อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ฝึกฝน อดทน ตั้งใจจริง
    ก็สำเร็จทุกคนแหละ ไม่ว่าจะทางโลกทางธรรม
    เคล็ดลับความสำเร็จอยู่ที่ความอดทนและ
    ความเพียรพยายามเท่านั้น
    ……………………..
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    -อดทน-ตั้งใจจริง.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุญ วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๐
    พระอาจารย์รับสังฆทานและตอบปัญหาธรรม เวลา ๑๘.๐๐ น.
    เริ่มเจริญกรรมฐาน เวลา ๑๘.๓๐ น.
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    1504350490_467_ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุ.jpg

    ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุญ วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๐
    พระอาจารย์รับสังฆทานและตอบปัญหาธรรม เวลา ๑๘.๐๐ น.
    เริ่มเจริญกรรมฐาน เวลา ๑๘.๓๐ น.
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    1504436045_233_ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุ.jpg

    ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุญ วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๐
    พระอาจารย์รับสังฆทานและตอบปัญหาจากเว็บวัดท่าขนุน เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น.
    เริ่มเจริญกรรมฐาน เวลา ๑๘.๓๐ น.
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ลำบากตัวช่างมัน ให้ใจมันสบาย
    ลำบากกาย ให้ใจเป็นสุข ลำบากกายด้วย
    ลำบากใจด้วยเครียดตายชัก
    ………………………………….
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๐, ข้อความที่ ๑๐๐
    http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5552&page=5

    -ให้ใจมั.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญกฐินสามัคคีปลดหนี้ ณ อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จ.สกลนคร (พระอาจารย์นิล)
    โดย พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. (พระอาจารย์เล็ก) เป็นประธาน

    ทอดกฐิน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๓.๐๐ น.
    ณ อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จ.สกลนคร

    สามารถโอนเงินร่วมบุญตามกำลังศรัทธาได้ที่
    ธนาคาร : ไทยพาณิชย์
    สาขา : All Seasons Place
    เลขที่บัญชี : ๑๕๕-๒๒๕๕๙๓-๗ (155-225593-7)
    ชื่อบัญชี : นางสาวพัชรีภรณ์ หยกอุบล
    โทรศัพท์ติดต่อ : ๐๘๘-๙๒๔๔-๒๔๔ (088-9244-244)
    อีเมล์ : sapanboon.channel@gmail.com

    (ขอความกรุณาในการโอนเงินควรมีเศษสตางค์เพื่อให้ง่ายในการตรวจสอบ เช่น ๒,๕๕๐.๕๙ บาท)

    ปิดรับร่วมบุญวันที่ ๑๘ ต.ค. ๒๕๖๐ เวลา ๒๔.๐๐ น. นะคะ
    หากโอนมาหลังจากนั้นถือว่าให้เจ้าของบัญชีใช้ฟรีนะคะ

    กราบอนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ

    .jpg
    1504514165_993_ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญกฐ.jpg
    1504514165_969_ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญกฐ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    โลกต้องไม่ช้ำ ธรรมต้องไม่เสีย

    การที่พวกเราทั้งหลายปฏิบัติธรรมนั้น บางทีเราก็เน้นหนักไปในด้านเดียว ก็คือว่า ถ้าจะเอาเรื่องทางธรรมก็ไปยาวเลย โดยไม่ได้สนใจ ไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น ซึ่งความจริงแล้วถ้าหากว่าเราทำกันอย่างชนิดที่เรียกว่าสละชีวิตก็ได้ กำลังใจก็ควรที่จะไปในแนวนั้น

    แต่ว่าเรายังต้องอยู่ในสังคมก็ควรจะยึดหลักว่า โลกต้องไม่ช้ำ ธรรมต้องไม่เสีย เพราะว่าถ้าหากว่าเราไม่เอาทางโลกเสียเลยก็ไม่ได้ แม้ทางโลกจะเป็นเรื่องสมมติ แต่เมื่อเราอยู่กับโลกก็ต้องเคารพสมมติทางโลกเป็นปกติ

    ดังนั้น..ทางสายกลางสำหรับนักปฏิบัติจริง ๆ ที่ว่าโลกต้องไม่ช้ำธรรมต้องไม่เสียนั้น เราก็ควรจะดูความพอเหมาะ พอควร พอดี ไม่อย่างนั้นแล้วอาจมีการกระทบกระทั่งกับคนรอบข้าง คนในครอบครัว ทำให้เกิดการแตกแยกขึ้น ทำให้บุคคลจำนวนหนึ่งที่ปัญญาไม่ถึง เกิดการตราหน้าเราขึ้นมาว่า..นี่นะหรือนักปฏิบัติ ไหนว่าไปปฏิบัติธรรมมาแล้ว ทำได้เพียงแค่นี้เองหรือ ?…ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ จะต้องได้พบแน่ ๆ สำหรับนักปฏิบัติทุกคน

    แต่ถ้าหากว่าเราไม่ระมัดระวัง การกล่าวหาหรือการตราหน้าในลักษณะอย่างนี้ก็จะมีมากและหนัก ซึ่งจะทำให้เราอยู่ในสังคมได้ยาก อยู่กับคนรอบข้างได้ยาก เพราะว่านักปฏิบัติธรรมนั้น ควรที่จะพัฒนา กาย วาจาและใจ ของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่ว่ากี่วัน ๆ ก็เหมือนเดิม ถ้าอย่างนั้นก็สมควรที่เขาจะตราหน้าเราอยู่

    แต่ถ้าเรารู้จักพัฒนา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ มีความละเอียดรอบคอบ หมั่นสังเกตดูว่าคนรอบข้างมีความคิดความเห็นกับเราอย่างไร แล้วก็พยายามปรับในลักษณะโอนอ่อนผ่อนตามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องไม่เกินกรอบของศีล ถ้าเขาจะพาเราไปผิดศีลผิดธรรม เราไปแค่สุดกรอบแล้วก็ย้อนกลับมา

    พูดง่าย ๆ ว่าตามใจโลกแต่ก็ไม่ใช่ตามใจเสียทั้งหมด ขณะเดียวกันทิ้งโลก..ก็ไม่ได้ทิ้งเสียทีเดียวทั้งหมด เพราะว่าธรรมและโลกอิงอาศัยกันอยู่ ร่างกายนี้เป็นสมบัติของโลก อย่างไรเสียเราก็ต้องอาศัยโลกอยู่ แต่ขณะเดียวกัน จิตใจของเราต้องให้พัฒนาไปตามสภาวธรรม ให้ศีล สมาธิ ปัญญาของเราเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ถ้าหากว่าเราพัฒนาในเรื่องของปัญญาด้วยจริง ๆ ก็จะเห็นช่องทางว่าเราจะอยู่กับโลกอย่างไรให้มีความสุข แต่ถ้าหากว่าเรายังก้าวไม่ถึงในระดับพัฒนาปัญญาขึ้นมาก็จะต้องมีการกระทบกระทั่งกับโลกเป็นธรรมดา

    ดังนั้น..การที่วันนี้ญาติโยมบางท่านมาถามปัญหาก็ดี มีการแสดงออกต่าง ๆ ในระหว่างที่มาถวายสังฆทานก็ดี ทำให้อาตมาฉุกใจคิดขึ้นมาว่า บางท่านนั้นมาในทางธรรมจนโลกช้ำไปแล้ว ส่วนบางท่านก็เกาะทางโลกมากเกินไปจนธรรมนั้นเสีย

    ให้ทุกท่านพิจารณาดูตัวเราเองว่า ปัจจุบันนี้ตัวเรานั้นอยู่ในลักษณะของโลกช้ำธรรมเสียหรือไม่ ? ถ้าหนักไปในด้านไหนด้านหนึ่งก็ให้พยายามปรับ พยายามผ่อน เพื่อให้ออกมาให้ดีที่สุด ถ้าออกมาในลักษณะที่ดีที่สุด มีการพัฒนา กาย วาจาและใจ ของเรา ก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สมกับที่เป็นนักปฏิบัติแล้ว เราอาจจะสร้างความเชื่อถือให้แก่คนรอบข้าง ทำให้เขาสนใจอยากจะปฏิบัติตามบ้าง เพราะเห็นชัดว่าเราพัฒนาตัวเองดีขึ้นมาได้อย่างไร

    ถ้ามาถึงตรงจุดนี้ เราก็จะสร้างความเลื่อมใสให้แก่บุคคลที่ยังไม่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และสร้างความเลื่อมใสยิ่ง ๆ ขึ้นไปให้แก่บุคคลที่เลื่อมใสในพุทธศาสนาอยู่แล้ว

    ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การปฏิบัติธรรมของเรานั้น นอกจากเพื่อมรรคเพื่อผลของตนเองแล้ว ยังเป็นการเกื้อกูลพระศาสนา เป็นการสงเคราะห์เพื่อนร่วมโลกอีกด้วย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จึงควรเป็นสิ่งที่ควรจะต้องสังวรระวังเอาไว้ว่า การก้าวเดินไปในเส้นทางธรรมนั้น เราจะไม่ใส่ใจทางโลกเลยก็เป็นสิ่งที่ถูก แต่เราต้องปลีกตัวออกจากสังคมไปเลย แต่ถ้าตราบใดที่เรายังต้องอยู่ในสังคมอยู่ ก็ต้องระมัดระวังอย่าให้โลกช้ำธรรมเสีย

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๕

    -ธรรมต้องไ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๖๓
    เดือนกันยายน ๒๕๖๐

    โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 และ http://www.grathonbook.net/book/ นะคะ

    1504722484_53_กระโถนข้างธรรมาสน์-ฉบับ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ถาม : การปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเสียที
    ตอบ : ทำขาด การปฏิบัติของเราขาดความต่อเนื่อง ต้องถามว่า ถ้าเราจะเอาผลภายใน ๒๔ ชั่วโมง แล้วเราให้เวลาในการปฏิบัติกี่ชั่วโมง?

    ถ้าจะเอาให้ได้ผลจริง ๆ ต้องทุ่มเทให้กับการปฏิบัติ แต่ว่าการทุ่มเทไม่ได้หมายถึง เราไม่ทำอย่างอื่นเลย หากแต่ว่าเวลาเราทำแล้วให้กำลังใจทรงตัว ลุกแล้วอย่าทิ้งเลย ให้รักษากำลังใจนั้นเอาไว้ให้อยู่กับเรา จะพูด นอน เดิน ยืน กิน จะทำอะไรก็ตาม ให้กำลังใจเหมือนกับตอนที่เรานั่งปฏิบัติ

    ถ้าสามารถทำอย่างนี้ให้ต่อเนื่องได้ ความก้าวหน้าจะมี ถ้าทำอย่างนี้ไม่ได้ ก็อยู่แค่นั้นแหละ

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมิถุนายน ๒๕๕๒ ณ บ้านอนุสาวรีย์


    -การปฏิบัติไม่ก้าวห.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ธงกฐิน
    เมื่อวันเสาร์ตอนต้นเดือน มีคนนำธงกฐินรูปจระเข้มา หลังจากนั้นหลวงพ่อก็เล่าชาดกให้ฟังว่า

    “มีเศรษฐีขี้เหนียวคนหนึ่ง ตายแล้วไปเกิดเป็นจระเข้ ว่ายวนเวียนอยู่ท่าน้ำบ้านตัวเอง ความขี้เหนียวของแกเลื่องลือ เขาว่าขี้เหนียวถึงขนาด “กินข้าวเช้า กินเอาตอนเพล บางทีข้าวเย็น ก็เว้นไม่กิน ทนอดทนอยาก ลำบากเสียเปล่า เมียบ่นหิวข้าว ผัวเฒ่าตีดิ้น กลัวยากกลัวจน ยอมทนอมลิ้น เมียกลัวเหงื่อริน ก็เลยเป็นลม” ท้ายสุุดเศรษฐีตายไปทั้ง ๆ ที่อดอยาก กลายเป็นจระเข้วนเวียนอยู่แถวนั้น ไปไกลก็ไม่ได้ เพราะใจที่ผูกอยู่กับทรัพย์สินดึงเอาไว้

    ด้วยความที่ดวงจิตดิ้นรนอยากจะไปเกิด ก็เลยไปเข้าฝันภรรยาตัวเอง บอกภรรยาให้ไปขุดสมบัติที่หัวสะพานขึ้นมาทำบุญ แกจะได้ไปเกิดที่อื่นได้ ภรรยาและลูกก็เลยไปช่วยกันขุดมา เมื่อขุดมาได้แล้วก็ตั้งใจที่จะทำบุญกฐินให้ จึงไปจองกฐิน พอดีมีวัดที่ยังไม่มีคนจองเป็นเจ้าภาพกฐิน ถึงเวลาก็แห่เครื่องกฐินไปทางเรือ จระเข้ก็พยายามว่ายน้ำตาม ว่ายไป ๆ ก็หมดแรงไปไม่ไหว อาจจะเป็นเพราะเฝ้าสมบัติมานาน อายุมากแล้ว ก็เลยบอกกับภรรยาและลูกว่า ให้วาดรูปตน (จระเข้) เอาไว้ในกองกฐิน เหมือนกับว่าตัวเองไปด้วย หลังจากนั้นจระเข้ก็สิ้นใจตาย

    ดังนั้น รูปจระเข้ก็เลยเป็นสัญลักษณ์ในการทอดกฐิน ถ้าวัดไหนมีธงมัจฉาหรือธงจระเข้อยู่ ก็รู้ว่าวัดนั้นมีคนจองเป็นเจ้าภาพกฐินแล้วหรือได้รับกฐินแล้ว เขาก็จะไปหาวัดที่ไม่มี

    แต่ว่าพอมารุ่นหลังก็เกิดความเพี้ยนไป ความเพี้ยนที่ว่าก็คือเนื้อหาเปลี่ยน คนไปเข้าใจว่าเป็นปริศนาธรรมของพระพุทธเจ้าที่ท่านกล่าวถึงภัยของภิกษุใหม่

    ท่านบอกว่าภัยของภิกษุใหม่ ประกอบด้วย วังวน ๑ คลื่นลม ๑ จระเข้ ๑ ปลาร้าย ๑ ที่จะทำให้ภิกษุทั้งหลายไม่สามารถตั้งอยู่ในพรหมจรรย์ได้ ท่านบอกวังวนคือกามคุณ ๕ ความยินดีในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส คลื่นลมก็คือคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ถ้าทนคำสั่งสอนไม่ได้ก็เหมือนกับเรือที่ล่มลงกลางทะเลวัฏสงสาร จระเข้คือความเห็นแก่กิน เห็นแก่นอน ไม่ปฏิบัติธรรม ปลาร้ายหมายถึงเพศตรงข้าม ที่จะมาเอาไปกินเสียก่อนที่จะบรรลุมรรคผล เขาก็เลยสร้างรูปนางมัจฉาขึ้น

    นางมัจฉาเป็นตัวแทนของปลาร้าย ในขณะเดียวกันบางทีก็มีรูปคลื่นอยู่ข้างล่าง บางทีก็มีน้ำวนอยู่ด้วย เมื่อรวม ๆ กันแล้วก็คือให้ตรงกับภัยของภิกษุใหม่ จริง ๆ แล้ว พระจะใหม่จะเก่าเจอเข้าก็เดี้ยงเหมือนกัน สำคัญตรงที่ว่ามีสติสัมปชัญญะที่จะต่อสู้สักแค่ไหน

    เรื่องของธงกฐินตอนแรกเกิดจากชาดกเศรษฐีขี้เหนียว พอตอนหลังเนื้อหาเพี้ยนไป คนตีความผิดก็เลยมีธงนางมัจฉาเพิ่มขึ้นมา

    มาระยะหลัง ๆ ก็มีครูบาอาจารย์เอามาลงอักขระ เลขยันต์คาถาอาคม เอาไว้สำหรับการค้าขาย เพราะฉะนั้น..สมัยหลัง ๆ ธงกฐินไม่ค่อยได้อยู่ติดวัดหรอก ทอดกฐินเสร็จเขาก็ล้มเสาเอาไปเลย เอาไปให้หลวงปู่หลวงพ่อท่านเจิม เจิมเสร็จก็เอาไปติดบ้านให้ค้าขายดี”

    เทศน์ที่บ้านอนุสาวรีย์
    ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒
    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=735

    .jpg

    ธงกฐิน – กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ถ้าถึงที่สุดต้องเข็ด ต้องกลัว
    อย่างชนิดที่บอกกับตัวเองว่า
    อย่างไรการเกิดแบบนี้เราก็ไม่เอาอีกแล้ว
    ……………………..
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    -ต้.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    กฐินเดาะ
    ถาม : ถามเรื่องกฐินเดาะ
    ตอบ : กฐินเดาะเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่หนึ่ง ไปขอกฐินจากเจ้าภาพด้วยตัวเอง เขาห้ามขอ ต้องให้เจ้าภาพปวารณาเอง ถ้าอย่างนั้นทอดกฐินแล้วเจ้าภาพได้อานิสงส์กฐิน แต่ฝ่ายพระจะไม่ได้อานิสงส์กฐินนั้นเลย พูดง่าย ๆ ก็คือ ได้ของ ได้เงินไปเฉย ๆ อานิสงส์กฐินไม่มี แต่ว่าเจ้าภาพคนทอดได้บุญไปฝ่ายเดียว

    ประการที่สอง ผ้าครองกฐินนั้นขาด คำว่าขาดการครองก็คือว่า ไปพ้นจากวัดนั้นแล้ว ไม่กลับมา เขาบอกว่าไปแค่ไหนก็ตาม ถ้ายังตั้งใจว่าจะกลับมา ยังไม่ถือว่าเดาะ หรือว่าผู้ครองกฐินรักษาผ้าไม่ได้ก็ถือว่าขาดครอง กฐินเดาะเช่นกัน

    ประการที่สาม คณะสงฆ์ตัดสินใจเดาะกฐินเสียด้วยตนเอง อย่างอาตมานี่ทำมาตลอด ไม่เคยใช้อานิสงส์กฐิน ประกาศเลยว่าห้ามใช้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าจะสร้างความมักง่ายให้แก่เรา เนื่องจากอานิสงส์กฐินในบาลีท่านบอกว่า เที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลาได้ สามารถฉันปรัมปรโภชนาได้ ผ้าที่เกิดขึ้นนั้นเป็นของเธอ ไม่ต้องวิกัปเป็นเจ้าของร่วมกันกับใคร เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะมีบอกเอาไว้ในกฐินขันธกะ

    คราวนี้ของเรากลัวว่า พอได้อานิสงส์กฐินแล้วจะเพลินไปจนกระทั่งเลยกลางเดือนสี่ ไปไหนไม่ต้องเอาผ้าไปครบสำรับ พอถึงเวลาเผลอผ้าก็ขาดครอง ก็เลยประกาศเดาะตั้งแต่รับกฐินเสร็จทุกครั้ง ไม่เคยให้ใช้อานิสงส์กฐิน จะได้ไม่ขี้เกียจ

    ถาม : ส่วนใหญ่วัดในประเทศจะ…
    ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วไปขอเขา ไปขอเขาก็เลยกลายเป็นว่ากฐินเดาะตั้งแต่ไม่ทันจะทอด

    ถาม : ก็แสดงว่ากรณีที่…
    ตอบ : คนทอดได้อานิสงส์เต็มที่ แต่ว่าพระที่รับกฐินไปไม่ได้อานิสงส์กฐิน แต่อานิสงส์กฐินเขาผ่อนให้หลายสิกขาบทอย่างที่ว่ามา ศีลทั้งหลายเหล่านี้บางส่วนผ่อนผันให้ จะได้ไม่เครียดมากเพราะเครียดมาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว ฉะนั้น..โทษเกิดกับฝ่ายพระไม่ได้เกิดกับฝ่ายโยม ก็คือ ถ้ากฐินเดาะตั้งแต่แรก ต้องรักษาศีลสมบูรณ์บริบูรณ์เหมือนกับไม่ได้รับกฐินเลย

    ถาม-ตอบ ช่วงเย็น ณ บ้านอนุสาวรีย์
    วันเสาร์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๒
    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1227

    -กระดานสนทนาวั.jpg

    กฐินเดาะ – กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ให้เห็นว่าทุกอย่างที่เกิดกับเราเป็นธรรมดา เราทำเราจึงได้รับ ในเมื่อทุกอย่างเราทำมาเองทำไมเราจึงยอมรับผลงานของตัวเองไม่ได้ โบราณท่านว่าปลูกถั่วได้ถั่ว ปลูกงาได้งา เราไปปลูกพริกปลูกตำแยมันก็แสบบ้างคันบ้างเราก็ทนเอา แต่ขึ้นชื่อว่าเกิดมาแสบคันอย่างนี้จะไม่มีกับเราอีกแล้ว เพราะเราขอเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    ถ้าเทียบกับการที่เราต้องทนมีชีวิตอยู่ไปถึงวันตายซึ่งไม่เกิน ๑๐๐ ปีนี้ กับการเวียนตายเวียนเกิดที่นับกัปไม่ถ้วน ก็เป็นเวลาแค่นิดเดียว เหมือนอย่างกับหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นก็ผ่านพ้นไปแล้ว ทำไมเราจะอยู่อย่างมีความสุขไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นก็ เออ….ธรรมดา เราทำไว้เราถึงได้รับ เออ ! ธรรมดา ต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ถ้าเกิดมาเราก็ต้องพบต้องเจอ จิตใจก็จะปล่อยวาง ถ้าปล่อยวางแล้ว ทุกข์มหาศาลที่เรารู้สึกว่าเราต้องแบก ก็ไม่มีอะไรต้องแบกเลย วางกองลงเมื่อไรก็เบาเมื่อนั้น ก็สบายเมื่อนั้น คราวนี้ในเมื่อเราวางสิ่งที่หนักลงได้ แล้วเรื่องที่จะตะกายไปพระนิพพานก็ง่ายแล้ว เพราะว่าไม่มีอะไรถ่วงเรา

    จำเอาไว้ว่าทุกข์มีคุณมหาศาล มีค่ายิ่งกว่าเพชรยิ่งกว่าพลอยอีก โอกาสที่จะได้รู้ได้เห็นด้วยปัญญานั้นยากแสนจะยาก บัดนี้ทุกข์ปรากฏอยู่ตรงหน้าเราแล้ว โดดใส่เลย พอทำไปถึงจุดหนึ่งจะรู้สึกเลยว่า ตอนนี้เรามีชีวิตอยู่แค่ลมหายใจเข้าออกแค่นั้น หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายแล้ว ในเมื่อเรามีชีวิตอยู่แค่ช่วงลมหายใจเดียว ก็ไม่มีอะไรที่สร้างความกระทบกระเทือนให้เราได้ ตายเมื่อไรเราก็ไปพระนิพพานของเรา...ก็แค่นั้นเอง

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมีนาคม ๒๕๔๕ ณ บ้านอนุสาวรีย์


    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    กฐินสำคัญที่ผ้าไตร
    กฐินทานนั้นสำคัญที่สุดก็อยู่ตรงผ้าไตร ส่วนอื่น ๆ เป็นได้แค่บริวารกฐิน

    บุคคลที่ถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา ถ้าเกิดชาติใหม่มีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนา ถ้าท่านเป็นชาย ได้รับประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ลอยมาสวมตัวให้ ถ้าท่านเกิดเป็นผู้หญิงจะมีเครื่องประดับชื่อมหาลดาปสาธน์

    เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์นี้ มีลักษณะเป็นรูปนกยูงรำแพน โดยมีช่วงต่อออกมาเป็นเสื้อคลุม เสื้อคลุมนี้ร้อยขึ้นมาจากแก้วมณี ๑๑ ทะนาน แก้วไพฑูรย์ ๒๒ ทะนาน แก้วประพาฬ ๒๒ ทะนาน เป็นต้น สิ่งที่ใช้ร้อยแก้วนั้นก็คือด้ายเงินและด้ายทอง จึงทำให้ชุดนี้มีน้ำหนักมหาศาล ถ้าหากว่าไม่ได้ประกอบด้วยบุญหรือว่าไม่ได้เกิดมาเป็นเจ้าของจริง ๆ จะไม่สามารถยกขึ้นได้ เครื่องประดับชิ้นนี้ในสมัยพุทธกาลมีผู้หญิงอยู่ ๓ คน ด้วยกันที่มี คนแรกคือ นางวิสาขามหาอุบาสิกา คนที่สองคือ นางมัลลิกาเทวี ภรรยาของพันธุลเสนา คนที่สามคือ ภรรยาของโจรที่ชื่อว่า เทวนานิยะ เครื่องประดับชิ้นนี้มีราคา ๙ โกฏิของสมัยนั้น

    ๑ โกฏิ ถ้าว่าตามหลักของภาษาบาลี คือ ๑๐ ล้าน ก็แปลว่า ราคาต่ำสุดก็คือ ๙๐ ล้านของสมัยนั้น สมัยนี้ ๙,๐๐๐ ล้านไม่ทราบว่าจะซื้อได้หรือไม่ เพราะว่าแก้วมณีก็คือเพชร ร้อยขึ้นมาจากเพชร ๑๑ ทะนาน แล้วยังมีแก้วประพาฬแก้วไพฑูรย์อีกอย่างละ ๒๒ ทะนาน

    การทำบุญในพระพุทธศาสนาจะเห็นได้ว่าทำแล้วไม่สูญเปล่า ทำแล้วต้องได้ผลแน่นอน เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1347&page=2

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    กฐินเป็นสังฆทานจำกัดเขตจึงมีอานิสงส์พิเศษ
    เหตุที่กฐินเป็นสังฆทานจำกัดเขตนี่เอง กฐินจึงมีอานิสงส์เป็นพิเศษ สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้กล่าวไว้ว่า แม้กระทั่งสายพระเนตรแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังมองไม่เห็นที่สิ้นสุดแห่งอานิสงส์กฐินนั้น ผู้ที่ตั้งใจเป็นเจ้าภาพกฐินจะปรารถนาในพระโพธิญาณก็ได้ ก็แปลว่าแม้แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็ยังสำเร็จ เรื่องอื่นที่จะไม่สำเร็จนั้นไม่มี

    ท่านบอกว่า ผู้ที่ตั้งใจถวายกองกฐินนั้นจะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ จะเกิดเป็นพระมหากษัตริย์ จะเกิดเป็นเศรษฐีอย่างไม่มี ๆ ก็อย่างละ ๕๐๐ ชาติ และยังไม่ทันสิ้นสุดอานิสงส์กฐิน ส่วนใหญ่ก็จะเข้าสู่พระนิพพานเสียก่อน

    ตัวอย่างก็องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ในสมัยที่เป็นมหาทุคตะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นทาสในบ้านของเศรษฐีเขา เจ้านายตั้งใจทำบุญกฐินก็ใช้ให้ท่านจัดกองกฐินขึ้นมา มหาทุคตะก็กล่าวว่า “สามิ ข้าแต่นาย ข้าพเจ้าจะขอมีส่วนร่วมในกองกฐินนี้ได้บ้างหรือไม่?” เศรษฐีท่านก็บอกว่า “ได้ แล้วเจ้ามีอะไรที่จะมาเข้าร่วมในกองกฐินเล่า ?” มหาทุคตะในชาตินั้นจนมาก มีผ้านุ่งเก่า ๆ เพียงผืนเดียว ผ้าห่มก็ไม่มี

    สมัยก่อนนั้น การแต่งตัวที่ถูกต้องวัฒนธรรมก็จะมีผ้านุ่ง ๑ ผืน ผ้าห่ม ๑ ผืน มหาทุคตะมีแต่ผ้านุ่งเก่า ๆ เท่านั้น จึงไปยังร้านขายผ้า ก่อนที่จะไปก็หาใบไม้มานุ่งแทนผ้า บอกกับเจ้าของร้านผ้าว่า “ขายผ้าเก่าผืนนี้” เจ้าของร้านขายผ้าก็บอกว่า “ผ้าของท่านเก่ามาก ตีราคาไม่ถูก” คำว่าตีราคาไม่ถูกไม่ได้แปลว่าแพงมาก แต่แปลว่า…ถูกจนให้ราคาไม่ได้ มหาทุคตะก็บอกว่า “แล้วแต่ท่านจะให้สิ่งใดก็แล้วกัน แต่ขอให้เป็นของใหม่ จะได้เอาไปเข้ากองกฐินร่วมกับเจ้านายของเราได้” เจ้าของร้านก็ตัดใจให้เข็มไป ๑ เล่ม และด้ายไป ๑ กลุ่ม มหาทุคตะก็นำเข็ม ๑ เล่ม และด้าย ๑ กลุ่มนั้น ไปเข้าร่วมกับกองกฐิน แล้วอธิษฐานปรารถนาพระโพธิญาณ ด้วยอานิสงส์ในครั้งนั้นเป็นส่วนส่งผลให้มหาทุคตะในชาติสุดท้ายนั้นบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรา

    ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า บุญกฐินนั้นมีอานิสงส์พิเศษที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ท่านทั้งหลายที่ได้ทำบุญกฐินแล้ว จึงเป็นโอกาสอันดีที่ท่านได้สร้างบุญใหญ่ในพระพุทธศาสนา เมื่อถึงเวลาแล้วท่านทั้งหลายอย่าได้ลืมอุทิศส่วนกุศลที่พึงได้ในครั้งนี้ ให้แก่ญาติพี่น้องทั้งหลายของเราที่ล่วงลับไปแล้ว ให้แก่เทพเจ้าที่ปกปักรักษาตัวเรา เทพเจ้าทั่วสากลพิภพและพระยายมราช ให้ท่านโมทนาและเป็นพยานในการสร้างบุญครั้งนี้ของเรา โดยเฉพาะอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนี้ยังประทับอยู่โรงพยาบาลศิริราชเพื่อรักษาพระองค์อยู่ ขอให้พระองค์หายจากอาการประชวร มีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ว สามารถเสด็จออกจากโรงพยาบาลเพื่อประกอบพระราชภารกิจต่อไปได้โดยสะดวก และขอให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญยั่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่พวกเราต่อไป

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1347&page=2

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    รักษาอารณ์เอาไว้ ซักซ้อมประคองไว้ ให้ความสนใจกับภายนอกให้น้อยที่สุด จะได้ไม่เสียเวลาคลายอารมณ์ออกมาสู่ข้างนอกให้เดือดร้อนแก่ตัวเอง รับรู้อาการภายนอกเมื่อไร ก็เท่ากับรับทุกข์
    แล้วก็เดือดร้อนฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว คนอื่นเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
    …………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน.

    -ซักซ้อ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    รักษาอารมณ์เอาไว้ ซักซ้อมประคองไว้ ให้ความสนใจกับภายนอกให้น้อยที่สุด จะได้ไม่เสียเวลาคลายอารมณ์ออกมาสู่ข้างนอกให้เดือดร้อนแก่ตัวเอง รับรู้อาการภายนอกเมื่อไร ก็เท่ากับรับทุกข์
    แล้วก็เดือดร้อนฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว คนอื่นเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
    …………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    -ซักซ้.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

    ถาม : ถ้าเราป่วยแล้วใกล้ตาย… เราจะรู้สึก…?
    ตอบ : จำอารมณ์นั้นเอาไว้ แล้วเอามาใช้ให้ได้ทุกวัน เมื่อถึงตอนนั้นจะปล่อยวาง แม้กระทั่งพระนิพพานก็ไม่เกาะแล้ว แต่มีพระนิพพานเต็มอยู่ในใจของเรา เมื่อพระนิพพานอยู่กับเราเองแล้ว จะต้องไปเกาะอีกทำไม ?

    เหมือนกับเราเดินขึ้นบันไดมา เราอาศัยเกาะราวบันได พอขึ้นถึงห้องแล้วเราจะไปเกาะราวบันไดให้เสียเวลาทำไม ? เพราะฉะนั้น..ที่ยึดเกาะจริง ๆ ตอนแรก แต่มาถึงตอนนั้นก็ปล่อยหมดแล้ว พระนิพพานก็ไม่ต้องเกาะแล้ว แต่เต็มอยู่ในใจของเรานี่แหละ

    เราจะรู้เลยว่าตายตอนนี้ก็ไปพระนิพพานตอนนี้ จะไม่มีความสุขไปได้อย่างไร ทุกข์ ๑๐๘ ที่เราเคยแบกไว้ ไม่มีอะไรไม่ดีเลย พอถึงเวลาจะมีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้น กระทั่งมารก็กลายเป็นครูที่ดี กระทั่งทุกข์ก็กลายเป็นทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าที่หาได้ยาก ตะเกียกตะกายมาตั้งกี่ชาติกี่ภพกว่าจะได้พบได้เห็นทุกข์อย่างนี้

    ถ้าเกิดว่าเราไปขุดหาทอง ขุดจนลิ้นห้อยชาติแล้วชาติเล่าก็ไม่เจอ อยู่ ๆ ไปเจอทองจำนวนมหาศาลเข้า จะต้องไปนั่งกลุ้มทำไม ? ก็ต้องดีใจใช่ไหม ? พอถึงเวลานั้นเหมือนกับโลกนี้พลิกกลับ สิ่งที่ไม่ดีเราจะเห็นว่าดีไปหมด

    ถาม : พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ?
    ตอบ : คล้าย ๆ อย่างนั้น สิ่งที่เคยเห็นว่าไม่ดีไม่งามจะเห็นเป็นของดีไปหมด จำเป็นจะต้องเห็น ถึงไม่เห็นก็ต้องบังคับให้เห็น พยายามย้ำแล้วย้ำอีกว่าธรรมดาของโลกนี้เป็นอย่างนี้เอง ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วอยากได้อีกไหม ?

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕


    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    คนเราเลือกที่จะทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้องเสมอ
    แต่ผลการคิดต่างกันเพราะสติปัญญาต่างกัน
    ผู้ร้ายฆ่าคนก็คิดว่าเขาทำถูก… เพราะเขามีสติปัญญาแค่นั้น
    …………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...