หลวงปู่แหวนเล่าเรื่องไม้สีฟันพระ

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 29 เมษายน 2015.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    [​IMG]


    ในสมัยที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระยาวชิรญาณวโรรส กำลังนิพนธ์ (เขียนหนังสือ) วินัยมุขอยู่ พระองค์อธิบายถึงสิกขาบทที่ว่าด้วยไม้สีฟัน จึงเกิดสงสัยว่าจะเป็นไม้ชนิดใด มีลักษณะเป็นอย่างไร

    ทรงรับสั่งถามพระเณรทั้งหลาย ต่างก็กราบทูลไปคนละอย่างไม่ตรงกัน จะเอาเป็นข้อยุติไม่ได้ ยังไม่ได้คำอธิบายเป็นที่พอพระทัยจึงให้ไปนิมนต์ท่่านเจ้าคุณ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์จากวัดบรมนิวาสมาเฝ้า แล้วตรัสถามว่า

    "ทนฺตโปนา ไม้สีฟันนั้นท่่านเจ้าคุณๆ เคยได้ยินไหมเป็นอย่างไร ?"

    ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีกราบทูลว่า "เคยเห็นเคยใช้อยุ่ทางภาคอิสาน พระเถระในสายพระอาจารย์มั่นใช้กันอยู่ทั่วไป ทำจากไม้สองอย่างคือทำจากไม้โกทา หรือกนทากับชนิดดี ทำจากไม้จันทน์หอม ด้านหนึ่งทุบให้เป็นฝอยละเอียดใช้สีฟัน อีกด้านหนึ่งเหลาให้แหลมใ้ช้จิ้มฟัน ถ้าต้องการขูดลิ้นก็ฉีกออกเป็นชิ้นบางๆ ใช้ขูดลิ้นได้ ถ้าเป็นไม้โกทา เวลาเคี้ยวจะมีรสขมนิดหน่อย ป้องกันกลิ่นปากได้ดี ขับเสมหะได้้ด้วย

    สมเด็จฯ รับสั่งให้ท่านเจ้าคุณฯ หามาให้ทอดพระเนตร ท่านเจ้าคุณฯ จึงสั่งขึ้นไปทางจังหวัดอุบลราชธานี ให้ทำไม้สีฟันจากไม้จันทน์หอม และไม้โกทา ส่งลงไปให้ท่า่นที่วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ แล้วท่านก็นำไปทูลถวายสมเด็จฯ ต่อไป

    เมื่อสมเด็จฯ ได้ทอดพระเนตรและทรงทดลองใช้ดูแล้ว จึงตรัสชมกับท่่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ ว่า "พระทางอิสานช่างเข้าใจพระวินัยดีแท้ "

    (ประวัติหลวงพ่อผจญ อสโม โดยวีระศักดิ์ โพธิสัตย์ )
    หลวงพ่อผจญท่านเล่าเรื่องตอนท่านมาอยู่ศึกธรรมกับองค์ท่านหลวงชอบให้ฟังว่า "ตอนนั้นผมก็บวชมาใหม่ๆ ยังไม่ได้พรรษา พรรษาแรกที่บวชก็เข้ามาอยู่กับหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ชอบสมัยนั้นท่านยังเดินได้ ท่านจะดุกับลูกศิษย์มาก ใครคิดอะไรนอกลู่นอกทางท่านจะรู้ทั้งหมด ขนาดคิดในใจของตนเองอยู่กุฏิ พอเข้ามาสรงน้ำทำข้อวัตรกับท่าน หลวงปู่ชอบท่านจะว่าให้ทำไมถึงต้องไปคิดในเรื่องนี้ๆ ทุกคำในความคิดของเราท่านจะว่าออกมาทั้งหมด จนผมนี้กลัวในความคิดของตนเอง ไม่กล้าคิดปรุงแต่งออกนอกทางกลัวหลวงปู่ชอบท่านจะว่าให้ "..

    " ผมมีสติอยู่กับจิตก็เพราะหลวงปู่ชอบท่านกำหราบตั้งแต่อยู่กับท่านที่บ้านโคกมน อยู่กับหลวงปู่ชอบต้องระวังเรื่องความคิดไว้ให้มากๆ ขนาดนั่งอยู่กับท่านต่อหน้า พอเผลอสติออกนอกทางแว่บเดียวเท่านั้น หลวงปู่ชอบท่านจะทักขึ้นมาเลย เฮ้ยโบ้ย.(เฮ้ยไอ้หนู) อย่าคิดเรื่อง....มันไม่ดี เป็นพระเป็นเณรต้องมีสติกำกับอยู่ทุกลมหายใจ แต่ละวันให้อยู่กับธรรม อย่าอยู่กับกิเลสมากจนเกินไปมันจะทำให้จิตใจเราจะหมัวหมอง ให้เร่งพุทโธน่ำๆเข้าไปตี้(ให้เร่งพุทโธหนักเข้าไปสิ) จิตใจจะได้เบิกบานบ่เศร้าหมอง "..

    " ตอนมาอยู่กับหลวงปู่ชอบใหม่ๆ ผมก็ยังบวชใหม่ไม่รู้ธรรมเนียมของท่าน ผมตอกไม้เกีย(ไม้สีฟัน)จะเอาไปถวายท่าน คิดว่ากุฏิเราอยู่ใกลกับท่าน จึงนั่งตอกไม้เกียดังเป๊กๆอยู่จนบ่าย พอไปสรงน้ำท่าน หลวงปู่ชอบท่านถาม ผจญ ท่านตอกไม้เสียงดังรบกวนการปฏิบัติของหมู่คณะ รบกวนการปฏิบัติของเรา ท่านไม่เห็นใจเมตตาครูบาอาจารย์กับหมู่คณะบ้างหรือ ทำอะไรให้พิจารณาบ้าง อย่าทำตามความสะดวกของตัวเองมากนัก "

    " ผมละอายแก่ใจตนเองมาก เราก็ลืมไปว่าตอนนั้นครูบาอาจารย์กับหมู่คณะท่านทำความเพียรกันอยู่ พอหลวงปู่ชอบท่านว่าให้แบบนี้ วันหลังตัวเองก็หอบเอาไม้เกียไปตอกอยู่ทางเข้าวัดหลังโรงเรียนบ้านโคกมน "..

    " ตอกไม้เกียก็กลัวมันเสียงดังไปรบกวนธรรมของหมู่คณะ กลัวที่สุดมันจะไปรบกวนธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ชอบ ไม่กล้าเอาไม้เกียมารองพื้นตอกกลัวมันเสียงดัง ผมเอาผ้าอาบน้ำฝนมารองที่ต้นขาเพื่อซับเสียงเวลาตอกไม้เกีย นั่งตอกไม้เกียจนครบ ๑๐๐ อัน ตามที่ตนเองตั้งใจจะเอาไปถวายหลวงปู่ชอบ กว่าจะตอกไม้เกียเสร็จต้นขาทั้งสองข้างของผมจนห้อเลือดปวดไปหมด เดินกลับเข้าวัดจนขากะเผลก "..

    " เอาไม้เกียไปถวายหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ท่านบอก ตอกไม้เกียจนเจ็บขานะท่าน คนอื่นเขาตอกไม้เกียยังไม่เจ็บขาเหมือนท่าน เอ้า..เอายาหม่องไปทาขาตัวเอง ท่านยื่นยาหม่องให้เอามาทาขาตนเองที่เจ็บอยู่ในตอนนั้น ผมดีใจซาบซึ้งในเมตตาของครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้ว่าเราเป็นอะไร ตอนนั้นผมตั้งใจว่าถวายไม้เกียหลวงปู่ชอบแล้วจะไปขอยาหม่องกับอาจารย์ดาดมาทาขาตนเอง หลวงปู่ท่านรู้ก่อนท่านจึงเอาให้ ผมก็เลยไม่ไปขอยาหม่องกับอาจารย์ดาด เอายาหม่องหลวงปู่ชอบทาขาของตนเองจนหาย โห้..หลวงปู่ชอบท่านไม่ธรรมดา อุตส่าห์หลบท่านออกไปตอกไม้เกียอยู่นอกวัดแล้วหลวงปู่ท่านยังตามไปรู้อีก
    ไม้สีฟัน (ไม้เจีย )ทำจากไม้ที่มีคุณสมบัติเป็นยา เช่น ไม้โกทา สมัด ดีคน ข่อย ฯลฯ ใช้สำหรับชำระฟัน ลิ้น ปาก ให้สะอาดปราศจากกลิ่นและเศษอาหาร รวมทั้งช่วยให้ฟันแข็งแรง ลิ้นรับรสได้ดี และขจัดเสมหะ

    ในปัจจุบันสำนักวัดป่าต่าง ๆ นิยมทำใช้กันอยู่ และยังใช้เป็นเครื่องสักการะบูชาครูบาอาจารย์ ในวาระสำคัญ เช่น “การขอนิสัย”

    พระพุทธองค์ทรงบัญญัติให้ภิกษุใหม่ (๑-๕ พรรษา) ต้องถือนิสัย คือต้องอยู่ภายใต้การปกครองของอุปัฌาย์หรืออาจารย์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ขอให้ท่านเป็นที่พึ่งพิงอาศัยของตน ดุจพ่อแม่เป็นที่พึ่งพิงของลูก ๆ

    วัดหนองป่าพงและสำนักสาขาถือว่า การขอนิสัยเป็นอริยประเพณี ที่สร้างความเคารพความผูกพันฉันบุตรกับบิดาแก่ศิษย์และอาจารย์ และเป็นข้อย้ำเตือนไม่ให้ภิกษุท่องเที่ยวไปตามอำเภอใจโดยไม่ยึดถือใครเป็นอาจารย์ ดังนั้นจึงมีการขอนิสัยในวาระต่าง ๆ เช่น วันเข้าพรรษา เป็นต้น

    ไม้สีฟัน เป็นเครื่องแสดงถึงความเคารพบูชาของศิษย์ต่อครูอาจารย์ จึงต้องทำอย่างประณีต ซึ่งต้องอาศัยความพากเพียร ความอดทน และใช้เวลาพอสมควร ไม้สีฟันแต่ละอัน อาจสามารถบ่งบอกอุปนิสัยของผู้ทำได้ว่า ละเอียดหรือหยาบมากน้อยเพียงใด


    วิธีทำโดยสังเขป

    ตัดไม้เป็นท่อนขาว ๔-๘ นิ้ว ผึ่งแดดพอหมาด ๆ ถ้าแดดจัดผึ่ง ๒-๓ ชั่วโมง หากตากแดดแห้งเกินไปเมื่อทุบไม้จะแตก

    การทุบใช้ไม้ใหญ่ ๆ ทุบที่ปลายให้แตกเป็นฝอยยาวสุดเล็บมือ ถ้าทุบช้า ๆ ไม้จะแตกเป็นฝอยและนุ่มละเอียดกว่าการทุบเร็ว ๆ

    สางฝอยด้วยเข็มให้เรียบร้อย แล้วใช้มีดตอกเหลาด้ามให้เรียบสวย เอาฝอยที่เหลาออกจากด้ามมาขัดไม้สีฟันให้ขึ้นเงา นำไปตากแดดให้แห้งสนิทแล้วเก็บใส่ถุงพลาสติกป้องกันความชื้น (ปลายด้ามที่ทุบแตกเป็นฝอยใช้สำหรับถูฟันหรือเคี้ยว ปลายด้านที่เหลาให้แหลมใช้แคะเศษอาหารที่ติดตามไรฟัน ส่วนกลางของไม้ใช้สำหรับขูดลิ้น)


    https://www.facebook.com/groups/226951157350091/permalink/993718264006706/
     

แชร์หน้านี้

Loading...