อยากทราบคุณสมบัติของเทวดา สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี หน่อยครับ

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 18 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    คือท่านทั้งหลายจำเป็นต้องบรรลุอะไรหรือเปล่า

    หรือแค่ทำความดี รบกวนท่านผู้มีความรู้ตอบทีครับ

    ขอบคุณนะครับ
     
  2. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทนาครับ
    ไม่จำเป็นต้องบรรลุธรรมอะไรเลยครับแค่ทำบุญมากๆๆๆๆ


    ทางไปสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ผู้ที่จะมาอุบัติในสวรรค์ชั้นนี้ ต้องอุตส่าห์ก่อสร้างกองการกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจให้สูงส่งด้วยคุณธรรม เมื่อจะให้ทานรักษาศีล ก็ต้องบำเพ็ญอย่างจริงจัง ด้วยศรัทธาอย่างยิ่งยวดและถูกต้อง และผลวิบากแห่งทานและศีลอันสูงยิ่งเท่านั้น จึงจะบันดาลให้ไปอุบัติสวรรค์ชั้นนี้ได้ ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า... "ผู้ใดทำทาน โดยไม่ได้คิดว่าทำทานตามฤาษีในอดีตที่เคยทำมา แต่คิดว่าทำทาน เพื่อให้จิตเกิดความปลาบปลื้มปิติในบุญที่ทำ เมื่อตายลง ย่อมไปเกิดเป็นเทวดา ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี"
     
  3. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    คนพม่าตายแล้วไปเป็นเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี จาก หลวงปู่ฤาษีลิงดำ <!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->“..อาตมาไปพัก ที่วัดศีรษะเมืองหรือวัดมหาธาตุในปัจจุบัน อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท บังเอิญพระปลัดฉ่องเจ้าอาวาสไปกรุงเทพฯ เลยสวนทางกัน มาคราวไรไม่เคยเห็นพระปลัดฉ่องนอนในกุฏิสักครั้ง ท่านนอนนอกกุฏิ วันนั้นพระเขาจัดให้นอนในกุฏิเจ้าอาวาส มาคราวก่อนๆ ไม่เคยให้เข้าไปนอนในกุฏินั้นเลย

    คิดว่าเงียบดี เมื่อถึงเวลาเข้านอนก็เข้าไปข้างในกุฏิ แต่ก็ยังไม่ง่วงเลยหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านจนถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. จึงวางหนังสือลง จุดธูปเทียนบูชาพระ ตั้งใจว่าจะเข้าสมาธิเต็มอัตราสักครู่ประมาณสักตี ๒ ก็จะนอน ปรากฏว่าพอจุดธูปบูชาพระก็ขนลุกชันซู่ๆ บังคับอย่างไรก็ไม่หาย

    อาการแบบนี้เคยเป็นมาแล้วหลายวาระ รู้ว่าผีจะแสดงเดชเรียกว่าผีอาละวาด ถ้าผีเขาจะเอาจริงโดยมากมักจะทำแบบนี้ก่อน ให้ตกใจมีความหวั่นหวาดแต่เรื่องนี้โดนมาไม่รู้กี่ร้อยครั้งมันชินแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อบังคับให้ขนหยุดลุกไม่ได้ก็นึกในใจว่า เจ้าผีอะไรสักตัวหนึ่งมันคงจะเล่นงาน มองไปมองมาก็ไม่เห็นมัน มันเก่งเหมือนกันก็เลยพูดดังๆ ว่า “
    ถ้าเก่ง จริงๆ แล้ว ก็เชิญแสดงตัวให้ปรากฏ ไอ้เรื่องที่แสดงอานุภาพแบบนี้มันเกินไปที่ฉันจะกลัวแก” <O></O>

    เมื่อพูดจบ เขาก็แสดงตัวเดินออกมาจากหลังที่บูชาพระ เป็นพม่านุ่งโสร่ง มีผ้าโพกหัว มายืนอยู่ อาตมาก็บอกว่า “นั่งลงนะอย่ามาทำยืนเก้ๆ กังๆ พระอย่างฉันนี่ถ้าผีดีฉันเมตตาฉันบูชาเหมือนกัน ถ้าผีไม่ดีฉันจับ ๒ ขาฟาดมาเสียหลายสิบรายแล้ว” ผีก็นั่งลง อาตมาก็บอกว่า “เมื่อนั่งลง แล้วก็ไหว้พระเสียซิ เห็นว่าฉันเป็นพระหรือว่าเป็นเปรต” เขาก็บอก ว่า “เห็นเป็นพระ ขอรับ จึงได้แสดงอานุภาพลองดู ถ้าเห็นเป็นเปรตผมไม่เข้ามาใกล้หรอก ผมรังเกียจเปรต”

    <O></O>
    ก็เลยบอกว่า “เป็นผีไม่ชอบกับเปรตหรือ” เขาก็ตอบว่า “ผีมีหลายชั้น พวกเปรตก็มี อสุรกายก็มี พวกสัมภเวสีก็มี และก็มีภุมเทวดา รุกขเทวดา อากาศเทวดา พรหม เขายกประโยชน์ให้เป็นผีหมด” ถามว่า “เป็นผีพวกไหน” ตอบว่า “เป็นผีอากาศเทวดา” ถามว่า “อยู่ชั้นไหน” ตอบว่า อยู่ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
    <O></O>
    ถามว่า “เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตีเขาไม่ได้ นุ่งโสร่งและโพกหัวนี่ ฉันไม่เชื่อ” เขาบอกว่า “ไม่เชื่อ ประเดี๋ยวผมจะแสดงภาพเทวดาให้ปรากฏก็ได้” พูดจบก็กลายเป็นเทวดาสวยมาก คราวนี้ยิ้มแย้มแจ่มใสดี ก็เลยถามว่า “มาอยู่ที่ นี่ได้อย่างไรและมายุ่งที่นี่เพราะอะไร” เขาก็เลยบอกว่า “หัวกะโหลก ผมอยู่ใต้โต๊ะบูชาขอรับ นิมนต์ล้วงเอาออกมา หัวกะโหลกผมในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์”

    อาตมาก็ดึงเอาหัวกะโหลกออกมา เป็นหัวกะโหลกโตกว่าบาตรมาก จึงถามว่า “
    หัวกะโหลกมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เขาตอบว่า “ในสมัยที่ ประเทศพม่ากับประเทศไทยรบกัน ผมถูกเกณฑ์ให้มารบ แต่ความจริงไม่ได้เต็มใจมารบ เมื่อเขาเกณฑ์ก็ต้องมา ถ้าไม่มาก็หมายความว่าต้องตาย ๗ ชั่วโคตร ในสมัยนั้นมีเกณฑ์บังคับว่าฆ่ากัน ๗ ชั้นของคนนั้นเลย ชั้นบนขึ้นไปก็ถึงทวดเลย ชั้นล่างลงไปก็ถึงหลาน เรียกว่าตระกูลนั้นทั้งตระกูลจะไม่มีใครเหลือ ขณะที่มารบก็มาตายอยู่ที่ข้างกำแพงเมืองสรรคบุรี”

    <O></O>
    ถามว่า “คนมารบกัน เวลาตายมันน่าจะลงนรก ทำไมตายแล้วถึงไปเป็นเทวดา” เขาตอบว่า “ตามปกติผมเป็นชาวบ้าน สมัยนั้นพระพุทธศาสนายังรุ่งเรืองผมก็นับถือพระพุทธศาสนา เคยเจริญฌาน การมารบก็มาด้วยการเกณฑ์มาไม่ได้มาด้วยความเต็มใจ เขาให้มารบก็ต้องรบ เขาให้ตีก็ต้องตี เขาให้ฟันก็ต้องฟัน แต่ว่าจิตใจของผมนั้นไม่เคยทิ้งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณเลย นึกถึงคุณพระพุทธเจ้าและคุณพ่อคุณแม่อยู่เสมอ

    ก็ตั้งใจไว้ว่างานที่ทำนี้ไม่ได้ทำด้วยความเต็มใจแต่ทำด้วยความจำใจ ถ้าไม่ทำตัวคนเดียวตายก็ไม่เป็นไร แต่ญาติตั้งแต่ญาติเล็กจนถึงญาติใหญ่จะตายหมด เรียกว่าทั้งโคตรจะไม่เหลือ คนอื่นที่ไม่ได้มีความผิดด้วยจะพลอยตาย ก็เลยตัดสินใจมากับเขา ผมไม่ได้เต็มใจรบ”


    ถามว่า “
    ขณะที่รบฆ่า ใครตายบ้างหรือเปล่า” ตอบว่า “ผมมาคราวนี้คราวเดียวครับ ไม่ทันจะฆ่าเขาหรอก เวลาเขาสั่งให้ตีกำแพงเมือง ผมก็นั่งเข้าฌานหรือที่เรียกว่าปลุกตัว พอจิตเป็นฌานก็คลายออกมา ก็คิดว่าถ้าข้าพเจ้าเคยฆ่า เป็นศัตรูกับใคร เคยจองล้างจองผลาญใครมา ถ้าทำก็ให้ทำเฉพาะถูกคนนั้น

    แต่ว่าข้าพเจ้าไม่ตั้งใจจะฆ่าใคร ถ้าหากว่าคนใดที่เขาเคยเป็นศัตรูกับข้าพเจ้า เคยจองเวรจองกรรมกันมา ถ้าเขาฆ่าข้าพเจ้าตาย ก็ขอให้เป็นอโหสิกรรมกัน เมื่อเขาตีกลองรบ เขาสั่งให้ปีนกำแพงเมือง ก็วิ่งเข้ามาไม่ทันถึงกำแพงเมือง

    พอถึงข้างคูก็ปรากฏว่าถูกยิงกราดตาย ไม่ทันได้ตีได้ฟันใคร จิตใจก็ยังนึกถึงพระ เวลาตายแล้วผมก็เลยไปเกิดเป็นเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ตามผลของฌานที่ได้ไว้ แต่ทว่าเวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย มันตายนอกฌาน แต่จิตนึกถึงคุณพระอยู่”
     
  4. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    เคยอ่านมาว่า ต้องเคยได้ญาณ 4 ขึ้นไป แบบไม่ใช้งาน คือนิ่งๆสงบ ไม่มีฤทธิ์ และตายนอกญาณ ส่วนสวรรค์ชั้น 5 คือ นิมมานรดี ต้องเคยได้ญาณ 4 ขึ้นไป แบบใช้งาน คือมีฤทธิ์ด้วย ส่วนเหตุผลเพราะอะไร ผมไม่เข้าใจกระจ่างแจ้งครับ
     
  5. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ตามความเห็นของผม เอาแบบตรงๆในใจผมเลย

    ผมว่าแค่ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล เจริญวิปัสนา

    อย่างมากมาย หลายเท่า ก็น่าจะขึ้นสวรรค์ชั้น ปรนิมมิตวสวัตตี ได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...