อะไรคือ "ถวายสังฆทานสด" และต้องทำอย่างไร?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย questionmanbkk, 31 พฤษภาคม 2009.

  1. questionmanbkk

    questionmanbkk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +5
    ผมอยากทราบว่า

    อะไรคือการถวายสังฆทานสดครับ
    และต้องทำอย่างไรบ้างครับ เหมือนกับการถวายสังฆทานทั่วไปหรือเปล่า
    และต้องทำเมื่อช่วงเวลาใด ทำกับพระกี่รูป?
    และถ้าเกิดอยากถวายสังฆทานสด ผมต้องไปแจ้งกับทางวัดหรือเปล่า เพราะเท่าที่เห็น ไม่ค่อยมีการถวายสังฆทานแบบพระรวมกันหมู่ๆ (ผมทำไม่ค่อยถูก)
    และภาชนะที่เอาไปใส่อาหารต้องเตรียมไปเองหรือเปล่า


    รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    การถวายสังฆทานสด ก็คือการถวายอาหารคาวหวานให้แก่พระภิกษุสงฆ์ และต้องฉันได้ ณ เวลานั้น โดยมีพระภิกษุสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป

    ส่วนใหญ่จะ นิมนต์พระมาฉันเพลที่บ้าน และกล่าวคำถวายอาหารและบริวารเป็นสังฆทานครับ

    ถ้าจะถวายที่วัด ก็ต้องแจ้งแก่ ท่านเจ้าอาวาส หรือ ผู้จัดการดูแลวัด , มัคคนายก

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff colSpan=2 height=65>
    อานิสงส์ถวายสังฆทานและวิหารทาน [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=61 bgColor=#ffffff>ผู้ถาม</TD><TD vAlign=top width=435 bgColor=#ffffff>ถ้าเราตั้งจิตจะถวายสังฆทาน แต่ว่าไม่ได้บอกเล่าคะ ?
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>หลวงพ่อ</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ถ้าตั้งจิตแต่ไม่ได้บอกก็ไม่ได้ยิน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าพระนั่งฉันอยู่ตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไปหนูเอาของไปถวายเอาน้ำไปถวายถ้วยเดียว ก็เป็นสังฆทานทันที ไม่ต้องบอก ถ้ามีพระตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไปนะ ถ้าองค์เดียวต้องบอก แล้วเขาจะเก็บไว้เป็นสังฆทานเลย จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นคนรับก็ไปนรกซิ ผู้ให้ไปสวรรค์เพราะว่าถวายทานเป็นส่วนบุคคลกับถวายเป็นสังฆทาน อานิสงส์มันต่างกันหลายแสนเท่า แล้วก็ยังมีอีกเวลาหนึ่ง ถ้าพระออกจากสมาบัติ นี่คูณหนักเข้าไปอีกไม่รู้เท่าไร การถวายสังฆทานนี้มีอานิสงส์มาก ความจริงถ้าจะพูดถึงอานิสงส์กันจริง ๆ ละก็ รู้สึกว่าจะมากกว่าจัดงานที่บ้านที่วัดตั้งเยอะแยะ ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าถวายสังฆทาน เราทำกันแบบเงียบ ๆ ไม่มีกังวลการบำเพ็ญกุศลแต่ละคราว ถ้ามีกังวลมากอานิสงส์มันก็น้อย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าจิตที่เราเข้าสู่กุศล มันห่วงงานอื่นมากกว่า ไม่ตั้งจิตโดยเฉพาะและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการถวายสังฆทาน คำว่าสังฆทานก็หมายความว่า ถวายสงฆ์ในหมู่ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ตามพระวินัยท่านเรียกกันว่าคณะสงฆ์ ถ้าต่ำกว่านั้นเป็นคณะบุคคล ถ้าบุคคลเดียวเป็นปาฏิปุคคลิกทาน ทานโดยเฉพาะ ทีนี้การถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์เป็นหมู่นี้มีอานิสงส์มาก

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ผู้ถาม</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>การที่เราทำบุญใส่บาตร ตามหน้าบ้านกับพระที่เรารู้จักตามวัด แล้วไปทำที่วัด อันไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากันเจ้าคะ.....?</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>หลวงพ่อ</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ถ้าฉันตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไป เป็นสังฆทานมีอานิสงส์เหมือนกัน แต่ถ้าหากท่านฉันตั้งแต่ ๑ องค์ ถึง ๓ องค์ อย่างนี้เป็น"ปาฏิปุคคลิกทาน</TD></TR></TBODY></TABLE>


    หลวงพ่อตอบปัญหาธรรมเล่ม1<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. questionmanbkk

    questionmanbkk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +5

    ขอถามเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ

    คือว่า พอดีจะทำบุญวันเกิดด้วย แล้วถ้าผมจะฝากเงินไปทำบุญกับพระอาจารย์ที่เพื่อนของผมศรัทธาที่ต่างจังหวัดหละครับ โดยนำเงินไปทำอาหารให้กับทางวัด เป็นเจ้าภาพสังฆทาน โดยที่ ตัวของกระผมไม่ได้ไปเอง และ ไม่ได้รู้จักพระอาจารย์เป็นการส่วนตัว

    อย่าง กรณีนี้ อานิสงส์จะได้เหมือนกับการไปด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ เพราะว่าผมไม่ได้ประเคนอาหารด้วยตัวของผมเอง และผมควรอธิฐานอย่างถูกต้องอย่างไรดีครับ?

    ปล.. พระอาจารย์ดังกล่าว ผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ด้วยความที่เพื่อนของผมได้นับถือ และเพื่อนผมเป็นกัลยานิมิตร ผมจึงรู้สึกสบายใจในการทำบุญกับพระอาจารย์ดังกล่าว
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">[​IMG]


    ฝากปัจจัยไปทำบุญ
    </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>
    ๒๔ มกราคม ๒๕๕๑
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    คำถาม:..เคยชวนญาติมาทำบุญด้วยกันที่วัด แต่เขาไม่ยอมมา ได้แต่ฝากปัจจัยมาทำบุญด้วยทุกครั้ง เพราะเขาคิดเอาเองว่า ถึงตัวเขาจะมาหรือไม่มา เขาก็ได้บุญอยู่แล้ว เพราะเงินนั้นเป็นเงินของเขา จะอธิบายให้ญาติเข้าใจได้อย่างไร

    คำตอบ: เจริญพร...ความจริง การที่ฝากเงินใครไปทำบุญ ถามว่า “ได้บุญไหม” คำตอบคือ “ได้บุญ” แต่ว่าได้เต็มที่หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การที่ฝากเงินใคร ฝากของใคร ไปทำบุญ ถามว่า “บุญเกิดขึ้น หรือไม่” ตอบว่า “เกิด” แต่เกิดมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้

    1.ของที่เขาเอามาทำบุญ หรือ เงินนั้นเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยน้ำพักน้ำแรง หรือ เป็นทรัพย์บริสุทธิ์
    2.เจตนาของเขา ต้องการจะทำบุญจริงๆ ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝง เป็นเจตนาบริสุทธิ์
    3.ตัวเขาก็เป็นคนมีศีล ก็ถือว่า เป็นบุคคลบริสุทธิ์
    4.พระที่รับปัจจัยไทยธรรมที่เขาทำมา ก็ตั้งใจอยู่ในศีลในธรรมวินัยอย่างดี เป็นพระที่บริสุทธิ์

    เมื่อ 4 องค์ประกอบดังกล่าวพร้อมแล้ว ก็ถือว่า “ได้บุญ” ตรงนี้ชัดเจนลงไปก่อน แต่ว่าบุญที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นระยะๆตั้งแต่
    1.เกิดเมื่อตอนคิดจะทำ แค่คิดก็เกิดแล้ว แต่เกิดไม่มาก
    2.เมื่อลงมือทำ หรือกำลังทำ
    3.เมื่อตอนตามระลึกถึง

    พูดง่ายๆว่า บุญ นั้น เวลาเราทำ ไม่ใช่ว่า บุญจะเกิดแวบเดียวเหมือนฟ้าแลบ เวลาเราทำบุญ บุญจะไหลต่อเนื่องกันไป เหมือนอย่างกับสายน้ำ

    แต่ว่ามีข้อแม้ กล่าวคือ เมื่อตอนคิดจะทำ พอคิดจะทำเราดีใจแล้วว่า เมื่อก่อนนี้อยากจะทำบุญ ปัจจัยหรือเงินไม่มีก็ไม่ได้ทำ หรือมีเงินมีทอง แต่หาพระที่เหมาะสมจะมารับบุญ รับทานตรงนี้ก็ไม่พบ วันนี้เราเองทรัพย์มี ปัจจัยมี เงินทองมี พระที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างดี ก็มาเป็นเนื้อนาบุญให้ องค์ประกอบมาครบแล้ว วันนี้ก็เลยฝากปัจจัยให้คนอื่นมาทำบุญ อย่างนี้ ได้บุญแล้ว

    แต่ทว่าว่าเนื่องจากไม่ได้มาทำบุญด้วยตัวเอง ไม่ได้เห็นพระ เพราะฝากเขามาทำบุญ ความปลื้มใจ ขณะทำ มันจึงหย่อนไป เพราะฉะนั้น บุญจึงเกิดแป๊บหนึ่ง เมื่อตอนส่งปัจจัยให้คุณมาทำแทน ที่เกิดแป๊บหนึ่งนั้นเหมือนฟ้าแลบ แล้วจากนั้นก็ไม่ได้มีภาพแห่งการทำบุญประทับอยู่ในใจนึกภาพของพระก็ไม่ออก นึกภาพว่า ปัจจัยนั้นเอาไปทำอะไร ก็นึกก็ไม่ออก

    แต่ถ้ามาทำบุญด้วยตัวเอง ตั้งแต่ออกจากบ้านมา ใจก็นึกว่า “มาทำบุญ” ใจก็เป็นบุญเป็นกุศลตลอดระยะทางที่มาจากบ้านมาถึงวัด สมมุติว่า 1 ชั่วโมงใจนั้นเป็นบุญเป็นกุศลต่อเนื่องกันมาทั้งชั่วโมง อย่างนี้ บุญเกิดต่อเนื่องไหลเป็นสาย(ถ้าอยู่ที่บ้านตัวเอง ช่วงเวลาแป๊บหนึ่งที่บุญเกิดขึ้น ขณะที่ฝากปัจจัยให้มาทำบุญ พอหลังจากวินาทีนั้นแล้วมีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกให้วุ่นวายไปหมด จึงได้บุญแค่เหมือนฟ้าแลบแป๊บเดียว)

    ครั้นพอถึงเวลาถวายปัจจัยด้วยมือตัวเอง ก็จะเห็นว่า พระรูปนี้ พระกลุ่มนี้ พระวัดนี้ ช่างมีจริยาวัตรงดงามดีเหลือเกิน ทั้งหมู่ ทั้งคณะ ทั้งวัดงามพร้อมกันหมดทั้งวัด แถมท่านยังเทศน์ให้ฟังเสียอีก แล้วท่านก็บอกด้วยว่า ทรัพย์นี้จะเอาไปทำอย่างนั้น อย่างนี้ อย่างโน้น ท่านพรรณนา ท่านบรรยายสรรพคุณให้เสร็จ

    สิ่งเหล่านี้ที่เราได้เห็น เสียงที่ท่านบอกเรา มันฝังเข้าไปอยู่ในใจ แล้วมันยังติดไปอีกนานแสนนาน เมื่อเป็นอย่างนี้ นึกถึงเมื่อไหร่ บุญก็เกิดขึ้นใหม่ เป็นสายขึ้นอีกแล้ว ภาพพระงามๆก็เกิด วัดงามๆ ก็เกิด สิ่งที่จะเอาไปสร้างก็รู้ มี Model ให้ดูเสียอีก มันประทับอยู่ในใจนาน ยิ่งกว่านั้น ผ่านจากวันนั้นแล้ว วันหลังกลับมาเยี่ยมก็นึกออกว่า วันนั้น เรามาทำบุญ สร้างสิ่งนั้น สิ่งนี้ เช่น เอามาสร้างเป็นอาคารเรียนของพระภิกษุสามเณร พอเห็น บุญเกิดต่อเนื่องทันที เกิดใหม่ขึ้นอีกแล้ว จากบุญที่เราเคยทำครั้งนั้น

    แต่ถ้าหากว่า เป็นชนิดที่ตัวเองแค่ฝากมา ที่จะไหลเป็นสายต่อเนื่องนั้นไม่มีหรอก มันมีแวบเดียวเหมือนฟ้าแลบตอนที่ฝากเขามาทำบุญนั้นมันเลยน่าเสียดาย เพราะฉะนั้น วันหลังละก็เวลาเขาจะฝากเงินมาทำบุญทำทาน ถ้าดูแล้วเขาก็พอมีเวลาว่างนะ คว้าข้อมือดึงขึ้นรถมาเลย ให้มาทำด้วยตัวเอง เขาจะได้บุญตั้งแต่คิดจะทำ ลงมือทำ และเมื่อตามระลึกถึง แหม...บุญสายนี้ไหลยาวเหยียดอย่างกับแม่น้ำเจ้าพระยานั่นแน่ะ แต่ถ้าไม่อย่างนั้น ฝากเขามาทำบุญ ก็จะได้บุญเหมือนได้น้ำค้างหยดไม่กี่หยด มันต่างกันเยอะไปคว้าข้อมือมาให้ได้นะ

    ทว่าถ้าเขาไม่ว่างจริงๆ ก็รับมาเถอะ มาทำแทนเขา แล้วก็ถ้าจะให้ดีนะ ถ่ายภาพ อัดเสียง ที่พระให้พร ภาพที่พระท่านรับปัจจัยเอาไปฝากให้เขาดู ก็พอจะช่วยกันไปได้แหละคุณโยม ก็พอจะทำให้เขาได้บุญเพิ่มขึ้นอีกหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เท่าตัวเองมาทำบุญด้วยตนเอง ก็ไปพิจารณากันดูนะ ว่าควรจะเลือกอย่างไร
    </TD></TR></TBODY></TABLE>





    :: ธรรมะประจำวัน :: - ฝากปัจจัยไปทำบุญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...