อภินิหารพระอาจารย์ในดง

ญาติโยมอุปฐากของวัดได้ส่งประวัติของหลวงปู่พิมพามาให้ จึงนำมาแทรกลงไปแล้ว
ผมไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้ เพราะตั้งไปแล้วผู้ดูแลบอร์ดก็ลบทิ้ง คงผิดกฏว่านำพระมาให้บูชาในเว็บบอร์ดนี้ ก็ไม่เป็นไรครับ ใครสนใจก็แสวงหาทางเอานะครับว่าจะไปบูชาที่ไหน การบุญกุศล ใครสนใจก็หาทางเองนะครับ

 

126พวงเพ็ชร ขอเคล็ดลับด้วยคนคะ

 

เอ้าาา หาเจอรึยังครับ อาจารย์

 

ขอโทษท่านผู้อ่านทุก ๆ ท่าน เมื่อวานได้กุญแจมาเปิดบ้านหลังใหม่ได้แล้ว แต่หาหนังสือจนทั่วไม่มีสักเล่ม เป็นอันว่าหายไปทั้ง 2 เล่ม คือบันทึกลับเคล็ดวิชาของพันเอกชม สุคันธรัตน์ และหลวงปู่เทพโลกอุดร ของลุงไทยดำ

บ้านหลังคลังแสงเก่านั้นคือตำหนักขององค์พ่อเวสวัณและองค์พ่อกุเวร มีสานุศิษย์แวะเวียนไปเยี่ยมมิเคยขาด บางคนมานอนพักอยู่หลายวัน ก็เลยไม่รู้ว่าคนไหนได้หยิบยืมไปอ่าน ก็เป็นปกติของคนไทยเรา คือยืมหนังสือแล้วมักไม่ส่งคืนเจ้าของ

ก็เป็นอันว่าเราจบกระทู้นี้เพียงเท่านี้ ไม่มีอะไรจะเล่าแล้วครับ ไปอ่านเรื่องเล่า "ประสบการณ์ลี้ลับ" ต่อกันดีกว่าครับ ดูท่าจะเป็นเรื่องยาวเสียด้วยสิ มีคนขอให้เขียนมานานแล้ว ไม่มีอารมณ์เขียนให้สักที มามีเอาตอนนี้ คนขอนะเขามีรางวัลล่อเสียด้วยนะ ถ้าเขียนจบเขาจะพาไปเที่ยวยุโรปและอเมริกา ไม่เอาครับ ถือว่าทำหวังผลตอบแทน น่าเกลียด นี่แหละนักเขียนอิสระที่แท้จริง

 

โห อารมณ์ใหนเนี่ย ตะหงิดๆ ตั้งแต่เฮียเกษม เจริญจิงนะพ่อคุณ

 

น่าเสียดายมากครับ ^^

 

น่าเสียดายนะครับ ที่หาหนังสือไม่เจอ ขอเล่าในส่วนที่ผมได้ทราบ
และได้เคยเรียนเบื้องต้น กับท่านอาจารย์ชม มาสักเรื่องละกัน จะได้
ไม่ผิดหวังกันนะครับ

เคล็ดลับเกี่ยวกับลมหายใจ ช่วงจังหวะที่คนเราจะมีพลังมากที่สุด
คือช่วงหายใจเข้าและอัดลม ไว้ช่วงระหว่างกลาง โดยให้ลองกลั้น
หายใจ และนับดูว่าท่านกลั้นได้ถึงเท่าไร เช่น 30 แต่ละคนลมหายใจ
ยาวสั้นไม่เท่ากัน ช่วงที่ท่านจะมีกำลังและแข็งแรงมากที่สุดคือ ระหว่าง
กลาง คือช่วงใกล้ 15 และ หากท่านโดนทำร้ายร่างกายโดยไม่มีทางสู้
จังหวะนั้น ให้ท่านสูดหายใจเข้าและกลั้นลมหายใจไว้ ท่านจะมีกำลัง
ไม่บาดเจ็บมาก หรือช้ำใน หรือถ้ากลั้นไม่ไหว ก็ให้หายใจออกอย่างเร็ว
และรีบ หายใจเข้าใหม่ กลั้นหายใจใหม่ เพื่อใช้เป็นการป้องกันตัวเอง
อาจจะเหมือนยางรถยนต์ ที่มีลมยางคอยต้านแรงกระแทกภายในให้ นะครับ

การวัดระดับความก้าวหน้าของสมาธิ เพื่อพัฒนาพลังจิต ปกติคนเรา
จะหายใจเข้า ออกประมาณ นาทีละ 10 กว่าครั้ง (นับเฉพาะหายใจเข้า)
หากท่านหายใจได้ช้าลง (โดยไม่ได้ตั้งใจบังคับ) แต่ช่วงแรกก็คงจะต้อง
ตั้งใจบังคับให้ฝึกลมหายใจเล็กน้อยไปก่อน หากท่านชินและหายใจได้เป็นปกติ
หายใจสบาย มีความสุข สมาธิจะพัฒนาจากขั้นต้น ไปสู่ขั้นกลาง หายใจนับครั้ง
น้อยลงเรื่อยๆ และขั้นสูง ฌาณ 4 เหมือนไม่ได้หายใจ (ลมหายใจละเอียด)
สามารถหายใจทางรูขุมขนของผิวหนังครับ

(ผมรู้แต่ทฤษฎี จากที่ได้เรียนรู้มา 10 กว่าปีแล้ว แต่ผมยังปฏิบัติไม่ได้นะครับ)

 

ขอบคุณครับ
มาเล่าให้ฟังอีกนะครับ

 

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาโพสต์ต่อ หากใครมีตำราวิทยาศาสตร์ทางจิตจะเอามาลงเพื่อให้ผู้อื่นได้ศึกษาก็ดีนะครับ เพราะตำรานั้นท่านพันเอกชมได้คัดสรรจากบันทึกเคล็ดวิชาแล้ว ตำราของผมก็มีครบชุด แต่อยู่ที่แพร่ครับ

 

ขอรับเคล็ดวิชาด้วยครับ

 

ถ้าไม่ขอเคล็ดวิชา แต่ขอเป็นการนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง ให้กับผู้ที่ไม่ทันหลวงพ่อจะได้ไม๊คะ....^^

 

ผมไม่ทันท่านหรอกครับ ผมรู้เรื่องของท่านปลายปี 2538 แต่ท่านจากไปเดือน พฤศจิกายน 2536 ครบ 2 ปีพอดี เรื่องที่ผมเขียนนั้นน่าจะในวาระครบ 2 ปีในการจากไปของท่านมากกว่า มันพอดีกันจริง ๆ ทั้งที่ผมรู้ทั้งหมดได้ถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือใน "อภินิหารย์พระอาจารย์ในดง"เรียบร้อยแล้ว ก็มีแต่ท่านทั้งหลายใครมีประสบการณ์อะไรก็ควรนำมาเล่าสู่กันฟังบ้าง ผมก็จักได้อ่านไปด้วย

 

วิชาที่อาจารย์พันเอกชม ได้สอน จะเรียกว่า วิชาวิทยาศาสตร์ทางใจ
ซึ่งทางโลกท่านจบการศึกษา วิทยาศาสตร์บัณฑิต ทบ. และท่านได้
ทดลองเรียนทางด้านพลังจิต และพิสูจน์จนเห็นจริง เมื่อก่อนที่ไปเรียน
วันหนึ่ง ท่านจะสอนวิชาเบื้องต้น ประมาณ 3 วิชา คือ วิชาคงกระพัน
,วิชาดับพิษร้อน, วิธีใส่ปรอทรักษาโรค เพื่อให้ทุกคนได้เรียนและ
ทดลองทำกันตามขั้นตอน และให้ได้เห็นผลครบทุกคน รุ่นหนึ่งตอน
นั้นเรียนประมาณ รุ่นละ 3-40 คน ซึ่งก็ถือเป็นศิษย์นอกดง แต่ยังไม่
สามารถสอนคนอื่นได้ จะต้องเรียนจบครบ 5 ปี และผ่านการทดสอบ
จากท่านอาจารย์ชม ถึงจะเป็นครูฝึกสอน คนอื่น บอกคาถาและวิธี
การฝึก ที่ครบถ้วนได้ ผมจึงไม่สามารถบอกรายละเอียดครบทุกอย่าง
แต่จะเล่าเรื่องให้ฟังเพื่อบูชาคุณท่านพันเอกชม หากจะมีบุญกุศลใด
ที่เป็นประโยชน์ต่อท่านที่อ่านและนำไปปฏิบัิติ ก็ขออุทิศส่วนกุศลทั้งหมด
ให้กับท่านอาจารย์ผู้มีพระคุณ ที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมเคารพและศรัทธา
กับพุทธศาสนาและเชื่อมั่นในสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ ตามความรู้ที่ได้เรียนมาก

ส่วนหนังสือวิทยาศาสตร์ทางใจ ผมมีทั้งเล่ม 1 และเล่ม 2 และมีหนังสือสีเหลือง
เล่มเล็กๆ ที่อาจารย์ชม แจกมาให้อีก 1 เล่ม ตอนไปเรียน หากมีคนสนใจจะ
ทะยอยเล่าให้ฟัง ย่อๆ ไปเรื่อยๆ นะครับ

 

อนุโมทนาสาธุครับ ดีใจมากที่มีศิษย์สายนอกดงมาเล่าเรื่องอะไรให้ได้รู้ได้ศึกษากัน

 

ขอเล่าเรื่องการใช้พลังจิตแปลงธาตุ ของท่านพระอาจารย์ชาญณรงค์
ที่ลงหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ เมื่อปี 2496 ในการเสกใบไม้ให้เป็นนก
อย่างละเอียดให้อ่าน (ผมนำข้อมูลมาจากหนังสือที่ผมมีอยู่)

ในการแสดงพลังจิตเสกใบไม้ให้เป็นนก ที่มีการถ่ายภาพลงหนังสือพิมพ์
โดยมีสักขีพยาน คือ อาจารย์บุญมี เมธางกูร กับ อาจารย์แนบ มหาธีรานนท์
อาจารย์สอนอภิธรรม แห่งมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นสักขีพยาน พร้อมบุคคล
สำคัญท่านอื่นๆ ซึ่งเป็นแรงต้านอย่างมากสำหรับคนที่ไม่เชื่อในการแสดงพลังจิต
ครั้งนี้ ทำให้พระอาจารย์ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

ในการแสดงพลังจิตเปลี่ยนใบไม้ให้เป็นนก ท่านให้ไปหาใบมะม่วงแห้งมา 2 ใบ
ครั้งแรกท่านก็ใช้มือเด็ดเอาแต่ส่วนยอดเพียงครึ่งใบ แล้วนั่งกำหนดจิต อยู่ประมาณ
15 นาที แล้วก็หันหลังกลับออกมาบอกว่าคราวนี้ทำได้สำเร็จ ทำให้ทุกคนเงียบกริบ
ตะลึงงัน และท่านสั่งให้หาเชือกมาผูกขานก โดยเกรงว่านกมันจะบินหนีไป สายตา
ทุกคนจดจ้องดูสัตว์เนรมิต ปรากฏเห็นเป็น นกตัวเล็กๆ สีสรรวรรณะ ผิดแผกแตกต่าง
จากนกที่เคยเห็น ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นนกป่า ชนิดหนึ่ง ขนาดของมันเท่ากับ
นกกระจอกธรรมดา แล้วท่านก็กำหนดจิตอธิษฐานครั้งที่สอง ซึ่งครั้งนี้ท่านใช้เวลาเพียง 10 นาทีก็สำเร็จ และจัดการผูกเชือกติดกันไว้ และผลัดเปลี่ยนเฝ้าดูแล
อย่างใกล้ชิด เป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง นกน้อย จึงค่อยๆ กลายสภาพเป็นใบมะม่วง
ตามเดิมครับ

 

เรื่องการแปลงธาตุใบไม้เป็นสัตว์เล็กอื่นๆ เช่น ต่อ แตน
ท่านอาจารย์พันเอก ชม ก็สามารถทำได้ ผมเคยขออนุญาต
ท่านทำให้ดู แต่ท่านบอกว่า ในการแปลงธาตุครั้งหนึ่งจะใช้
พลังจิตมาก ซึ่งช่วงนั้นท่านมีอายุมากแล้ว บอกว่าหากทำ
ก็อาจจะหมดพลัง และเจ็บป่วยไป 7 วัน และท่านบอกว่า
ผมทำให้คุณดู ก็จะหาว่าผมเล่นกลให้ดู คุณไปฝึกสมาธิ
ให้ได้อย่างน้อยขั้นกลาง และมาหาผมจะสอนให้คุณทำ
ได้ด้วยตนเอง แต่ผมไม่มีโอกาสนั้น และท่านบอกว่าใน
การแปลงธาตุ สุดท้ายก็จะกลับเป็นธาตุเดิม แปลงได้เพียง
ชั่วคราว ต้องอาศัยพลังสมาธิ และความเชื่อมั่นจริงๆ จน
เห็นภาพใบไม้กลายเป็น แตนชัดเจนจริงๆ หลังจากช่วง
วันนั้นสุขภาพท่านไม่ค่อยดี ลูกหลานท่าน ได้ขอให้ท่านย้าย
ไปอยู่ต่างจังหวัด เพราะหากอยู่ในกรุงเทพฯ จะมีลูกศิษย์เข้า
ไปพบท่านมากมายทุกวันครับ ผมมีโอกาสไปพบท่านเพียง
2-3 ครั้งครับ

เท่าที่ผมทราบจะมีหลวงพ่อจรัญ ที่สามารถเสกผ้าขาวม้าให้
เป็นกระต่ายได้ แต่หลังจากท่านได้เรียนวิปัสนากรรมฐาน ท่าน
ก็เลิกเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพราะไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ และท่านอาจารย์
พันเอกชม ได้เคยแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ทางใจ
กับหลวงพ่อจรัญ ซึ่งทั้งสองท่าน ทราบว่าแต่ละท่านทำอะไรได้บ้าง
เพราะหลวงพ่อจรัญได้มีโอกาสได้ไปเรียนโดยตรงกับหลวงตาดำ
พระอาจารย์ในดง 3 เดือน

ผมไม่แน่ใจตอนนั้นเหมือนท่านเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับวิชาสะเดาะกุญแจ
ท่านเรียนคู่กับหลวงพ่อจรัญครับ

 

128.นายณัฐพงศ์ ขอสมัครเป็นศิษย์รับเคล็ดวิชาครับ

 

หนังสือที่อาจารย์ชมแจกให้มาครับ

 

จะคอยติดตามอ่านครับ ขอบคุณล่วงหน้า

 

129. สรวิชญ์ ขอเป็นศิษย์เรียนวิชาด้วยอีกคนครับ