หลวงพ่อพระราชพรหมยานสอนปฏิกูลมนสิการบรรพว่าด้วยร่างกายคือเจ้าหนี้

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 27 ธันวาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    [​IMG]
    ร่างกายก็คือ เจ้าหนี้ที่ยิ่งใหญ่ หรือใครว่าไม่เป็นลูกหนี้ของร่างกาย เวลาเช้าตื่นขึ้นมา มันบอกว่านี่ข้าจะกินข้าว ฉันจะต้องการอาหาร เราก็ต้องไปหามาให้มัน เมื่อบริโภคอาหารเข้าไปแล้ว บอกฉันจะถ่ายท้อง ถ่ายทิ้งเราก็ต้องไปหาเครื่องถ่าย ร่างกายมีอะไรบ้างที่กิเลสสร้างให้ มีผม ถ้าเรามีผม เราก็เป็นหนี้ผม แต่คนหัวล้านไม่ต้องเป็นหนี้ผม ต้องล้านหมด ถ้าล้านน้อยๆ ก็ต้องเป็นหนี้เหมือนกัน ทำไมถึงว่าต้องเป็นหนี้ผม ต้องเป็นทาสผม เพราะว่าผมมันต้องการอะไร ผมบอกว่านี่ปล่อยฉันไว้เฉยๆ นี่ฉันไม่ชอบนะ ฉันต้องการเอาน้ำมันมาใส่ผม ผมจะได้สละสลวย จะได้สวย เราก็ต้องไปหาเงินมา พอยาวไปหน่อยหนึ่งมันบอกไม่ดี ไม่สวย เราก็ต้องตัด เราตัดเองไม่ได้ เราก็ต้องเดินไปหาช่างตัดผม เอาสตางค์ไปให้เขา ค่าผมค่าการใช้หนี้ผมนี่ นับตั้งแต่วันเกิดมาจนถึงวันนี้หมดไปเท่าไหร่แล้วจำได้ไหม

    ถ้าเกิดอาการเหม็นสาป เหม็นสาง ก็ต้องไปหายาสระผมมาให้ฉันซิ ไม่งั้นไม่ได้นะ ฉันจะจัดการกับแก เราก็ต้องตามใจเจ้านาย นี่ถ้ามีผมอย่างเดียวมันสร้างความทุกข์ให้กับเราเท่าไร นี่พูดกันถึงการมีผม ทีนี้ไอ้คนที่ไม่มีผมจะมาเข้าใจว่าสุขไม่ได้เหมือนกันนะ หัวล้านอย่างนี้มันเป็นหวัดง่ายเหมือนกัน แค่ผมอย่างเดียวเราเป็นหนี้มันน่าดู
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=320>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>ทีนี้ ถ้าเรามีตาล่ะ ถ้าเกิดมามีตานี่ พระพุทธเจ้าบอกว่ามันสกปรก มันไม่ใช่สกปรกอย่างเดียวนะ มันแสดงการเป็นเจ้าเป็นนายเราด้วย คนมีตาทำอย่างไงล่ะ ตานี่มันเป็นเจ้านี่ใหญ่เหมือนกัน เจ้าตานี่มันชอบดู ดูว่าอะไรสวยที่ไหนไม่ได้มันต้องไปดูให้ได้ แล้วของสวยที่มันอยู่กลางถนนหนทางตั้งในโรงในร้านนี้ อยากไปดูให้ได้ ก็สักแต่ว่ามันใช้อำนาจของเจ้านายบังคับ ให้เราเดินไปเพื่อดู</TD></TR></TBODY></TABLE>
    การเดินไปก็ดี ใช้พาหนะไปก็ดี เราก็ต้องลงทุนเหมือนกัน ต้องใช้ทรัพย์สินนะ ทีนี้ไม่อย่างงั้น เขามีมหรสพในโรงมหรสพ มันบอกว่าภาพยนต์เรื่องนี้ดี ละครเรื่องนี้ดี ลิเกเรื่องนี้ดี อะไรก็ตามดี นี่ไม่ได้นะเขาโฆษณามามาก ถ้าแกไม่พาฉันไปดูนะ ถ้าไม่พาฉันไปดูจะเกิดเรื่องแน่ เราเป็นขี้ข้าตา เป็นลูกหนี้ เราก็ต้องออกสตางค์เดินไป เสียเวลาการงาน เสียเวลาทางบ้าน ดีไม่ดี หนีคนทางบ้านไป กลับมาถูกด่าเสียอีก เงินก็ต้องเสียชำระหนี้ด้วยตา

    พอแก่มาอย่างผม ไอ้ตามันบอกว่า นี่กูจะเอาแว่นนะโว้ย ต้องซื้อแว่นมาให้กูนะ ถ้าไม่ซื้อข้าไม่ยอมให้เอ็งอ่านหนังสือ พอหยิบหนังสือขึ้นมาหนังสือเขาพิมพ์ด้วยตัวห่างๆ มันบังคับให้ตัวหนังสือวิ่งเข้ามาชนกันหมด มันมีอำนาจ ผลที่สุดเราก็เป็นหนี้ตา เป็นขี้ข้าตา ชำระหนี้มัน ไปซื้อแว่นมาใส่ แล้วไอ้เจ้าตานี่มันสะอาดหรือสกปรก ดูมันให้ดี คนเราเห็นตาแจ่มใสก็เกิดรักลูกตา คนนี้ตาสีฟ้า คนนี้ตาสีอะไรก็ตามเรื่อง ตาแต่ละตา นี่เวลาเช้ามันใช้ ให้เอาน้ำมาล้างมัน ล้างความสกปรกที่เรียกว่าขี้ตา นี่พระพุทธเจ้าท่านรู้ว่าความจริงมันมีอยู่ในตัวเรา แต่เราทำไมไม่ยอมรู้ นี่มันสกปรกไม่พอ เรายังเป็นหนี้มันอีก

    มาหู หูมันมีคุณหรือมันมีโทษ ความจริงหูถ้าเราใช้ให้มีประโยชน์มันก็มีคุณ แต่ว่าหูนี่ก็เต็มไปด้วยความสกปรกหรือสะอาดหรือใครว่าสะอาดไม่ต้องเช็ด ไม่ต้องล้าง ไม่ต้องมีขี้ไคล ไม่มีเหงื่อ ไม่มีน้ำหนวกน่ะมีไหม หาได้หรือเปล่า หาไม่ได้ ทีนี้เจ้าหูนี่ก็เหมือนกัน มันสกปรกไม่พอ มันยังเป็นเจ้าหนี้เรา มันอยากฟังเสียงเพราะๆ อย่างจะฟังเสียงอย่างโน้น อยากฟังอย่างนี้ อยากฟังเสียงแหลม เสียงทุ้ม เวลาหูมันต้องการฟังเสียงเพราะๆ เราก็ต้องเอาเงินไปชำระ ไปฟังเขาร้องเพลงที่โน่น ไปฟังเขาพูดที่นี่ การไปแต่ละครั้งนี่เราต้องใช้เงินไม่ใช่น้อย กำลังกาย ทรมานร่างกายไป นี่มีหูเราก็เป็นหนี้หู

    พอมีจมูกเข้าเอาอีกแล้วเป็นหนี้จมูก จมูกเดี๋ยวมันก็เป็นหวัด เดี๋ยวก็คัดจมูก เราก็ต้องเอายามารักษา พอถึงปากนี่มันด่าประชาชนและสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลก ที่มีความทุกข์หนักก็จากปากตัวเดียว การเลี้ยงปากเลี้ยงเท่าไรก็ไม่พอ อาหารที่เรากินเข้าไปทุกวันนับมูลค่าไม่ได้ จะนับราคามันจริงๆ นับไม่ได้ มันมีค่ามากที่สุด ทีนี้ปากมันสกปรกหรือว่าปากมันสะอาด ความจริงถ้าจะนับโดยเชื้อชาติละก็ ปากมันสกปรกเพราะปากเราต้องชำระล้างทุกวัน กินอาหารเข้าไปแล้ว อาหารที่เราชอบใจเลือกแล้วเลือกอีก ปรากฏว่ากินอาหารอิ่มแล้ว บอกว่าเหม็นคาว เมื่อเวลากินไม่บ่น รู้ว่าไม่ดีกินเข้าไปทำไม พอกินเข้าไปแล้วไม่ล้างปาก บอกทนไม่ไหวบอกว่าเหม็นคาว แสดงถึงความสกปรกของเรา
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#99ccff>ปากนี่มันสกปรก ๒ ครั้ง สกปรกโดยธรรมชาติของมันตามปกติ หรือว่าสกปรกในการนำอาหารใส่ไป สกปรกในการใช้เสียงเปล่งออกมาบางวาระ ปากนี่สร้างความสกปรกสร้างโทษให้แก่บุคคลผู้เป็นเจ้าของ ปากเดือดร้อนต้องเสียเงินเสียทอง ติดคุกติดตะราง ขาดความเป็นมิตรสหายซึ่งกันและกัน ขาดความสามัคคีซึ่งกันและกัน ก็เพราะปากเป็นสำคัญ รวมความว่าปากก็หาดีอะไรไม่ได้</TD></TR></TBODY></TABLE>
    นี่เป็นอันว่าเรามีร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรก พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า ปฏิกูลบรรพ ซึ่งท่านพรรณนาไว้ในบาลีหลายอย่าง เวลาที่กรรมฐานกองนี้เป็นสมถกรรมฐานนะ จำไว้ด้วยนะว่า กำลังที่พูดมานี่เป็นสมถภาวนา ในวิสุทธิมรรคเรียกว่า กายคตานุสสติกรรมฐาน ถ้าในมหาสติปัฏฐานเรียกว่า ปฏิกูลบรรพ เป็นบรรพหรือบทที่กล่าวเรื่องความสกปรกโสโครก ตามที่พูดมานี่บรรดาท่านทั้งหลายมีความเข้าใจหรือยัง เห็นไหมว่าร่างกายของเราสกปรก ต้องพยายามหาความเป็นจริง สัจจธรรม คือธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงสอน พระพุทธเจ้าไม่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ เอาความจริงมาพูด เอาความจริงมาสอนให้กันฟัง เมื่อท่านฟังแล้วก็พิจารณาตาม เมื่อพิจารณาแล้วก็ใช้ปัญญามองเห็นตามความเป็นจริง คือว่าอย่าใช้แต่เพียงสัญญาความจำ

    สัญญานี่ก็แปลว่าความจำ จำแล้วก็ไปนั่งพูดตามแบบบ้าง ถ้าบันทึกเสียงไปแล้วก็ไปนั่งนึกตามเสียงที่พูดไปบ้าง ถ้ามันพลาดจากแบบ จากตำราไปนิดหนึ่ง พลาดจากเสียงที่พูดไปแล้วหน่อยหนึ่ง ถือว่าใช้ไม่ได้ เกิดความกลุ้มใจ อย่างนี้ใช้ไม่ได้ สิ่งที่จะใช้ได้ก็คือ พิจารณาว่าร่างกายที่พระพุทธเจ้ากล่าวว่าสกปรก มันมีอะไรจริงไหม เข้าไปมองเห็นมัน ถ้ามันยังหาอะไรไม่ได้ลองบ้วนน้ำลาย แล้วเอามือแตะ พอแตะก็ยังพอแตะได้ แล้วเอามาถูที่หน้า เช็ดที่หน้า ถ้ายังพอทนได้ก็มาแตะที่ลิ้น เราทำไม่ได้ อย่างนี้เราทำไม่ได้ เราทำไม่ได้อย่างนี้แสดงว่า ร่างกายข้างในเราสกปรก น้ำลายมันสกปรก หาความจริงอย่างนี้
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#99ccff>แล้วก็นึกไปอีกทีว่าอุจจาระ ปัสสาวะ นี่มันมาจากไหน หาความจริงให้พบ อุจจาระมาจากอาหารชั้นเลิศที่เราเลือกแล้วเลือกอีก เวลานี้ร่างกายต้องการสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายมาเก็บเข้าไว้ เหลือจากนั้นร่างกายปล่อยให้ไหลออกมาภายนอก เมื่อมันหลั่งไหลออกมาแล้วเราก็พิจารณาดู เอางี้ก็แล้วกัน พอมันไหลออกมาอุจจาระไหลออกมาแล้วมือหยิบขึ้นมาดู ทำได้ไหม ถ้าเราไม่กล้าหยิบขึ้นมา ก็รู้ว่านี่สกปรก แม้แต่หันหน้าไปมองยังไม่อยากมองเลย

    พระพุทธเจ้าทรงให้พิจารณาหาจริงว่าร่างกายของเรานี่สกปรก ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแบบนี้มีประโยชน์อะไร นึกถึงประโยชน์ ค่อยๆ มองหาความจริงว่านี่ร่างกายของเรามีความสกปรกอย่างนี้ ความจริงเราต้องการความสะอาด เราไม่ต้องการของสกปรก แต่ในเมื่อมันสกปรกอย่างนี้ เราจะไปหลงใหลใฝ่ฝันมันเพื่อประโยชน์อะไร
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ความจริงนี่เราซื้อตัวเราราคามันแพงเหลือเกินนะ ซื้อเรานี่ไม่พอ บางทีไปซื้อคนอื่นเข้าอีก ตัวของเราเองนี่เราซื้อ ความสกปรกที่มันเป็นร่างกายนี่ ซื้อแพงมาก ก่อนที่เราจะเกิด บิดา มารดาต้องลงทุนหนัก พอเริ่มปฏิสนธิ ท่านพ่อ ท่านแม่ลำบากมาก บอกไม่ถูก โดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มเข้ามาอยู่ในครรภ์ใหม่ๆ นี่มันจะตาย อะไรที่มันไม่ดี ท่านแม่เคยชอบอาหารอะไรที่ว่าดี เคยมีรสอร่อย ท่านแม่จะต้องยับยั้ง ถ้าปรากฏว่ามันมีโทษกับลูก การงานที่ท่านแม่เคยทำเป็นปกติ เคยช่วยท่านพ่อทำ เป็นการแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน แต่ว่าการงานนั้นมันกระทบกระเทือนแก่เรา ท่านแม่ก็ยับยั้ง
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=260>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>นี่ความหนักก็ไปหนักอยู่ที่ท่านพ่อ นี้เพียงเราอยู่ในท้องแม่อย่างเดียวนะ ท่านพ่อ ท่านแม่ต้องลงทุนเพื่อเราไม่รู้ว่าเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่ต้องบริโภคเข้าไปในร่างกาย เพื่อหล่อเลี้ยงตัวท่าน ไอ้เราก็แย่งกิน พอออกมาจากท้องแม่แล้วใช้ทุนมหาศาลเพราะเราช่วยตัวเองไม่ได้ จะช่วยได้อย่างไรล่ะ หิวก็บอกไม่ได้ หนาวก็บอกไม่ได้ ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ ก็บอกไม่ได้ แล้วก็ต้องลงทุนหนักจ้างคนมาเลี้ยง ท่านแม่เลี้ยงเองบ้าง ท่านพ่อก็เพิ่มภาระหนัก ดีไม่ดีก็ต้องจ้างคนมาทำงาน เป็นอันว่า การซื้อความสกปรกของร่างกายเรานี่ลงทุนมาก</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อเราได้ร่างกายที่สกปรกขึ้นมาแล้วมันมีประโยชน์อะไรสำหรับเราบ้าง ร่างกายความดีของร่างกายถ้าเราจะว่ากันจริงๆ ไม่มี เราทุกข์หนักจริงๆ เพราะอาศัยร่างกายเป็นปัจจัย การหาอาหารมาเลี้ยงมันหนึ่ง การประคบประหงมร่างกายให้มีความสุขสอง เกิดความหนาว เกิดความร้อน เดี๋ยวมันปวดเมื่อยไม่สบาย เกิดโรคภัย ไข้เจ็บ ความแก่เข้ามายุ่งบ้าง ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ความตายเข้ามายุ่ง ภัยอันตรายเกิดในร่างกายบอกไม่ถูก ภัยอันตรายมีแก่ร่างกายอย่างนี้แล้ว ถ้าความจริงมันดี มันสะอาดเสียอย่างเดียวเราก็น่าจะพอใจ
    ที่มา http://www.geocities.com/4465/samadhi/maha414.htm
     
  2. onlyone

    onlyone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +4,569
    สาธุค่ะ พระธรรมที่หลวงพ่อนำมาอธิบาย เข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจนจริงๆค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...