อัญเชิญ"พระเจ้าแก้วมรกต"ขอฝน

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6500 ข่าวสดรายวัน
http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09DMHdPUzB4TlE9PQ==


อัญเชิญ"พระเจ้าแก้วมรกต"ขอฝน



คณะศรัทธาชาวบ้านตำบลลำปางหลวง จำนวน 13 หมู่บ้าน กว่า 500 คน ได้ประกอบอัญเชิญพระเจ้าแก้วมรกต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองประดิษฐานอยู่วัดพระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง โดยได้ตั้งขบวนแห่พระเจ้าแก้วมรกตออกจากวัดพระธาตุลำปางหลวงไปยังวัดศรีนาลอย ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง ซึ่งเป็นวัดโบราณในสมัยก่อน เพื่อทำพิธีขอน้ำฟ้าสายฝน เนื่องจากในปีนี้ตำบลลำปางหลวงประสบปัญหาฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลจึงไม่มีน้ำใช้ในการปลูกข้าว และทางด้านการเกษตร ซึ่งการแห่พระเจ้าแก้วมรกตเพื่อทำพิธีขอน้ำฟ้าสายฝนเป็นความเชื่อของชาวบ้านที่ทำการมาแต่ช้านาน นายสมพงษ์ อยู่รักญาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา กล่าวว่า การจัดทำพิธีขอน้ำฟ้าสายฝนนี้ได้จัดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2527 ซึ่งผ่านพ้นมากว่า 24 ปีแล้ว ในปีนี้ชาวบ้านตำบลลำปางหลวงได้ประสบกับปัญหาฝนตกน้อย หรือไม่ค่อยตกเลย จึงทำให้ไม่มีน้ำใช้ในการทำนา ชาวบ้านจึงได้ร่วมใจกันขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุลำปางหลวง เพื่ออัญเชิญพระเจ้าแก้วมรกตออกมาแห่และทำพิธีขอน้ำฟ้าสายฝนตามความเชื่อของชาวบ้าน โดยในการทำพิธีได้นำพระเจ้าแก้วมรกตมาประดิษฐานไว้ที่วัดศรีนาลอย บริเวณด้านล่างฐานของพระเจ้าแก้วจะนำกุ้ง หอย ปู ปลา มาใส่ไว้ด้วย เพื่อช่วยในการขอฝนอีกอย่างหนึ่ง จากนั้นนายชนะเกียรติ เจริญหล้า นายอำเภอเกาะคา เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระเจ้าแก้วมรกต และพระสงฆ์จึงได้เริ่มทำพิธีไหว้พระรับศีล ตามด้วยการสวดพุทธาภิเษก โดยจะใช้บทสวดเป็นคาถาปลาช่อน เป็นความเชื่อตามตำนานว่าในช่วงที่ฝนไม่ตกปลาช่อนได้ท่องคาถา 109 จบ เพื่อขอฝนจากนั้นจึงมีฝนตกลงมา จึงได้ใช้คาถานี้เพื่อเป็นการขอน้ำฟ้าสายฝน และในช่วงที่พระสวดคาถาปลาช่อน ชาวบ้านจะทำการจุดธูปเทียนพร้อมกันเพื่อนเป็นการบูชาต้นไม้ และบูชาฟ้า ภายหลังเสร็จพิธีแล้วจะมีการสรงน้ำพระแก้วมรกต จะได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับไปประดิษฐานยังวัดพระธาตุลำปางหลวงต่อไป

 

ในขณะที่บางพื้นที่ (ส่วนใหญ่) ของประเทศ คงอยากจะอัญเชิญ
ให้ฝนหยุดตก เพราะน้ำท่วมเยอะเหลือเกิน

 

555+
เห็นด้วยกับความคิดเห็นข้างบน
ตอนนี้บ้างพื้นที่น้ำท่วมเยอะมากๆๆ
น่าเห็นใจพวกเข้าจริงๆ
อามิถอฟอ

 

เกี่ยวกับการทำให้ฝนตก ในสมัยพุทธกาลครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ได้เสด็จไปเมืองหนึ่งและได้พักอยู่ใกล้กับสระน้ำที่แห้งขอดท่านจึงกล่าวกับพระอานนท์ ให้นำผ้าอาบน้ำมาให้ท่าน ท่านจะสงฆ์น้ำที่นี่ พระอานนท์เกิดความสงสัยมากว่าพระพุทธองค์จึงได้ตรัสอย่างนั้น พระอานนท์จึงถามพระพุทธองค์ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเหตุใดท่านจึงจะสงฆ์น้ำทั้งที่ไม่มีน้ำเลย
พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า บุญของเราเต็มเราสามารถทำได้ และแล้วก็มีฝนห่าใหญ่ ๆ ตกลงมาจนเต็มสระน้ำ พระอานนท์เห็นดังนั้น จึงกล่าวคำว่า อัศจรรย์ยิ่ง พระพุทธองค์จึงได้ตรัสว่า
ในสมัยที่เราได้เกิดเป็นพระโพธิสัตว์ เกิดเป็นพญาปลาช่อน มีตัวเป็นสีขาว มีนัยตาเป็นสีแดงดังทับทิม ถือศีลไม่กินสัตว์ อยู่ในสระน้ำ ในช่วงหน้าแล้งฝนไม่ตก น้ำในสระเกิดแห้ง สัตว์น้ำน้อยใหญ่ เริ่มตายลง พระองค์เองก็ต้องหมกอยู่ในโคลนตม จึงได้เลงเห็นว่าคงจะตายกันหมดแน่ จึงตั้งจิตอธิฐาน ด้วยศีลบริสุทธิ บัลดาลให้ ฝนตกจน เต็มบ่อน้ำนั้น เป็นเรื่องอิงพระไตรปิฏก ได้ฟังมาจากรายการวิทยุวัดนายโรง และวัดสังฆทานธรรม และได้อ่านมาบ้างจึงสรุปมาให้อ่าน
(ข้าพเจ้าขอขมาต่อ พระอรหันต์อานนท์ ในการเล่าครั้งนี้ที่เอ่ยนามท่าน พระอานนท์ อย่าได้มีโทษกับข้าพเจ้าเลย)

 

การขอฝน ชาวบ้านคงจะเป็นช่วงต้นฤดูฝนเดือน มิ.ย. หรือ เดือน ก่อน ก.ย. นี้นะ เป็นประเพณี ครั้งโบราณมา ก่อนที่โลกจะร้อน ฤดูกาลไม่ผันแปรขนาดนี้ ก่อให้เกิดความสามัคคีในชุมชนนั้น เกิดความปรองดองกันในสังคมครับ เหมือนกับวันสงกรานต์ ที่มีการแห่พระพุทธรูปเลย... แต่ต่างวันเวลาสถานที่ เกิดการรวมตัวของครอบครัว ผมขอให้การสนับสนุนประเพณี ของไทยครับ

 

กระผมขออนูโทนาบุญกับชาวลำปางที่มีศรัทธาเชื่อมั่นในพุทธานุภาพและรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของไทยให้คงอยู่ยาวนาน กระผมยังอยากจะไปร่วมพิธีด้วยเลยครับ น่าปลื้มใจจริง มอส