...... ห้องศิลป์พระ •••➱ พระแท้แค่ 200 ......

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิลป์พระ9, 8 กันยายน 2017.

  1. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    47.เหรียญอาจารย์เชื้อ หนูเพชร วัดสะพานสูง กทม "จอง">>>พี่j999

    หลวงพ่อเชื้อ อนุวชิโร เกจิผู้มีวิชาไสยเวทย์ครบครันและเป็นเกจิผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือในยุคกึ่ง พุทธกาล แห่งวัดสะพานสูง บางซื่อ เป็นเกจิผู้ซึ่งสร้างพระกริ่งแล้วนำไปแจกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและพลเรือนที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติเป็นองค์แรก แล้วพระกริ่งวัดสะพานสูงที่นำไปแจก ก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังแต่อย่างใดแก่ผู้ใช้ กลับได้รับประสบการณ์มากมายในสนามรบ เป็นผลให้มีผู้รู้จักศรัทราและเสาะหากันมาก พระเครื่องของท่านสร้างไว้เยอะพอสมควน ทั้งพระชุดโลหะตะไบแต่งตอกโค๊ตหลายพิมพ์ด้วยกัน อีกทั้งยังมีพระเนื้อผง อีกลายพิมพ์ ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย จ.สงขลา อีกด้วย ในกรุงเทพ ในยุคนั้นหลวงพ่อเชื้อ หรือ อาจารย์เชื้อ นับว่าเป็นพระสายพุทธาคม ที่ไม่ธรรมดาครับ...

    166.jpg
    449.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2017
  2. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    48..เหรียญอาจารย์เชื้อ หนูเพชร วัดสะพานสูง กทม "จอง">>>พี่j999

    หลวงพ่อเชื้อ อนุวชิโร เกจิผู้มีวิชาไสยเวทย์ครบครันและเป็นเกจิผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือในยุคกึ่ง พุทธกาล แห่งวัดสะพานสูง บางซื่อ เป็นเกจิผู้ซึ่งสร้างพระกริ่งแล้วนำไปแจกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและพลเรือนที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติเป็นองค์แรก แล้วพระกริ่งวัดสะพานสูงที่นำไปแจก ก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังแต่อย่างใดแก่ผู้ใช้ กลับได้รับประสบการณ์มากมายในสนามรบ เป็นผลให้มีผู้รู้จักศรัทราและเสาะหากันมาก พระเครื่องของท่านสร้างไว้เยอะพอสมควน ทั้งพระชุดโลหะตะไบแต่งตอกโค๊ตหลายพิมพ์ด้วยกัน อีกทั้งยังมีพระเนื้อผง อีกลายพิมพ์ ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย จ.สงขลา อีกด้วย ในกรุงเทพ ในยุคนั้นหลวงพ่อเชื้อ หรือ อาจารย์เชื้อ นับว่าเป็นพระสายพุทธาคม ที่ไม่ธรรมดาครับ...

    166.jpg
    448.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2017
  3. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    49.เหรียญหลวงพ่อทองใบ วัดตาลบำรุงกิจ จ.ราชบุรี เนื้อเงินลงยาน้ำเงิน "จอง">>>พี่j999

    ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเชย วัดตาลบำรุงกิจ ที่เก่งเรื่องการสร้างนางกวัก ครับ 200 ได้เนื้อเงิน พระอายุ 20 ปี นับว่าคุ้มค่าหาเช่าทำบุญที่วัดไม่ได้แน่นอนครับ

    727.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2017
  4. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,153
    ค่าพลัง:
    +1,157
    จอง 45.รูปหล่อยันต์ยุ่ง หลวงพ่อไข่ วัดลำนาว จ.นครศรีธรรมราช
     
  5. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณพี่มากๆครับ :)
    :):)
     
  6. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    50.รูปเหมือนเนื้อผง หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง นครศรีธรรมราช "จอง">>>พี่j999
    พิมพ์เล็ก สวยแชมป์

    วัตุมงคลของท่านเน้นเรื่องเมตตา และ เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานครับ สามารถบูชาได้กันทุกรุ่น หลวงพ่อคลิ้งท่านเป็นเกจิระดับแนวหน้า หากจัดอันดับพระเกจิที่มีคนรู้จักมากที่สุดในภาคใต้ ท่านก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่จะถูกจัดลำดับเป็นอันดับต้นๆ ด้วยเพราะบารมี แห่งความเมตตา และ ประสบการณ์ มากมาย ไม่น่าแปลกใจที่ทานจะเป็นเกจิที่มีลูกศิษย์ลูกหามากทั่วแผ่นดิน สำหรับเนื้อผงรุ่นนี้ สร้างน้อยและทันท่านเสกแน่นอนครับ..วัตถุมงคลท่านสร้างออกมาหลายรุ่นมีทั้งถูกและแพงหลักหลายๆแสนเฉียดล้านก็มีครับ ท่านเป็นพระที่แม่แต่องค์ชายใหญ่ท่านให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก

    167.jpg
    หลวงพ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง
    พระครูภาวนาภิรมย์ พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง นับว่าเป็นอริยะสงฆ์แดนทักษิณอีกองค์หนึ่งของเมืองนครศรีธรรมราช ตลอดชีวิตร้อยกว่าปีของท่านมีแต่เมตตาธรรมต่อผู้ที่ได้ไปกราบท่าน
    สำหรับความศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้น ขนาดพ่อท่านคล้าย แห่งวัดสวนขัน ยังกล่าวยกย่อง พ่อท่านคลิ้งเสมอ เช่นว่า มีชาวบ้านจาก อ.ร่อนพิบูลย์ไปกราบพ่อท่านคล้าย พอท่านทราบว่ามาจากร่อนพิบูลย์ ท่านก็จะกล่าวว่า “ทีหลังไม่ต้องมาไกลถึงนี้หรอก ไปหาท่านคลิ้งนั้นแหละ ท่านคลิ้ง(หลวงพ่อคลิ้ง)ให้พรดีเหมือนเหมือนฉัน” หรือ แม้แต่พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา ก็ยังกล่าวยกย่อง พ่อท่านคลิ้ง อยู่เสมอ
    ประวัติพ่อท่านคลิ้ง จันทสิริ วัดถลุงทอง
    เกิด 29 สิงหาคม พ.ศ.2429
    บรรพชา พ.ศ.2435 ขณะอายุ 8 ปี
    อุปสมบท พ.ศ.2447 ขณะอายุ 20 ปี
    ละสังขาร 21 มกราคม พ.ศ.2533
    รวมสิริอายุ 104 ปี 84 พรรษา
    พ่อท่านคลิ้ง เป็นคณาจารย์ที่อายุยืนนานอีกองค์หนึ่ง พระเครื่อง วัตถุมงคลที่ท่านได้เมตตาปลุกเสกเอาไว้มีหลายชนิด เช่น เหรียญ ลูกอมชานหมาก พระปิดตาเนื้อผงผสมว่าน วัตถุมงคลพ่อท่านคลิ้งท่านเด่นทางด้าน เมตตามหานิยม โภคทรัพย์ แคล้วคลาดวัดถลุงทอง เป็นวัดที่เงียบสงบอยู่ห่างจากถนนเอเชียสายหลัก ระหว่างร่อนพิบูลย์-นครศรีธรรมราช เข้าไปประมาณ 9 กิโลเมตร ระหว่างทางจะผ่านสวนผลไม้ ไร่นาและบ้านของชาวบ้าน บริเวณวัดสงบร่มเย็น อยู่ใกล้กับเทือกเขา ชาวบ้านบริเวณนั้นจะนับถือพ่อท่านคลิ้งมาก เพราะท่านเป็นพระที่มีเมตตาต่อทุกๆคนประวัติหลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง“หลวงพ่อคลิ้งจันทสิริ” เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นพระเถระที่มีวิชาอาคมอีกรูปหนึ่ง นอกจากนี้หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทองท่านยังมีอายุยืนนานถึง ๑๐๔ ปี เพราะพ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง ท่าน เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๙ และมรณภาพใน ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยออกบวชเป็นสามเณรขณะอายุ ๘ ขวบ แล้วก็ครองเพศเป็นบรรพชิตมาตลอดจวบกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต หากนับพรรษาต่อเนื่องตั้งแต่บวชเป็นสามเณรกระทั่งเป็นพระภิกษุ “หลวงพ่อคลิ้ง” ก็จะครองพรรษาได้ถึง ๙๖ พรรษา เลยทีเดียว
    ส่วนทางด้านเรื่องราวอภินิหารของ “พ่อท่านคลิ้ง” ที่จะนำมาเล่าขานวันนี้เป็นเรื่องราวของพระเครื่องหลวงพ่อคลิ้ง “เหรียญรูปเหมือนพ่อท่านคลิ้ง หลัง ภปร” ซึ่งจัดเป็นเหรียญ ที่อุดมด้วยสิริมงคลเพราะจัดสร้างในวาระฉลองอายุครบ ๙๓ ปี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ โดย “พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภานุพันธ์ยุคล” หรือ “เสด็จพระองค์ชายใหญ่” พระโอรสของ “จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯกรมหลวง ลพบุรีราเมศวร์” อดีตผู้สำเร็จราชการมณฑลทักษิณ พร้อมทั้งได้กราบบังคมทูล พระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญตราสัญลักษณ์ “พระปรมาภิไธยย่อ ภปร” ประดิษฐานที่ด้านหลังเหรียญจึงนับเป็นสิริมงคลอันสูงสุด ดังที่ทราบ กันดีในวงการนักสะสมว่าวัตถุมงคลที่มีความเกี่ยวเนื่อง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาลปัจจุบันล้วนเป็นที่นิยม ต่อนักสะสมซึ่งถึงแม้ว่า ขั้นตอนการสร้าง “เหรียญของพ่อท่านคลิ้ง” รุ่นนี้ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” มิได้เสด็จฯทรงประกอบพิธีแต่ก็ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อ “พ่อท่านคลิ้ง” ได้ทรงพระสุหร่ายและทรงเจิม “โลหะธาตุมหามงคล” แล้วพระราชทานให้นำมาหล่อหลอมผสมกับแผ่นทองลงอักขระเลขยันต์ของ “พ่อท่านคลิ้ง” นับเป็นร้อย ๆ แผ่นและโลหะสัมฤทธิ์เก่าสมัยบ้านเชียงที่มีอายุกว่า ๔,๐๐๐ ปี รวมถึงโลหะสัมฤทธิ์อันเป็น ชิ้นส่วนของพระพุทธรูปโบราณหลายสมัย เช่น ลพบุรี, ทวารวดี, สุโขทัย ฯลฯ
    และจากพิธีสร้างที่ดีเยี่ยมนี้เองจึง เป็นเหรียญพ่อท่านคลิ้ง ที่ มีประสบการณ์มากมายอย่างเช่น “นายสุนทร บุญชอุ่ม” ชาวตำบลคานโพธิ์ อ.เมือง จ.สตูล ได้เล่าให้ฟังว่า ตัวเขานั้นมีอาชีพเป็น “ไต้ก๋งเรือ” ประมงขนาดเล็กที่ออกหาปลาในแถบ “ทะเลอันดามัน” โดยมีลูกเรือเพียง ๕ คน ซึ่งช่วงที่พบประสบการณ์นั้น “นายสุนทร” จำได้แม่นว่าเป็นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ เพราะเป็นฤดูมรสุมทางภาคใต้โดยขณะนำเรือออกหาปลาช่วงเวลาประมาณสองทุ่มเศษ ปรากฏคลื่นขนาดยักษ์ถล่มเรือประมงของเขาอับปางลง “นายสุนทร” พร้อมลูกเรือต่างกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางโดย “นายสุนทร” ที่เคยเป็นลูกเรือมาก่อนจึงช่วยเหลือตัวเองด้วยการเกาะเศษไม้จากเรือที่ อับปางคอยพยุงตัวเองลอยคออยู่กลางทะเลถึง “๒ วัน ๒ คืน” โดยขณะนั้นได้แต่ภาวนาให้ “พ่อท่านคลิ้ง” ช่วยเหลือเนื่องจากในคอแขวน “เหรียญพ่อท่านคลิ้งหลัง ภปร” เพียงเหรียญเดียว กระทั่งเช้าตรู่วันที่สาม ขณะจวนจะหมดแรงอยู่แล้ว ก็มีเรือประมงขนาดใหญ่มาช่วยไว้และหลังจากฟังเรื่องราวของ “นายสุนทร” ทุกคนบนเรือประมงที่มาช่วยต่างสงสัยไปตาม ๆ กันว่า “นายสุนทร” รอดได้อย่างไรเพราะเป็นที่รู้กันดีในหมู่ชาวประมงหากเรือประมงขนาดเล็ก อับปางลงยังกลางทะเล ยากที่จะมีคนรอดได้แม้จะเก่งด้านว่ายน้ำแค่ไหนก็ตาม เพราะการว่ายน้ำข้ามวันข้ามคืนจะทำให้หมดแรงไปเองซึ่งตัว “นายสุนทร” เองก็ไม่รู้เช่นกันว่ารอดได้อย่างไรเพราะช่วงที่ลอยคออยู่ในทะเลนั้น คลื่นแรงมากปะทะหน้าอกเจ็บระบมไปหมดจึงได้แต่ภาวนาขอให้ “เหรียญพ่อท่านคลิ้ง ภปร” ที่แขวนอยู่ในคอช่วยแล้วกัดฟันว่ายน้ำไป
    ส่วน อีกเรื่อง “นายฉลอง สง่าวงศ์” อาชีพทำไร่อยู่บ้านเลขที่ ๕๕๑ หมู่ ๔ ต.ไร่ใหม่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เล่าว่าตัวเขาชนะคดีความพิพาทกับเพื่อนบ้านเรื่องที่ดิน จึงถูกเพื่อนบ้านผู้นั้นเจ็บแค้นมาตลอด วันหนึ่งในเดือน มิ.ย. ๒๕๔๗ เวลาประมาณสามทุ่มเศษ ขณะ “นายฉลอง” เดินไปตามถนนในหมู่บ้านที่ทั้งมืดและเปลี่ยวปรากฏมีมือปืนมาซุ่มยิงด้วย “ปืนลูกซองกระสุนลูกโดด” (ปกติลูกซองจะเป็นกระสุนลูกปราย) สองนัดปรากฏว่าลูกกระสุนโดนลำตัวนายฉลองอย่างจังแต่นายฉลองกลับไม่เป็นอะไร มือปืนจึงยิงอีก ๒ นัด แต่กระสุนปืนก็ทำอะไรนายฉลองไม่ได้เช่นเคย มือปืนที่ซุ่มยิงจึงวิ่งเข้าหานายฉลองแล้วใช้ด้ามปืนตีท้ายทอยนายฉลอง ที่ยืนงงอยู่กับที่ถึงกับสลบเหมือดแล้วมือปืนจึงหนีไป กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นจึงมีคนมาพบจึงพยุงนายฉลองกลับบ้าน ปรากฏว่านายฉลองโดนยิงลำตัวถึง ๓ นัด แต่กระสุนไม่เข้าเป็นเพียง “รอยช้ำแดง” เท่านั้นนายฉลองจึงเชื่อมั่นว่าเป็นเพราะ พระเครื่องหลวงพ่อคลิ้ง“เหรียญพ่อท่านคลิ้งหลัง ภปร” ที่ใส่ตลับสเตนเลสแขวนคอไว้เพียงเหรียญเดียวช่วยไว้....'แฉ่ง บางกระเบา'
    พ่อท่านคลิ้ง พระอริยสงฆ์แห่งแดนทักษิณอีกรูปหนึ่ง นามพ่อท่านคลิ้ง จันทสิริ แห่งวัดถลุงทอง อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ตลอดช่วงชีวิตในกาสาวพัสตร์ 86 ปีของท่านเปี่ยมไปด้วยความเมตตาต่อผู้ไปกราบนมัสการท่าน กล่าวในด้านความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อท่านคลิ้งนั้น ในสมัยที่พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อชาวอำเภอร่อนพิบูลย์ไปกราบนมัสการท่านถึงวัดสวนขัน ท่านมักกล่าวว่า "ทีหลังไม่ต้องมาไกลถึงนี้หรอก ไปหาท่านคลิ้งนั้นแหละ ท่านคลิ้งให้พรดีเหมือนฉัน"
    เหรียญปั๊มรูปเหมือนหลัง ภปร.พ่อท่านคลิ้ง พระเครื่องที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2521 ซึ่งเหรียญพ่อท่านคลิ้ง หลัง ภปร.นี้ เป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนพ่อท่านคลิ้งหันข้างครึ่งรูป มีอักษรโดยรอบเหรียญว่า "พ่อท่านคลิ้ง จันทสิริ อายุครบ 93 ปี วัดถลุงทอง นครศรีธรรมราช พ.ศ.2521" ด้านหลังเป็นพระปรมาภิไธยย่อ ภปร.และอักขระขอมเหรียญ พ่อท่านคลิ้ง หลัง ภปร.นับเป็นเหรียญดี พิธีเด่นเหรียญหนึ่งทีเดียว กล่าวคือ เป็นเหรียญที่พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล หรือเสด็จพระองค์ชายใหญ่ ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ประดิษฐานที่ด้านหลังเหรียญพ่อท่านคลิ้ง จึงนับว่าเป็นสิริมงคลอันสูงสุด เหรียญที่มีตราพระปรมาภิไธยย่อในวงการสะสมบูชาพระเครื่องล้วนเป็นที่นิยม ด้วยมีความเกี่ยวเนื่องในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทรงพระสุหร่ายและทรงเจิมโลหธาตุมหามงคล แล้วพระราชทานหล่อหลอมรวมกับแผ่นทองลงอักขระเลขยันต์ของพ่อท่านคลิ้ง นับ ร้อย แผ่น และโลหะสัมฤทธิ์เก่าสมัยบ้านเชียง อายุกว่า 4,000 ปี และชิ้นส่วนพระพุทธรูปโบราณสมัยทวารวดี, ลพบุรี, สุโขทัยได้ทำพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดถลุงทอง เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2521 มีพ่อท่านคลิ้ง เป็นประธานจุดเทียนชัย และนั่งปรก มีพระเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสก คือ พ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้มีวัตรปฏิบัติอันดีและเคยก่อเกิดปาฏิหาริย์ระหว่างการปลุกเสกมาหลายครั้ง หลายหน พ่อท่านผอม วัดหญ้าปล้อง อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช พระเกจิอาจารย์รูปนี้มีสมาธิแรงกล้ามาก วิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ พ่อท่านหนูจันทร์ วัดพันธเสมา อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช พระเกจิอาจารย์ผู้นิยมอยู่ในป่าช้าเป็นที่พำนัก พระครูกาชาด วัดพระบรมธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้มีสมาธิอันสูงส่ง พระครูกาชาด (บุญทอง) วัดดอนศาลา อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ศิษย์สำนักวัดเขาอ้ออันเลื่องชื่อ พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา ศิษย์สำนักเขาอ้ออีกรูปหนึ่ง หลวงพ่อบุญรอด วัดประดู่พัฒนาราม จังหวัดนครศรีธรรมราช พระเกจิอาจารย์รูปนี้มีทหารเป็นศิษย์มากมาย เพราะวัตถุมงคลของท่านเลื่องชื่อ มีวัตรปฏิบัติไม่ฉันเนื้อสัตว์ และไม่รับนิมนต์ไปในงานที่มีการเลี้ยงเหล้า และฆ่าสัตว์ เล่นการพนันนอก จากนั้น ยังมีหลวงพ่อเจิม วัดใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พระครูสังข์ วัดดอนตรอ อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พระอาจารย์แอบ วัดปากน้ำ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ร่วมปลุกเสก มีขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นเจ้าพิธีฝ่ายฆารวาส ปลุกเสกเหรียญพ่อท่านคลิ้ง
    สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปกราบไหว้ พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง ถ้ามีโอกาสลองแวะเข้าไปกราบไหว้สรีระพระอริยะสงฆ์แดนทักษิณ ดูนะครับเพื่อขอพรและความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

    1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2017
  7. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,151
    ค่าพลัง:
    +5,421
    ขอจองครับ
     
  8. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,151
    ค่าพลัง:
    +5,421
    ขอจองครับ
     
  9. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,151
    ค่าพลัง:
    +5,421
    ขอจองครับ
     
  10. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,151
    ค่าพลัง:
    +5,421
    ขอจองครับ
     
  11. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    51.เหรียญหลวงพ่อโอภาสี ธนบุรี ปี2506 "จอง">>>พี่natacom

    ที่ระลึกในงานสมโภชน์ ณ สวนพุทธบูชา ปี 2506 เกจิแก่งๆมาปลุกเสกมากมาย

    4.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2017
  12. natacom

    natacom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +54
    จอง 51.เหรียญหลวงพ่อโอภาสี
     
  13. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    52.พระปิดตา"บัวคว่ำ-บัวหงาย" หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ปี2535 จ.ประจวบฯ "จอง">>>พี่ nt-1

    พระปิดตารุ่นนี้ได้รับความสนใจและน่าบูชา ด้วยราคาไม่แพงมากนัก ผมเช่ามาน่าจะแพงกว่านี้ แต่ด้วยคอนเซปเดิม คือ แบ่งปันคืนกำไร ให้ลูกค้าจากกระทู้หลักในเวปนี้ แทนที่จะไปแบ่งให้คนอื่นในสนาม สู้เอามาแบ่งให้แก่ลูกค้าผู้อุปการะคุณจะดีกว่า พระปิดตาองค์นี้สวยๆ เจอใช่ว่าจะเช่าได้ราคานี้ผมเดินเจอยังต้องเช่าแพงกว่านี้แน่นอนครับผม

    *พระเครื่องหลวงพ่อยิด เป็นพุทธคุณด้านเมตตาแคล้วคราดโชคลาภ (สายเย็น) ตามที่ท่านเชี่ยวชาญ สำเร็จกสินน้ำ ในยุคนั้นกสินน้ำของท่านแทบจะไม่เป็น 2 รองใคร สามารถเทียบกสินไฟ ของท่านมหาโพธิ์ วัดคลองมอญได้ นับว่าท่าน สุดยอดเลยทีเดียวครับ*

    5.jpg

    ประวัติหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก cr.เวปอิทธิปาฎิหาริย์

    หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน หรือ พระครูนิยุตธรรมสุนทร แห่งวัดหนองจอก ต.ดอนยายหนู อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ท่านเป็นอีกหนึ่ง ในบรรดาพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมอภิญญาอาคมขลัง ท่านถวายตัวเป็นถตาคตสืบทอดและเผยแพร่พุทธศาสนาตามแนวทางของพระศาสดาอย่าง แท้จริง อีกทั้งยังเป็นผู้สร้างวัดหนองจอกด้วยมือของท่านเอง จากที่รกร้างเต็มไปด้วยป่าไผ่และดงหนาม จนสำเร็จเป็นวัดที่เจริญและงดงามในปัจจุบัน

    ย้อนกลับไปประมาณซัก 10 ปี ผู้ที่นิยมพระเครื่องน้อยคนที่ไม่รู้จักชื่อ หลวงพ่อยิดแห่งวัดหนองจอก ด้วยที่ว่างานสรงน้ำปีละครั้งเดียว (หมายถึงว่า ใน 1 ปีหลวงพ่อยิดท่าน อาบน้ำเพียง 1 ครั้งคือในงานสรงน้ำนั่นเอง) และจะอนุญาติให้ลูกศิษย์ที่มาสรงน้ำท่านใช้แปรงทองเหลือง (ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำความสะอาดพื้นปูนซีเมนต์) ขัดทำความสะอาดตัวท่าน โดยที่แปรงทองเหลืองที่แสนคมหาได้ระคายผิวหนังของหลวงพ่อยิดแม้ซักนิด เป็นข่าวขจรขจายไปทั่วในเวลานั้น ส่วนวัตถุมงคลของหลวงพ่อยิดที่ขึ้นชื่อคือ ปลัดขิก ที่สร้างปาฏิหารย์บินได้ เป็นที่นิยมกว้างขวางในหมู่ ทหารและตำรวจ เพราะเชื่อกันว่าใครมีปลัดขิกของหลวงพ่อยิดติด ตัวแล้วจะดีเด่นในด้าน เมตตามหานิยมและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวงอีกทั้งมีผู้ประสบ เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งแคล้วคลาดและโชคลาภจากการบูชาวัตถุมงคลจากหลวงพ่อยิดติดตัว ชื่อเสียงของหลวงพ่อยิดจึงโด่งดังมากในยุคนั้น ปัจจุบันแม้หลวงพ่อยิดท่านได้ละสังขารไปแล้ว แต่วัตถุมงคลของหลวงพ่อยิดก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ดีเด่นในด้านเมตตาแคล้วคลาด เล่นหาบูชากันในวงกว้าง
    ชาติภูมิ
    หลวงพ่อยิดท่านเกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2476 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 7 ปีชวด มีนามเดิมว่ายิด ศรีดอกบวบ บิดาชื่อ แก้ว มารดาชื่อพร้อย มีพี่น้องร่วมสายโลหิต 7 คน ท่านเป็นคนที่ 4
    อุปสมบท
    เมื่ออายุ 6 ขวบ บิดามารดาได้นำไปฝากเป็นศิษย์ พระอาจารย์หวล วัดนาพรม (ท่านเป็นน้าของ ด.ช.ยิด) และเห็นว่าเป็นเด็กที่ชอบอยู่วัด และจะเดินตามหลวงน้าไปวัดทุก ๆ วัน ในตอนเช้าหลังจากใส่บาตรแล้ว ครั้นอายุได้ 9 ขวบได้บวชเป็นสามเณร ณ.วัดนาพรหม โดยมีพระอธิการหวล (หลวงน้า) เป็นอุปฌาย์ ได้ศึกษาอักขระเลขยันต์และฝึกปฏิบัติสมาธิกับพระอธิการหวล และครูหลี แม้นเมฆ มีความสนใจในด้านวิชาอาคม สักยันต์และร่ำเรียนศึกษาพระธรรมวินัย ควบคู่กันไป และได้ขออนุญาติออกธุดงค์วัตรกับพระอุปฌาย์ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร โดยออกธุดงค์เป็นเวลา 4ปี และได้ลาสิกขามาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนาตอนอายุ 14 ปี และในช่วงนี้นี่เองที่หลวงพ่อยิด เริ่มมีชื่อเสียงจากการ สักยันต์ เนื่องจากเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน ได้ลองให้หลวงพ่อยิด สักยันต์ ให้แล้วเกิดมีประสบการณ์ จึงเล่ากันปากต่อปากและมีผู้มาสักยันต์มากขึ้น (ขณะนั้นอายุประมาณ 17-19 เท่านั้น)
    เมื่ออายุได้ 20 ปีก็ได้อุปสมบทตามประเพณี โดยมีหลวงพ่ออินทร์ วัดยางเป็นพระอุปฌาย์ พระอธิการหวล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับ ฉายาว่า จันทสุวัณโณ และได้ศึกษาด้านวิชาอาคม เพิ่มเติมโดยฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อศุข วัดโตนดหลวง และได้ออกธุดงค์ศึกษากรรมฐานหายเข้าป่าหลายปีจนได้กลับมาวัดนาพรหม ในปี พ.ศ. 2487 ก็ได้ทราบข่าวการป่วยของบิดา จึงคอยดูแลจนกระทั่งบิดาเสียจึงลาสิกขาออกมาดูแลมารดาซึ่งแก่ชรามาก และได้แต่งงานมีครอบครัว ส่วนลูกศิษย์เก่า ๆ ที่ได้จากการสักจากหลวงพ่อ พอรู้ข่าวก็ได้มาสักกันเพิ่มขึ้นจนมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่มีบางคนที่ได้รับการสักยันต์จากหลวงพ่อแล้วกลับประพฤติตนเป็นอันธพาล จนทางตำรวจท้องที่ต้องขอร้องอาจารย์ยิด(ขณะนั้น) ให้เพลา ๆ การสักยันต์ลง
    ต่อมาจึงมีการเลือกเฟ้นจนแน่ใจแล้ว จึงจะทำการสักให้ จนกระทั่งปี 2518 จึงได้อุปสมบทอีกครั้งที่วัดเกาะหลัก โดยมีหลวงพ่อเปี่ยมเป็นพระอุปฌาย์ ได้รับฉายา จันทสุวัณโณ เช่นเดิม ซึ่งขณะนั้นท่านอายุ 51 ปี เมื่ออุปสมบทแล้วก็เดินทางไปจำพรรษาเป็นพระลูกวัดที่ วัดทุ่งน้อย อ.กุยบุรีจ.ประจวบฯ ได้พบกับอุบาสิกาใจบุญ 2 ท่าน ยกพื้นที่ดินว่างเปล่าพื้นที่ 21 ไร่ 2 งาน ให้โดยปรารถนาให้ท่านสร้างวัดขึ้น ที่ดินผืนนี้เต็มไปด้วย ป่าไผ่ และดงต้นหนาม ซึ่งหลวงพ่อได้ปลูกกระต๊อบหลังเล็ก ๆ ไว้ และก็เริ่มถางป่าไผ่ พัฒนาไปเรื่อย ๆ จนพื้นที่รกทึบเริ่มโล่งมากขึ้น จนกระทั่งบรรดาลูกศิษย์ที่ได้รับการสักยันต์ และพวกที่เคยได้รับการรักษายาสมุนไพร ได้รู้ข่าวการสร้างวัดใหม่ของหลวงพ่อก็ได้มาร่วมกันสร้างวัดด้านผู้ชายก็ ช่วยถากถาง ผู้หญิงก็ช่วยหุงหาอาหาร แจกจ่ายและได้รวมกันสร้างกุฏิขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ ในขั้นแรก และต่อมาได้พัฒนาเป็นวัดหนองจอกในปัจจุบัน
    มรณภาพ

    เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2538 สิริอายุ 71 ปี 30 พรรษา
    วัตถุมงคล

    หลวงพ่อยิด ได้เริ่มสร้างวัตถุมงคลแบบทดลองสร้างดูพุทธคุณตั้งแต่สมัยเป็นอาจารย์ยิด โดยสร้างเป็นตะกรุดเพียงไม่กี่ดอก ได้มาเริ่มสร้างวัตถุมงคลแบบจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนสร้างวัดหนองจอกนี่เอง โดยสร้างเป็นเหรียญรูปหล่อ และปลัดขิก และสร้างเรื่อยมา เพราะลูกศิษย์ลูกหาต่างแสวงหา เพราะต่างก็เชื่อมั่นในพุทธคุณของวัตถุมงคลที่หลวงพ่อจัดสร้างขึ้น
    ปัจจุบัน วัตถุมงคลของหลวงพ่อยิดได้รับความนิยมมาก แต่ราคายังถูกอยู่คือ จะอยู่ประมาณ หลักร้อยถึงหลักพันต้น ถ้าสนใจอยากบูชาไว้คุ้มครองตัว ให้จดจำลักษณะให้ดีแล้วจะได้ของดีไว้บูชาครับ
    ประวัติ หลวงพ่อยิด อีกหนึ่งที่มา... มีดังต่อไปนี้ครับ
    หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก เสก “ปลัดขิก” จนกระดิกได้
    เมื่อพูดถึง “ปลัดขิก” นับเป็นเครื่องรางของขลังที่พระเกจิอาจารย์ดังในอดีตหลายองค์นิยมสร้างกัน อาทิ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา,หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ชลบุรี,หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก เพชรบุรี, ฯลฯ
    ปลัดขิกของแต่ละท่าน ล้วนโด่งดัง-เข้มขลังด้วยประสบการณ์ เล่าขานสืบมาจนทุกวันนี้ หนึ่งในเกจิอาจารย์ที่สร้างตำนาน “ปลัดขิก” จนดังสะท้านประเทศก็คือ “หลวงพ่อยิด จนฺทสุวณฺโณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ วิทยาคมของท่านนั้นแก่กล้าขนาดที่ว่า สามารถเสกปลัดขิกบินรอบวัด ก่อนจะแจกจ่ายให้ญาติโยม นี่คือเรื่องจริงที่หลายๆ คนได้ประจักษ์กับสายตามาแล้ว
    หลวงพ่อยิด เกิดในสกุล “สีดอกบวบ” เมื่อวันอังคารที่ 10 มิ.ย. 2467 ณ บ้านหัวหรวด ต.นาพันสาม อ.เมือง จ.เพชรบุรี เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 7 คน ของนายแก้ว และ นางพร้อย
    สมัยเด็กไปอยู่กับหลวงพ่อหวล (มีศักดิ์เป็นน้า) ที่วัดประดิษฐนาราม (วัดนาพรม) จนกระทั่งบวชเป็นเณรเมื่ออายุ 9 ขวบ และได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ ภาษาขอม เลขยันต์ พร้อมกับเรียนวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง
    อายุ 14 ปีลาสิกขาออกมาช่วยครอบครัว ซึ่งย้ายไปประกอบอาชีพ ที่อ.กุยบุรี จนอายุ 20 ปีก็กลับมาอุปสมบทที่วัดนาพรม มีหลวงพ่ออินทร์ (เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อหวล เป็นพระกรรมวาจารย์ พระอาจารย์พ่วง วัดสำมะโรง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “จนฺทสุวณฺโณ” มีความหมายว่า “ผู้มีวรรณะดุจพระจันทร์”
    ต่อมาบิดาเสียชีวิต ท่านจึงลาสิกขาออกมาดูแลมารดา และได้มีครอบครัว อยู่กินกับนางธิติจนมีบุตรหนึ่งคน ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งในปี พ.ศ.2517 ณ วัดเกาะหลัก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากนั้นได้มาจำพรรษาที่วัดทุ่งน้อย ต.เขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาผู้มีจิตศรัทธาซึ่งเลื่อมใสในตัวท่านได้มอบที่ดิน 21 ไร่ 2 งาน ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ต.ดอนยายหนู อ.กุยบุรี ให้สร้างเป็นสำนักสงฆ์ชื่อ “สำนักสงฆ์พุทธไตรรัตน์” เมื่อปี พ.ศ.2518 ก่อนจะขออนุญาตสร้างเป็นวัดเมื่อปี พ.ศ.2527 ตั้งชื่อว่า “วัดหนองจอก” ปี พ.ศ.2535 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงประทานพัดยศแก่ท่าน เป็น “พระครูนิยุตธรรมสุนทร”
    หลวงพ่อยิด นั้นได้ชื่อนักพัฒนาที่มีฝีมือรูปหนึ่ง เห็นได้จากการสร้างสรรค์พัฒนาให้วัดหนองจอก จนเป็นวัดที่สมบูรณ์มีถาวรวัตถุทางศาสนาครบ ยากที่จะหาวัดใดๆ สร้างได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ ท่านยังพัฒนาจิตใจและการศึกษาของเด็กและเยาวชนอย่างเต็มที่ โดยสนับสนุนด้านทุนการศึกษา,ทุนอาหารกลางวันแก่โรงเรียนหลายแห่งใน จ.ประจวบฯ รวมทั้งร่วมสร้างสาธารณประโยชน์แก่สถานที่ราชการและหน่วยราชการมากมาย
    สมัยยังชีวิต ท่านมีกิจนิมนต์ในการปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังทั่วประเทศจนแทบไม่มีเวลา พักผ่อน ในวันเสาร์ 5 ท่านปลุกเสกวัดแรกที่ จ.นครสวรรค์ วัดสุดท้ายที่วัดหนองจอก แต่ละวัดจะปลุกเสกวัดละ 30 นาที รวมทั้งหมดวันเดียวปลุกเสก 9 วัด
    การรับแขกของหลวงพ่อยิดแต่ละวันนั้น บางวันแทบไม่ได้ลุกไปห้องน้ำเลย นอกจากฉันอาหารเพลเท่านั้น แม้แต่ยามอาพาธ ก็ยังแสดงความอดทน ออกมาต้อนรับญาติโยมเหมือนไม่เป็นอะไรเลย
    ยิ่งเรื่องการเขียน การจารวัตถุมงคลด้วยแล้ว บางวันถึงขนาดไม่ได้ฉันข้าวก็มี เมื่อเขียน,จารเสร็จแล้ว ท่านจะเอานิ้วที่ซีดแนบเนื้อติดกระดูกให้ผู้อยู่ใกล้ชิดดู จนต้องช่วยกันบีบนวดให้เพราะสงสารท่าน
    พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนมากจะมีปัญหาเกี่ยวกับผู้ใกล้ชิด ลูกศิษย์ กลุ่มพุทธพาณิชย์ หาผลประโยชน์จากการสร้างวัตถุมงคลเพื่อหวังผลกำไรจำนวนมหาศาล เช่นเดียวกับหลวงพ่อยิด ซึ่งมีหลายกลุ่ม แต่ท่านจะไม่ว่าอะไรใครทั้งสิ้น
    เมื่อมีผู้ถาม ท่านก็จะตอบว่า “ใครที่ประพฤติตนหาผล ประโยชน์จากพระ บุคคลนั้นต่อไปจะยากจน เพราะตัวเองจะป่วย แล้วก็ใช้เงินจากการจำหน่ายพระมารักษาตัวจนหมดสิ้น และชีวิตก็จะอยู่ไม่มีความสุขภายในครอบครัว” และวาจาท่านก็ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งเสียด้วย เพราะมีหลายคนที่เป็นไปตามคำพูดนั้น
    เรื่องแปลกของหลวงพ่อยิดเรื่องหนึ่งก็คือ ท่านสรงน้ำปีละครั้ง ในเดือน 4 ในวันอาทิตย์แรกของข้างแรม สาเหตุก็เนื่องมาจาก ท่านได้รับปากกับอาจารย์ที่สอนวิชาอาคมให้สมัยที่ยังเป็นฆราวาส เมื่อเรียนจบแล้ว ท่านก็อาบน้ำ จนกระทั่งบวชเป็นพระก็สรงน้ำปีละครั้งตลอดมาจนมรณภาพ
    ลูกศิษย์และผู้เคารพศรัทธาจะเอาแปรงทองเหลืองขัดตัวท่าน ท่านจะยิ้มเพราะไม่เจ็บ และไม่ระคายผิวหนังแม้แต่น้อย กระทั่งปี พ.ศ.2535 เป็นต้นมา จึงงดใช้แปรงขัดเนื่องจากหมอขอร้อง เพราะแม้ผิวหนังท่านจะคงกระพันจริง แต่เนื้อและเส้นโลหิตไม่ได้คงกระพันด้วย อาจจะเป็นอันตรายได้
    ท่านมักจะสอนศิษย์เสมอว่า การที่จะปลุกเสกวัตถุมงคลให้ขลังนั้นจะต้องมีสมาธิ และสัจจะ โดยเฉพาะสัจจะสำคัญมาก เพราะฉะนั้น วัตถุทุกชนิดเมื่อผ่านการปลุกเสกจากท่าน จึงเชื่อถือกันว่ามีความขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก ที่โด่งดังและรู้จักกันดีทั่วประเทศก็คือ “ปลัดขิก” ซึ่งท่านปลุกเสกจนกระดุกกระดิกเคลื่อนไหวได้ เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้พบเห็น
    แม้แต่ผู้ที่มีความรู้เป็นถึงนักเรียนนอกอย่าง ม.ล.ปาณสาร หัสดินทร อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ยังนับถือ เพราะได้ประสบมากับตาตนเอง คุณวิเศษในปลัดขิกที่ผ่านการปลุกเสกจากท่าน ใช้ดีในทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ค้าขาย เรื่องแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น ตะขาบ แตน ต่อ แมงป่อง เอาไปวนบริเวณที่กัดจะหายเป็นปลิดทิ้งทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อความศรัทธาเป็นที่ตั้ง
    แต่สิ่งหนึ่งที่ฝังอยู่ในใจศิษย์ตลอดมาก็คือภาพอดีตที่ฉายให้เห็นถึงคุณงามความดีที่
    ท่านสร้างไว้ให้วัดหนองจอก,พระพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ซึ่งไม่มีวันลบเลือนไปง่ายๆ

    3.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2017
  14. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบการจองทุกรายการครับ (47-48-49-50) ขอบคุณพี่มากๆครับ
     
  15. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบการจองครับพี่ ขอบคุณพี่มากๆครับ :):):)
     
  16. NT-1

    NT-1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +177
    ขอจองครับ
     
  17. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,304
    ค่าพลัง:
    +6,462
    ปิดรายการพระอจ.คำผาย ครับ
     
  18. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณพี่ NT-1 มากๆครับ:):):)
     
  19. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณพี่ shaj มากๆครับ:):):)
     
  20. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    598
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    53.เหรียญครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขต จ.ตาก ปี2535 "จอง">>>พี่Mk2508

    เหรียญรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษ "ฉลองสมณศักดิ์" ปี2535 ทันท่านเสกแน่นอน ครูบาสร้อย แห่ง จ.ตาก จัดเป็นพระเกจิยอดนิยมและมีชื่อเสียง มีลูกศิษย์มากมาย เหรียญรุ่นแรก ราคาหลักหลายหมื่นบาทเลยทีเดียว ท่านเสกพระไว้หลายรุ่นเนื่องจากมีลูกศิษย์มาก หลายสายหลายระดับ มาขอท่านจัดสร้างวัตถุมงคลไว้บูชาติดตัว คุ้มครองตน

    171.jpg

    ประวัติจากเวปเพื่อนบ้านครับ
    ครูบาสร้อย ขันติสาโร (เทพเจ้าแห่งท่าสองยาง) หรือหลวงพ่อสร้อย วัดมงคลคีรีเขตร์ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เป็นยอดพระเกจิอันดับหนึ่งชองท่าสองยาง โด่งดังมากครับในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ แม้แต่ชาวพม่า กะเหรี่ยง ก็เป็นศาย์ท่านเยอะ ครูบาสร้อย หรือ หลวงพ่อสร้อยเป็นศิษย์เอกที่สืบทอดวิทยาคมสายตรงของหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดพระเกจิของอีสานใต้ รูปหล่อหลวงปู่สุข รุ่นแรก ราคาแพงเป็นอันดับหนึ่งของอีสาน สืบเนื่องจากประสบการณ์ล้วนๆ แต่ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ครูบาสร้อย ซึ่งเป็นศิษย์เอกหลวงปู่สุข ก็มีความเก่งกล้าในด้านวิทยาคมสุดๆรูปหนึ่ง สิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์คือเหรียญรุ่นแรก ครูบาสร้อย สร้างประมาณปี 2518 /// หลวงพ่อสร้อย กำเนิดเมื่อวัน จันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ.2472 เขตตำบลละหานทราย(ปัจจุบันเป็นอำเภอแล้ว) อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อเรียนจบชั้นประถม 4 ท่านได้บวชเป็นสามเณรที่วัดชุมพร มีหลวงพ่อมั่น เป็นพระอุปัชฌาย์ จนกระทั่งอายุครบบวชจึงได้อุปสมบทเป็นพระมี หลวงพ่อมั่น วัดชุมพรเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และหลวงพ่อสุต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ขันติสาโร หลังจากบวชแล้ว หลวงพ่อสุขได้กล่าวชวนไป อยู่ด้วยและได้เรียนวิชาต่างๆทั้งโหราศาสตร์ วิทยาคมและการปฏิบัติกรรมฐาน เป็นต้น ในปี2497 ครูบาสร้อยได้ขอลาหลวงปู่สุขเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อเรียนวิปัสสนาสายยุบหนอพองหนอ ที่วัดมหาธาตุ ซึ่งยุคนั้นมีหลวงพ่อดังๆถูกนิมนต์มาเรียนกันเยอะ( อาจจะมาด้วยความเกรงใจหรือศรัทธาก็มี ) เช่น ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ก็มาเรียนกรรมฐานที่นี่ แต่เท่าที่ทราบท่านก็ปฏิบัติกรรมฐานเดิมของที่ท่านถนัดครับ ครูบาสร้อย ท่านก็เป็นพระปฏิบัติเคร่งรูปหนึ่ง ท่านเดินธุดงค์เพื่อบำเพ็ญภาวนาฝึกจิตให้เข้มแข็ง ออกธุดงค์ ถือรุกขมูลลัดเลาะไปตามจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ ต่อไปยังอุบลราชธานี จนยาวไปถึงนครพนม ข้ามไปยังฝั่งลาวแล้วข้ามกลับมายังมุกดาหาร ต่อเรื่อยไปจนเข้าสู่เทือกเขาภูพาน เขตสกลนคร เรื่อยไปจนเข้าหล่มสักเข้าพิษณุโลก ซึ่งช่วงนี้ท่านหลงป่าอยู่ จนทะลุออกมายังอุตรดิตถ์ จากการหลงป่าครั้งนี้ ท่านจึงเปลี่ยนมาเดินโดยใช้เส้นทางรถไฟช่วย ล่วงได้ 7 วัน ท่านก็ถึงดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้มีโอกาสพบ 'หลวงปู่แหวน สุจิณโณ' พระสายปฏิบัติชื่อดัง และได้ขอศึกษาข้อธรรมต่างๆ หลวงปู่แหวนท่านเน้นไปทางอสุภกัมมัฏ ฐาน ซึ่งช่วงนี้ท่านได้พบกับข้อธรรมที่ลึกซึ้งมาก ขึ้น จากนั้นท่านได้กราบลาหลวงปู่แหวน ออกธุดงค์ถือรุกขมูลไปจนถึงแม่สะเรียง พักที่วัดศรี บุญเรือง ท่านตั้งใจจะไปที่แม่ฮ่องสอน แต่ด้วยติดกาลพรรษา จึงได้อยู่จำพรรษาที่วัดศรีบุญเรือง จนล่วงกาลพรรษา ท่านจะออกเดินทางต่อ พอดีได้ทราบจากญาติโยมว่าที่ท่าสองยางมีวัดร้างอยู่ ท่านได้ไปดูสถานที่แห่งนั้น พบว่าเงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จึงได้ตกลงใจสร้างวัดมงคลคีรีเขตร์ ครูบาสร้อยได้พัฒนาวัดร้างจนเป็นวัดที่เจริญ และอยู่จำพรรษาที่นี่ จนกระทั่งมรณภาพ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2541 สิริอายุ 69 พรรษา 49 เมื่อมรณภาพแล้วสังขารไม่เน่าเปื่อย สามารถไปกราบได้ที่วัด


    ในด้านวัตถุมงคลของครูบาสร้อย มีหลายๆรุ่น แต่ละรุ่นล้วนมีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขาน โดยเฉพาะในศิษย์สายทหารและตำรวจ ที่เลื่อมใสครูบาสร้อย มีเยอะครับ พระเครื่องของท่านมีพุทธคุณคล้ายหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง ดังนั้นนักสะสมพระสายหลวงปู่สุข วัดโพธ์ทรายทอง จึงนิยมเก็บพระของครูบาสร้อย เช่นกัน


    3.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2019

แชร์หน้านี้

Loading...