หัวใจพระโพธิสัตว์ที่ไม่ไหม้ไฟ จากการปกป้องพระศาสนา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ธัมมนัตา, 10 มิถุนายน 2014.

  1. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    รำลึกการครบรอบ 51 ปีของการสละชีวิตเพื่อปกป้องพระศาสนา

    เหตุการณ์ในเช้าวันที่ 11 มิถุนายน 2506 ที่สี่แยก ในเมืองไซ่ง่อน เวียดนามใต้

    พระภิกษุดิ๊ก กวง ดุ๊กThích Quảng Đức อายุ 66 ปีได้ทำการเผาตัวเองบริเวณสี่แยกกลางกรุงไซ่ง่อน เพื่อประท้วงการบริหารของประธานาธิบดีโง ดิน เดียม ซึ่งเป็นคาทอลิกและได้ออกนโยบายกีดกันทางศาสนาจนความขัดแย้งทางศาสนาพุทธและคริสต์อย่างกว้างขวาง ได้แก่
    - ออกกฏเกณฑ์ต่างๆให้ชาวเวียดนามที่นับถือศาสนพุทธถึงร้อยละ 90 เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์
    - ผู้ริดรอนสิทธิของชาวพุทธ เช่นห้ามเข้าวัด ห้ามจัดกิจกรรมทางศาสนาเช่นวันวิสาขบูชา ห้ามออกหนังสือพุทธศาสนา ห้ามพระจัดรายการทางวิทยุ
    - ผู้ปราบปราบและเข่นฆ่าพระสงฆ์ นางชี และชาวพุทธอย่างโหดเหี้ยม
    - ผู้สั่งทหารให้นำรถพุ่งเข้าหากลุ่มผู้ประท้วง ผลทำให้พระสงฆ์และนางชีที่อยู่แถวหน้าเสียชีวิตทันที่ 70 ศพ ประชาชนอีก 30 ศพ
    - ผู้สั่งให้ทหารกวาดกล้าง เผาวัด ทำลายศาสนสถาน ยิงกราดใส่กลุ่มพระและนางชีที่กำลังสวดมนต์และนั่งสมาธิ
    - ผู้ออกกฏห้ามสร้างพระพุทธรูปบูชา หากทรุดโทรมผุพังให้นำรูปพระเยซูมาตั้งแทน ใครไม่ทำมีโทษประหาร
    - ผู้ออกกฏให้ชาวบ้านนำรูปพระเยซูไว้ตามบ้าน ใครทำหาย หรือทำลาย จะได้รับโทษสถานหนัก
    - ผู้ออกกฏ เมื่อมีการอบรมข้าราชการ ต้องให้บาทหลวงมาทำการอบรมข้าราชการด้วย
    - ผู้กำหนดนโยบายเปลี่ยนคำสอนของพุทธศาสนา พระไตรปิฏก บังคับใช้กับพระภิกษุสงฆ์และสถาบัน โดยเป็นคำสั่งของ โง ดินห์ ถึก (พี่ชาย)ซึ่งคุมกระทรวงศึกษาธิการ
    - ห้ามประชาชนชาวเมืองเว้ชักธงศาสนา(ธงพระธรรมจักร)ในวันสำคัญทางศาสนา และห้ามประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ
    - และ อีกมากมาย

    นางเดียม สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งซึ่งเป็นน้องสะใภ้ของประธานาธิบดีบอกหลังเกิดเหตุว่า"เผาเข้าเถอะ เดี้ยวจะตบมือให้""Let them burn, and we shall clap our hands."...

    และรัฐบาลกลับกวาดล้างชาวพุทธหนักมือขึ้น จนมีพระชาวเวียดนามอีกหลายรูปได้ออกมาเผาตัวเองประท้วงอีก

    แอนโธนี เกรย์ นักข่าวชื่อดังชาวอเมริกาได้บันทึกนาทีประวัติศาสตร์ตอนนี้ไว้ในนวนิยายเรื่อง “ไซ่ง่อน” ของเขาว่า

    “รถคันที่บรรทุกพระสงฆ์ชาวพุทธหยุดลงกระทันหันกลางสี่แยก ผู้เดินขบวนกำลังเดินผ่านรถไปด้วยจุดหมายบางอย่าง แล้วกระจายกำลังเรียงรายเป็นวงกลมล้อมหัวมุมถนนทั้งสองสายเอาไว้
    ขณะเดียวกัน พระสงฆ์ต่างลงจากรถออสตินสีเขียวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พระสงฆ์รูปหนึ่งเปิดฝาครอบเครื่องยนต์ ชะโงกตัวเข้าไปข้างใน ยกถังพลาสติกขนาด 5 แกลลอน บรรจุน้ำมันเหลวสีดำแล้วค่อยๆ เดินไปกลางสี่แยก หยุดยืนข้าง ดิ๊ก กวง ดุ๊ก พระอีกรูปถือเบาะนั่งไปด้วย เมื่อทั้งหมดเดินไปถึงจุดที่กำหนดไว้ เขาวางเบาะลงบนพื้นถนนราดยาง
    “พระดิ๊ก กวง ดุ๊ก " ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนเบาะในท่าโยคะพับขารองก้น วางมือซ้อนกันบนตักนั่งนิ่งอยู่พักใหญ่คล้ายเป็นการเข้าฌาณแล้วเขาลืมตาขึ้น พยักหน้าเรียกบรรดาผู้ช่วยพระสงฆ์ที่ถือถังน้ำมันพลาสติกเริ่มสาดน้ำมันใส่ศีรษะของ ดิ๊ก กวง ดุ๊ก ของเหลวไหลย้อยไปตามคอและไหล่ เปื้อนจีวรสีส้ม
    เขาเทน้ำมันรดรอบๆ ร่างของดุ๊ก ลมโชยยามเช้าพัดกลิ่นเหม็นของน้ำมันมาทางคนดูบนบาทวิถีและเมื่อคนมุงเริ่มรู้ว่าพวกเขากำลังจะได้เห็นอะไร
    หลายคนส่งเสียงแสดงความหวาดหวั่นอยู่ในคอ...
    ท่ามกลางความเงียบที่น่าระทึกใจ ศิษย์ของ ดิ๊ก กวง ดุ๊ก วางถังพลาสติกเปล่าบนพื้นไกลออกไปสองสามฟุต แล้วถอยหลังออกไปอยู่ในกลุ่มคนมุง ดิ๊ก กวง ดุ๊ก นั่งในท่าเดิมไม่ไหวติงหลายวินาที

    ฝูงชนเห็นปากของเขาขยับกล่าวคำสวดคำสุดท้าย ก่อนจะขยับมือเล็กน้อยบนตัก
    “เปลวไฟลุกฟู่ท่วมตัวเมื่อเขาจุดไม้ขีด มันเต้นระยับอยู่บนศีรษะและไหล่ของเขาราวกับไม่ได้ทำอันตรายใดๆ ในไม่ช้าใบหน้าและจีวรเริ่มไหม้เกรียมเป็นสีดำ
    แม้กระนั้นก็ยังไม่มีเสียงลอดจากปากของเขาเลย เขายังคงนั่งนิ่งในท่าเดิมเช่นนั้น...
    เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีนับตั้งแต่่ดิ๊ก กวง ดุ๊ก จุดไม้ขีดเผาตัวเอง ในที่สุดร่างของเขาเริ่มโอนเอนไปมา
    ฝูงชนที่เฝ้าดูเหตุการณ์กรีดร้องและคร่ำครวญอีก ทันใดนั้นร่างของพระล้มหงายลงจมกองไฟแขนและขาของเขากระตุกเป็นพักๆ อยู่หลายวินาที นิ้วมือหงิกงอเหมือนจะกำอากาศที่อยู่เหนือกองไฟ จากนั้นเขาสะบัดแขนกางออกเหมือนกับแสดงอาการอ้อนวอนครั้งสุดท้าย ร่างทั้งร่างกระตุกอีกครั้งหนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด”

    เมื่อภาพนี้ปรากฏต่อสายตา ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคเนดี ถึงกับอุทานออกมาว่า "ไม่มีภาพข่าวใดในประวัติศาสตร์ที่จะสะเทือนใจไปทั่วโลกเท่าภาพนี้อีกแล้ว"
    "no news picture in history has generated so much emotion around the world as that one."

    ช่างภาพชาวอเมริกันที่ถ่ายภาพการเผาตนเองนี้ได้คือ มัลคอล์ม บราวน์ ซึ่งต่อมาส่งผลให้เขาได้รับรางวัลพูลิตเซอร์

    ภายหลังจากพระดิ๊ก กวง ดุ๊ก ท่านมรณภาพได้มีการนำร่างของท่านไปทำพิธีฌาปนกิจศพ แต่หัวใจที่ได้จากศพของท่านไม่ไหม้เป็นเถ้าถ่าน ซึ่งมีการตีความว่าถึงความเมตตาและพุทธศาสนิกชนในเวียดนามยกย่องให้ท่านทิก กว๋าง ดึ๊ก เป็นพระโพธิสัตว์


    หัวใจของพระภิกษุ ทิก กวาง ดึ๊ก ไม่ได้มอดใหม้ไปกับกองเพลิง
    ปัจจุบันเก็บไว้ในสถูปทองคำ วัดเทียนมู่ เมืองเว้


    ดูภาพเคลื่อนไหวใน


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=xpWICOZcn1g]Thich Quang Duc - The Burning Monk (F☠) - YouTube[/ame]

    Thích Quảng Đức - Wikipedia, the free encyclopedia

    ��зԨ ��ҧ ���� �Ѵ���¹��� �Ѻ�˵ء�ó������ҵ���ͧ ���»�иҹҸԺ�� �� �Թ�� ����� �� 2506 �Ҿ���㨾�зԨ ��ҧ ���� �������١���
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. nao7310

    nao7310 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +931
    ด้วยจิตที่แน่วแน่ มั่นคงในพระพุทธศาสนา สาธุ
     
  3. ลุงจิ๋ว

    ลุงจิ๋ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2008
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +990
    สุดยอด...สุดยอด...สุดยอดครับ
     
  4. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    สุดยอดครับ ไฟลุกท่วมยังนิ่งสงบมาก
     
  5. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    806
    ค่าพลัง:
    +2,515
    ขอกราบท่านคะ ท่านจรรโลงพระพุทธศาสนาด้วยชีวิตเลย สาธุๆๆๆ
     
  6. เดช เดชะ

    เดช เดชะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2010
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +501
    ท่านยังมองผู้ปฎิบัติธรรมอยู่ (ความเห็นส่วนตัว)
     

แชร์หน้านี้

Loading...