อริยเมตตาแห่งดอนยายหอม หลวงพ่อแช่ม ฐานุสสฺโก

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปทุมธานี, 16 สิงหาคม 2008.

  1. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    อริยเมตตาแห่งดอนยายหอม หลวงพ่อแช่ม ฐานุสสฺโก

    • โดย....อำพล เจน
    • นักเลง 2 ชีวิต ละแวกภาษีเจริญ
      นักเลงเบิ้ม และนักเลงไก่
    • ชื่อเบิ้มและไก่บนถนนสายที่ปูด้วยมีดและปืน ให้ถามไถ่คนแถวนั้นเป็นที่
    • รู้จักหมด
      คนทั้งสองโลดแล่นอยู่บนถนนดุ โดยมีทั้งความรุ่งเรืองและตกต่ำ คงไม่
    • ต้องบอกว่าเขาทั้งสองคนเป็นนักเลงประเภทไหน คุมบ่อน คุมซอย หรือเป็นมือปืนอาชีพรึเปล่าดีกว่า แต่ว่าวันตกอับแห่งชีวิตนักเลงก็มีมาถึง วันเข้าตาจน สุดตรอก ไม่มีที่จะถอย ห้วงทุกข์สุดขีดที่คนทั้งสองร่วงดิ่งลงสุดกู่ ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าคืออะไร มันเป็นทุกข์อันยิ่งใหญ่ที่นักเลงทุกคนล้วนเคยประสบ
    • ทุกข์อันนั้นแหละที่ทำให้นักเลงเบิ้มและนักเลงไก่นึกถึงพระ นึกถึงวัด นึกถึงบุญกุศลที่ตนเองไม่มีหรือมีน้อย
    • ทว่าการนึกถึงพระนั้นก็เป็นการนึกที่ไม่ออก นึกไม่เห็นว่าพระมีอยู่ที่ไหน
    • พระรูปใดจะแก้ทุกข์ให้ได้ ที่นึกออกคือนึกเห็นแต่ “อาจารย์เบิ้ม” เพื่อนสนิท คนชื่อเดียวกัน แต่ไม่มีอะไรเหมือนกัน
    • อาจารย์เบิ้มเคร่งธรรม นักเลงเบิ้ม และไก่เคร่งปืน
    • สวนทางกันอย่างนี้
    • อาจารย์เบิ้มรับทุกข์ที่คนทั้งสองระบายใส่เสียเต็มปรี่และสนองปรารถนาคน
    • ทั้งสองโดยยินดีในฐานเพื่อน คิดถึงพระที่จะช่วยคลี่คลายทุกข์ให้สหายผู้อมทุกข์ ถ้าหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ยังไม่สิ้น ก็แค่เดินข้ามคลองไป แต่ท่านผู้เป็นอาจารย์ก็สิ้นไปแล้ว
    • “ไปดอนยายหอม” อาจารย์เบิ้มบอก “วัดดอนยายหอมมีหลวงพ่อแช่มอยู่ทั้งคน”
    [​IMG]


    • วัดดอนยายหอม ประมาณปี 2531 หลวงพ่อแช่ม หรือพระครูเกษมธรรมนันท์ มีอายุได้ 82 ปี แข็งแรง บึกบึน หน้าแดง ล่ำใหญ่กว่าทุกวันนี้ ซึ่งมีอาพาธ เหน็ดเหนื่อย และผอมลงอย่างเป็นตรงกันข้าม
      ท่านนั่งบนตั่งหน้าห้องพักในกุฏิใหญ่ เป็นที่เดิมที่ท่านนั่งรับคนผู้มีศรัทธา
    • มากราบโดยไม่เคยเปลี่ยน ท่านมองดูนักเลงเบิ้มและไก่ที่คลานเข้ามากราบแล้วร้องอวยพรแปลกประหลาดว่า
    • “ยมฑูตทั้ง 4 รักษา”
    • แปลกไปจากที่เคยอวยพรใครต่อใครว่า พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา
    • อวยพรพิสดารแล้วก็หันไปร้องสั่งลูกศิษย์ให้เอาตะกรุดโทนมาเร็ว ๆ เอามา
    • คาดใส่เอวให้คนทั้งสองด้วยมือท่านเอง
    • “อย่าถอดนะ” ท่านสำทับลงไปอีก
    • รดน้ำมนต์ให้อีกหนึ่งชุด รดแล้วก็สั่งนักเลงเบิ้มและนักเลงไก่ให้ไปเอารูป
    • หล่อบูชาของหลวงพ่อเงินคนละองค์ คนทั้งสองนอกจากจะเอารูปหล่อบูชาหลวงพ่อเงินแล้ว ยังพ่วงรูปหล่อบูชาของหลวงพ่อแช่มมาด้วยอีกคนละองค์ และนำมาวางตรงหน้าท่าน เพื่อท่านจะได้เจิมแป้งอธิษฐานจิตเป็นพิเศษอีกครั้ง ท่านเห็นแล้วก็กล่าวว่า
    • “นี่รูปหลวงพ่อเงิน อาจารย์ฉัน ท่านเสียอายุ 87 นี่รูปฉัน หลวงพ่อแช่ม อายุ 82 เอาไปไว้ที่บ้าน อย่าวางสูงกว่าพระพุทธรูปนะ”
    • งวดนั้นหวยออกทั้งบ่นและล่าง 87 และ 82 นักเลงเบิ้มถูกทั้งบนล่าง เต็งโต๊ดเบ็ดเสร็จเป็นเงิน 2 แสนกว่าบาท นักเลงไก่ถูกเท่าไหร่ไม่ทราบชัด คนทั้งสองย้อนกลับไปดอนยายหอมอีกครั้งหนึ่ง ถวายเงินหลวงพ่อแช่ม 2 หมื่นบาท
    • หลังจากกลับออกจากวัดครั้งนั้น คนทั้งสองไม่มีวันกลับไปอีกเลย
      นักเลงเบิ้มป่วยตาย
      นักเลงไก่เป็นอัมพาต
    • อาจารย์เบิ้มบอกกับผมว่า ชะตาคนทั้งสองล่อแหลมต่อการตายโหง หลวงพ่อท่านช่วยได้แค่นี้ นั่นเพราะยมฑูตทั้ง 4 รักษา เป็นคำอวยพรบอกใบ้ให้ทราบถึงวาระแห่งกรรมของเขาทั้งสองคน
    • 4 ปีต่อมา
      ผม คุณกมล เอกุมโนชัย และคุณสุวิทย์ เกิดพงษ์บุญโชติ เดินทางไปกราบ
    • หลวงพ่อแช่มด้วยกันในวันที่ 10 กรกฎาคม 2535 เพื่อจุดประสงค์ 2 อย่างคือ เพื่อขออนุญาตสร้าง “เหรียญหยดน้ำมนต์มงคล” ของหลวงพ่อแช่ม สำหรับแจกแก่ผู้อ่านหนังสือศักดิ์สิทธิ์ และเพื่อถวายพระเครื่องจำนวน 300 กว่าองค์ ที่ผมรับธุระจากเพื่อนผู้มีจิตศรัทธาสร้างถวายนำไปถวายแทน
    • ระหว่างเดินทาง คุณสุวิทย์ แสดงความประหลาดใจแก่ผมคำหนึ่งว่า
      คุณอำพลอยู่ไกลถึงอุบลฯ แต่คุณมากราบพระถึงนครปฐม”
    • ผมอยากบอกว่า หลวงพ่อแช่ม คือพระในดวงใจอีกรูปหนึ่งของผม ใครไป
    • กราบท่านแล้วจะรักและเคารพท่านทุกคน ผมเชื่อเช่นนั้นและเห็นท่านเป็น “อริยเมตตา” อย่างแท้จริงอีกรูปหนึ่ง ที่ยากจะพบเห็นได้ง่ายในทศวรรษนี้
    • ท่านเป็นพระเถระที่เข้าพบง่ายที่สุด ไม่มีทศกัณฐ์หรือปีเตอร์กันเป็นบริวาร ไม่มีความพิเศษให้กับใคร ทุกคนเสมอกันหมด ไม่มีชั้นวรรณะเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน ไม่มีนายพล เศรษฐี หรือคนเข็ญใจอยู่ตรงหน้าท่าน
      ตรงนั้นคือสถานที่เดียวที่ผมเห็นความเสมอภาคของมนุษยชน
    • ใครไม่เชื่อ ให้ไปพิสูจน์ความจริง
    • ทำไมผมรักและเคารพหลวงพ่อแช่ม ผมไม่สามารถจะตอบให้ถึงใจได้
    • ความเงียบงันอ้ำอึ้งจึงเป็นคำตอบสำหรับคำถามเชิงปรารภของคุณสุวิทย์
    • ระหว่างเดินทางไปวัดดอนยายหอม ผมเล่าเรื่องนักเลงเบิ้มและนักเลงไก่ให้
    • คุณกมลและคุณสุวิทย์ฟังด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เรื่องที่ได้เล่าไป ไม่ได้หวังว่าจะเล่าเพื่ออะไร เป็นไปเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น
    • เราได้กราบหลวงพ่อแช่มง่าย ๆ ไม่มีพิธีการเยิ่นเย้อ เพียงถอดรองเท้าไว้
    • หน้าประตูกุฏิก็ถึงตัวท่านทันที และไม่มีสิทธิพิเศษ หรือเป็นอะไรที่ดูพิเศษกว่าใครเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน
      เราก้าวเข้าไปสู่แดนแห่งความเสมอภาค
      “โชคดี โชคดี”
    • อวยพรก่อนแล้วสะบัดแส้น้ำมนต์ใส่ศีรษะพวกเรา คำทุกคำของท่านล้วนแต่
    • เป็นไปในทางเมตตา ปรารถนาจะให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขเสมอกัน คำร้ายน้อยหนึ่งจากปากท่านไม่เคยมีใครได้ยิน
    • เราได้เสพพลังเมตตาที่แผ่ให้จนอิ่มใจพอแล้ว จึงได้ทำจุดประสงค์ที่ตั้งใจให้บรรลุและบรรลุโดยง่ายทุกประการ
    • หนังสือศักดิ์สิทธิ์จะมี “เหรียญหยดน้ำมนต์มงคล” ของหลวงพ่อแช่มแจก
    • เป็นที่ระลึกในไม่ช้านี้
    • ขณะนั้นมีสตรีวัยประมาณ 50 ปี เข้ามากราบท่านด้วยสีหน้าอมทุกข์ และ
    • กราบเรียนท่านว่าถูกโกงเงินไป 8-9 แสนบาท และขอให้ท่านช่วยบันดาลให้ผู้คดโกงนำเงินมาคืน
      หลวงพ่อก็เฉยอยู่
    • เธออ้อนวอนร้องขอความกรุณาให้ท่านช่วย เงินนับล้านเป็นทุกข์อันยิ่งใหญ่
    • ของเธอ แต่ไม่มีใครเข้าใจได้ดีกว่าตัวหลวงพ่อเองว่าทำไมท่านจึงเฉยอยู่ นั่นอาจหมาย ความว่าท่านช่วยไม่ได้ หรือไม่มีหวังจะได้เงินคืนท่านจึงเฉยก็ไม่รู้
    • ที่สุดท่านปรารภว่า
      เรามันโง่เอง อย่าว่าแต่โยมเลย ฉันเป็นพระยังล่อนเหลือแต่กระดูก เขามาบอกว่าจะเอาพระไปก่อน แล้วจะนำเงินมาถวาย 2 หมื่น ก็หายเข้ากลีบเมฆ นี่มันเป็นเวรของเราที่ทำให้เราต้องไปเชื่อเขา”
    • ความทุกข์มากมายกอดกำดวงใจเธอจนหมดสิ้น ไม่มีที่เหลือพอจะทำความ เข้าใจในธรรมะง่ายๆ ที่หลวงพ่อปลอบ เธอจึงคงยืนกรานให้หลวงพ่อช่วยต่อไปไม่ หยุดยั้ง ท่านก็ปลอบประโลมด้วยคำพูดที่เปี่ยมเมตตา ยากจะถ่ายทอดให้เห็นซึ้งได้ เหมือนพ่อปลอบใจลูกว่างั้น
      พอดีมีใครคนหนึ่งบูชารูปหล่อหลวงพ่อเงิน และหลวงพ่อแช่ม แล้วยกมา
    • ถวายให้ท่านเจิมแป้ง ท่านเห็นก็เอะอะว่า
      “นี่หลวงพ่อเงิน คิดถึงท่าน ระลึกถึงท่านแล้วเงินไหลมาเทมา นี่รูปฉันหลวงพ่อแช่ม มีแต่แช่มชื่นเบิกบาน หลวงพ่อเงินท่านเสียอายุ 87 ฉัน 86 ยังรู้สึกว่าหนุ่มปร๋ออยู่เลย ต่อไปจะเป็นฉันแล้วก็จะเท่ากัน”
    • ท่านเจิมแป้งให้แล้วก็คว้าแส้น้ำมนต์สะบัดรดใส่หญิงผู้เต็มไปด้วยความทุกข์ ใบหน้าท่านอมยิ้มและกล่าวด้วยว่า
      “โดนเขาโกงเงินเลยไปฟ้องปู่ ฟ้องปู่”
    • อีกครู่หนึ่งมีผู้บูชาพระเครื่องของท่านมาถวายท่านเจิมแป้ง ท่านกล่าวว่า
      “พระเครื่องฉันหมากัดไม่เข้า ปืนยิงไม่เป็นไร” ใบหน้าของท่านมีรอยยิ้มและกล่าวต่อไปอีกว่า “หมากัดเราก็ไม่เข้าไป ปืนก็อย่าใส่ลูก ใส่แต่แก๊ป”
      วันนี้หลวงพ่ออารมณ์ดีเป็นพิเศษ
      และใครจะเชื่อได้ว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
    • งวดวันที่ 1 สิงหาคม ตัวล่างออก 87 ผมซื้อล็อตเตอรี่ 86 ไม่ถูก
      งวดวันที่ 16 สิงหาคม ผมคิดถึงคำว่าที่ “ต่อไปฉัน” ผมตาม 86 อีก 2 คู่ เลยได้เงินมาเป็นค่าขนมจังเบอร์
    • ใครก็อย่าแจ้นไปหาท่านเพราะเรื่องหวยเลย เพราะว่าท่านไม่ใช่พระใบ้หวย ที่ถูกนั้นเป็นวาสนาของแต่ละคนเอง
      แหม...แต่ว่าท่านให้แม่นเหมือนจับวางจริง ๆ
      คนถูกก็มีวาสนาน้อย ๆ แค่นั้น....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  2. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    <SUP>หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ พระอริยเจ้าผู้ดับขันธ์ไปแล้วแห่งดอยแม่ปั๋งเคยกล่าวว่า</SUP>
    <SUP>“อยู่นครปฐมมีพระเถระเก่งรูปหนึ่ง เคยสนทนาธรรมะกันหลายครั้ง ปฏิปทาน่าเลื่อมใส ท่านชื่อ แช่ม อยู่วัดดอนยายหอม”
    </SUP><SUP>การันตีนี้พอเพียงหรือไม่ ?</SUP>
    <SUP>[​IMG]
    ขออ้างคำว่าอรหันต์ย่อมรู้ในอรหันต์ด้วยกัน ผมไม่รู้ว่าทั้งหลวงพ่อแช่มและหลวงปู่แหวนอรหันต์หรือเปล่า เพราะว่าผมไม่</SUP><SUP>ใช่อรหันต์ เป็นปุถุชนเต็มตัว แต่ผมหมายความว่าคนที่มีความรู้ความสามารถระดับเดียวกันเท่านั้นจึงจะรู้ชั้นของกันและกัน
    ยอดกระบี่ย่อมรู้จักกระบี่ในมือของยอดกระบี่อีกคน
    เช่นเดียวกับนักเขียนหนังสือย่อมรู้มือนักเขียนหนังสือด้วยกัน แต่คนที่ไม่ใช่นักเขียนย่อมยากจะรู้ได้
    เมื่อหลวงปู่แหวนซึ่งเป็นภิกษุรูปหนึ่งได้กล่าวยกย่องภิกษุอีกรูปหนึ่ง ถ้าเราเชื่อในภิกษุแหวน เราต้องเชื่อในคำกล่าวของ</SUP><SUP>ท่านด้วย</SUP>
    <SUP>[​IMG]
    เชื่อในภิกษุแช่ม
    </SUP><SUP>ปูมหลัง
    นามเดิม
    แช่ม อินทนชิตจุ้ย
    เกิดวันพุธที่ 6 มีนาคม 2449 ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเมีย
    สถานที่เกิด
    บ้านหลังหนึ่งในหมู่ที่ 1 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
    บิดาชื่อ เนียม มารดาชื่อ อ่ำ สกุล อินทนชิตจุ้ย
    มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน ท่านเป็นคนที่ 3 ดังนี้
    1. นายเอี่ยม 2. นายอุ่ม 3. หลวงพ่อแช่ม 4. นางช้อย (รำวิไล) 5. นายพวง 6. นางเจียก (ยอดสุข) 7. นายพุ่ม คนที่ 5-7 เสียชีวิตแล้ว
    ครอบครัวของหลวงพ่อแช่มไม่มีอะไรต่างไปจากครอบครัวอื่น ๆ ในตำบลดอนยายหอม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทำนาเป็นอาชีพ
    </SUP><SUP>ชีวิตวัยเด็กก่อนห่มผ้าเหลืองของหลวงพ่อแช่ม โลดแล่นอยู่บนท้องนา ชีวิตสมัยที่ไม่มีควายเหล็ก ไม่มีเครื่องยนต์กลไก ไม่มีไฟฟ้า มี</SUP><SUP>แต่แรงคนแรงควาย และไฟตะเกียง เป็นชีวิตที่ธรรมชาติแจกจ่ายความสมอภาคให้ทุกคนเท่ากัน
    ความไพเราะเพราะพริ้งแห่งน้ำถ้อยน้ำคำของหลวงพ่อแช่ม ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลัง แต่เป็นสมบัติที่ท่านมีมาแต่อ้อน</SUP><SUP>แต่ออก ท่านเจรจาอ่อนหวานนุ่มนวลแม้กับวัวควายที่ท่านรับผิดชอบเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเยาว์ และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่คนทั้งหลายก็</SUP><SUP>แสดงออกตั้งแต่ยังเด็กด้วยการยินดีเสมอสำหรับความช่วยเหลือเจือจานเพื่อนบ้าน ไม่ว่างานบุญเล็กบุญใหญ่ หรือกิจการใดๆ ที่จำ</SUP> <SUP>ต้องอาศัยแรงจากท่านแล้วเป็นอันว่าไม่ปฏิเสธ
    มาตรว่าดอนยายหอมจะเกลื่อนด้วยรอยเท้านักเลงหัวไม้ย่ำอยู่ขวักไขว่ หลวงพ่อแช่มก็เป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลายเสมอ
    อุปนิสัยอย่างนั้นไม่ใช่ของเสแสร้งเป็นได้ ต้องเป็นของจริงแท้ที่ฝังลึกในน้ำจิตน้ำใจ ในชีวิตและวิญญาณเท่านั้น ถึงได้กลาย</SUP><SUP>เป็นความคงมั่นแห่งนิสัยชั่วนิรันดร
    คำร้ายน้อยหนึ่ง คำหยาบคายสักหยาบหนึ่ง ไม่เคยมีใครได้ยินจนวันนี้
    วิถีของผู้มีความเรียบร้อยทั้งใจกาย มักเรียบง่ายคล้ายคลึงอุปนิสัยไปด้วย ความพิสดารแปลกประหลาด หรือเรื่องโลดโผน</SUP><SUP>โจนทะยานย่อมอยู่ไกลไปจากชีวิตของท่าน ครั้นวัยบรรลุถึง 23 ปีเต็ม ท่านก็มีอันได้บวช
    บิดามารดาของท่านนำท่านเข้าพบเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม ซี่งก็คือเทพเจ้าแห่งดอนยายหอม ที่ใครต่อใครรู้จักดี
    หลวงพ่อเงิน
    ขณะที่หลวงพ่อแช่มเข้าวัดดอนยายหอมนั้น หลวงพ่อเงินเพิ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสได้เพียง 3-4 ปี ยังเป็นพระหนุ่มแน่น </SUP><SUP>ซึ่งท่านเจ้าอาวาสก็มีศักดิ์เป็นอาของหลวงพ่อแช่มอีกด้วย เมื่อหลวงพ่อเงินทราบเจตนาของบิดามารดาของหลวงพ่อแช่มและของ</SUP><SUP>หลวงพ่อแช่มที่มีเพื่อจะบวชแล้ว ท่านได้กำหนดวันบรรพชาทันที
    ฤกษ์บวช
    ศุกร์ที่ 6 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2470
    เทียบเป็นไทย
    วันที่ 6 เดือน 6 แถมขึ้น 6 ค่ำอีกต่างหาก
    หลวงพ่อแช่มบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดดอนยายหอม ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยมี </SUP><SUP>พระครูอุตตรการบดี (หลวงพ่อสุข) วัดห้วยจระเข้ ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเงินเป็นพระกรรมวา</SUP><SUP>จาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า ฐานุสฺสโก
    พระนวกะแช่มรูปนี้มีมานะอดทน มีวิริยอุตสาหะเป็นเลิศ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไปตามฐานานุรูป เท่าที่พระภิกษุจะพึงมีพึง</SUP><SUP>เป็นนั้น ท่านได้ดำเนินไปอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ทั้งพระปริยัติธรรม ซึ่งผลของการศึกษาด้านนี้ส่งผลให้ท่านได้กลาย</SUP><SUP>เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแก่พระเณรในวัดดอนยายหอม
    แม้เป็นเพียงพระนวกะเพิ่งบวชใหม่ๆ แต่ท่านกลับเป็นกำลังสำคัญของหลวงพ่อเงินเกือบทุกด้าน ทั้งการพัฒนาวัด และ</SUP><SUP>พัฒนาคน
    50 กว่าปีที่แล้ว เป็นสมัยแห่งอบายมุข ที่เรียกว่าร้ายกาจที่สุดคือ ฝิ่น ใครจะตั้งโรงยาฝิ่นก็ได้ ไม่ผิดกฎหมาย รัฐบาลไม่ทัน</SUP><SUP>ได้ห้าม หรือให้ยุบเลิกโรงยาฝิ่น แต่ดอนยายหอมกลับไม่มีโรงยาฝิ่นแม้แต่โรงเดียว
    หลวงพ่อเงินเป็นผู้นำการต่อต้านยาฝิ่น หลวงพ่อแช่มเป็นกำลังสนับสนุน
    ภิกษุอาและหลานคู่นี้คือผู้ต้านอบายมุขแห่งตำบลดอนยายหอม
    ไม่ใช่คำพูดที่เกินเลย ให้ดูที่ทุกตำบลในจังหวัดนครปฐมล้วนมีโรงยาฝิ่น ตั้งอยู่อย่างน้อยตำบลละ 1 โรง แต่ตำบลดอนยาย</SUP><SUP>หอมเพียงตำบลเดียวที่ไม่มีโรงยาฝิ่นแม้แต่โรงเดียว
    ผู้นำการต่อต้าน...หลวงพ่อเงินได้ปรารภแก่ชาวบ้านตำบลดอนยายหอมทุกครั้งที่มีโอกาสว่า
    “ฉันใจไม่ดีเสียแล้ว เพราะได้ข่าวว่าไฟประลัยกัลป์กำลังจะมาก่อหวอดขึ้นกลางหมู่บ้านของเรา ฉันเกรงว่ามันจะเผาผลาญ</SUP><SUP>ทรัพย์สินของญาติพี่น้องตำบลนี้วอดวายไปหมด ไฟประลัยกัลป์นี้ร้ายแรงนัก เผาเงินทองบ้านช่องจนกระทั่งแผ่นดินไร่นา ต่อไปพวก</SUP><SUP>เราจะลำบาก ไม่มีที่อยู่อาศัย ลูกเล็กเด็กแดงจะพากันรับบาปไปด้วย นี่เป็นเรื่องน่ากลัวเหลือเกิน”
    ทุกคนในตำบลดอนยายหอม ถ้าไม่ใช่เพราะเคารพศรัทธาในหลวงพ่อเงินแล้วเห็นจะยากที่คำพูดเพียงเท่านี้จะระงับไฟฝิ่นได้</SUP><SUP>ด้วยความเคารพศรัทธานั้นทำให้ทุกคนเชื่อฟัง และบอกเล่าเก้าสิบต่อปากออกไปจนทั่วว่า
    “หลวงพ่อเงินไม่ชอบให้ใครสูบฝิ่น”
    โรงยาฝิ่นชึ่งตั้งขึ้นเพียง 5 เดือนเศษ ก็ต้องมีอันปิดกิจการไป
    ไม่มีใครมาสูบฝิ่น โรงฝิ่นจะอยู่ได้อย่างไร
    อย่าว่าแต่โรงยาฝิ่นเลย แม้โรงพนันเล่นหวยจับยี่กีที่โรงสีเจ็กเสียงยังมีอันต้องเลิก
    หลวงพ่อเงินท่านบุกถึงโรงพนันเพื่อเข้าเยี่ยมเจ้าของบ่อน และกล่าวว่า
    “ได้ยินเขาลือว่าเถ้าแก่ตั้งบ่อนพนัน ไม่คิดว่าคนที่มีเงินเหลือเฟืออย่างเถ้าแก่จะโง่ถึงกับตั้งบ่อนพนันขึ้น เพราะว่าคนเล่น</SUP><SUP>การพนันมากๆ ก็ย่อมจะยากจนลง การลักเล็กขโมยน้อยจนถึงปล้นสะดมภ์ก็มีเกิดขึ้น เถ้าแก่ก็อาจไม่พ้นภัยด้วย ขอให้เลิกเสียเถิด </SUP><SUP>หนทางหากินยังมีเยอะแยะ ถ้าสิ้นทางหากินแล้วก็ไปอย่าง”
    เถ้าแก่เสียงเจ้าของบ่อนพนันฟังแล้วเกิดความละอายใจจึงเลิกบ่อน
    ชาวดอนยายหอมพ้นภัยพนันและภัยฝิ่นมาได้เพราะหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อแช่มผู้ช่วย เมื่อพ้นภัยก็มีแต่จะอยู่สุขสบาย</SUP><SUP>ถ้วนทั่ว ถึงกับมีชาวหนองแขมมาปรารภกับหลวงพ่อเงินว่า ทำไมชาวดอนยายหอมจึงทำมาค้าขึ้นร่ำรวยแทบทุกครัวเรือน แต่ทำไม</SUP><SUP>ชาวหนองแขมอยู่ใกล้ๆ จึงไม่เป็นเช่นนั้น
    หลวงพ่อเงินกล่าวว่า
    “อาตมาสงสารชาวหนองแขมอยู่มาก เพราะว่าพากันป่วยไข้กันทั้งหมด”
    “ไม่เห็นมีใครป่วยนี่ครับ” ชาวหนองแขมท่านนั้นแย้ง
    “เห็นเขากินยากันทั้งตำบล คนกินยาก็ต้องป่วยซีล่ะ”
    “ยาอะไรกันขอรับ”
    “ยาฝิ่น กินยาฝิ่นกันแทบทุกคนเพราะว่าป่วย”
    “ทีหลวงพ่อฉันปลาล่ะ หลวงพ่อรู้สึกอย่างไร”
    “เฉยๆ เพราะเท่าที่ได้ฉันเนื้อสัตว์ก็เพราะมีคนนำมาถวาย เห็นว่าเป็นอาหารก็ฉันไปเพื่อยังชีวิตอยู่ทำประโยชน์แก่โลกเท่า</SUP><SUP>นั้น” หลวงพ่อเงินตอบและย้อนถามว่า “ปลากับคน ใครโง่กว่ากัน” </SUP><SUP>“ปลาโง่กว่า เพราะคนจับปลามากิน”
    “คนโง่กว่าปลาก็มีเยอะไป ปลาถูกจับเพราะคนเอาลอบเอาไซไปดัก มันไม่รู้จักจึงถูกจับ แต่ว่าคุกนั้นไม่ได้ทำขึ้นเพื่อหลอก</SUP><SUP>ให้ใครเข้าไป คนมันก็ยังเข้าคุกกันได้ทุกวัน ใครโง่กว่ากันล่ะ”
    ยุคสมัยที่หลวงพ่อแช่มขึ้นครองวัดดอนยายหอมสืบต่อหลวงพ่อเงินซึ่งมรณภาพไป ท่านหาได้วางธุระในอันที่จะพัฒนาบ้าน</SUP><SUP>เกิดของท่านไม่
    ลักษณะของการปลูกฝังนิสัยในทางที่ชอบให้แก่ชาวบ้านดอนยายหอมยังคงดำรงอยู่จนทุกวันนี้ </SUP><SUP>“เก็บให้มาก ใช้ให้น้อย แล้วรวย”
    นี่คือคำสอนล่าสุด
    “บ้านเกิด” คำนี้จะหามนต์ใดมามัดใจให้ขลังเท่าเป็นไม่มี
    ท่านเกิดมาเพื่อพระศาสนาและเพื่อบ้านเกิดของท่านอย่างแท้จริง
    ระหว่างปี 2517-2521 ถนนสายที่ทอดเข้าเปิดบ้านดอนยายหอม หมู่ที่ 1 เกิดด้วยบารมีของหลวงพ่อแช่มที่แปลงจาก</SUP><SUP>นามธรรมให้เป็นรูปธรรมนั้น สิ้นไปถึง 764,365.25 บาท ถนนนั้นท่านทำให้ชาวบ้าน แต่ที่ท่านทำให้วัดของท่านเองคือ เหล่า</SUP><SUP>เสนาสนะสงฆ์ทั้งหลายในเวลาเดียวกันอีก 3 ล้านบาทถ้วน
    บารมีเล็กๆ นี้คือเมตตาที่ไม่ยึดถือในสมบัติของท่าน อันได้ทอดทานออกไป อาจเรียกว่าเป็นการเดินสะกดรอยเท้าของหลวงอาของท่าน ก็ว่าได้
    เดี๋ยวนี้โครงการสร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่กับงบประมาณจำนวนมากกำลังเริ่มแล้ว นี่คือการทอดทานล่าสุดของท่านที่มี</SUP> <SUP>ให้แก่ดอนยายหอม</SUP>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  3. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    เป็นวาสนาของชาวดอนยายหอม ที่มีได้ในเรื่องที่ยากที่สุดคือ เมื่อสิ้นสมภารวัดผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรไปแล้วก็ยังมีสมภารผู้สืบทอดความเกรียงไกรไว้อย่างต่อเนื่อง
    หลวงพ่อเงิน ก่อวัดดอนยายหอมให้อุโฆษไกลไปทั้งประเทศ หลวงพ่อแช่มสืบสานต่อ
    สิ้นหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแช่มยังอยู่
    ให้ดูไปที่ดอยแม่ปั๋ง วันที่ลับแล้วซึ่งเงาของหลวงปู่แหวน วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม วันที่หมดแสงธรรมแห่งหลวงปู่จันทร์ วัดถ้ำกลองเพล วันที่หลวงปู่ขาวไม่มีสังขารอยู่ วัดบูรพาราม ซึ่งหลวงปู่ดูลย์นิราศนิรันดร วัดหนองป่าพง หลวงพ่อชาทอดสังขารที่ไม่มีลมหายใจแล้ว และวัดถ้ำผาปล่อง อันหลวงปู่สิมได้ทิ้งศิษย์ไปในที่ซึ่งใครก็คาดหมายไม่ได้ ฯลฯ
    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=30> p-447.gif </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ทุกแห่งไม่มีตัวครูบาอาจารย์สืบทอดความเป็นหลวงปู่ไว้ได้เท่าองค์เก่า
    คงเหลือแต่ข้อวัตร ที่ขึ้นอยู่กับสานุศิษย์จะดำรงไว้ได้แค่ไหน

    วัดดอนยายหอม สมัยที่หลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่อย่างจันทร์กระจ่างฟ้า หลวงพ่อแช่มก็ฉายประกายเจิดจ้าอยู่เคียงข้างแล้ว นั่นคือแววที่ส่อให้เห็นว่าท่านมีพร้อมทุกอย่างที่จะสืบสานทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากผู้เป็นอาจารย์
    เช่นเรื่องอมตะที่เล่ากันไม่เสร็จเรื่องนี้
    ชาวจีนคนหนึ่งได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ว่าศักดิ์สิทธิ์นัก อยากได้พระของหลวงพ่อเงิน จึงไปหาท่านที่วัด ไปถึงวัดดอนยายหอม ก็ได้ทราบว่า หลวงพ่อเงินท่านสิ้นแล้ว มีแต่พระอีกองค์หนึ่งนั่งรับแขกก็เข้าไปหา พระองค์นั้นก็ให้ลูกศิษย์ไปตักน้ำมาแก้วหนึ่งจากบาตรน้ำมนต์ของท่านเอามาเป่าแล้วส่งให้ ชาวจีนคนนั้นถือแก้วน้ำเดินออกไปหน้ากุฏิ ด้วยท่าทางไม่เลื่อมใส พอถึงหน้ากุฏิ ก็คว่ำแก้วเทน้ำมนต์ทิ้ง
    ปรากฏว่า น้ำมนต์ของท่านแข็งติดแก้วแน่น เทยังไงก็ไม่บอก
    “ไอ๊หยา หลวงพ่อองค์นี้ก็เก่งเหมียงกัง”
    ชาวจีนร้องเสียงขรมรีบกลับเข้าไปกราบขอขมา จึงได้รู้ว่าที่แท้คือ หลวงพ่อแช่ม องค์นี้นั่นเอง
    ตั้งแต่นั้นมากิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์หลวงพ่อแช่ม ดังระเบิดเลื่องลือไปทั่ว....
    สมัยนั้นดอนยายหอมในฤดูเก็บเกี่ยว มักประสบปัญหาข้าวเปลือกที่ยังไม่ได้นวดถูกลักออกไปจากลานนวดข้าว ชาวบ้านที่เดือดร้อน ไปขอให้หลวงพ่อเงินท่านช่วย ท่านกลับบอกว่า
    “ไปหาคุณแช่มสิ คุณแช่มช่วยได้”
    คุณแช่มของหลวงพ่อเงินบอกทุกคนไปเอาดินเหนียวมาปั้นหุ่นวัวตัวเล็ก ๆ คนละตัว ท่านรับวัวงวดนั้นราวๆ 20 ตัว นัดหมายให้ทุกคนกลับมาเอาวัวดินเหนียวคืนไปในวันรุ่งขึ้นเวลาบ่าย ๆ
    เรื่องนี้พระครูสมุห์อวยพร ฐิติญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอมในปัจจุบัน ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของหลวงพ่อแช่มได้เล่าว่าดินนั้นหลวงพ่อแช่มนั่งเสกวัวทั้งคืน ตลอดคืนนั้นพระเณรในวัดรูปใดที่ไม่ทันหลับ หรือตื่นขึ้นกลางดึกเป็นอันได้ยินเสียงวัวร้องขรมในกุฏิหลวงพ่อแช่ม
    ท่านว่า “ถ้าคืนไหนหลวงพ่อแช่มปลุกเสกวัวพยนต์จะมีคนได้ยินเสียงวัวร้องเสมอ”
    วัวพยนต์ก็คือ วัวดินเหนียวนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  4. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    <SUP>วิชาผูกหุ่นนี้ใช่ว่าจะมีแต่เพียงหุ่นวัวพยนต์เท่านั้น แม้หุ่นที่ผูกขึ้นเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บก็มี</SUP>
    <SUP>[​IMG]
    </SUP><SUP>[​IMG]</SUP> IMGP0111.JPG (27.52 KB, 340x345 - ดู 35 ครั้ง.)
    <SUP>[​IMG]</SUP>
    <SUP>ผูกหุ่นนี้ทำให้นึกถึงพวกวูดูที่ผูกหุ่นฆ่าคนจริงๆ</SUP>
    <SUP>แต่วิชาผูกหุ่นซี่งเป็นคัมภีร์เก่าแก่ตกทอดมาหลายชั่วคนในสำนักวัดดอนยายหอมนั้นมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้คนเท่านั้น ไม่มีสำหรับทำร้ายคน</SUP>
    <SUP>พระครูสมุห์อวยพร อธิบายว่า วิชาผูกหุ่นเป็นสมบัติของวัดดอนยายหอม สืบทอดผ่านมือผู้ศึกษาเล่าเรียนมานับร้อยกว่าปี ทุกวันนี้ยังมีอยู่ ใครสนใจสามารถขอดูได้จากพระครูสมุห์อวยพร</SUP>
    <SUP>การสร้างหุ่นถ้าจะว่าไปแล้วไม่มีข้อจำกัดว่าจะต้องทำด้วยดินเหนียวอย่างเดียว จะสร้างขึ้นด้วยอะไรสุดแล้วแต่ความต้องการและความเหมาะสม เคยเห็นการผูกหุ่นจากขี้ผึ้ง จากฟางข้าวมาบ้างเหมือนกัน</SUP>
    <SUP>วัวพยนต์ที่ปลุกเสกเสร็จแล้วถูกนำไปไว้ในลานนวดข้าว เมื่อวางวัวพยนต์ไว้แล้วสิ่งที่ปรากฏคือ เจ้าของข้าวไม่ต้องออกไปอดหลับอดนอนเฝ้าข้าวก็ได้ วัวพยนต์จะทำหน้าที่รักษาข้าวให้แทน</SUP>
    <SUP>เคยมีขโมยเข้าไปลักข้าวแล้วโดนวัวพยนต์ไล่ขวิดแทบตาย จนปรากฏข่าวระบือไปทั่วดอนยายหอม ข้าวใคร ๆ ก็ไม่หาย เรียกว่าหมดเรื่องหมดกังวลไป</SUP>
    <SUP>วัวพยนต์มีลักษณะคล้ายคลึงกับวัวธนู ต่างกันที่วัวพยนต์เป็นไปในทางป้องกัน แต่วัวธนูเป็นไปในทางจู่โจมทำร้ายผู้อื่น</SUP>
    <SUP>คุณสมบัติของวัวพยนต์หลวงพ่อแช่ม นอกจากจะป้องกันทรัพย์สินแล้วยังเป็นไปในทางเมตตามหานิยม ดีเด่นทางทำมาหากิน ซื้อง่ายขายคล่อง</SUP>
    <SUP>สมัยก่อนวัวพยนต์ทำด้วยดินเหนียว หรือตอกไม้ไผ่สานเป็นรูปวัว ทุกวันนี้วัวพยนต์หลวงพ่อแช่มทำด้วยโลหะ ใครไปที่วัดดอนยายหอม สามารถบูชามาไว้กับบ้านกับตัวได้ทันที</SUP>
    <SUP>พระครูสมุห์อวยพรเล่าต่อไปอีกว่า ท่านได้เคยเห็นหลวงพ่อแช่มรักษาคนเป็นโรคฝีในท้อง (วัณโรคหรือเปล่าไม่ทราบ, ผู้เขียน) หายขาดใน 7 วัน วิธีรักษาก็คือผูกหุ่นผู้เจ็บขึ้นมาแล้วสอบถามหาตำแหน่งที่เจ็บปวด เมื่อรู้จักแล้วหลวงพ่อแช่มได้บอกให้ผู้ป่วยนั่งพนมมือนิ่งอยู่ และบอกว่า “ทนเจ็บหน่อยนะ” ต่อจากนั้นท่านได้ใช้มีดหมอขีดเขียนลงไปที่หุ่น (เข้าใจว่าจะเป็นการลงอักขระ, ผู้เขียน) บางทีก็เคาะที่พื้นกระดานกุฏิและในขั้นตอนสุดท้าย ท่านเอาตะปูตอกลงบริเวณที่คนป่วยบอกว่าเจ็บ ขณะตอกตะปูลงในหุ่นนั้น ผู้ป่วยสะดุ้งไปด้วย ภายหลังได้อธิบายว่าไม่เจ็บ เป็นแต่เสียว แต่เสียดบริเวณที่ตะปูตอกลงเท่านั้น ครั้นเสร็จพิธีกรรมทั้งหมด หลวงพ่อได้บอกว่าจะหายภายใน 7 วัน</SUP>
    <SUP>ถ้าหากครบกำหนด 7 วันแล้วคนไข้ไม่มาหาท่าน ก็หมายความว่าหายจากโรคแล้ว ท่านก็จะถอนตะปูออกจากหุ่นที่ท่านเก็บไว้กับตัว เมื่อถอนตะปูออกจากหุ่นแล้วเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกรรมในการรักษาอย่างแท้จริง หุ่นจะถูกนำไปทิ้ง</SUP>
    <SUP>ลักษณะของการช่วยเหลือคนทุกข์เหล่านี้ เป็นสิ่งที่หลวงพ่อเงินเปิดโอกาสให้หลวงพ่อแช่มทำแทนมาตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อแช่มยังมีฐานะเป็นพระลูกวัด</SUP>
    <SUP>นี่คือการแบ่งเบาภาระ ธุระของผู้อาจารย์ซึ่งวางใจศิษย์ได้ถึงขนาดนั้น การมาถึงที่ขลังของหลวงพ่อแช่มมาได้อย่างไร </SUP>
    <SUP>ใครเป็นอาจารย์ของท่าน
    ระหว่างปี 2470 สมัยบวชพระใหม่ๆ นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการศึกษาวิชาอาคมขลัง เพราะว่าจังหวัดนครปฐมระหว่างปี 2470 มีครูบาอาจารย์ทางด้านนี้มากมาย แต่ละองค์นับว่าเยี่ยมยอดทั้งสิ้น
    ครูบาอาจารย์สมัยนั้นแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นพระเถระ (ผู้ใหญ่) แล้วก็หาได้ว่างธุระธุดงค์ไม่ ทุกปีจะออกธุดงค์เป็นวัตรประจำ ซึ่งเรื่องนี้ทราบจากหลวงปู่โต๊ะว่า ท่านเองก็ได้โอกาสเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือเสมอ ถือเป็นวัตรปกติธรรมดาของพระสงฆ์สมัยนั้น และเมื่ออกธุดงค์แล้ว ที่ขาดไม่ได้หรือมักไม่ขาดคือการเดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง ในเขตเมืองกาญจนบุรี ซึ่งที่นี่คือที่ชุมนุมพระสงฆ์จากทั่วทุกสารทิศ ครูบาอาจารย์ตัวกลั่นก็ชุมนุมอยู่ที่นี่ด้วย
    ที่ไหนก็ตามหากมีการชุมนุมแล้ว ย่อมต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถแก่กันและกันเป็นธรรมดา ดังนั้นวิชาความรู้ทางขลัง ไสยศาสตร์อาคม ก็ถูกถ่ายทอดสอนกันอยู่ที่นี่ หลวงพ่อแช่มได้ความรู้ความสามารถเพิ่มเติมจากที่นี่เช่นกัน ถ้าหากประทับใจครูบาอาจารย์องค์ใดก็อาจติดตามท่านกลับวัดของท่านเพื่อศึกษาเพิ่มเติมก็ได้
    เรื่องครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อแช่มจึงไม่อาจระบุชัดเจนได้ว่ามีใครบ้าง
    แต่สำหรับครูบาอาจารย์ที่แน่ชัดในสายสำนักดอนยายหอม แล้วสามารถบอกได้ว่าหลวงพ่อแช่มมีหลวงพ่อเงินเป็นอาจารย์ ซึ่งหลวงพ่อเงินได้เล่าเรียนเพียรศึกษาต่อจากหลวงพ่อฮวบ อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม องค์ที่ 1 และจากโยมพ่อของหลวงพ่อเงินเอง
    สำหรับหลวงพ่อแช่มนั้น นอกจากจะศึกษาวิชาความรู้จากหลวงพ่อเงินแล้ว ยังมีหลวงพ่อรุ่งอีกองค์หนึ่งเป็นผู้อบรมสั่งสอน ซึ่งหลวงพ่อรุ่งก็เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันกับหลวงพ่อเงินคือมีหลวงพ่อฮวบเป็นอาจารย์เช่นเดียวกัน แต่หลวงพ่อรุ่นที่มีชื่อปรากฏอยู่นี้จะเป็นหลวงพ่อรุ่งวัดทำกระบือหรือเปล่าไม่ทราบ ยังไม่มีเวลาตรวจสอบดู
    หลวงพ่อแช่มได้กล่าวถึงการเรียนสมถกรรมฐานของท่านในสมัยแรกว่า ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ดีว่ามีพระอาจารย์รุ่งคอยควบคุมช่วยเหลืออยู่นานปี
    ลูกศิษย์ท่านหนึ่งเล่าว่าเคยได้ยินหลวงพ่อเงินเตือนหลวงพ่อแช่มว่า
    “คุณแช่ม ระวังไฟไหม้กุฏินะ”
    เรื่องนี้ตัวเขาสงสัยมาก จึงได้เฝ้าสังเกตดูหลวงพ่อแช่มอย่างใกล้ชิด เห็นว่าตอนกลางคืนมักมีแสงสว่างสดใสแผ่กระจายในกุฏิ บางทีก็ปรากฏเป็นแสงพุ่งขึ้นลง เมื่อย่องเข้าไปแอบดูก็เห็นเพียงหลวงพ่อแช่มนั่งอยู่ตรงหน้าเทียนเล่มเดียวเท่านั้น
    ว่ากันง่าย ๆ ก็เรียกว่านี่คือ </SUP><SUP>กสิณไฟ
    เรื่องของกสิณ มีตำราอธิบายมากแล้วว่ามีกี่ห้อง กี่อย่าง ผู้อ่านสามารถค้าอ่านได้ทั่วไป
    สำหรับกสิณไฟของหลวงพ่อแช่มนั้นท่านได้กรุณาอธิบายว่า สมัยพุทธกาลก็มีการเจริญเตโชกสิณแล้ว ผู้เจริญเตโชกสิณต้องสร้างอุปกรณ์ขึ้นเองทั้งหมด เช่น หาไม้แก่นชนิดที่มียางไม้ติดไฟได้มาผึ่งให้แห้ง ตัดเป็นท่อนๆ เอาไปวางไว้ที่โคนไม้หรือประจำตามความเหมาะสม จุดไม้นั้นได้ติดไฟ เอาเสื่อลำแพนเจาะรูกลม ๆ ถ้าไม่มีเสื่อจะใช้แผ่นหนังสัตว์หรืออะไรก็ได้เจาะเป็นรูปเหมือนกัน วางกั้นไฟกับตัวผู้เจริญเตโชกสิณ แล้วนั่งเพ่งไฟที่ทะลุผ่านรู
    กรรมวิธีละเอียดพิสดารกว่านี้ก็มี แต่ของดไว้ไม่กล่าวถึง
    นั่นเป็นวิธีเจริญเตโชกสิณสมัยก่อน ส่วนสมัยนี้สะดวกสบายกว่ามาก เพียงหาสถานที่สงบสงัดกับเทียนเล่มเดียวก็ใช้ได้
    หลวงพ่อแช่มได้กล่าวว่า
    “ลูกผู้ชายเมื่อทอดทิ้งความเพียรเสียแล้ว จะพึงได้รับคุณวิเศษแม้แต่เพียงนิดหน่อยนั้น ข้อนี้ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้เลย”...</SUP>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  5. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    อดีตมีอยู่หรือไม่
    ถ้ามี อดีตอยู่ที่ไหน เพราะมันเลื่อนผ่านจนพ้นมาแล้ว ไม่อยู่ในภาวะมีอยู่เช่นเดียวกับอนาคตก็ยังไม่มี เพราะมันไม่อยู่ในภาวะมี
    ที่มีอยู่คือปัจจุบัน นี่คือของที่กำลังมี
    พูดถึงปัจจุบัน ฐานะและภาวะของหลวงพ่อแช่มคือผู้ปฏิบัติดีแล้วชอบแล้ว ทั้งยังมีคุณวิเศษมากมายที่ท่านไม่เคยโอ้อวด ใครมาหามาสู่ท่านจะได้รับการต้อนรับขับสู้เสมอหน้า ไม่เลือกว่ามีหรือจน ใหญ่หรือเล็ก ซึ่งเรื่องนี้ได้กล่าวในตอนแรกแล้วว่าดินแดนแห่งความเสมอภาคของมนุษย์ชนเกิดขึ้นตรงหน้าหลวงพ่อแช่ม เป็นดินแดนที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนถนัดชัดเจนเท่า
    ถ้าพูดถึงอดีตที่ไม่มีแล้ว ในฐานที่เป็นของเคยมี เราพูดถึงได้ในข้อที่เป็นสัญญา เป็นความจำ เป็นบันทึกและเป็นประวัติศาสตร์
    ต่อไปนี้ประวัติศาสตร์ขลังของหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม

    เรื่องแรกเป็นประสบการณ์ของ น.ส.ประนอม พรามญานัง และนายอำนาจ พรามญานัง อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 7 บ้านดอนขนาด ตำบลดอนยายหอม นี่เอง
    ทั้งคุณประนอมและคุณอำนาจ มีงานประจำที่ปั๊มน้ำมัน จะต้องไปเช้าและกลับเย็นทุกวัน ชีวิตก็เป็นปกติตลอดมา จนกระทั่งถึงวันที่ 15 กันยายน 2528 เรื่องไม่ปกติก็เกิดขึ้น
    ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง คุณประนอมและคุณอำนาจเสียเวลาจ่ายกับข้าวที่ตลาดสด จึงทำให้ต้องเดินทางกลับบ้านมืดไปหน่อย ทางเข้าบ้านดอนขนาด เปลี่ยวมาก นานๆมีรถสวนคันหนึ่ง ระหว่างนั้นคุณอำนาจซึ่งเป็นผู้ขับมอเตอร์ไซค์มีความรู้สึกว่ากำลังถูกติดตามจึงเร่งความเร็วขึ้น รถที่เชื่อว่ากำลังติดตามก็เร่งเครื่องกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ พอเลยโรงเลี้ยงหมูตังกวย รถมอเตอร์ไซค์ของผู้ติดตามก็แล่นมาทันและแซงหน้าไป
    คนซ้อนท้ายรถคันนั้นชักปืนออกมายิงใส่ 2 นัด
    นัดแรกถูกหัวไหล่คุณอำนาจ นัดที่สองถากหัวไหล่คุณอำนาจแล้วเลยมาถูกหัวไหล่ขวาคุณประนอมจนเสื้อขาด
    กระสุนไม่เข้าทั้ง 2 นัด
    คุณประนอมบอกว่าผิวหนังที่ถูกปืนเกรียมไหม้และเขียวช้ำไปหมด
    ในคอคุณประนอมแขวนเหรียญเสมาเล็กรูปเหมือนหลวงพ่อแช่มพร้อมเชือกที่ได้รับจากมือท่านเท่านั้น
    ส่วนคุณอำนาจไม่ได้รายงานว่าแขวนอะไรหรือพกอะไรติดตัว
    เหรียญเสมารูปหลวงพ่อแช่ม มีสร้างอยู่หลายรุ่น นี่พูดถึงเหรียญเล็ก โดยมากทำแจก ซึ่งปัจจุบันนี้หลวงพ่อแช่มท่านก็แจกเหรียญเสมาเล็กอยู่ทุกวัน แต่เป็นรูปของหลวงพ่อเงิน ท่านแจกพร้อมเชือกสายสิญจน์ ผ้ายันต์ และเชือกจระเข้ขบ ใครไปกราบท่านจะได้รับทุกคน
    นี่ก็ออกจะเป็นเรื่องธรรมดาของครูบาอาจารย์ผู้มีคุณวิเศษได้สร้างของวิเศษไว้คุ้มครองภัยให้ลูกศิษย์ทั้งหลาย เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆจนชาชิน จนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด
    มีผู้แสดงข้อคิดเห็นว่า เรื่องนี้บางท่านมีทิฎฐิ (ความเห็น) ว่าเป็นเรื่องเดรัจฉานวิชา ท่านผู้นั้นกล่าวว่าอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าจะเป็นเดรัจฉานวิชาหรือเป็นวิชาต่ำช้า เพราะว่าผู้ที่จะทำให้วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้สำเร็จฌานสมาบัติและอภิญญาชั้นสูง ซึ่งผู้ที่มีได้เป็นได้ถึงขั้นนั้นล้วนแต่เป็นผู้ปฏิบัติถึงซึ่งความบริสุทธิ์แห่งศีลทั้งสิ้น
    ผมเคยอ่านพระไตรปิฎกซึ่งกล่าวถึงพระพุทธพจน์บทหนึ่งว่า สิ่งที่ตถาคตรู้เห็นแต่ไม่บอกแก่สาวกนั้นยังมีมากมายประดุจใบประดู่ลายที่หล่นอยู่เกลื่อนป่า ที่ตถาคตบอกแก่สาวกก็เปรียบเหมือนใบประดู่ลายเพียงใบเดียวเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าสิ่งอื่นๆใดก็ตามที่พระพุทธองค์รู้เห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน นัยหนึ่งคือเพื่อหลุดพ้นจากกองทุกข์ พระองค์จึงไม่นำมากล่าวมาสอนไว้ คงบอกทางให้พ้นทุกข์เพียงประการเดียวเท่านั้น
    แม้ในสมัยพุทธกาลจะไม่เคยมีการกล่าวถึงหรือบันทึกถึงเรื่องการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ก็ไม่ได้แปลว่าสมัยนั้นไม่มี แต่ท่านไม่เน้นไว้ เพราะนั่นไม่ใช่คำสอนให้พ้นทุกข์ และไม่ได้บอกว่านั่นเป็นของผิดวินัยบัญญัติ
    ครูบาอาจารย์สมัยนี้ได้สร้างเครื่องรางของขลังขึ้นก็ด้วยเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีไว้เพื่อบรรเทาเวทนาทางกายเป็นหลัก และท่านก็ไม่เคยบอกว่ามีเครื่องรางของขลังแล้วไปพระนิพพานได้ ที่ไปได้นั้นคือพระธรรม เดินตามกระแสธรรมจึงพ้นทุกข์
    ดังนั้นจะบอกว่าเครื่องรางของขลังเป็นหรือไม่เป็นเดรัจฉานวิชา ก็อาจกล่าวได้ทั้งสองอย่าง เพราะเหตุว่าเครื่องรางของขลังเป็นของที่ไม่ทำให้พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง แต่เครื่องรางของขลังก็ช่วยปุถุชนผู้ยังเวียนว่ายตายเกิดให้อยู่ในโลกนี้ได้อยู่ไปอย่างปลอดภัย และเป็นสุขประสาโลกได้ไม่มากก็น้อย
    เรื่องนี้สุดแล้วแต่ใครจะเห็นอย่างไร
    สำหรับผมเองไม่ว่าอะไร ไม่เถียงกับใครทั้งนั้น ผมแขวนพระเครื่องหรือไม่แขวนก็เรื่องของผม ผมจะขึ้นสวรรค์ลงนรกก็เรื่องของผม ใครก็ไม่เกี่ยว
    ตัวใครตัวมันว่างั้นเถอะ
    อย่างไรก็ตามหลวงปู่แหวนเคยกล่าวอีกว่า
    “หลวงพ่อแช่ม เป็นพระที่มีสมาธิจิตสูงองค์หนึ่งเน้อ”
    เรื่องต่อไปเป็นเรื่องของนายสุมิตร พฤติปัญญาสกุล อยู่บ้านเลขที่ 14/50 ซ.ศูนย์วิจัย 6 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ
    คุณสุมิตรเล่าว่าตัวเขาเองรวมทั้งพี่น้องอีก 2 คน มีความลำบากยากจนมาก ยิ่งเตี่ยมาสิ้นบุญไปยิ่งยากลำบาก แต่ว่าก่อนเตี่ยจะตายได้สั่งเสียให้พี่น้องทุกคนสามัคคีกัน ไม่ทอดทิ้งกัน ที่สำคัญต้องช่วยเหลือกันและกัน สามพี่น้องก็ทนสู้อยู่กับกิจการค้าที่ล้มลุกคลุกคลานตลอดมา
    วันหนึ่งมากราบหลวงพ่อแช่ม โดยที่ยังไม่ทันได้ระบายความทุกข์ให้ท่านฟัง ท่านก็กล่าวว่า
    “อาเสี่ยทั้ง 3 คน นั่งรับน้ำชาก่อน มีทุกข์ร้อนอย่างไรอย่างลืมคำสั่งเตี่ยก่อนสิ้นบุญนะ”
    คำพูดปฏิสันถารง่ายๆแค่นี้ทำเอาพี่น้องทั้งสามคนประหลาดใจ และในที่สุดก็ระบายความกลัดกลุ้มถวายให้ท่านฟังจนหมด
    ท่านกล่าวปลอบว่า
    “ไม่เป็นไรหรอก จดจำคำเตี่ยไว้ให้ดี อีกหน่อยจะรวยเป็นเถ้าแก่อาเสี่ยนายห้าง”
    หลังจากนั้นมากิจการค้าต่างๆที่สามพี่น้องทำด้วยกันก็เจริญขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งทุกวันนี้มีกิจการมั่นคง มีโรงงานหลายโรง มีความกว้างขวางในทางธุรกิจ ย่านศูนย์การค้าวรรัตน์ และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการค้าแถบนั้น
    ต่อไปเป็นเรื่องของนางสี่ แรมชื่น อยู่ที่หมู่ 1 ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม
    นางสี่พาญาติ 2 คน คือ นางเสงี่ยม ยืนยง และนางสมพร เทพพิทักษ์ มากราบหลวงพ่อแช่มในวันที่ 10 ธันวาคม 2528 เพื่อขอให้ท่านลงหัวเมล็ดพันธุ์พืช ซึ่งนางสี่ได้เคยทำเช่นนี้มาโดยตลอด เดิมนางสี่ยากจนมาก เมื่อนำเมล็ดพันธุ์พืชที่ต้องการจะปลูกมาขอให้หลวงพ่อแช่มลง (อธิษฐานจิต) พืชพันธุ์ก็งอกงามได้ผลดีเกินคาด เพื่อนบ้านแปลกใจว่าทำไมสวนของนางสี่ไม่มีแมลงหรือโรคพืชรบกวน และสงสัยว่าใช้ปุ๋ยอะไร ซึ่งนางสี่ก็ประสบความสำเร็จในการปลูกพืชตลอดมา จากฐานะยากจนแทบไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ มาเป็นคนมีอันจะกิน วันนี้จึงได้พาญาติสองคนมาขอความอนุเคราะห์จากหลวงพ่อแช่มเช่นเดียวกับตนเอง
    หลวงพ่อก็ทำให้ไม่ขัดข้อง
    ป้าพร อินเสือสี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 1 ต.ดอนขุนแก้ว อ.นครชัยศรี ได้เล่าว่าหลานชายชื่อเด็กชายจิ๋ว อินเสือสี อายุ 2 ขวบ พลัดตกลงในคลองใหม่ในขณะที่ป้าพรกำลังหลับ ครั้นตื่นขึ้นมาก็หาหลานไม่พบ ออกตามหาจนทั่ว พอพบเห็นหลานก็ตกใจเพราะว่าหลายชายลอยคออยู่ในคลองไม่จมน้ำ
    ในคอแขวนเชือกจระเข้ขบของหลวงพ่อแช่มเส้นเดียว
    ป้าพรบอกว่าเรื่องเชือกจระเข้ขบนี้เชื่อถือมาก เพราะว่ามีเรื่องช่วยเหลือหลานสาวอีกคน คือเด็กหญิงหนุ่ย อินเสือสี ซึ่งเป็นลูกสาวของนายสมบูรณ์ อินเสือสี เด็กหญิงหนุ่ยอายุ 6 ขวบ เข้าไปเล่นใกล้กรงเสือในบริษัทเดลินิวส์ ถูกเสือตะปบลากเข้าไปชิดกรงและกัดที่ขากระทั่งรองเท้าขาดหลุดลุ่ย แต่น่าแปลกใจที่เสือกลับเปลี่ยนใจไม่ทำร้ายเด็กหญิงหนุ่ย กัดแล้วก็เลิก หันหลังหนีไป ส่วนรอยเสือกัดไม่มีปรากฏอยู่บนผิวหนังเด็กหญิงหนุ่ยเลย
    ในคอผูกเชือกจระเข้ขบของหลวงพ่อแช่มเส้นเดียวเหมือนกัน
    พูดถึงเชือกจระเขย้ขบแล้วต้องพูดถึงเชือกมงคลด้วยจึงจะครบถ้วน เชือกมงคลนี้เวลาพระสึกเมื่อไร หลวงพ่อจะคล้องคอให้ทุกคน นัยว่าจะเป็นการคุ้มครองและเสริมชะตา
    เกี่ยวกับเชือกมงคลนี้ได้มีเหตุตื่นเต้นเกิดขึ้นในวันหนึ่ง คือมีกลุ่มชายฉกรรจ์จากอำเภอจอมบึงมากราบหลวงพ่อ พาเด็กหนุ่มวัยประมาณ 20 ปีมาด้วย 1 คน พวกเขาเชื่อว่าเด็กซึ่งมีหน้าที่ขับรถแทรกเตอร์ไถดันป่าใหญ่ในเขตจอมบึงถูกผีเข้า รักษามานานปีไม่หาย
    หลวงพ่อเรียกเด็กหนุ่นคนนั้นให้เข้าไปหา เด็กหนุ่มซึ่งมีท่าทีเรียบร้อยมาแต่แรกเปลี่ยนกิริยาเป็นฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ร้องตะโกนใส่หลวงพ่อว่า
    “กูไม่ยอม กูไม่ยอม กูจะได้อภิญญาแล้ว ใครก็ทำอะไรกูไม่ได้”
    ร้องตะโกนแล้วถลันเข้าใส่หลวงพ่อ
    พวกลูกศิษย์เกรงหลวงพ่อจะได้รับอันตรายก็กรูกันเข้าขนาบข้างตัวหลวงพ่อ ระวังภัยให้ท่าน แต่ท่านเฉยอยู่ พอได้โอกาสท่านก็โยนเชือกมงคลใส่เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างแม่นยำ พอเชือกคล้องคอเด็กหนุ่มแล้ว มีอันล้มตึงลงกับพื้นดิ้นรนสุดฤทธิ์สลบไป
    ราว ๆ 3 นาทีต่อมาก็ฟื้นคืนสติ หายเป็นปลิดทิ้ง
    นี่คือเชือกมงคล ของแจกฟรีที่ท่านจะมอบให้กับผู้ไปกราบอย่างไม่อั้น
    ผมเคยไปกราบหลวงพ่อในตอนเย็นๆของวันหนึ่ง ไม่พบท่านที่กุฏิ ลูกศิษย์บอกว่าท่านอยู่หลังวัด จึงติดตามหาท่านจนพบ เห็นว่าท่านออกมาเดินพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศพร้อมกับเณรน้อยรูปหนึ่ง ผมไม่เคยเห็นท่าทีหลวงพ่อปรากฏเป็นส่วนตัวอย่างนี้มาก่อน ดูท่านสบาย และสงบอยู่ตามลำพัง จึงไม่กล้าเข้าไปรบกวนท่าน แต่ท่านก็มองเห็นผมและโบกมือให้และไล่กลับไปคอยที่กุฏิ ผมก็ไม่ไป คงวนเวียนอยู่ห่างๆท่านเพื่อดูท่านในอิริยาบถปลอดโปร่งอย่างนั้น
    มีเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นแถวนั้น ผมเห็นท่านเดินเข้าไปลูบหัว แสดงเมตตาต่อเด็ก ที่คอเด็กแขวนเชือกมงคลและเหรียญของท่านทุกคน
    ดูแล้วน่าศรัทธามาก
    ถ้าใครไปกราบหลวงพ่อแล้วทราบว่าท่านอยู่หลังวัดขอความกรุณาอย่าไปรบกวนท่านเลยครับ ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นการพักผ่อนของท่านอย่างหนึ่ง
    เรื่องประสบการณ์ต่างๆที่แสดงความขลังศักดิ์สิทธิ์นั้น จริงๆแล้วผมไม่ใคร่อยากจะพูดถึงมากนัก
    แต่เรื่องประสบการณ์ก็เป็นที่สนใจของคนทั้งหลายอยู่ดี จะไม่พูดเสียเลยก็ไม่ได้
    มาดูประสบการณ์น่ากลัวอีกอันหนึ่งของคุณสุณี จินสมาน อาชีพรับเหมาถมดิน บ้านอยู่ละแวกบางแคนี่เอง
    คุณสุณีได้เล่าเรื่องนี้ให้กรรมการวัดฟังขณะรอหลวงพ่อออกจากจำวัดในบ่ายวันหนึ่ง โดยเล่าว่า คุณสุณีได้ไปรับเหมาถมดินที่ดำเนินสะดวก ขากลับได้ขับรถผ่านโค้งดำเนิน ถูกดักยิงด้วยปืนอาก้า รถพรุนทั้งคัน คนขับรถถูกกระสุนที่หัวเข่านัดหนึ่ง รถปิคอัพที่ถูกยิงมีอาการสำลักจะดับมิดับแหล่ แต่ก็แล่นเลยมาได้อีก 200 เมตร จึงจอดสนิท คุณสุณีทิ้งรถและประคองคนขับหลบหนีลงข้างทาง คนร้าย 2 คนถือปืนอาก้าวิ่งตามมา แปลกที่คนร้ายทั้ง 2 หาตัวคุณสุณีและคนขับรถไม่พบ ทั้งๆที่เดินวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวขนาดมือเอื้อมถึง
    ได้ยินเสียงบ่นของคนร้ายว่า
    “มันหายไปได้ไงวะ”
    พวกนั้นค้นหาอยู่ราว 15 นาทีก็เลิกและหนีไป
    คุณสุณีแขวนเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อแช่มเพียงเหรียญเดียว
    อีกรายหนึ่งคือ คุณจิ๋งไล้ แซ่ตั้ง อยู่บ้านเลขที่ 31 หลังสถานีรถไฟนครปฐม คุณจิ๋งไล้ได้พบคนจีนด้วยกันคนหนึ่ง อ้างว่าแซ่ตั้งเหมือนกัน และได้ขอให้ช่วยหางานให้ทำ คุณจิ๋งได้ตกลงจะให้ทำงานขายอะไหล่เรือน้ำเค็ม และได้พาชาวจีนคนนั้นมาที่โกดังเก็บของ พอได้ทีเผลอ คนแซ่ตั้งคนใหม่ก็ออกลาย คว้าขวดตีหัวคุณจิ๋งไล้ข้างหลัง ขวดแตกละเอียด พอคุณจิ๋งไล้หันกลับมา คนจีนคนนั้นก็คว้าจอบที่วางอยู่ใกล้ขึ้นมาสับใส่ร่างกายคุณจิ๋งไล้จนล้มลง และสับซ้ำซากจนแน่ใจว่าตายสนิท ต่อจากนั้นได้ปลดทรัพย์คุณจิ๋งไล้ไปจนหมด รวมแล้วมีทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปดังนี้ สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท นาฬิกาเรือนทองคำหนัก 3 บาท
    คุณจิ๋งไล้ฟื้นขึ้นมาภายหลัง ยังสามารถประคองตัวเองกลับบ้านได้ ภรรยาคุณจิ๋งไล้นำความเข้าแจ้งตำรวจให้ติดตามจับตัวคนร้ายรายนั้น และนำตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรี แพทย์ตรวจอาการแล้วบอกว่าไม่เป็นไร นอกจากฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น และแพทย์แสดงความแปลกใจว่า ถูกจอบสับจนทั่วตัวอย่างนี้ทำไมมีแผลแค่เลือดซิบ ๆ
    แพทย์ท่านนั้นคงสนใจเรื่องวัตถุมงคลเหมือนกัน เพราะว่าได้ถามคุณจิ๋งไล้ว่ามีอะไรดีหรือ พอทราบว่าคุณจิ๋งไล้แขวนเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อแช่มก็ร้องว่าหลวงพ่อแน่จริง ๆ
    เหรียญโก๋เสาร์ 5 ก็ใช่ย่อยนะครับ มีเรื่องปรากฏขึ้นกับ คุณตี๋ หรือคุณอินศักดิ์ แซ่อึ้ง บ้านเลขที่ 546/1 ถ.พระงาม ช้างวัดเสน่หา อ.เมือง จ.นครปฐม
    ประมาณปี 2518 คุณตี๋รับคำชวนของพี่ชาย ซึ่งค้าขายอยู่ตลาดโบ๊เบ๊ให้ร่วมเดินทางไปส่งเสื้อผ้าที่จังหวัดสกลนคร มีลูกน้องไปด้วยอีก 2 รวมเป็น 4 คน ระหว่างที่รถวิ่งอยู่บนภูพานเวลาประมาณ 5 โมงเย็น มีคนร้ายถือปืนคาร์บินออกมาสกัดรถ 3 คน สาดกระสุนใส่ทันที พี่ชายคุณตี๋ถูกปืนถึงแก่ความตายคารถ คนขับถูกยิงกรามหลุด รถต้องมีอันจอดสนิทลง
    คุณตี๋คิดว่าตนเองต้องตายแน่แล้ว คนร้ายได้เข้าค้นตัวเอาเงินจากคุณตี๋ไป 300 บาท ส่วนลูกน้องอีกคนที่ยังไม่ถูกปืนก็ถูกตีหัวแตกเลือดอาบ คนร้ายไม่พอใจที่ได้เงินจากคุณตี๋น้อยไป ได้เอาปืนจ่อเข้าที่หน้าแล้วเหนี่ยวไกยิง
    เสียงปืนดังแชะ แชะ
    พอดีมีรถคันอื่นวิ่งสวนเข้ามา คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงถอนตัวหลบหนีไป
    ในคอคุณตี๋แขวนเหรียญโก๋เสาร์ 5 เพียงเหรียญเดียว
    คุณตี๋บอกว่าเหรียญนี้เขาเก็บได้ที่ตลาดท่ารถบางเลนตรงหน้าร้านจันอับ
    เหรียญเก็บตกจากข้างถนนแท้ ๆ มาช่วยชีวิต
    ลักษณะของเหรียญโก๋เสาร์ 5 เป็นเหรียญกลมใหญ่ ทำเป็นรูปหลวงพ่อแช่มนั่งเต็มองค์ ที่ขอบเหรียญโดยรอบมีอักขระขอมข้างบนและข้างล่างมีหนังสืออ่านว่า “หลวงพ่อแช่ม 67” ตัวเลข 67 นี้แสดงอายุของหลวงพ่อขณะสร้างเหรียญนี้ขึ้นมา
    ความจริงประสบการณ์หรืออภินิหารของวัตถุมงคลหลวงพ่อแช่มยังมีอีกมาก ผมเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมักมีความคล้ายคลึงกัน ไม่ถูกยิงถูกแทงก็เป็นอุบัติเหตุ ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้นมีอยู่แน่นอน ทุกคนที่ประสบเหตุร้ายจึงปลอดภัย ไม่ตายกัน จึงของดเว้นไม่กล่าวถึงอีก
    เอาแค่พอหอมปากหอมคอแค่นี้ก็ได้ว่างั้นเถิด
    อีกนิด
    เกี่ยวกับสุดยอดของดีคือ “เหรียญหยดน้ำมนต์” ที่ “ศักดิ์สิทธิ์” ได้แจกในฉบับที่ 236 หลวงพ่อท่านได้ทำพิธีปรกปลุกเสกประจุพลังอาคมมหามนต์ให้อย่างดียิ่งเต็มพลัง มีประสบการณ์และอภินิหารด้านความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ประจักษ์กันมากในเวลานี้ ขอให้ทุกท่านที่มีรักษากันไว้ให้ดี ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่จริง ๆ
    หลวงพ่อแช่มปัจจุบันนี้ไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเก่า ท่านมีอาพาธประจำตัว แพทย์ไม่อนุญาตให้ท่านรับนิมนต์นอกวัด และให้งดรับแขก ซึ่งหลวงพ่อปฏิบัติตามแพทย์เพียงอย่างเดียวคือไม่รับนิมนต์นอกวัด แต่ยังคงรับแขกเหมือนเดิม
    ผู้ศรัทธาสามารถไปกราบท่านได้ทุกวัน
    เห็นจะจบเรื่องหลวงพ่อแช่มไว้แค่นี้ จบลงแค่งานเขียนหนังสือเท่านั้น ชีวิตจริงของท่านยังโลดแล่นต่อไปไม่จบ
    ไม่รู้วันจบ
    ขอความเป็นอริยเมตตาของหลวงพ่อแผ่ไพศาลไปถึงผู้อ่านทุกคนถ้วนทั่ว
    (เรื่องนี้จากนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ประมาณพ.ศ.2535)....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2008
  6. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    เมื่อเพื่อนทราบประวัติหลวงพ่อแช่มแล้ว เราเชิญตามมาชมวัดของหลวงพ่อแช่มในปัจจุบันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2008
  7. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    เมื่อเข้าไปภายในวัดแล้วจะพบกับศาลาบรรจุสังขารของหลวงพ่อแช่มครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    เชิญเพื่อนเข้ามาภายในศาลาหลวงพ่อแช่มครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    รูปถ่ายและประวัติของหลวงพ่อแช่มครับ และกุฎิเก่าของหลวงพ่อที่ได้รับการซ่อมแซมใหม่ครับ ตอนสมัยผมไปกราบหลวงพ่อแช่ม กุฎิเก่ามากๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2008
  10. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    เมื่อกราบหลวงพ่อแช่ม เสร็จเรียบร้อยแล้วเราเลี้ยวขวาไปกราบหลวงพ่อเงินต่อกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    เขิญครับเขิญเพื่อนๆตามเข้ามาภายในศาลาที่เก็บสังขารหลวงพ่อเงินครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. พุทธนิรันดร์

    พุทธนิรันดร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,641
    ค่าพลัง:
    +5,039
    สาธุ กราบหลวงพ่อด้วยใจเคารพยิ่ง
    ขอบคุณท่านเจ ที่ได้นำเรื่องราวน่าสนใจยิ่งมามอบเป็นความรู้ได้อ่านกัน
    โมทนาด้วยครับ
     
  13. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    ภายในศาลามีรูปถ่ายและประวัติของหลวงพ่อเงิน พร้อมทั้งรูปถ่ายเก่าๆและเครื่องใช้ของหลวงพ่อเงิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    เมื่อเพื่อนกราบหลวงพ่อเงินเรียบร้อยแล้วเรามาเดินชมถาวรวัตถุรอบๆบริเวณวัดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    เราไม่ลืมนำคาถาบูชามาฝากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    ขอบคุณทุกท่านครับ [​IMG] ทีนี้มาดูอีกเหรียญหนึ่งที่เป็นที่กล่าวขานกันว่าเสกจนเพดานระเบิด [​IMG]

    ประวัติการสร้างเหรียญรุ่นหลังคาระเบิดเป็นรุ่นที่แนะนำให้เพื่อนเก็บไว้ครับราคายังไม่สูงแต่พุทธคุณสุดยอดครับ

    เมื่อหลวงพ่อแช่มได้รับอุปถัมภ์สร้างตึกคนไข้พิเศษ โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม (พ.ศ.๒๕๓๕) เป็นตึก ๔ ชั้น ขณะนั้นหลวงพ่อแช่มอายุ ๘๕ ปี การสร้างตึกคนไข้พิเศษต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้าง จำนวน ๒๕ ล้านบาท จึงได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อแช่มขึ้นมา เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม สร้างเป็นเหรียญรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อแช่มครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดสังฆาฏิ ด้านหนังเป็นยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ ตามแบบฉบับของหลวงพ่อแช่ม สร้างเป็นเนื้อทองคำ เงิน นวะโลหะ และทองแดง จำนวน ๕,๐๐๐ เหรียญ ในครั้งแรก คณะกรรมการสร้างวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อแช่มรุ่นดังกล่าวจะจัดพิธีพุทธาภิเษก นิมนต์พระเกจิอาจารย์ในจังหวัดนครปฐมมาร่วมนั่งปรกปลุกเสก จึงได้เข้าไปปรึกษาหลวงพ่อแช่ม เมื่อหลวงพ่อแช่มได้ฟังท่านก็นั่งนิ่งแล้วต่อมาก็ยิ้มๆ ด้วยความเมตตา แล้วก็ปรารภว่า “ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าฉันทำได้ ชาติเสือไม่ต้องขอเนื้อใครกิน” ด้วยเหตุนี้เองหลวงพ่อแช่มและหลวงพ่ออวยพรจึงได้ร่วมกันปลุกเสกเหรียญรุ่นพิเศษ สร้างตึกคนไข้โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม พิธีปลุกเสกจัดขึ้นเวลากลางคืนที่ตึกกรรมฐานบูรพาจารย์ของวัดดอนยายหอม โดยหลวงพ่อแช่มเป็นผู้จุดเทียนชัย หลังจากนั้นท่านก็นั่งบริกรรมภาวนา โดยมีหลวงพ่ออวยพรร่วมนั่งปรกปลุกเสกด้วย เมื่อนั่งปรกไปได้ระยะหนึ่งปรากฏมีเสียงระเบิดขึ้นที่หลังคาหอกรรมฐาน คณะกรรมการวัดจึงปีนขึ้นไปดู พบว่ากระเบื้องหลังคาแตกเป็น รูใหญ่ ทุกคนเชื่อว่าเป็นพลังจิตตานุภาพของหลวงพ่อแช่มและหลวงพ่อพระครูอวยพรที่นั่งปรกแผ่กระแสจิตออกมาอย่างเต็มที่จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้พากันเรียกเหรียญหลวงพ่อแช่มรุ่นนี้ว่า “รุ่นหลังคาระเบิด” ประชาชนที่ทราบข่าวพากันมาเช่าบูชาเหรียญรุ่นหลังคาระเบิดอย่างเนืองแน่น ทั้งนี้เพราะเชื่อมั่นว่าเหรียญรุ่นนี้มีพลังพุทธคุณสูงเป็นพิเศษ ทำให้ได้เงินสมทบทุนสร้างตึกคนไข้พิเศษสำเร็จเสร็จสิ้นภายในปีเดียว รวมงบประมาณ ๒๕ ล้านบาทเศษ โรงพยาบาลศูนย์นครปฐมได้ตั้งชื่อตึกดังกล่าวนี้ว่า “อาคารพระครูเกษมธรรมานันท์ (หลวงพ่อแช่ม)” และได้หล่อรูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอมไว้ที่หน้าตึก เพื่อให้คนได้สักการบูชา และลำลึกถึงคุณความดีที่ท่านได้อุปถัมภ์จนสามารถสร้างอาคารหลังนี้ได้เป็นผลสำเร็จ
    ผมขอแนะนำให้เพื่อนเก็บพระของดีราคาเบาๆครับ
    1. เนื้อเงิน

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    2.เนื้อนวะโลหะ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    3.เนื้อทองแดง
    [​IMG] [​IMG]


    ส่วนรอยขาวๆคือแป้งเจิมของหลวงพ่อแช่มครับ

    <!-- / message --><!-- / message --><!-- attachments -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2008
  17. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217
    ส่วนตัวแล้วได้เก็บพระเครื่องของหลวงพ่อเงิน และ หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ไว้ไม่มากครับ เพียงแค่เล็กน้อยครับนำมาให้ชมกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,793
    สาธุหลวงพ่อแช่มเป็นพระอีกหนึ่งรูปที่ผมเคารพเเละเชื่อมั่นในคุณธรรมของท่านอย่างไม่สงสัยครับ กราบแทบเท้าพระอริยะเจ้าด้วยความเคารพ สาธุ ...
     
  19. 4win

    4win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +252
    ขอบคุณครับ ศรัทธาท่านมากเหมือนกัน
    พอจะมีคาถาหลวงพ่อแช่มด้วยไหมครับ
    สาธุ
     
  20. ปทุมธานี

    ปทุมธานี ยอมไม่ทำดีกว่าทำร้ายคนอื่น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,876
    ค่าพลัง:
    +1,217

    จะพยายามหามาให้ครับ ติดไว้ก่อนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...