏกได้ สามารถเทศนาสั่งสอน โดยมิได้เปิดดูตำรา แต่สามารถเทศนาสั่งสอนได้ไม่ต่ำกว่าชั่วโมงขึ้นไป และการอธิบายเนื้อธรรมโดยนำสภาวะที่มีมาเทียบเคียงกับเนื้อหาในที่มีปรากฏในพระไตรปิฏกได้อย่างชัดเจน
    ถ้าเพียงแค่ทำแต่เรื่องฌาน โดยใช้หลักการเพ่งสติเพื่อให้เกิดกำลังของสติให้มีมากควรแก่การใช้ประหัตปรหารกิเลสที่มีในกมลสันดาน ถ้าเพียงทำแค่การเพ่งสติ และทำให้รู้ในบางสิ่งบางอย่างที่เสขบุคคลก็มิอาจทราบได้ คำว่านั่งเทียน นั่งทางใน อะไรที่กล่าวมานั้นดูจะเป็นการกล่าวที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ด้วยเหตุที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้นมิอาจจะเกิดขึ้นได้เลยถ้าคิดว่าทำเรื่องการเพ่งสติและทำให้รู้ในข้ออรรถข้อธรรมที่ลึกซึ้งได้มีสภาวะอธิบายมาเป็นฉากๆว่าเป็นเช่นไรถ้ามิได้ก้าวผ่านสมมติบัญญัติมาคนที่ไม่เคยผ่านจะอธิบายได้เช่นนั้นหรือ แต่ก็ไม่โทษพวกท่านหรอกเพราะในแง่มุมที่พวกท่านเปิดรับมันแคบ แต่กระผมนั้นศึกษามาแล้วของแต่ละหลวงพ่อแต่ละอาจารย์ผมกล้ายืนยันว่ายังไม่มีใครอธิบายธรรมได้พิสดารเช่นหลวงปู่ กัณฑ์เทศน์ที่หลวงปู่เทศนาทั้งหมด 400กว่ากัณฑ์นั้น ผมฟังมาหมดแล้วจึงได้เข้าใจทุกแง่มุมที่หลวงปู่เทศนาไว้ จึงรู้อะไรที่พวกท่านทั้งหลายท่านถกเถียงหรือจะเรียกว่าสนทนาธรรมตามกาลอะไรของพวกท่านก็แล้ว แต่ถ้าท่านฟังมาหมดหลวงปู่ได้เฉลยตอบไว้แล้วในกัณฑ์เทศน์ของท่าน แต่ถ้าให้ผมคาดคะเนผมว่าพวกท่านทั้งหลายคงฟังได้ไม่ถึง5%ของที่หลวงปู่เทศน์ไว้ เพราะไม่โดนใจถูกใจกิเลสที่มีในตัวพวกท่านไงเล่าฟังได้นิดหน่อยก็คงจะปิดไป แต่ผมนั้นได้ศึกษามาและอ่านข้อธรรมจากหลายๆหลวงปู่หลวงพ่อมาแล้ว เมื่อเปรียบเทียบจึงเข้าใจได้ทันทีการแตกต่างกันเช่นไร จริงๆไม่อยากจะไปอ้างกระทบครูบาอาจารย์ท่านใดหรอก หลวงปู่ท่านห้ามลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่านว่ามิให้ไปกล่าวจ้าบจ้วงครูบาอาจารย์ท่านอื่นเพราะเรายังไม่ได้หลุดพ้นจากกิเลสอะไรเลย แต่บางทีถ้ามิกล่าวไว้เสียดายก็จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ที่เป็นอยู่ มีนะครับหัวข้อธรรมที่พวกท่านทั้งหลายตั้งเป็นกระทู้ถกธรรมกันหนะ หลวงปู่ได้เทศนาสั่งสอนเอาไว้แล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นอนาคตังสญาณของหลวงปู่ที่ได้ชี้แนะเอาไว้แล้ว และหลวงปู่ท่านได้ทำนายเอาไว้แล้วว่าตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นธรรมที่แสดงไว้จะยังคงไม่เเพร่หลาย ต่อเมื่อท่านละขันธ์ไปแล้ว ธรรมที่ท่านได้แสดงว่าจะเเพร่หลายและมีคนสนใจ เหตุเพราะเป็นธรรมที่เป็นของพระพุทธองค์ที่หายไปนาน จักอยู่และงอกงาม มิอาจมีสิ่งใดที่จะมาขัดขวางหรือทำให้เสื่อมเสียได้ เนื่องด้วยเป็นอกาลิโก เป็นปัจจัตตัง แลธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม หลวงปู่ท่านจะเอาบาปกรรมติดต่อท่านไปเช่นนั้นหรือ ท่านถึงได้กล้ากล่าวเช่นว่าธรรมที่แสดงนี้มิใช่ของหลวงปู่แต่เป็นของพระพุทธองค์โดยตรง ถ้ามีใครจาบจ้วงก็จาบจ้วงธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง จาบจ้วงหลวงปู่หลวงปู่ไม่ถือแต่ถ้าจาบจ้วงธรรมที่หลวงปู่แสดงนั่นคือจาบจ้วงธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนโดยตรง หลวงปู่ท่านกล้าถึงขนาดนั้น และหลวงปู่ก็มิได้มีลาภสักการะ หรือต้องการชื่อเสียงอื่นใด จะว่าไปแล้วทำเพราะกรุณาต่อสัตว์โลกจริงๆ ด้วยเหตุที่กล่าวมาทั้งหมด ท่านจะอยากเอาบาปกรรมติดตัวท่านไปทำไมกันเล่า การกล่าวตู่ย่อมนำมาซึ่งภัยในวัฏฏะที่ไม่สิ้นสุด ท่านคงจะไม่เอาเป็นแน่แท้ แต่เนื่องด้วยท่านแสดงไว้แล้วว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของท่านแล้ว ท่านจบกิจพรมจรรย์แแล้ว โลกธรรม 8ประการไม่ได้มีผลต่อท่านแล้ว นั่งเทียนคงจะไม่กล้าทำเช่นนี้เป็นแน่แท้ เพราะเป็นกรรมหนักมาก แต่ก็ได้มีพระสงฆ์อุบาสกอุบาสิก ที่น้อมนำธรรมที่ท่านแสดงนำไปปฏิบัติตาม จนเกิดความเลื่อมใส และตั้งใจปฏิบัติเพื่อให้พ้นทุกข์ให้ได้ในชาตินี้ ไม่น้อยนะครับ ขอบอกไว้ตรงนี้เลย และไม่เป็นพุทธพาณิชย์แต่อย่างใดด้วย ถึงชื่อเสียงจะไม่โดงดังก้องฟ้าเมืองไทย แต่ก็รูจักในผู้ที่ปฏิบัติในการเพ่งสติ และอีกอย่าง ติดสุขติดสงบ ก็มาจากการบำเพ็ญเพียรที่มิได้ทำให้สิ้นทุกข์ได้แต่อย่างใด แต่การบำเพ็ญเพียรทางจิตที่แท้จริงย่อมต้องทุกข์ เพราะทุกข์นำพาให้พ้นทุกข์ได้ เมื่อไม่รู้จักทุกข์จะพ้นทุกข์ได้เช่นไร ไม่รู้ที่มาของทุกข์ที่แท้จริง ปฏิบัติไปเถอะครับ เป็นอสงไขยท่านก็ยังไม่พ้นทุกข์อยู่ดี แต่หลวงปู่ท่านปฏิบัติแบบค้นหาให้เจอเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงคืออะไร เมื่อรู้แล้ว ท่านก็ปฏิบัติให้ดับในเหตุที่ว่านั้น เรื่องที่พุทธองค์ทรงแสดงไว้มากมาย ก็จบลงที่เรื่องของทุกข์กับการดับทุกข์ มีเพียงเท่านี้เอง ซึ่งหลวงปู่ก็ได้แสดงธรรมแต่ในเรื่องเช่นว่านี้ตลอดมา ดังพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ว่า ในกาลข้างหน้าจักมีผู้ที่แสดงแต่เรื่องอมตธรรม แต่พวกท่านจะไม่เงี่ยหูฟัง ถึงฟังก็จักฟังด้วยไม่ดี คำๆๆนี้แหละ พระพุทธองค์ท่านกล่าวไว้ด้วยอนาคตังสญาณโดยแท้ ความเป็นอยู่ของสาวกของท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของโลกที่แท้จริงนั้นจะเป็นอยู่อย่างลำบาก จะต้องเผชิญกับเหล่าผู้ที่เป็นภัยต่อพุทธศาสนาในคราบสาวกของพระองค์ ผมได้ฟังยิ่งแน่ชัดแก่ใจว่า มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ดังคำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  5. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    เรื่องนี้ต้องใช้อตีตังสญาณตรวจสอบกันเองแล้วละครับ เถียงกันไปก็เท่านั้น
     
  6. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ถ้าจะใช้อย่างที่ว่า ใช้อตีตังสญาณอย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับพระอรหันต์ขึ้นไปละครับ ที่จะมีความถูกต้องแม่นยำ ต่ำกว่านั้นมิใช่จะอยู่ในฐานะที่จะทำได้ เพราะยังมีกิเลสอยู่
     
  7. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ทุกวันนี้จะหาผู้ที่มีบารมีควรแก่การบรรลุธรรมนั้นมีน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับส่วนใหญ่ เพราะถึงคราวที่มันจะเสื่อมลงตามจำนวนผู้ที่เจริญในธรรมที่แท้จริงมีน้อยอยู่เป็นอันมาก ฉะนั้นหลวงปู่จึงหวังว่าธรรมที่ได้นำแสดงออกไป หวังว่าจะมีผู้ที่มีบารมีได้นำไปปฏิบัติตามให้ประจักษ์แก่ตัวผู้ปฏบัติเอง มิได้หวังจะให้คนส่วนมากที่มีมากเหมือนขนโค บรรลุตาม เพียงหวังแค่เท่าเขาโค เพียงแค่นี้หลวงปู่ก็สมดังที่ตั้งปณิธานไว้แล้ว
     
  8. NASUNAJA

    NASUNAJA Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +82
    ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามหลวงปู่สาวกโลกอุดรมาได้ระยะหนึ่งแล้วละ และนำการเพ่งสติตามแนวทางของหลวงปู่มาปฏิบัติสักพักแล้ว ตอนนี้ผมไม่อาจอยู่ในฐานะจะบอกได้ว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์ หรือไม่ แต่ผมคนหนึ่งเชื่อและจะนำคำสอนของหลวงปู่มาประพฤติปฎิบัติ เพราะผมไม่มีทางเลือก เหมือนหลวงปู่ผมได้ฟังตอนหนึ่ง และผมได้ติดตามผลงานของคุณพี่และพี่ฐสิษฐ์929 สักพักหนึ่ง เพราะข้อมูลในเนตไม่ค่อยมี เมื่อก่อนยอมรับไปฝึกมาหลายสำนัก ล่าสุดไปฝึกกับวัดดังแถวอุทัยธานี ก็ไม่ได้อะไร หรือว่าบุญวาสนาไม่มีก็ไม่รู้นะ เมื่อก่อนความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ผมแก้ไม่หาย พาลล้มเลิกการนั่งสมาธิไปก็มี เพราะเอามันไม่อยู่ แต่วิธีเพ่งหลวงปู่ยอมรับมันสุดยอดจริง เมื่อก่อนไม่เคยนั่งเกินชั่วโมงหรอก ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้ว ล่าสุดนั่งเกือบชั่วโมงต่อสู้กับความรำคาญใจได้ ตามที่หลวงปู่กล่าวไว้นั่นละคุณพี่ คนยุคสมัยนี้มีครูบาอาจารย์เป็นสายนั้นสายนี้ หลวงปู่ก็รู้อยู่ จะให้เขาเชื่อมันเรื่องยาก ผมว่าจะหาใครที่ต้องการพ้นทุกข์จริงๆจังๆไม่มีหรอก นอกจากผมนี้ละคนหนึ่งต้องการพ้นทุกข์จริงๆ หาครูบาอาจารย์มาก็หลายสำนัก จนจะตายจากโลกไปตัวเปล่าๆ อาจเกิดมาในยุคมืดบอดอย่างที่หลวงปู่ว่านั่นละ คิดง่ายๆขนาดพูดกับลูกเมียเราแท้ๆ ทุกวันเขายังไงเชื่อ นับประสาอะไรคนอื่น ผมว่าปล่อยไปตามเขาเถิด
     
  9. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    สาธุผู้ปฏิบัติย่อมรู้ว่าอะไรจริงหรือไม่จริง
    เจริญในธรรมครับ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    พระไตรปิกฏหรือพระธรรมในใบลานมีไว้เพื่อการประกอบรู้เพื่อเป็นแนวทางเท่านั้น

    แต่พระธรรมของจริง คือพระธรรมที่เกิดแก่จิตของท่านจากการปฏิบัติจริงเท่านั้น

    กาลเวลาผ่านมาพอสมควร และในอาคตกาล
    พระธรรมใบลานก็เปลี่ยนแปลงไปบ้างไม่เหมือนเดิม และมันเป็นกฏอนิจจังของมันด้วยเสมอ

    แต่พระธรรมที่เกิดปรากฏจากการปฏิบัติจริง ตรงนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ท่านอยากได้ของจริงก็ต้องปฏิบัติจริง ให้ได้ให้สำเร็จครับ สาธุ
     
  11. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    สมัยนี้หาผู้บรรลุทำกันยากมาก
    เพราะส่วนมากมัวแต่
    ตามหา ตามหา ตามหา
    ตามหาคนดี ตามหาคนเก่ง
    เพราะมีแต่ผู้ตามหา
    จึงมีผู้ที่ปฏิบัติน้อย
    ผู้บรรลุธรรมจึงน้อย
     
  12. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ผู้ไม่ยึดมั่นในธรรม
    ไม่ว่าจะเป็นธรรมแบบไหน ถ้าให้ผลลัพเหมือนกัน
    ล้วนกล่าวต่อธรรมนั้นว่าเป็นธรรมชั้นยอด
    แม้จะขัดกับคำสอนใคร แต่ก็เป็นเรื่องของวิธีการ

    แต่ความยึดมั่นมักจะเอาไปเปรียบเทียบและปิดกั้น
    ทำให้ไม่ได้ศึกษาและเรียนรู้วิธีการปฏิบัติที่ดีดี
    ผู้ยึดมั่นในตำราเดียว
    บอกว่า 2+2=4
    พอมีคนอื่นตั้งสมาการใหม่เป็น 6-2=4
    กลับไม่ยอมรับ เพราะไม่เหมือนกัน
    โดยที่คนเหล่านั้น ไม่ได้ดูที่ผลลัพเลย
    เป็นที่หน้าเสียดายแทน
    ทั้งๆที่ธรรมนั้นการปฏิบัตินั้น
    ล้วนเป็น "มรรค" เหมือนกัน

    ญาณ๑๖ เป็นที่ยอมรับของนักปฏิบัติหลายๆสำนัก
    เพราะเขาเหล่านั้น ไม่ยึดติดในธรรม และแสวงหาความพ้นทุกข์โดยแท้
    อาเมน...เอ้ย สาธุ
     
  13. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ญาณ๑๖นี้ละเป็นธรรมแทรกซ้อน และสอนผิดไปจากที่พระพุทธองค์ทรงสอน ในวิปัสสนาญาน๙พระพุทธองค์มุ่งไปที่ตัวสังขาร ซึ่งหมายถึงความคิดปรุงแต่ง การดับสังขารก็หมายไปที่การดับที่ความคิด ซึ่งก็เป็นหลักเดียวกับฌานสมาบัติ แต่ญาณ๑๖ สอนเป็นรูปนามซึ่งผิด
    ผมมีคลิปยืนยันว่าฌานสมาบัติปฏิบัติแล้วได้ผลจริงครับ
    http://youtu.be/_v0Ebkehhvg
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2013
  14. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ ผมก็อธิบายประมาณว่า
    ถึงจะไม่ตรงคามตำรา แต่ถ้าผลการปฏิบัติทำให้บรรลุธรรมได้เหมือนกัน
    ก็เป็นธรรม เป็นมรรค เหมือนกัน เราสามารถนำไปปฏิบัติได้
    แล้วมากดไม่เห็นด้วยทำมาย
     
  15. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ผมก็เห็นว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงครั้งเดียว หลวงปู่แสดงว่าการบรรลุธรรมมีวิธีเดียว ผมว่ามีเหตุผลสอดคล้องกัน ไม่มีหรอกวิธีอื่นที่จะทำให้ถึงซึ่งมรรคหรือผลได้ครับ แม้นว่ามีอาจารย์ท่านอื่นบอกว่ามีก็ตาม ผมก็ยืนยันว่ามีวิธีเดียวเท่านั้น
    ตามคลิปที่ผมแสดงไว้แล้วนี้ พระอาจารย์ที่แสดงธรรมท่านผ่านมาทั้งสมาธิและวิปัสสนามาแล้วก็ไม่ได้ถึงมรรคถึงผลอะไรนะครับ ผมมาตีแผ่ตามความเป็นจริงครับ ผมมาแบบไม่หวังอะไร ผมจึงไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเสียอะไรครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2013
  16. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ก็การอธิบายสิ่งเดียวกันที่ต่างวิธีคิดออกไปนั่นแหละครับ
    จริงๆแล้วมันก็มรรคตัวเดียวกัน ได้ผลเดียวกัน
    แต่ว่าจะมองผิดแปลกแก่ผู้ที่ยึดมั่นมากๆเท่านั้น
    ผู้ที่ยึดว่าจะต้องเหมือนตำราเปะๆโดยไม่พิจารณาน่ะครับ
     
  17. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ให้เอาตัวท่านเองเป็นที่ตั้งดูครับ ว่าเป็นไปอย่างที่ท่านกล่าวหรือไม่ เอาตัวท่านนั้นละปฏิบัติและเอาผลปฏิบัติของท่านนั้นละยืนยันว่าถูกต้องหรือไม่ ที่ผมมาลงผมมีสภาวะส่วนตัวยืนยันในระดับฌานที่๘ และมีคลิปยืนยันในระดับฌานที่๙
    ในญาณ๑๖ ผมก็ปฏิบัติมาแล้วแต่ไม่สามารถยืนยันอะไรได้เลย ไม่เคยจะเห็นเป็นไปอย่างตำราว่าแต่อย่างไร
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้ตัวเอง ใครทำใครได้ครับ แต่ผมก็รู้ว่าคุณไม่เคยปฏิบัติทางฌานสมาบัติมาก่อน จึงพูดอย่างนี้ ไม่เป็นไรผมเข้าใจครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
  18. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ผมไม่ได้ศึกษาเรื่องฌาน๑๖อะไรนั่นหรอกครับ
    ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เอาเรื่องสมาธิ เรื่องของสมถะธรรมดาเนี่ย ให้ได้ก่อน
    วิปัสสนาไปตามวาระตามอารมณ์
    แตก็แค่ที่ผมปฏิบัติอยู่นั้น เรื่องของสมถะ มันมีเหตุปัจจัยให้เปลี่ยนแปลง
    ให้ไม่ได้ตามผลอยู่หลายอย่าง วันนี้ได้ฌาน ๓ อีกวันได้ฌาน ๒ วันโน้นเฉียดฌาน ๔ แต่ต่อมาหดเหลือแค่ฌาน ๑ เรื่องสมถะสำหรับผมยังเอาแน่นอนไม่ได้
    เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ได้สำเร็จผลตามตำราเลย
    และถึงได้ผลก็ไม่ได้เหมือนเปะๆ
    ก็เลยมองว่าเรื่องของฌาน ๑๖ นั้น ถ้าเข้าใจไม่ผิด เป็นเรื่องของวิปัสสนาธรรม
    เพียงเรายังไม่ได้ตามที่บุคคลต้นฉบับได้อธิบายไว้
    ก็ยังหมายมิได้ว่าจะไม่เป็นตามนั้น บางทีเราอาจจะมีปัจจัยใดๆ
    ที่เข้ามาขวางกั้น หรือมาเปลี่ยนแปลงผลการปฏิบัติให้ต่างออกไปก็ได้ครับ

    ได้ผลจริงหรือไม่จริง ก็ดูที่บุคคลต้นฉบับ คุณคิดว่าเขาบรรลุธรรมได้ไหม
    ถ้าเชื่อว่าเขาบรรลุธรรมจริง เขาผู้นั้นก็ย่อมสอนวิธีที่เขาฝึก
    และทำให้เขาบรรลุธรรมนั่นแหละ เพียงแต่วิธีของเขา
    นำมาใช้กับเรา จะได้ผลหรือไม่ เท่านั้นเอง

    แต่ถ้าเชื่อว่าบุคคลต้นฉบับบรรลุจริงแล้วล่ะก็
    แสดงว่าธรรมที่เขาสอน ก็เป็นธรรมที่เป็นมรรคผล
    อันมีความหลุดพ้นเป็นที่หมายแน่นอน
    เราปฏิบัติวิธีของเขาไม่ได้ผล ก็อย่าเพิ่งรีบไปปฏิเสธเลย
    ผู้ที่ปฏิบัติแล้วได้ผลนั้นย่อมมีอยู่


    "แต่ผมก็รู้ว่าคุณไม่เคยปฏิบัติทางฌานสมาบัติมาก่อน จึงพูดอย่างนี้"
    ผมฝึกสมถะอยู่ครับ เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้น ได้เพียงตติยฌานเท่านั้น ยังติดกับอารมณ์สุขอยู่
    เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะพ้นไปได้ แต่อยากบอกว่า
    เราจะไปตัดสินว่าใครปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติจากคำที่เขียนไม่ได้หรอกครับ
    ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆมากมาย ที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน จะให้ผลลัพตรงกันได้อย่างไร
    ถ้าหวังว่าจะต้องได้ผลตรงกัน ก็เป็นการยึดมั่นเกินไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2013
  19. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ชฎิลสามพี่น้อง พร้อบริวาร 1000 คน บรรลุธรรมพร้อมกัน ถ้ามีหลายวิธี คงจะทำให้บรรลุพระอรหันต์พร้อมกันทีเดียว 1003 คน คงจะเป็นไปไม่ได้ วิธีอื่นแค่เป็นพื้นฐานเสริมปัจจัย แต่วิธีจะเอาให้ถึงจุดสำเร็จย่อมมีแนวทางเดียวกัน พระพุทธตรัสรู้วิธีเช่นใด สาวกย่อมไม่แตกต่าง เพราะเป็นอนุพุทธะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...