อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    พวกเราทั้งหลายส่วนใหญ่มีพื้นฐานการปฏิบัติมาคนละหลาย ๆ ปี น้อยคนนักที่จะเริ่มปฏิบัติใหม่จริง ๆ การที่เรามีพื้นฐานการปฏิบัติมานานนี่แหละ จะทำให้เรากลายเป็นผู้ประมาท เพราะว่าเราไม่ได้ทำตนเป็นคนใหม่

    การที่เราทำตนเป็นคนใหม่ เหมือนอย่างกับบุคคลที่เพิ่งเข้ามาปฏิบัติ เราก็ต้องขวนขวายใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ แต่พอนาน ๆ ไป เริ่มรู้สึกว่าเป็นคนเก่า ก็เริ่มรามือ ไม่ได้ทุ่มเทเหมือนอย่างการที่เป็นคนใหม่อยู่ จึงทำให้ผลที่จะพึงมีพึงได้ของเรานั้น ต้องล่าช้าไปอย่างน่าเสียดาย เพราะว่าการปฏิบัติเท่ากับว่าขาดช่วงลง ถึงจะไม่ขาดช่วง ก็กลายเป็นช้าลงโดยใช่เหตุ

    ต้องดูองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ของเราที่ทรงตรัสกับปิปผลิมาณพ ซึ่งภายหลังก็คือพระมหากัสสปะเถระว่า “ดูก่อน..กัสสปะ เธอจงเข้าไปตั้งอยู่ในความละอายต่อภิกษุทั้งที่เป็นผู้เถระ เป็นผู้ปานกลาง และเป็นผู้ใหม่อย่างแรงกล้า”

    พระมหากัสสปะเถระนั้นบวชด้วยวิธีกรรมที่ไม่เหมือนผู้อื่น ก็คือบวชด้วยการรับโอวาท ๓ ข้อ นี่เป็น ๑ ในโอวาท ๓ ข้อนั้น ซึ่งพระมหากัสสปะเถระรับมาแล้วปฏิบัติตลอดชีวิต ก็คือ การทำตัวเหมือนกับเป็นผู้ใหม่อยู่เสมอ ให้ความเกรงใจทั้งผู้ที่อยู่เก่า ผู้ที่ปานกลาง และผู้ที่ใหม่อยู่ตลอดเวลา ให้ความสนิทสนมคุ้นเคย แต่ไม่ให้ความใกล้ชิด

    เรื่องเหล่านี้เราต้องตระหนักเองว่า เรายังใช้ความพยายามทุ่มเทเหมือนครั้งแรก ๆ ที่เราปฏิบัติหรือไม่ ? การทำตัวเป็นผู้ใหม่ ทำให้เรารู้จักเกรงใจคน รู้จักกาลเทศะ และรู้จักขวนขวายเพื่อตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงเป็นเรื่องที่พวกเราต้องพึงสังวรระวังกันเอาไว้

    โดยเฉพาะหลักของการปฏิบัตินั้น อันดับแรกที่ลืมไม่ได้เลยคืออานาปานสติ ลมหายใจเข้าออกนี้เป็นพื้นฐานใหญ่ของกรรมฐานทุกกอง ไม่ว่าจะเป็นกรรมฐานกองใดก็ตาม ถ้าทิ้งอานาปานสติแล้ว ไม่สามารถที่จะสำเร็จประโยชน์ลงได้

    ลำดับถัดไป กรรมฐานที่จำเป็นต้องยึดถือคือ พุทธานุสติ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสว่า พุทธานุสตินั้นช่วยให้เข้าถึงพระนิพพานได้ง่ายที่สุด

    อย่างที่อาตมาเคยสรุปอยู่เสมอว่า กำหนดภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ เราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน ถ้าสามารถทำกำลังใจอย่างนี้ได้ เราจะมีจิตเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีจิตเกาะพระนิพพานอยู่เป็นปกติ ทำให้เราเข้าสู่พระนิพพานได้ง่ายกว่ากรรมฐานกองอื่น

    นอกจากกองกรรมฐานก็คืออานาปานุสติและพุทธานุสติที่เราจะทิ้งไม่ได้แล้ว ในระหว่างที่เราปฏิบัติสมาธิภาวนา ก็ยังต้องทบทวนอยู่เสมอว่า ศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ?

    เรายังละเมิดศีลด้วยตัวเองหรือไม่ ? ถ้าเราไม่ละเมิดศีลด้วยตนเองแล้ว เรายุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเขาละเมิดศีลหรือไม่ ? ถ้าเราไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีลแล้ว เห็นผู้อื่นละเมิดศีลเรามีความยินดีด้วยหรือไม่ ?

    อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในวันก่อนว่า ในเรื่องของศีลนั้น ต้องปฏิบัติอยู่ในลักษณะที่ว่า ตัวตายดีกว่าศีลขาด นั่นเป็นความเด็ดขาดที่จะทำให้เกิดผลขึ้นมาได้ ในขณะเดียวกัน การปฏิบัติในศีลของพวกเรา นอกจากต้องระมัดระวังแล้ว เรายังต้องรู้ด้วยว่า แรก ๆ นั้นเราเป็นผู้รักษาศีล แต่เมื่อสติสมาธิและปัญญา เริ่มสมบูรณ์บริบูรณ์ เราขยับตัวเมื่อไร ก็รู้ว่าศีลจะขาดหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ศีลก็จะเริ่มรักษาเรา

    คุณของศีล จะช่วยคุ้มครองป้องกันไม่ให้เราตกไปสู่อบายภูมิ ดังนั้น..การที่เรารักษาศีล เพื่อท้ายสุดศีลก็กลับมารักษาเรา การที่เราใช้สติสมาธิระมัดระวังในศีล ไม่ให้สิกขาบทบกพร่องก็ทำให้เกิดสมาธิ ดังนั้น..บุคคลที่เจริญสมาธิทุกคน ถ้าพยายามรักษาศีลพร้อมกับการเจริญสมาธิ สมาธิก็จะทรงตัวได้ง่าย

    เมื่อสมาธิทรงตัวตั้งมั่น สภาพจิตมีความนิ่ง มีความสงบ การรู้เห็นต่าง ๆ ก็จะเริ่มปรากฏขึ้น ขอบอกว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นของแถมของนักปฏิบัติ ถ้ามีพื้นฐานเก่าอยู่ เราจะต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม เมื่อจิตสงบได้ระดับ การรู้เห็นจะปรากฏขึ้นทันที แต่ว่านั่นไม่ใช่จุดมุ่งหมายของเรา

    เพราะว่าจิตที่สงบนั้น นอกจากเราจะเข้าถึงความดับกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราวแล้ว เรายังต้องอาศัยกำลังสมาธินั้น ในการขุดรากถอนโคน รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นกิเลสใหญ่ให้หมดไปจากใจของเราด้วย ถ้ายังไม่สามารถที่จะทำหน้าที่การงานนี้ได้สำเร็จ ก็แปลว่าการปฏิบัติในศีล สมาธิของเราที่ผ่านมายังไม่เพียงพอที่จะใช้งาน จำเป็นที่เราจะต้องขวนขวายให้มากขึ้น

    สรุปว่า การที่เราเป็นผู้ปฏิบัตินั้นต้องทำตัวเป็นผู้ใหม่อยู่เสมอ ไม่ใช่ว่าใหม่แต่สถานที่ ใหม่แต่ตัวบุคคล การเป็นผู้ใหม่อยู่เสมอนั้นก็คือ พยายามสร้างสภาพจิตของเราให้มีความกระตือรือร้น มีความตื่นรู้ มีความใฝ่ดี แสวงหาความก้าวหน้า แล้วก็ขวนขวายปฏิบัติเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายที่เราตั้งเอาไว้คือพระนิพพาน

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันอาทิตย์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๔

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    จำไว้ว่า ถ้าแพ้ก็ต้องแพ้ให้คนดูแล้วประทับใจ
    ……………………..
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    -ถ้าแพ้ก็ต้องแพ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    “ในเรื่องการทำงานและการปฏิบัติ อย่าเปลี่ยนเป้าหมายบ่อย ๆ หลักการปฏิบัติก็ดี หลักการทำงานก็ดี อย่าเปลี่ยนบ่อย เคยเปรียบไว้ว่ามันเหมือนการขุดบ่อจะเอาน้ำ บางทีเราขุดไปสามเมตรสี่เมตรใกล้จะถึงแล้ว พอเขาบอกว่าตรงนั้นดีกว่า เราก็ขยับไปขุดตรงนั้น พอเขาบอกว่าตรงนี้ดีกว่า ก็ขยับมาขุดตรงนี้ ก็เลยไม่ถึงน้ำเสียที เพราะฉะนั้น..การทำงานเราก็ต้องจับเป้าหมายเดียวจริงจัง มันจะได้เร็ว

    พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ท่านทรงแสดงธรรมเหมือนราชสีห์จับเหยื่อ ก็คือ ราชสีห์เวลาล่าเหยื่อ ไม่ว่าเหยื่อจะตัวเล็กตัวใหญ่ก็ตาม มันทุ่มเทกำลังในการจับเท่ากันหมด เพราะฉะนั้น..จะไม่มีพลาด และสำคัญที่สุดมันเล็งเหยื่อตัวเดียว ถ้าหากมันไปละล้าละลังล่าตัวอื่นที่อยู่ใกล้ ตัวที่อยู่ข้างหน้ามันวิ่งตรง มันจะหนีไปได้ เพราะฉะนั้น..ราชสีห์มันล่าเหยื่อมันล่าตัวเดียว ตัวอื่นที่อยู่ใกล้มันจะไม่สน

    ทำงานอะไรก็ตาม ถ้าเราทุ่มเทให้มันเต็มที่ มันจะไม่มีอะไรยากเกินความสามารถมนุษย์หรอก ถ้าเราทุ่มเทเต็มที่แล้วก็จะเหมือนพระมหาชนก พระมหาชนกว่ายน้ำเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่เห็นฝั่ง นางมณีเมขลาก็บอกว่ารู้ว่าว่ายแล้วไม่เห็นฝั่ง จะว่ายไปทำไม? พระมหาชนกก็บอกว่า อย่างน้อยเราได้ทุ่มเทกำลังเต็มที่ เราจะได้ตอบตัวเองได้ว่าเราได้ทำแล้ว

    ที่ท่านบอกว่า ยาวเม เถว ปุริโส เกิดเป็นคนต้องมีความพยายามอยู่ร่ำไป ท้อถอยไม่ได้ มันอาจจะเหลืออีกหนึ่งช่วงที่ว่ายน้ำก็ถึงแล้ว

    เรื่องของการปฏิบัติก็เหมือนกัน มันเป็นเรื่องของการสั่งสม สั่งสมความดีของศีล สมาธิและปัญญาไปทีละเล็กทีละน้อย แรก ๆ มันไม่เห็นหน้าเห็นหลังหรอก แต่ถ้าเราดูย้อนหลังไปว่า ก่อนหน้านี้เรามีศีลห้าครบไหม? ปัจจุบันนี้เราได้กี่ข้อแล้ว? ถ้าเราได้ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ละเมิดด้วยตนเอง แล้วเราไม่ยุผู้อื่นให้ละเมิดหรือเปล่า? เราไม่ยุคนอื่นแล้ว ถ้าคนอื่นทำเรายินดีด้วยหรือเปล่า? เราค่อย ๆ ทบทวนเรื่องศีลไปเรื่อย ๆ ว่าเราทำสมบูรณ์หรือยัง โดยเปรียบย้อนหลังดู จะเห็นความก้าวหน้าของตัวเองไปทีละน้อย

    ภาษิตจีนเขาบอกว่า คนอื่นขี่ม้าแต่เรายังขี่ลา ถ้าจะสงสารตัวเองว่าไล่ม้าไม่ทัน ก็ไม่ต้องสงสาร หันกลับไปดูข้างหลัง คนที่ไม่มีอะไรจะขี่ เดินเท้าเปล่าเยอะแยะไป และท้ายที่สุด พวกที่ยังนั่งไม่ได้เริ่มเดิน มีอีกตั้งเท่าไหร่?

    ถ้าหากว่ามองให้มองไปข้างหน้า ไม่ใช่มองไปข้างหน้าอย่างทะเยอทะยานอยากได้ แต่มองไปข้างหน้าเพื่อที่จะทำอย่างไรให้ได้เท่าเขาหรือมากกว่าเขา มันเป็นการแสวงหาความก้าวหน้า ถ้าอย่างนี้ทางโลกก็เจริญทางธรรมก็เจริญ

    เขาปฏิบัติได้ดีกว่าเรา เราต้องพยายามทำให้ได้เท่าเขา หรือไม่ก็เขาทำมาหากินมีความคล่องตัวกว่าเรา เขาทำอย่างไรเราก็พยายามทำให้ได้อย่างเขา”

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมิถุนายน ๒๕๕๒ ณ บ้านอนุสาวรีย์

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    “เปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน
    ชีวิตนี้ของเราก็แค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้นเอง
    ในเมื่อมีชีวิตอยู่แค่พักเดียว ทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้”
    —————————-
    นิพพิทาญาณคือเบื่อ ถ้าหากว่าเบื่อมาก ๆ วางอารมณ์ผิด จิตจะเศร้าหมอง
    .
    ส่วนสังขารุเปกขาญาณนั้นไม่ใช่เบื่อ แต่เห็นว่าชีวิตน่าเบื่อเช่นนี้ ถ้าสามารถหลุดพ้นไปได้
    .
    เปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน ชีวิตนี้ของเราก็แค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้นเอง ในเมื่อมีชีวิตอยู่แค่พักเดียว ทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้
    .
    เพราะว่าธรรมดาเป็นเช่นนี้ ในเมื่อเห็นว่าธรรมดาเป็นเช่นนี้ ยอมรับสภาพ จิตปล่อยวาง ไม่ไปแบกเอาไว้ ก็มีแต่ความเบาสบาย ไม่ไปปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติมอีก
    —————————-
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐, ข้อความที่ ๑๓๕
    http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5597&page=7

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ทำไมต้องอยู่ใต้กฎของกรรม

    ถาม : ทำไมคนเราต้องอยู่ใต้กฎของกรรม ?
    ตอบ : คุณทำคุณถึงได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตามคุณทำเอง ถ้าหากคุณเลิกทำสามารถหลุดพ้นไปได้ก็ไม่ต้องอยู่ใต้กฎของกรรม อย่างพระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้า สิ่งที่เราทำผลมันเกิดอยู่แล้ว ลองเขกหัวตัวเองดูซิ ต้องการเขกหรือไม่เขกมันก็เจ็บ นั่นแหละทำอะไรมันได้อย่างนั้น

    เพราะฉะนั้นมีอยู่ตัวหนึ่งที่น่าเวทนาคนบางคนก็คือ ตัวอธิษฐานบารมี คนเขาทำบุญเสร็จเขานั่งอธิษฐานแล้วอีกคนบอกนี่โลภ ทำบุญแล้วยังขอโน่นขอนี่ ความจริงการอธิษฐานบารมีนี่เป็นเรื่องของคนฉลาดเป็นการกำหนดเจาะจงในสิ่งที่ตัวเองทำ ๆ แล้วต้องการหรือไม่ต้องการผลนั้นเกิดแน่นอน แต่คนใช้อธิษฐานบารมีเขาฉลาด เขารู้จักเจาะจงว่าจะให้เกิดอย่างไร ? เกิดเมื่อไหร่ ? ขณะเดียวกันว่าอีกคนหนึ่งไม่ยอมอธิษฐาน สมมติว่าหิวข้าวตอนนี้แต่อีก ๓ วันข้าวค่อยมา ก็ทรมานตัวเองไปก่อน แล้วเรื่องของการอธิษฐานบารมี เหมือนยิงปืนแล้วเล็งเป้าย่อมแม่นยำกว่า ในขณะที่อีกคนหนึ่งยิงขึ้นฟ้าลงดินไปเรื่อย แล้วหวังจะให้ถูกเป้า รอไปก่อนเถอะ

    ถาม : อธิษฐานนี่จำเป็นต้องออกเสียงมั้ยครับ ?
    ตอบ : อธิษฐานแปลว่า ตั้งใจมั่น จะออกเสียงหรือไม่ออกเสียงมันอยู่ที่เรา ขอให้ตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ

    ถาม : อย่างที่หลวงพ่อเคยสอนว่า ถ้าบารมีใกล้เต็มแล้วจริง ๆ นี่ อย่างหลวงปู่ปานนี่ทำบุญทีไรก็จะเปล่งวาจาออกมา ?
    ตอบ : อันนั้นเกี่ยวกับพระโพธิญาณคือ ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า ถ้าทำถึงระดับนั้นเขาไม่อายใครแล้ว ประกาศให้รู้ชัดเจนเลยว่าเราทำอันนี้เพื่อปรารถนาพระโพธิญาณ เหมือนกับคุณก้องเล่นเอาเขาอึ้งกันทั้งโบสถ์ พอญัตติเสร็จเขาประกาศเลยว่า กุศลของการที่บวชครั้งนี้ขอให้ข้าพเจ้าเข้าถึงซึ่งพระโพธิญาณ พระทุกองค์สาธุพร้อมกัน แต่ความรู้สึกในใจบอกว่า มึงไปเถอะกูไม่ไปหรอก แบบนั้นแหละ

    แต่จริง ๆ มันก็น่าสงสัยนะทำไมต้องอยู่ใต้กฎของกรรมด้วย มันเหมือนอยู่ ๆ เอากฎหมายมาขี่คอบังคับเราใช่มั้ย ? แต่จริง ๆ มันไม่ใช่ เราทำเอง ถ้าเราไม่ทำก็ไม่จำเป็นต้องมี

    อย่างเช่นว่า นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา มาร พรหมตลอดถึงนิพพาน ถ้าหากว่าคนหลุดพ้นหมดหรือว่าเลิกทำดี ทำชั่วทั้งหมดสิ่งเหล่านี้่ก็จะไม่มี สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อรองรับการกระทำของเราเท่านั้น ถ้าหากว่าไม่มีการกระทำสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เกิดขึ้น ไม่รู้จะเกิดขึ้นทำไม

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนเมษายน ๒๕๔๕ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    รัก… สงเคราะห์เขาตามสภาพ
    พ้นจากนั้นก็แล้ว ๆ กันไป จึงจะใช้ได้
    ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วมันจะเป็นในทางยึดติด
    แม้กระทั่งการที่อยากจะให้เขารักเรา
    ……………………………….
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    -สงเคราะห์เขาตามสภา.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    รับสมัครอุปสมบทหมู่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บวชวันเสาร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ลาสิกขาวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ขอเป็นผู้ที่เคยอุปสมบทหมู่กับทางวัดท่าขนุน (แบบอุกาสะ) ท่านที่ไม่เคยบวชมาก่อน ต้องเข้าวัดตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ ครับ รับ ๙๙ รูปเท่านั้น สมัครแล้วห้ามถอนตัวกลางคัน โปรดคิดให้ดีก่อนสมัครนะครับ

    ผู้สมัครบวชถวายในหลวง ร.๙ โปรดแจ้งชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด และหมายเลขโทรศัพท์ ได้ที่กระทู้นี้เลยครับ
    ลิ้งค์ http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=138&page=2

    งานอุปสมบทหมู่ถวายในหลวง ร.๙ สมัครมาแล้ว ๕๒ รูป คงรับอีก ๔๗ รูปครับ

    -เพื.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    กำหนดการงานวัดท่าขนุน ๒๕๖๐

    ๑๒ – ๑๓ – ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๐
    งานบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม รุ่น ๖/๒๕๖๐
    งานทำบุญวันแม่

    ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๐
    งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร (๒/๒๕๖๐)

    ท่านใดสนใจไปร่วมงาน เตรียมตัวกันได้แต่เนิ่น ๆ เลยนะคะ

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5206

    -๒.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ถาม : การเพ่งโทษผู้อื่น กับการที่ชอบตำหนิผู้อื่น คืออย่างเดียวกันหรือไม่ครับ ?
    ตอบ : เป็นกำลังใจที่ประกอบไปด้วยโทสะจริตเหมือนกัน

    ถาม : การเพ่งโทษผู้อื่นยังมีความหมายนอกเหนือไปจากนี้อีกหรือไม่ครับ ?
    ตอบ : มีอย่างเดียว คือ ให้มองว่าสิ่งที่เขาทำนั้น ถ้าดีเราจะทำตาม ถ้าไม่ดี เราจะไม่ทำเช่นนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วการเพ่งโทษผู้อื่นมีแต่โทษล้วน ๆ ไม่มีประโยชน์เลย พระพุทธเจ้าท่านให้กล่าวโทษโจทย์ตัวเอง ไม่ใช่ไปโจทย์ผู้อื่น

    ถาม : ทำไมเวลาที่ผมตำหนิผู้อื่น ใจจึงขุ่นมัว ขณะที่หลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ที่ผมพบเจอมา ไม่เห็นท่านจะเศร้าหมองขุ่นมัวเวลาตำหนิผู้อื่นเลยครับ ?
    ตอบ : ก็มึงไม่ใช่ท่าน…! จะเอาหิ่งห้อยไปเทียบกับพระจันทร์
    —————-
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๐, ข้อความที่ ๓๔
    http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5552&page=2

    -การเพ่งโทษผู้อื่น-ก.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ในเรื่องของการปฏิบัตินั้น ส่วนใหญ่แล้วพวกเราใจร้อนใจเร็ว ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จตามที่ควร ตรงนี้เป็นจุดอ่อนใหญ่สำหรับนักปฏิบัติรุ่นใหม่ทั้งหมด

    ทำแล้วจะให้ได้ผลเลย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับคนที่หัดเขียนหนังสือ หรือหัดพิมพ์ดีดใหม่ ๆ เมื่อเราเคาะเป็นตัวหนังสือขึ้นมายังไม่สามารถจะอ่านได้ หรือเขียนเป็นตัวหนังสือขึ้นมายังไม่สามารถจะอ่านได้ เราก็ต้องซ้อมเขียนอักขระ ซ้อมเขียนสระ ซ้อมเขียนวรรณยุกต์ จนมีความคล่องตัว จำได้แม่นแล้วจึงหัดผสมคำ จึงจะเกิดความหมายขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย

    จนกระทั่งเมื่อมีความคล่องตัวมาก ๆ ก็สามารถที่จะเขียนประโยคยาว ๆ ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น หลักการปฏิบัติก็เป็นไปในแนวเดียวกัน คือเราจะใจร้อนไม่ได้ ต้องมีความอดทน มีความพากเพียรพยายาม ซึ่งเด็กรุ่นใหม่จะขาดสองสิ่งนี้เป็นอย่างมาก คือ ขาดในขันติบารมีและวิริยบารมี อะไรที่ได้ช้าก็มักจะเลิกทำไปเลย เพราะไม่มีความอดทน ไม่มีความพากเพียรเพียงพอ

    เราต้องนึกว่า ถ้าเป็นน้ำหยดทีละหยด แรก ๆ ก็ยังไม่เห็นอะไรเพราะภาชนะใหญ่มาก อย่างเช่นกาละมัง หรือเป็นตุ่มน้ำ แต่พอให้น้ำหยดไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มมีน้ำให้เห็น แล้วถ้าได้ขึ้นมาสักส่วนหนึ่ง ก็จะเห็นว่าที่แท้จริงสิ่งที่เราสะสมมานั้น มีมากเพียงพอแก่การใช้งานทีเดียว

    โดยเฉพาะในการปฏิบัตินั้น กำลังของเราแต่ละวันไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและสมาธิจิตใจในช่วงนั้น ถ้าร่างกายเหนื่อยมาก หิวมาก หรือเจ็บไข้ได้ป่วย สมาธิก็มักจะไม่ทรงตัว การปฏิบัติก็จะไม่ได้อย่างใจต้องการ แต่ขอให้ทำไปเถอะ แล้วเข้าใจด้วยว่าจะมากจะน้อยเราก็ได้

    เมื่อวานนี้สมาธิอาจจะดีมาก เปรียบเหมือนการทำงานก็คงจะหาเงินได้สักห้าร้อยหรือพันหนึ่ง แต่วันนี้สมาธิแย่ เปรียบไปแล้วคงได้สักห้าบาทสิบบาท แต่ขอให้รู้ว่าเราได้ ถ้าสมมติว่าเมื่อวานได้ห้าร้อย วันนี้ได้แค่สิบบาท รวมแล้วก็เป็นห้าร้อยกับสิบบาทไม่ได้หายไปไหน

    เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องให้ทุกคนทำใจให้เย็นลงนิดหนึ่ง ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราไปเรื่อย ขอให้กำหนดภาวนา และพิจารณาตามที่ศึกษาร่ำเรียนมา โดยตั้งความคิดว่าเรามีหน้าที่ภาวนาเท่านั้น ส่วนผลของการภาวนาจะเกิดหรือไม่เกิดก็ช่างเถอะ

    ถ้าสามารถวางกำลังใจอย่างนี้ได้ ผลก็จะเกิดได้ง่าย เกิดได้เร็ว เพราะว่าสมาธิที่จะทรงตัวในระดับอัปปนาสมาธิ คือตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปนั้น จะต้องมีตัวอุเบกขาอยู่ในอารมณ์ฌานทุกระดับ ตัวอุเบกขานั่นแหละคือตัวที่เราวางกำลังใจว่า เรามีหน้าที่ทำ ส่วนจะได้หรือไม่ได้ช่างเถอะ ถ้าไม่มีตัวอุเบกขากำลังใจก็จะไม่ทรงตัวเป็นฌาน

    เมื่อเราทราบดังนี้ ก็ต้องวางกำลังใจในลักษณะเป็นคนใจเย็น ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ สั่งสมไปเรื่อย ทีละเล็กทีละน้อย ลักษณะเดียวกับคนทิเบต คนทิเบตท่องคาถาคำหนึ่ง เขาก็มั่นใจว่าเขาก้าวเข้าไปใกล้พระนิพพานก้าวหนึ่ง หมุนกงล้อมนต์รอบหนึ่งเขาก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง นับลูกประคำเม็ดหนึ่ง เขาก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง กราบพระครั้งหนึ่ง เขาก็เข้าใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง นั่นคือลักษณะของบุคคลที่พากเพียรและอดทน

    ค่อย ๆ ทำไป ถ้าเรามองไปยังเป้าหมายเบื้องหน้า จุดหมายปลายทางอาจจะไกลจนเราท้อถอยเสียก่อน ก็ให้เรามองย้อนหลังไปว่า ขณะที่เราให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนามาจนถึงปัจจุบันนี้แล้ว บุคคลที่ภาวนาไม่ได้ยังมีอีกมากตั้งเท่าไร ? บุคคลที่รักษาศีลไม่ได้มีมากอีกเท่าไร ? บุคคลที่ไม่สามารถให้ทั้งทาน รักษาทั้งศีล และเจริญภาวนามีมากตั้งเท่าไร ?

    ถ้ามองลักษณะอย่างนี้เราจะเกิดกำลัง เหมือนกับว่าตอนนี้เราอาจจะขี่ม้าอยู่ แล้วเราก็ไปอิจฉาว่า คนนั้นมีรถเก๋งขี่ คนนั้นยิ่งหนักใหญ่มีเครื่องบินส่วนตัว ถ้ามองอย่างนี้เราจะหมดกำลังใจ แต่ถ้าเรามองไปข้างหลังว่าเรามีม้าขี่ คนที่ใช้พาหนะแย่กว่าเราอย่างเช่น ขี่ลาก็มี เดินเท้าเปล่าก็มี และที่แย่ที่สุดก็คือ ยังไม่ได้ลงมือเดินเลยก็มี

    ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะเกิดกำลังใจว่า อย่างน้อย ๆ การกระทำของเราก็ยังมีผลงานอยู่ ให้พากเพียร ให้อดทน ขอให้รู้ว่าในปัจจุบันนี้ บารมีทั้งสิบนั้นเราขาดขันติบารมี คือความอดทน เราขาดวิริยบารมี คือความพากเพียร และขาดปัญญาบารมี คือการพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง ทั้งสามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเพียรพยายามประกอบให้มาก ใช้ความอดทนให้มาก เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จตามที่เรามุ่งหวัง

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    มุทุ แปลว่า อ่อนโยน
    แม้กระทั่งเด็กสามขวบเราต้องรับฟังอย่างอ่อนน้อมให้ได้
    นั่นเป็นผู้ไม่มีมานะแล้ว
    …………………………..
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    -แปลว่า-อ่อนโยน.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ทำของยากให้ง่าย

    “พวกเราน่าจะฟังภาษาบาลีออก เวลาที่พระสวดมนต์ เวลาที่พระให้พร จริง ๆ แล้วเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ทีนี้เราฟังไม่ออกก็กลายเป็นว่าขลังศักดิ์สิทธิ์ ความจริงพรจะขลังและศักดิ์สิทธิ์ก็ต่อเมื่อเราทำตาม

    พระองค์ท่านตรัสว่า อภิวาทนสีลิสฺส นิจฺจํ ผู้มีปกติอ่อนน้อมต่อผู้ทรงศีลนั้น วุฑฺฒาปจายิโน จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ ย่อมเป็นผู้ที่เจริญไปด้วยธรรมะสี่ประการ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ เจริญด้วยอายุ เจริญด้วยวรรณะ เจริญด้วยความสุข เจริญด้วยกำลัง

    พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ทั้งนั้น ทีนี้พวกเราฟังไม่ออก ไม่รู้แปลว่าอย่างไร รับไปขลัง ๆ เท่านั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะถ้าฟังออกจะรู้ว่ามีอะไรดี ๆ เยอะมาก

    พระพุทธเจ้ากล่าวถึงธรรมะของพระองค์ท่านว่า มีอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว ท่านมาพบเข้าจึง วิวรติ วิภชติ เอามาจำแนก เอามาแยกแยะ อาจิกฺขติ เทเสติ เอามาบอกกล่าว เอามาแสดง ปญฺญเปติ ปฏฺฐเปติ เอามาบัญญัติ เอามาก่อตั้ง อุตฺตานีกโรติ ทำของลึกให้ตื้น (ทำของยากให้ง่าย)

    สมัยหลัง ๆ นี่คนเขาชอบสอนของยากให้ยากยิ่งขึ้น คนก็เลยเข้าถึงธรรมได้น้อย ความจริงพระพุทธเจ้าท่านสอนธรรม ท่านสอนในระดับเด็กอนุบาลเลย ถ้าใครไปอ่านพระไตรปิฎกฉบับเต็ม ๆ อาจจะรำคาญ เพราะพระองค์ท่านย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกในหัวข้อนั้น จริง ๆ ก็คือเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่กำลังใจผู้ฟัง แต่ว่าของเราไปอ่านแล้วรู้สึกว่า อ้าว..ซ้ำอีกแล้ว พูดง่าย ๆ ว่าย้ำแทบทุกคำ พระองค์ท่านสอนง่ายจริง ๆ เช่น

    ตัง กิง มัญญะถะ ภิกขะเว อย่างไรเล่าภิกษุทั้งหลาย ? ภิกษุมีความสำคัญว่า รูปัง นิจจัง วา อะนิจจัง วา รูปนี้เที่ยงหรือไม่เที่ยงเล่า ? อนิจจัง ภันเต ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า ยัมปะนา นิจจัง ทุกขัง วา ตัง สุขัง วาติ ก็ถ้าไม่เที่ยงแล้วเป็นสุขหรือทุกข์เล่า ? ทุกขัง ภันเต ทุกข์พระเจ้าข้า

    พระองค์ท่านถามตอบทีละประโยคเหมือนกับถามเด็ก พูดง่าย ๆ ว่าอารมณ์ใจของเราถ้าหากน้อมตามไปทีละขั้นนี่ จะไม่บรรลุก็ไม่ได้แล้ว เพราะว่าง่ายจริง ๆ เพียงแต่ว่าสมัยหลัง ๆ เขาเอาของยากมาสอนให้ยากยิ่งขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่าเรียนมาก กลัวเขาจะไม่ชมว่าเก่ง เลยต้องสอนให้ยาก ๆ เข้าไว้ก็เป็นได้”

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมิถุนายน ๒๕๕๒ ณ บ้านอนุสาวรีย์

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    พระเจดีย์ ๘๔ พรรษาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

    ขณะนี้กำลังเก็บรายละเอียดงานหุ้มทองจังโกพระเจดีย์ ๘๔ พรรษาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ของวัดท่าขนุน มูลค่า ๙.๘ ล้านบาท

    มีการดุนลายไว้ด้วยนะคะ

    ขอบพระคุณภาพจาก พระวิศิษฏ์ ธมฺมรํสี และ คุณสถาพร อินสกุลค่ะ

    -๘๔-พรรษาสมเด็จ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    “รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ”
    ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว
    —————————–
    ถาม : หลังจากนั้น ช่วงแรกจะเป็นความมืดสนิท ไม่มีอะไรเลย ต่อไปเป็นความสว่างในทุกมิติ สองอย่างนี้ต่างกัน ?
    ตอบ : จะว่าไปแล้วช่วงแรกคือเรากำลังเข้าถึง ถ้าเราเข้าถึงจนมีความชำนาญแล้ว พอเข้าไปปุ๊บจะมีความสว่างโพลงอยู่จุดใดจุดหนึ่ง อาจจะอยู่ตรงหน้า อาจจะอยู่บริเวณจมูก ปาก ในอก ส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้ เพียงแต่ว่าความสว่างนี้ไม่ใช่ความสว่างของแสงทั่วไป แต่เป็นความสว่างจากจิต ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าสว่างมาก
    บางคนก็ไปเพลิดเพลินติดอยู่กับแสงสว่างนั้น กลายเป็นเกิดโทษเพราะว่าปฏิบัติเมื่อไรก็อยากเห็น เมื่อมีความอยากเห็น สภาพจิตฟุ้งซ่านก็ไม่ได้เห็นอีก
    .
    ถาม : ความสว่างที่อธิบายข้างต้นยึดไม่ได้ ?
    ตอบ : ไม่มีอะไรให้ยึดได้ แม้แต่พระนิพพานก็ยึดไม่ได้ ตราบใดที่ยึดก็แปลว่าไปไหนไม่ได้
    ตอนแรกยึดไว้ก่อน หลังจากยึดจนเต็มที่แล้วก็จะปล่อยของเขาเอง ที่บอกเพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่เจออะไรก็ยึดไปหมด ก็แปลว่าหากเรายึดในเรื่องของความดีก็ยึดไปเถอะ แต่พอดีถึงที่สุดแล้ว แม้แต่ดีก็ต้องปล่อย
    .
    ถาม : บางทีก็คิดว่าเราปล่อยความดี แปลว่า เราเลวใช่ไหม ?
    ตอบ : ปล่อยความดีไม่ได้แปลว่าไม่ทำความดี ทำความดีเป็นปกติแต่ไม่ได้ติดในดี เคยใช้คำพูดประมาณว่า “รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว”
    —————————–
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐, ข้อความที่ ๒๐๐ และ ๒๐๒
    http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5597&page=10

    -รู้ว่าชั่.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    เชิญรับชมรับฟังการถ่ายทอดสดทำบุญงานวันแม่จากวัดท่าขนุน ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ในวันและเวลาดังต่อไปนี้

    วันเสาร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
    เริ่มถ่ายทอดสดเวลาประมาณ ๘.๓๐ น. เป็นต้นไป

    เพื่อให้ผู้ที่อยู่ทางไกล ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานวันแม่จากวัดท่าขนุนด้วยตนเอง มีโอกาสได้รับชมรับฟังบรรยากาศในงานวันแม่จากวัดท่าขนุน ไปพร้อม ๆ กัน

    จึงใคร่ขอเชิญสาธุชนทั้งหลายที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานวันแม่จากวัดท่าขนุน รับชมรับฟังการถ่ายทอดสดจากวัดท่าขนุน ในช่องทางที่จะได้ประกาศต่อไปนี้ร่วมกัน

    ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระอาจารย์ มา ณ ที่นี้

    การรับฟังการถ่ายทอดสดเสียง
    ท่านสามารถรับฟังการถ่ายทอดเสียงสด ตามวันและเวลาดังกล่าว

    โดยท่านสามารถคลิกเปิดฟังได้ที่ลิงค์นี้

    ———————————————————————-

    สำหรับ iphone และ ipad สามารถฟังได้โดยการไปโหลด app ชื่อว่า fstream แล้ว install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิด fstream ขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    more->Setting จากนั้นเปิด Cellular network เพื่อให้สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ (สำหรับใครที่ใช้ WIFI อยู่แล้ว ไม่ต้องเปิดค่านี้)

    จากนั้นให้เลือกเมนู

    Favorites->Edit->Add new web radio

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Name : Watthakhanun
    URL : http://210.1.51.131:8000
    Encoding : UTF8

    จากนั้นกด Save แล้วเลือกเมนู Play->Watthakhanun

    ———————————————————————-

    สำหรับ android สามารถฟังได้โดยการไปโหลด app ชื่อว่า A Online Radio แล้ว install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    Live->Add Channel

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Channel URL : http://210.1.51.131:8000

    จากนั้นกด Add แล้วเลือกเมนู Favorites->Unname Server

    ———————————————————————-

    สำหรับ android ท่านที่เพิ่งโหลดแอพใหม่

    เนื่องจาก app “A Online Radio” เปลี่ยนชื่อเป็น “Online Radio” แล้ว

    ท่านสามารถฟังผ่าน app ชื่อ Online Radio แล้วทำการ install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    Station > กด + (มุมบนขวา)

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Station Name : Watthakhanun
    Stream URL : http://210.1.51.131:8000

    จากนั้นกด DONE

    แล้วเลือกเมนู Your station > Watthakhanun.com

    จากนั้นกด Play (มุมขวาล่าง)

    ———————————————————————-
    หรือ You Tube โดยค้นจากชื่อ Account “Sapanboon Channel”

    หมายเหตุ:
    – การถ่ายทอดเสียงจะช้ากว่าเวลาจริงประมาณ ๑ นาที
    – หากเสียงมีการขาดหายไปเป็นช่วง ๆ ไม่นานนัก (ประมาณไม่เกิน ๓ วินาที) ขอให้ท่านรับฟังต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องปกติของระบบ
    – หากเสียงขาดหายไปเป็นเวลานานมากกว่านั้น ให้ท่านลองรีเฟรชหน้านั้นอีกครั้ง

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post195605">#post195605” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=195605 #post195605

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    เชิญรับชมรับฟังการถ่ายทอดสด งานบวงสรวงไหว้ครู พุทธาภิเษกและเป่ายันต์เกราะเพชร
    ณ วัดท่าขนุน ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ในวันและเวลาดังต่อไปนี้

    วันเสาร์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๐
    เริ่มถ่ายทอดสดเวลาประมาณ ๗.๐๐ น. เป็นต้นไป

    การเป่ายันต์เกราะเพชรจะมี ๒ รอบ
    รอบเช้า เวลา ๑๐.๐๐ น.
    รอบบ่าย เวลา ๑๓.๐๐ น.

    เพื่อให้ผู้ที่อยู่ทางไกล ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานที่วัดท่าขนุนด้วยตนเอง มีโอกาสได้รับชมรับชม-รับฟังบรรยากาศงานที่วัดท่าขนุนไปพร้อม ๆ กัน

    จึงใคร่ขอเชิญสาธุชนทั้งหลายที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานที่วัดท่าขนุน รับชมรับฟังการถ่ายทอดสดจากวัดท่าขนุน ในช่องทางที่จะได้ประกาศต่อไปนี้ร่วมกัน

    ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระอาจารย์ มา ณ ที่นี้

    การรับฟังการถ่ายทอดสดเสียง
    ท่านสามารถรับฟังการถ่ายทอดเสียงสด ตามวันและเวลาดังกล่าว

    โดยท่านสามารถคลิกเปิดฟังได้ที่ลิงค์นี้

    ———————————————————————-

    สำหรับ iphone และ ipad สามารถฟังได้โดยการไปโหลด app ชื่อว่า fstream แล้ว install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิด fstream ขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    more->Setting จากนั้นเปิด Cellular network เพื่อให้สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ (สำหรับใครที่ใช้ WIFI อยู่แล้ว ไม่ต้องเปิดค่านี้)

    จากนั้นให้เลือกเมนู

    Favorites->Edit->Add new web radio

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Name : Watthakhanun
    URL : http://210.1.51.131:8000
    Encoding : UTF8

    จากนั้นกด Save แล้วเลือกเมนู Play->Watthakhanun

    ———————————————————————-

    สำหรับ android สามารถฟังได้โดยการไปโหลด app ชื่อว่า A Online Radio แล้ว install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    Live->Add Channel

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Channel URL : http://210.1.51.131:8000

    จากนั้นกด Add แล้วเลือกเมนู Favorites->Unname Server

    ———————————————————————-

    สำหรับ android ท่านที่เพิ่งโหลดแอพใหม่

    เนื่องจาก app “A Online Radio” เปลี่ยนชื่อเป็น “Online Radio” แล้ว

    ท่านสามารถฟังผ่าน app ชื่อ Online Radio แล้วทำการ install ลงที่เครื่อง จากนั้นเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วเลือกเมนู

    Station > กด + (มุมบนขวา)

    แล้วตั้งค่าดังต่อไปนี้

    Station Name : Watthakhanun
    Stream URL : http://210.1.51.131:8000

    จากนั้นกด DONE

    แล้วเลือกเมนู Your station > Watthakhanun.com

    จากนั้นกด Play (มุมขวาล่าง)

    ———————————————————————-
    หรือ You Tube โดยค้นจากชื่อ Account “Sapanboon Channel”

    หมายเหตุ:
    – การถ่ายทอดเสียงจะช้ากว่าเวลาจริงประมาณ ๑ นาที
    – หากเสียงมีการขาดหายไปเป็นช่วง ๆ ไม่นานนัก (ประมาณไม่เกิน ๓ วินาที) ขอให้ท่านรับฟังต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องปกติของระบบ
    – หากเสียงขาดหายไปเป็นเวลานานมากกว่านั้น ให้ท่านลองรีเฟรชหน้านั้นอีกครั้ง

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post195603">#post195603” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=195603 #post195603

    .jpg
    1503964835_152_คำแนะนำการเตรียมตัวของ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    งัดของเก่ามาใช้

    ถาม : หนูว่าพวกนี้ถ้าอาศัยกำลังใจของเราไม่พอ ?
    ตอบ : ตั้งใจเอาไว้ซิว่า สิ่งใดก็ตามที่เราทำเพื่อพระศาสนา เพื่อแบ่งเบาภาระหลวงพ่อ เพื่อมรรคผลนิพพานของเรา ให้เราทำสิ่งนั้นลุล่วงโดยง่ายดาย ขอให้เราเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ ก็อธิษฐานไป ไม่มีใครเขาว่านี่ งัดของเก่ามาใช้ บุญเก่าทำมาเยอะแล้ว ถึงเวลาก็อธิษฐานขอกำลังบุญเก่ามาช่วยมั่งซิ แต่อย่าเอาอย่างหลวงตาวัชรชัย สมัยหนุ่ม ๆ คือบวชใหม่ ๆ หลวงตาท่านยังไม่แก่มากใช่ไหม ?

    สมัยหนุ่ม ๆ เวลาขัดใจ หลวงตาจุดธูปปักฉับ ชี้ฟ้าเลย พี่น้องข้างบนฟังให้ดีผมลำบากจะตายห่าอยู่แล้ว สมัยเมื่อก่อนก็ตกลงกันว่าจะช่วย ๆ แล้วตอนนี้ไม่ช่วยหมายความว่าไงว่ะ ? (หัวเราะ) อย่าไปทำอย่างนั้นนะ อย่างนั้น สำหรับคนที่เขาเกินร้อยจ้ะ ของเราเอาแค่แปดสิบเก้าสิบก็พอ จะลองดูบ้างไหมด่าทีได้ที สไตล์เดียวกับพระแสงชัย พระแสงชัยด่าเทวดาที ฝนหยุดเลยไม่งั้นเดินธุดงค์ตั้งแต่ตีสามยันบ่ายสามโมงฝนตกตลอด หนาวจนตัวเขียวไปหมด โมโหขึ้นมา ชี้ฟ้าด่าเลย จะตกหาโคตรพ่อโคตรแม่มึงหรือไง (หัวเราะ) ทางอีสานเขาร้อนจะตายโหงไม่ไปตก กูไม่ต้องการมันยังตกอยู่ได้ ด่าเสร็จฝนหยุดเดี๋ยวนั้น ฟ้าเปิดเลย แหม….น่าจะด่าตั้งแต่ตีสามนะ มิฉะนั้นก็ลำบากกันต่อ ประเภทเกินร้อยนี่เราอย่าไปเลียนแบบนะ มันไม่ดีหรอก กำลังใจเราสู้เขาไม่ได้ ฟัง ๆ แล้ว เรายังรู้สึกกลัวแทนถ้าเกิดมันเปลี่ยนจากฝนตกเป็นฟ้าผ่าแล้วมันจะเป็นไงก็ไม่รู้ (หัวเราะ)

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนเมษายน ๒๕๔๕ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ที่เราตัดกิเลสได้ยาก เพราะว่ามันมาในรูปแบบที่เราชอบใจ
    ถ้ามันมาในแบบที่เราไม่ชอบ เราก็คงไม่ต้องการ
    แต่นี่มันมาในแบบที่เราชอบ เราก็โอย….ใจจะขาด ใจจะขาด
    ……………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    -เพ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้าคณะศิษย์พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    กำลังใจเกาะเสียงธรรม

    ถาม : (เรื่องฟังเทปหลวงพ่อ)… ที่หลวงพ่อบอกว่า ฟัง ๆ แล้วหลับนี่แสดงว่าจิตเข้าฌานตลอด แล้วเป็นทุกคนไหมคะ ?
    ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ถึงปฐมฌานหยาบ จะไม่หลับ อย่างน้อยถึงตรงนั้น ถึงได้หลับ แล้วบางคนพอทำไป ๆ ทำไปคล่องตัวมากเลยเพิ่งจะได้ยินเสียง หลับไปแล้ว

    ถาม : มันเป็นความพอใจด้วยค่ะ แล้วหลับสนิทเลย ?
    ตอบ : อันนั้นดี ให้เราตั้งใจไว้แล้วกันว่า ตอนนี้เราฟังเสียงหลวงพ่ออยู่ เหมือนกับหลวงพ่อเทศน์อยู่บนนิพพาน สิ่งที่หลวงพ่อเทศน์มาก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง นึกถึงภาพของพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบมากที่สุด นึกให้เห็นเป็นภาพของดอกมะลิแก้ว ลอยจากพระพุทธรูปนั้นผ่านองค์หลวงพ่อ จากองค์หลวงพ่อก็มาที่ตัวเราให้มาในลักษณะนี้ คิดว่าถ้าเราตายตอนนี้ขอไปอยู่กับหลวงพ่อ ขอไปอยู่กับพระท่าน ถ้ามันหลับตายไปเลย มันไปจริง ๆ ถ้าทำอย่างนั้นเป็น ระดับพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ

    ถาม : อย่างหนูฟังอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดอะไร ?
    ตอบ : อย่างนั้นเหลือเฟือแล้ว อย่าลืมว่างูเหลือมฟังธรรม ค้างคาวฟังธรรม นั่นเขาไม่รู้ว่าเป็นพระ แต่ฟังแล้วเขาชอบใจ แต่บังเอิญเขาฟังเสียงของพระ กำลังใจเขาเกาะเสียงแค่นั้นเอง พอเขาตายไปเป็นเทวดาเลย เสร็จแล้วมาเกิดชาติใหม่ก็กลายเป็นพระอรหันต์กันไปตาม ๆ กัน ค้างคาว ๕๐๐ นั้น มาเกิดชาติใหม่เป็นลูกชาวประมง กลายเป็นลูกศิษย์พระสารีบุตร เทศน์อภิธรรม กลายเป็นพระอรหันต์ไปหมด งูเหลือมนั้นเกิดชาติใหม่กลายเป็น อเจลก ได้ทิพจักขุญาณอย่างนี้ไปเจอพระอรหันต์เข้า กลายเป็นพระอรหันต์ไปเหมือนกัน

    อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยซิ เพราะว่าในเรื่องของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ท่านใช้คำว่า พุทโธ อัปปมาโณ ธัมโม อัปปมาโณ สังโฆ อัปปมาโณ ขึ้นชื่อว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ย่อมไม่มีประมาณ อย่างพระจูฬปันถก ชาติหนึ่งท่านเกิดเป็นพระราชา เสด็จเลียบพระนคร เหงื่อไหลก็เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ด ปรากฏว่าผ้าขาวมันสกปรก ก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาเองว่า ร่างกายของเรามันสกปรกขนาดนี้เลยหนอ แค่นี้เอง เกิดมาชาตินี้เป็นพระจูฬปันถก พระพุทธเจ้าให้ผ้าขาวไป เอามือลูบผ้าขาวไปภาวนาไป ผ้าขาวสกปรกขึ้นมา ก็นึกขึ้นว่าร่างกายเราสกปรกขนาดนี้คนอื่นก็สกปรกเหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าร่างกายของคนและสัตว์มีสภาพเช่นนี้ทั้งหมด คิดไป ปลงไป กลายเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าความดีเพียงเล็กน้อยแม้ชั่วช้างกระดิกหูงูแลบลิ้น ก็เป็นปัจจัยส่งผลต่อไปภายหน้าให้เราได้ผลดีในการปฏิบัติ ทุกสิ่งที่ทุกอย่างที่เราทำอยู่ไม่ว่าจะใหญ่จะเล็กขนาดไหนก็ตาม ท้ายสุดมันให้ผลทั้งสิ้น

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนเมษายน ๒๕๔๕ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...