อยากรู้จัก "ความฉิบหาย " ไหม๊

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย MonYP, 1 สิงหาคม 2017.

  1. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,307
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +636
    ความฉิบหาย ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ใช้ด่ากัน หรือกลัวกันเนี่ย รู้ไหมพระพุทธเจ้าได้บอกแล้ว เรียกว่า อบายมุข

    อบายมุข แปลว่า ทางแห่งความเสื่อม ทางแห่งความฉิบหาย หมายถึง เหตุเครื่องให้ฉิบหาย ถ้าใครทำสิ่งเหล่านี้ ความฉิบหายก็จะตกอยู่กับเขา แต่ละอย่างล้วนเป็นทางแห่งความฉิบหายมีประเภทต่างๆ คือ
    ๑. ดื่มน้ำเมา
    ๒. เที่ยวกลางคืน
    ๓. เที่ยวดูการเล่น
    ๔. เล่นการพนัน
    ๕. คบคนชั่วเป็นมิตร
    ๖. เกียจคร้านการทำงาน

    ดื่มน้ำเมา
    คือ การดื่มสุรารัย และการเสพยาเสพติดให้โทษต่างๆ เพราะเป็นเหตุแห่งความเสื่อมโภคทรัพย์ คือเป็นการเผาผลาญตัวเองในทางทรัพย์ ย่อมได้รับความเสียหายหลายสถาน เมื่อกล่าวโดยสรุปการดื่มของมึนเมา เช่น เหล้า จะให้โทษ ๖ อย่าง คือ
    ๑. เสียทรัพย์ เพราะเหล้า หรือสุราทุกวันนี้ ราคาแพง โดยเฉพาะเหล้ามีระดับ
    เหล้าที่เขาโฆษณา ราคาจะแพง ขวดหนึ่งอาจจะใช้ซื้ออาหารรับประทานได้ทั้งครอบครัว
    หรือหลายวัน ถ้าเรายังติดในรสชาติเหล้า ก็จะทำให้มีรายจ่ายเพิ่ม ครอบครัวก็จะอดได้
    ๒. ก่อการทะเลาะวิวาท ดื่มเหล้าเมื่อเมาก็จะทำให้ขาดสติ เห็นช้างเท่าแมว
    ทำอะไรไม่อายบางคนถึงกับเมาแล้วหมาเลียปากก็มีเพราะครองสติไม่ได้
    ๓. เกิดโรค โรคที่เกิดจากการดื่มเหล้าหรือของมึนเมา ก็มีหลายโรค เช่น
    โรคตับ โรคทางระบบประสาท ความจำเสื่อมอย่างมาก สติสัมปชัญญะสับสน โรคจิตหลอน ประสาทหลอน โรคสมองพิการ การทำหน้าที่ของสมองผิดปกติส่งผลถึง
    โรคตับแข็งจากสุรา โรคตับอ่อนอักเสบแบบเฉียบพลัน
    ๔. ต้องติเตียน เมาแล้วเอะอะโวยวาย
    ๕. ไม่รู้จักอาย โดยเฉพาะคนเมา คลองสติไม่ได้ จะพูดไม่สุภาพ ถ้าเป็น
    ผู้หญิงก็อาจจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวได้
    ๖. ทอนกำลังปัญญา สติปัญญาเสื่อม เพราะเหล้าจะทำลายระบบ
    ประสาท

    เที่ยวกลางคืน
    คือ เที่ยวไปในตรอก ในซอก ในซอยต่างๆ ในเวลากลางคืน ด้วยความคะนองเยี่ยงชายหนุ่ม ผู้ประมาทมัวเมาการเที่ยวไปในเวลากลางคืน เป็นเหตุแห่งเสื่อมโภคทรัพย์และเที่ยวกลางคืนมีโทษ ๖ อย่าง ดังนี้
    ๑. ชื่อว่าไม่รักษาตัว
    ๒. ชื่อว่าไม่รักษาลูกเมีย
    ๓. ชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
    ๔. เป็นที่ระแวงของคนทั้งหลาย
    ๕. มักถูกใส่ความ
    ๖. ได้ความลำบากมาก

    เที่ยวดูการเล่น
    คือการเที่ยวดูมหรสพ การรื่นเริงประเภทต่างๆ ผับ บาร์ อาบอบนวดซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดลุ่มหลงมัวเมาเพลิดเพลิน ดูแล้วก็ติดใจอยากไปดูอีก เป็นเหตุแห่งความเสื่อโภคทรัพย์ เสียเวลาทำงาน เสียเวลาพักผ่อนนอนหลับ การเล่นมีโทษตามวัตถุที่ไปดู ๖ อย่าง ดังนี้
    ๑. รำที่ไหนไปที่นั่น
    ๒. ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
    ๓. ดีดสีตีเป่าที่ไหนไปที่นั่น
    ๔. เสภาที่ไหนไปที่นั่น
    ๕. เพลงที่ไหนไปที่นั่น
    ๖. เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น

    เล่นการพนัน
    มีโทษ คือ การเล่นพนันมีได้มีเสีย เช่น เล่นไพ่ ไฮโล เล่นม้า เล่นมวย เล่นหวย เป็นต้น เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ เป็นต้น เพราะเป็นเหตุความเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ และเล่นการพนันมีโทษ ๖ อย่างดังนี้
    ๑. เมื่อชนะย่อมก่อเวร
    ๒. เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
    ๓. ทรัพย์ย่อมฉิบหาย
    ๔. ไม่มีใครเชื่อถือถ้อยคำ
    ๕. เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อน
    ๖. ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย


    คบคนชั่วเป็นมิตร
    ชื่อว่าเป็นอบายมุข เพราะเป็นเหตุแห่งความเสื่อมโภคทรัพย์ ผู้ที่คบคนชั่วเป็นมิตร มักจะถูกคนชั่วชักจูงใจไปในทางที่ไม่ดี ไปในทางชั่ว เช่น ไม่เคยเป็นนักเลงการพนัน ก็เป็นนักเลงการพนัน ไม่เคยเป็นนักเลงเหล้าก็กลายเป็นนักเลงเหล้า เป็นต้น คบคนชั่วเป็นมิตร มีโทษ ๖ อย่าง ดังนี้
    ๑. นำให้เป็นนักเลงการพนัน
    ๒. นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
    ๓. นำให้เป็นนักเลงเหล้า
    ๔. นำให้เป็นคนลวงเขาด้วยของปลอม
    ๕. นำให้เป็นคนลวงเขาซึ่งหน้า
    ๖. นำให้เป็นคนหัวไม้
    เกียจคร้านการทำงาน
    คือ ไม่ขยันทำการงานตามเวลาและหน้าที่ ปล่อยเวลาให้ล่วงเลย ปล่อยงานให้
    คั่งค้างอากูล ทำไมให้เหมาะเจาะหรือทำเยาะแหยะหย่อน ชอบนอนตามสบายในเวลากลางวัน ไม่ขยันทำในเวลากลางคืน พระอาทิตย์ไม่โผล่ทอแสงทแยงตาก็หาลุกขึ้นไม่
    เป็นต้น เกียจคร้านทำการงาน มีโทษ ๖ อย่างดังนี้
    ๑. มักอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน
    ๒. มักอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน
    ๓. มักอ้างว่า เวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน
    ๔. มักอ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน
    ๕. มักอ้างว่า หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน
    ๖. มักอ้างว่า กระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน

    แล้วกลับมาย้อนดูตัวเองมีครบไหม ถ้าไม่มีก็อนุโมทนาด้วย แต่ถ้าไม่ก็รีบ ๆ เลิกมันไปเสีย ไม่ต้องไปให้หลวงพี่หลวงพ่ออาบน้ำมนต์ให้ อาบน้ำมนต์ด้วยธรรมจะดีกว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...