องค์ความรู้พื้นฐาน ของชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงและพึ่งพาตนเอง

สำหรับการรวมตัวกันของแต่ละกลุ่มเพื่อการจัดตั้งเป็นชุมชนที่หลบภัยพิบัตินั้น ความดำเนินการในรูปแบบของชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงและพึ่งพาตนเอง โดยคำนึงถึงช่วงเวลา ก่อนการเกิดภัยพิบัติขึ้นว่าชุมชนนี้สามารถ

-เป็นแหล่งขององค์ความรู้ในการเผยแพร่ทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้กับคนที่อยู่ในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง ในรูปของศูนย์เผยแพร่ และชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง

-ความผสานสอดคล้องและการยอมรับ ให้ความร่วมมือของคนในพื้นที่ ในการอยู่อาศัยร่วมกัน

-มีการวางระบบการทำงานและการแบ่งหน้าที่ อย่างเหมาะสม

-การดำเนินงานในช่วงก่อนเกิดภัยพิบัติต้องอยู่ได้ มีรายได้ ไม่ใช่ชักเนื้อเพียงอย่างเดียว เพื่อที่จะได้นำรยได้นั้นมาขยายงานให้กว้างขวางขึ้น รองรับผุ้คนได้มากขึ้น

-ต้องสามารถพึ่งพาตนเองกันในชุมชนให้ได้มากที่สุด โดยอาจต้องทดสอบในระบบปิด ดูว่าทำได้หรือไม่

-ต้องมีการวางระบบคุณธรรม แผ่นดินธรรม แผ่นดินทองไว้เป็นหลักใหญ่ เป็นหลักศีลธรรมประจำใจที่ทุกคนต้องมีเป็นปรกติ

-ควรมีศูนย์ประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร เพื่อการแจ้งเตือนภัยพิบัติ รวมทั้งอุปกรณ์ตรวจวัดทางธรณีวิทยาและอุตุนิยมวิทยาอย่างง่ายไว้ด้วย

สิ่งต่างๆข้างต้นเป็นแนวคิดและรูปแบบในการวางแผนงานของแต่ละกลุ่มครับ บางกลุ่มอาจมีบางอย่างเพิ่มเติมหรือ ปรับให้เข้ากับพื้นที่ได้

(verygood)

 

หลังจากการรวมกลุ่มกันได้แล้ว

ก็ขอให้ทำความรู้จักกัน แบ่งหน้าที่ แบ่งงานกันตามความเหมาะสม

ถ้าตกลงที่จะก่อตั้งชุมชนดังกล่าวนี้ขึ้นมา เพื่อหวังว่า ในขณะที่ยังไม่เกิดภัยพิบัติ ชุมชนนี้ก็จะได้มีส่วนช่วยชาติ ช่วยประชาชน ช่วยแบ่งเบา พระราชภาระของในหลวงท่าน ในการเผยแพร่เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อความอยู่ดีกินดี ของประชาชน เพื่อความมั่นคงของประเทศ

แต่เมื่อไร ที่เกิดเหตุภัยพิบัติได้เกิดขึ้นในประเทศไทย ชุมชนต่างๆเหล่านี้จะได้ช่วยเป็นศูนย์ประสานงาน และประชาสัมพันธ์ เพื่อช่วยเหลือ ผู้คน ได้ในหลายๆด้าน

จากนั้นก็ให้เริ่มดำเนินการโดย
-หาที่ดินที่ตั้ง ในเบื้องต้น ว่าอยู่ที่ใด เนื้อที่เท่าไหร่ รองรับผู้คนได้เท่าไร

-ประเมินลักษณะทางภูมิประเทศว่าที่ตั้งมีความเสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติทางธรณีวิทยาหรือไม่ มีความสูงเท่าไร โดยตรวจสอบได้จากกรมธรณีวิทยา

-ตรวจสอบทางจิตสมาธิ โดยการให้ท่านผู้มีญาณ สมาธิ หรือพระสุปฏิบันโน ที่ทางกลุ่มเคารพนับถือ ท่านเมตตาช่วยตรวจสอบให้ อาจจะหลายๆท่านก็ได้เพื่อความมั่นใจ

-ตรวจสอบทิศที่ตั้ง ทิศทางลม ทิศทางน้ำ ถ้าได้ผู้รู้ด้านฮวงจุ้ย หรือผู้รู้ด้านชัยภูมิปลอดภัยไม่ปลอดภัยได้ยิ่งดี

-วางผัง ของสิ่งปลูกสร้าง การวางแนวป้องกันภัยทางธรรมชาติต่างๆ เช่น ปลูกหญ้าแฝกตามที่ลาดไหล่เขา เพื่อลดการเกิดดินถล่ม การปลูกไม้ยืนต้นโตเร็ว รากลึก เพื่อการบังและลดความเร็วลมรวมทั้งช่วยในการยึดเกาะของชั้นดิน

-จัดวางงบประมาณที่เหมาะสม ตามกำลังที่มี หากไม่มีงบประมาณจริงๆ แต่ต้องการทำ ให้รวมตัวกันในรูปของสหกรณ์นิคมชุมชนพึ่งตนเอง จากนั้นขอกู้เงินในการดำเนินงานผ่าน สหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆทั่วประเทศ

-วางแผนทางธุรกิจในการบริหารจัดการการเงินเพื่อให้เลี้ยงตัวชุมชนได้ โดยต้องมีรายได้ สมำเสมอ ถ้าวางแผนได้ในระดับ ที่มีรายได้ รายวัน รายเดือน รายฤดูกาลได้ยิ่งดี

-รวบรวมองค์ความรู้ การทำงาน การฝึกหัดในชุมชน ให้เกิดขึ้นได้จริง

ขอให้สำเร็จทุกๆกลุ่มและ กระจายการสร้างชุมชนเหล่านี้ ให้เกิดขึ้นทั่วประเทศไทยครับ จะได้ช่วยเหลือกันเมื่อถึงเวลานั้น

อีกประการหนึ่งเราอาจไม่จำเป็นต้องหา พื้นที่ใหม่ ถ้าเราสามารถรวมชุมชนที่เราอยู่ในปัจจุบันให้ปรับตัวเข้าสู่ ชุมชนเศษฐกิจพอเพียงและพึ่งพาตนเอง ได้ครับ และจะยิ่งทำให้งานเตรียมตัว ง่ายขึ้นเร็วขึ้นครับ

 

ใครที่จะตรวจสอบสถานที่แห่งใดปลอดภัยหรือไม่?
ฝากข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ไว้ที่นี่ได้นะครับ
เผื่อใครมีโอกาสจะได้ช่วยกันสอบถามท่านผู้รู้ให้ครับ

การเตรียมชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงเอาไว้ล่วงหน้า
จะมีประโยชน์อย่างมากถ้าทำได้สำเร็จครับ
แต่ต้องอาศัยความร่วมมือ ประสานงานร่วมกันกับคนในพื้นที่
ที่มีจุดประสงค์ มีความมุ่งหมายไปในทิศทางเดียวกัน
ปัจจัยเรื่องเงินทุน คงต้องกองทุนสหกรณ์ หรือ bankในเบื้องต้นก่อน
ขอให้ทำสำเร็จนะครับ กลุ่มไหนมีความรู้ และพร้อมอยู่แล้วก็พัฒนาต่อเติมได้ง่ายครับ
ส่วนกลุ่มใหม่ๆ คงต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ก่อนครับ แล้วลองดูว่าใครมีพื้นที่ที่น่าจะพัฒนาต่อไปได้ ซึ่งเข้าใจและเห็นแก่ส่วนรวมสักหน่อยจะดีมากๆครับ

 

ต่อไปภัยพิบัติที่คนไทยท้งหลายจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจกันรับสภาพกันให้ดี ก็คือ ภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ ที่กำลังส่อเค้าทะมึนอยู่เบื้องหน้า

ปรับตัว ปรับใจของเราให้น้อมเอา แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้กับชีวิตของเราและครอบครัว เริ่มจากน้อยไปมาก จะช่วยทั้งตนเองและประเทศชาติได้

ขั้นที่หนึ่ง เลิกสิ่งที่เป็นอบายมุข เหล้าเบียร์ บุหรี่ การพนัน การเที่ยวเตร่เที่ยวกลางคืนอย่างไร้สาระ เอาเงินจากการเลิก ละอบายมุขมา

ลด ปลดหนี้ ที่ไม่เกิดรายได้ หรือเกิดรายได้แต่ไม่คุ้มดอกเบี้ย

เพื่อความเป็น " ไท " ทางเศรษฐกิจ

ขั้นที่สอง ดูรายได้ที่ไม่จำเป็น ฟุ่มเฟือยก็ตัดออกเสียบ้างโดยที่เราไม่เดือดร้อน ลดมื้ออาหารหรูๆนอกบ้าน อ่าหนังสือห้องสมุด แชร์เพลงฟังกับเพื่อนๆ ดูหนังที่บ้านช้าหน่อยแต่ถูกกว่ากันเยอะ นำของที่ไม่ใช้ไปขายบ้าง บริจาคบ้าง ซื้อของที่เซลล์ หยุดซื้อของที่ไม่จำเป็น

แล้วนำรายได้มาเป็นเงินออม เงินเก็บ สะสมเป็นทุนเอาไว้
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE class=tborder id=post617818 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>หนุมาน ผู้นำสาร<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_617818", true); </SCRIPT>
สมาชิก
สมาชิกยอดฮิต

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 04:47 PM
วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 2,026 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 777 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 9,148 ครั้ง ใน 1,740 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1124



</TD><TD class=alt1 id=td_post_617818 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->*** สัจจะ พอเพียง ****

หาก...มนุษย์ช่วยกัน....กำหนด "สัจจะ" ให้กับตนเองว่า
.......ใช้ชีวิตด้วยความพอเพียง วันละ ๑ ชั่วโมง.......
ผลที่เกิดขึ้นคือ....มนุษย์ จะเริ่มรู้จัก พิจารณาการกระทำของตนเอง...และผลของการกระทำของตนเอง
เมื่อ...การดำเนินชีวิตผ่านไปด้วย การมี"สัจจะ" นำทางชีวิต
นิสัย....ความฟุ่มเฟือย การใช้ การจ่ายแบบไม่ยั้งคิด...จะค่อยๆ ถูกปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
ผลที่เกิดขึ้นทาง นามธรรม...คือ ตัวกระทำ ....หมายถึงผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำ แต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ซึ่ง ...ตัวกระทำ ของมนุษย์ทั้งโลก....เมื่อรวมกัน จะส่งผลยิ่งใหญ่ ทั้งในปัจจุบันที่เริ่มปฏิบัติตนด้วย "สัจจะ"
และ จะส่งผลตอบแทนต่อมนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ สิ่งแวดล้อมทั้งมวล...ไปในทางที่ดี ในอนาคต

ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยให้โลกรอดพ้นจาก....สรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล...ไปได้ นอกจาก "การปฏิบัติสัจจะ"....เพราะ คือ หนทางปฏิบัติหนึ่งเดียว ที่เป็นไปตาม "หลักสัจจะธรรม"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
<!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอเชิญชวนให้พวกเราที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาช่วยกันให้ความรู้และร่วมแรงลงมือกัน ทำเพื่อให้ปรากฏผลออกมาครับ

ตอนนี้มีสมาชิกของพวกเราที่ได้ลงมือไปแล้ว มี
-คุณลุงชัยมงคล ในโครงการชัยมงคลสถาน
-ผู้หมวด Attarawat RX ที่ได้ทำโครงการพอเพียง ที่บ้าน จ. อุดรธานี พร้อมๆกับศูนย์ยุวพุทธภูมิครับ

 

<TABLE class=tborder id=post618780 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>chaimongkol2<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_618780", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:26 AM
วันที่สมัคร: Nov 2004
สถานที่: ราม2
อายุ: 55 ปี
ข้อความ: 171 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 23 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 1,678 ครั้ง ใน 148 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 215


</TD><TD class=alt1 id=td_post_618780 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ผมพยายามปรับปรุงให้ทันรับพวกเราที่ตกงานมาอยู่ก่อนได้แนวโน้มมันเป็นอย่างนั้น
ตอนแรกคิดว่า 3 ปี แต่รู้สึกว่ามาเร็วผิดคาด
สังคมทุนนิยมเริ่มพังแล้วเริ่มจากตัวอ่อนแอแบบประเทศเราก่อนแล้วลามไป
สังคมยุคใหม่ของไทยเราคือสังคมเศรษฐกิจพอเพียงแน่นอน
เราอาจเป็นตัวแรกของโดมิโนที่ล้ม......และเป็นตัวแรกที่ยืน.....
เราอาจเป็นประเทศแรกที่ยืนได้ในขณะที่ประเทศทั่วโลกเศรษกิฐพังกันหมด
แล้วหาทางออกไม่เจอ
<!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE class=tborder id=post618798 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>MOUNTAIN<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_618798", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:43 AM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 5,469 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 26,773 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 41,228 ครั้ง ใน 5,244 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 4981



</TD><TD class=alt1 id=td_post_618798 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->พระอัจฉริยะภาพ ของพระเจ้าอยู่หัวของเรา ยิ่งใหญ่จริงๆ
พระองค์ทรงทราบในเบื้องหน้าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับประเทศชาติ
จึงทรงดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง มาแต่เนิ่นๆ พอให้เราได้ศึกษา
เรียนรู้ เมื่อถึงเวลาก็จะได้เข้าใจ และหยิบมาใช้ได้ทันที

ณ เวลานี้ น่าจะเรียกได้ว่า ถึงเวลาแล้ว
ไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง
เงินบาทกำลังถูกโจมตี จากมิตรประเทศที่เราคิดว่าดีที่สุด
กิจการค้าส่งออก ขาดทุนย่อยยับ มีอันต้องปิดตัว เลิกกิจการ
ไปแล้วเป็นพันๆ แห่ง

ทำให้เกิดความคิด ย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน
ที่สกุลเงินไม่มีผลกระทบเช่นบ้านเรา

หากไม่แก้ไขกันให้ทันสถานการณ์
เศรษฐกิจบ้านเราคงดูไม่จืด
ผู้คนจะตกงานอีกมาก

ภัยที่จะตามมาอีก คือ โจรผู้ร้ายจะชุกชุม
คนทำมาหากินโดยสุจริต ต้องหวาดผวา
เมื่อไหร่โจรขโมย จะขึ้นบ้าน เข้าร้าน
แล้วยังจะต้องเสี่ยงถูกทำร้ายถึงชีวิต
ตามข่าวที่มีให้เห็นอยู่แทบทุกวัน

โจทย์ข้อนี้ น่าคิด เพราะเป็นภัยที่มาใกล้ชิดติดตัวมาก
ช่วยกันกำหนดจิต สวดภาวนากันเป็นประจำ
ให้ผู้คิดการร้าย ได้มีสติ
หันมาช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองดีกว่า
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
ต้องเป็นผู้ฉลาดให้ โดยเฉพาะการให้กำลังใจผู้อื่น เพื่อเขาจะได้มีชีวิตที่ดี…
http://www.palungjit.org/club/MOUNTAIN/
สนิมเป็นอันตรายมากต่อศาสตราวุธฉันใด ความโกรธก็เป็นอันตรายต่อจิตใจมากฉันนั้น
http://palungjitrescuedisaster.com/s...sted=1#post104
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

มาถูกทางแล้ว ขอให้ท่านเข้มแข็งในการดำเนินต่อกระทั่งสมฤทธิ์ผล


หลังพิบัติภัย สิ่งนี้คือเส้นทางสายเอกในการดำรงชีพของผู้รอดทั้งหลาย


ธรรมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม ขอให้อุปสรรคทั้งปวงจงบรรเทาเบาบาง

 

การปลูกต้นสน รอบๆสวนอาจช่วยป้องกันฝุ่นละอองนิวเคลียร์ได้ เพราะต้นสนสูงมีใบที่เล็กแต่ถี่มาก ถ้าปลูกในระยะที่เหมาะสม จะป้องกันทั้งกระแสลมและฝุ่นละอองนิวเคลียร์ได้ กิ่งไม้ใช้ทำฟืนหุงต้มหรือตัดต้นทำสิ่งก่อสร้างอาคาร/หลุมหลบภัย ปลูกทิ้งไว้ไม่ต้องดูแล

 

ฐานข้อมูลจากเวบไซท์ในเรื่องเศรษกิจพอเพียง เวบนี้เป็นเครือข่ายในการเผยแพร่เศรษฐกิจพอเพียงครับ

http://www.sufficiencyeconomy.org/

สนับสนุนข้อมูลโดยน้องนาคามูระครับ

 

วันที่ 2 เม.ย. 51 นี้เอ็มจะกลับไปทำวิจัยด้านเศรษฐกิจพอเพียงที่จังหวัดแพร่ครับ จะกลับฟิลิปปินส์ 31 พ.ค. 51 (ถ้าเกาะฟิลิปปินส์ยังอยู่)

หวังว่าคงได้ใช้ความรู้อันจำกัดในการช่วยเหลืองานพิชิตภัยฯ ได้บ้างครับ

 

ลองมาทบทวนสิ่งที่เคยพูดไว้เมื่อ 4ปีก่อนดูครับ

 

จะเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือเปล่า เห็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ เออร์รี่ รีไทร์ พนักงานบางส่วน แล้วยังยุบบริษัททำเพลง 1 แห่ง ในสังกัดอีก

 

โจรผู้ร้ายชุกชุม อืม เมื่อกี้เพื่อนร่วมงานเพิ่งผลุนผลันออกจากออฟฟิศ เพราะแม่เค้าโทรมาบอกว่าขโมยเข้าบ้าน

 

โครงการ ภูมิปัญญาไทย นา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน​

นา 1 ไร่ ได้เงิน 100,000​

นา ๑ ไร่ ได้เงิน ๑ แสนคำตอบ ทางเลือก และทางรอดของเกษตรกรไทยให้หลุดพ้นจากความยากจน<O</O

นา ๑ไร่ ได้เงิน ๑ แสน<O</O​

คำตอบ ทางเลือก และทางรอดของเกษตรกรไทย<O</O​

ให้หลุดพ้นจากความยากจน<O</O​

จากปัญหาความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้<O</O​

ที่สะสมกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน<O</O​

ได้สร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้นแก่สังคมส่วนใหญ่ของประเทศ<O</O​

การทำอาชีพเกษตรกรรมของคนส่วนใหญ่ในประเทศที่ผ่านมา<O</O​

ไม่ได้ทำให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น<O</O​

แต่กลับเป็นปัญหาผลทำให้เกิดปัญหาความยากจน<O</O​

ที่รุมเร้าเกษตรกรไทยมายวามนาน ดูเหมือนว่าปัญหาจะเพิ่มขึ้น<O</O​

และไม่มีทางที่ว่าจะแก้ไขได้เลยทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต<O</O​

นับเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยิ่ง<O</O​

สังคมภาคส่วนต่างๆ<O</O​

จะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้างกับเกษตรกรไทย?<O</O​

ต่อไปหากเป็นเช่นนี้อยู่<O</O​

อนาคตเกษตรกรไทยจะเป็นอย่างไร?<O</O​

นี่คืนสิ่งที่เราต้องรีบหาคำตอบ<O</O​

และแนวทางแก้ไขเพื่อนให้เกิดการพัฒนาที่ยังยืน
<O</O​

<O</O​

<O</O​

**** ส.ต.อ.สมัย สายตาอ่อนตา***<O</O​

ส.ต.อ.สมัย สายตาอ่อนตา เกษตรกรวัย 42 ปี อดีตข้าราชการตำรวจขอนแก่น แต่งงานกับนางเบญจมาส สายอ่อนตา มีบุตรด้วยกัน 2 คนปัจจุบันครอบครัวของ ส.ต.อ.สมัยทำไร่ทำนา เลี้ยงวัว เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ปลูกผักสวน<O</O
ครัวต่างๆ อาชีพหลักคือการทำนา ซึ่งรายได้เฉลี่ยของครอบครัว ประมาณปีละ 30000 บาท และยังมีรายได้จากค่าตอบแทนของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลอีกประมาณปีละ 60000 บาท<O</O
<O</O

การมุ่งสู่วิธีเกษตรกรรม
<O</O
ส.ต.อ.สมัย โดยพื้นฐานแล้วไม่มีความรู้ในเรื่องเกษตรแม้แต่น้อย หลังออกจากราชการตำรวจ ส.ต.อ.สมัยได้เรียนรู้และเข้ารับการอบรมเรื่องการทำเกษตรในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเป็นสมาชิกเครือข่ายเกษตรไทย ในการทำเกษตรอินทรีย์ แต่ในตอนนั้นความรู้เรื่องปุ๋ยที่ได้รับยังไม่เต็มสูตรเท่าใดนัก ประสิทธิภาพยังไม่ดีเท่าที่ควรต่อมา เมื่อส.ต.อ.สมัยรับทราบโครงการ”ทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท”ยิ่งเป็นการจุดประกายความคิดและจุดประกายชีวิตให้สว่างไสวยิ่งขึ้น เนื่องจากเดิมที่มีความรู้ในเรื่องเกษตรอินทรีย์อยู่แล้ว ก็ทำให้ส.ต.อ.สมัยได้รับความรู้เพิ่มพูนมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องปุ๋ย ทำให้รู้เทคนิคการทำปุ๋ยให้ถูกต้อง เนื่องจากความรู้ของปุ๋ยถ้าหมักไม่ถูกต้องก็ไม่มีประโยชน์ ความรู้ทั้งหลายที่ได้รับจากโครงการฯ นี้ทำครอบครัวของส.ต.อ.สมัยและชาวหนองแต้ยิ้มได้ ส.ต.อ.สมัยได้ทำนาอินทรีย์แบบเต็มรูปแบบไม่พึ่งพาปุ๋ยเคมี ไม่พึ่งพายาฆ่าแมลง โดยพยายามให้ธรรมชาติ ช่วยบำบัดรักษาธรรมชาติแบบพึ่งพาซึ่งกันแหละกัน ยิงได้เข้าร่วมโครงดารฯ แล้ว ทำให้มองเห็นภาพการทำงาน<O</O
มองเห็นเป้าหมายของการทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนมากขึ้น<O</O
ปัจจุบัน ส.ต.อ.สมัยมีพื้นที่ทำนาอยู่ 4 แปลง แปลงที่เข้าร่วมโครงการฯได้ปลูกพริก ตะไคร้ ผักคันจอง เลี้ยงปลาดุก จำนวน 5000 ตัว การทำนา จะทำนาปีและนาปรัง“การทำนานั้น เราจะทำนาบุญหรือนาบาป การที่จะทำบุญต้องอยู่กับธรรมชาติ คือ คนต้องเลี้ยงจุลินทรีย์<O</Oเพื่อให้จุลินทรีย์เลี้ยงดิน แล้วดินก็จะไปเลี้ยงพืชเลี้ยงสัตว์ สุดท้าย พืชและสัตว์ก็จะมาเลี้ยงตัวเรา แต่ตรงกันข้าม การที่เราใช้ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง เผาหญ้าหรือตอซังข้าว เมื่อเราเริ่มต้นด้วยการฆ่า แล้วเราจะหวังผลผลิตจากไร่นาของเราเล่า นั่นแหละคือนาบาป”
<O</O

ปัญหาและอุปสรรคในการทำการเกษตร
<O</O
การทำการเกษตรส่วนใหญ่แล้วจะมีปัญหาเรื่องราคาผลผลิตที่ตกต่ำเป็นเรื่องที่เกษตรกรต้องประสบ ส่งผลให้รายได้ของครอบครัวไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่เกิดขึ้น แต่ปัญหาดังกล่าวก็ไม่ทำให้ความมุ่งมั่นในการทำด้านการเกษตรของ ส.ต.อ สมัยต้องหยุดชะงักลง ส.ต.อ.สมัยได้พยายามหาทางแก้ไขอย่างต่อเนื่องตามเหตุการณ์และโอกาส ซึ่งวิธีแก้ไขเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำเรื่องข้าวนั้นจะใช้วิธีสอบถามความเคลื่อนไหวจากทางโรงสีต่างๆว่าพันธุ์ชนิดไหนราคาสูง<O</O
แต่สิ่งหนึ่งที่ ส.ต.อ.ทำการเกษตรไม่เหมือนชาวบ้านนั้นก็คือ ในพื้นที่จะไม่ปุกข้าวพันธ์เดียว จะปลูกหลายสายพันธุ์ เช่น กข.6, ข้าวเหนียวดำ,หอมมะลิ105,ข้าวหอมมะลิแดง, ซึ่งจะขายข้าวเปลือกเฉพาะนาปรังเท่านั้นนอเหนือจากนั้นจะขายเป็นข้าวสารโดยภรรยาของ ส.ต.อ.สมัยจะนำไปขายที่โรงพยาบาลและลุกค้าทั่วไป ซึ่งการแปรรูปข้าวเป็นข้าวกล้องนั้นทำให้ราคาสูง<O</O
ส่วนปัญหาเรื่องปัจจัยการผลิตนั้นเช่นเรื่องปุ๋ยส่วนใหญ่จะไม่มีปัญหาเพราะมีวัวอยู่ 18 ตัว นำมูลวัวมาผมกับเศษหญ้าใบไม้หมักทำปุ๋ยเพื่อทดแทนการชื้อปุ๋ย
<O</O
ทัศนคติต่อโครงการ.
<O</O
ส.ต.อ.สมัยรูจักโครงการฯนี้โยการแนะนำจากอาจารย์เสถียร ทองสวัสดิ์ โดยทางหอการค้าโดยคุณดุสิต นนทะนาคร ร่วมกับวิทยาลัยหอการไทย และหอการค้าจังหวัดขอนแก่น เป็นเจ้าภาพโครงการนี้โดยมีอาจารย์อดิศร พวงชมพู มาเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการทำปุ๋ย การจัดการพื้นที่นา การใช้ประโยชน์จากพื้นที่โดยการทำนารูปแบบผสมผสานซึ่งเป็นการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ยึดเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางปฏิบัติ<O</O
เมื่อได้รับการแนะนำแล้วทำให้ ส.ต.อ.สมัยมีความหวังในอนาคตตนเองและชุมชนเป็นอย่างมาก เหตุเพราะว่าเป็นเป้าหมายแห่งการอยู่รอดของเกษตรกรอย่างแท้จริง ที่จะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลลิตในด้านต่างๆมองเห็นงานหรือกิจกรรมของทางกลุ่มปุ๋ย ที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน มองเห็นขบวนการการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความสามัคคีเกลื้อกูลซึ่งกันและกัน<O</O

เริ่มเข้าโครงการฯ
<O</O
เริ่มเข้าโครงการนี้ในเดือน มิถุนายน 2553 ทำให้ ส.ต.อ.สมัยเห็นว่าการทำการเกษตรแบบใช่ธรรมชาติบำบัดและดูแลธรรมชาติเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในภาวะแวดล้อมอย่างเช่นทุกวันนี้ เป็นการสร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติให้คงอยู่อย่างถาวร และทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการรักษาสภาพแวดล้อมนี้ไว้<O</O
จากาการเข้าร่วมโครงการฯความคาดหวังอย่างน้อยทำให้เกษตรกรได้เรียนรู้และได้รับองค์ความรู้เพิ่มเติมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิฐีการปรับแนวคิดและกระบวนการในการบริหารจัดการในพื้นที่ทำการเกษตรของตนเองได้เรียนรู้และรู้จักการวางแผนในการทำงานของตนเอง ไม่ใช่เพียงแต่การทำเกษตรเท่านั้น ยังได้นำไปปรับประยุกต์ในการใช้ชีวิตประจำวันของตนเองอีกด้วย<O</O
โครงการฯนี้ ประเด็นอยู่ที่เทคโนโลยีสมัยใหม่คือ เทคโนโลยีสรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน ที่เราใช้มาทำปุ๋ยเรียกว่า สรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน ตัวนี้เป็นตัวที่ขยายโอกาสให้เกษตรได้รับอะไรใหม่ๆ เพราะถ้าเราใช้สรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน เราใส่ปุ๋ยตัวนี้เข้าไป สรรพสิ่งต่างๆมักจะขึ้นมา จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืช สัตว์ ต่างๆก็จะเกิดขึ้นเองอีกมากมาย พื้นดินจากที่เราเคยใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมีต่างๆมันก็จะหายไป ทำให้ความสมบูรณ์ชุ่มชื่นของดินกลับ คืนมา ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานที่ว่า 1:4 ส่วน คือ คนเลี้ยงจุลินทรีย์ จุลินทรีย์เลี้ยงคน ดินเลี้ยงพืชและสัตว์พืชและสัตว์ก็เลี้ยงคน มันเป็นวัฏจักรอยู่ตรงนี้ นี่เหละคือสิ่งที่เราได้แม่โพสพขึ้นมาจากข้าว
<O</O
จากที่เราต้องอาศัยสารเคมีต่างๆ เพื่อที่จะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่ต้อนเราหดหายไป แต่เราใช้สรรพสิ่ง อะตอมมิคนาโน ก็จะเป็นการเพิ่มคืนความสมดุลของธรรมชาติได้แม่โพสพขึ้นมา ถ้าเราคิดได้ตรงนี้ เราก็จะได้ขวัญกำลังใจขึ้นมาจากแม่ธรณี แม่คงคา แม่โพสพ ส่วนด้านรายได้นั้น ได้เกินหรือไม่ถึงเป็นสิ่งที่ประการดี เป็นสิ่งที่เกษตรกรได้รับโอกาสทดลองทำในครั้งนี้ แม้เกษตรกรบางรายอาจจะได้ไม่ถึงตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าใดนัก<O</O
“อย่างน้อยเกษตรกรได้ขวัญของแม่ทั้งสามกลับคืนมา คือ ขวัญแม่พระธรณี ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ ขวัญแม่พระคงคาทำให้น้ำใส เกิดอาหารโดยธรรมชิตเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และขวัญของแม่โพสพ ที่ทำให้ข้าวงามอุดมสมบูรณ์ เมล็ดเต่ง ทำให้รู้ถึงคุณค่าของข้าวไม่เพียงแต่เป็นอาหารเท่านั้น และจะต้องเป็นยาควบคู่กันไปด้วย”<O</O

ภาพแสดงการจัดการแปลงนาในรูปแบบการจัดการแปลงนาใน<O</O​

โครงการ ภูมิปัญญาไทย นา 1 ไร ได้เงิน 1 แสน
<O</O​

<O</O​

โดยแปลงนาขนาด 1 ไร่ แบ่งพื้นที่ ออกเป็น 4 ส่วน
<O</O
ส่วนที่ 1 คันนา ขนาดความกว้าง 1.5 เมตร ไว้สำรับปลูกพืชประกอบ อาทิ พริก มะนาว มะรุม เป็นต้นพื้นที่ปลูกคันนาจะสามารถสร้างเสริมให้แก่เกษตรกร หรือพืชผักสวนครัวทุกชนิดที่กินได้ เหลือแล้วนำไปทำพืชสมุนไพร ใช้ป้องกันกำจัดศัตรู่พืช<O</O

ส่วนที่ 2 ร่องน้ำ สำหรับทำประมง เช่น การเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงกบ เลี้ยงหอย ซึ่งมูลสัตว์ทั้งหลายจะเป็นปุ๋ยแก่ข้าว

<O</O
ส่วนที่ 3 พืชที่สำหรับปลูกข้าว

ส่วนที่ 4 พื้นที่เลี้ยงเป็ดไข่ ซึ่งจะปล่อยเป็ดไข่ไปหาอาหารตามแปลงนาได้​

<O</O​

<O</O​

ส่วนที่เกิดรายในแปลงนาโดยแบ่งได้ 5 ส่วนของรายได้

5 ส่วนที่มาของรายได้ คือ​

ส่วนที่ 1นาข้าว ในกรณีที่เป็นการทำโรงสีชุมชน ซึ่งเกษตรกรสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขาย<O</O

1. ข้าวสาร 2) ปลายข้าว 3) แกลบ 4) รำ 5)ฟางข้าว <O</O

ส่วน ที่ 2 ประมง สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจากสัตว์น้ำ ซึ่งมาจากธรรมชาติและนำมาเลี้ยง<O</O

ส่วนที่ 3 คันนา สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกพืชประกอบ<O</O
ส่วนที่ 4 พืชน้ำ เป็นพืชที่ไม่มีต้นทุนในการปลูก เนื่องจากเป็นผลพลอยได้จากการทำนา<O</O
ส่วนที่ 5 สัตว์เลี้ยงประกอบ เลี้ยงเป็ดไข่เพื่อเสริมรายได้ประจำวัน​

<Oแหล่งอ้างอิงข้อมูล :
ชื่อ - นามสกุล : คุณสมัย สายอ่อนตา อายุ : 34 ปี
ที่อยู่ : 24 หมู่ที่6 ตำบลบ้านดง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น</O​

ที่มา http://www.rakbankerd.com/agriculture/open.php?id=1719&s=tblblog​

<EMBED src=http://www.youtube-nocookie.com/v/LFemjL7WbwQ?fs=1&hl=th_TH&rel=0&hd=1 width=1280 height=745 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>

 

Link ข้อมูลองค์ความรู้เรื่อง " เศรษฐกิจพอเพียง และ ทฤษฎีใหม่ " ของมูลนิธิชัยพัฒนา

ในพระบรมราชูปถัมภ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวค่ะ ^^


http://www.chaipat.or.th/chaipat/content/porpeing/porpeing.html

 

นำโครงการในพระราชดำริและโครงการที่พระองค์ท่านทรงพระราชทานมายังพสกนิการชาวไทย

โดยที่เราน้อมนำไปประยุกต์ใช้ ปรับใช้ ก็ย่อมเกิดประโยชน์ได้ครับ ยามที่ไม่มีทรัพยากร ไม่มีอาหาร การพึ่งพาตนเองได้ในปัจจัยสี่ ย่อมเป็นหนทางในการอยู่รอดของตน ครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศชาติ ออกไปเป็นลำดับ