อัศจรรย์จริงหนอ เหมือนตาเห็นใครกันที่จะเป็นอย่างที่ท่านว่ามา?

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เสขะปฎิสัมภิทา, 6 เมษายน 2017.

  1. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    นาทีที่๒๐ ท่านหลวงพ่อฤาษี"กล่าวถึงอลัชชีเลวๆที่ปฎิเสธพระไตรปิฎก" จะมีใครที่ไหนกันเล่า นี่ท่านกล่าวไว้เหมือนตาเห็น

    ในประเทศนี้ในโลกใบนี้ ที่ผ่านมามีใครกันบ้าง?ที่มีพฤติกรรมอย่างนั้น?
    จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ชาติเลว คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าสำนักวัดนาป่าพงและเหล่าบริวารลิ่วล้อทั้งหลายฯ

    มันปรากฎตัวออกมาได้อย่างไร? มันไปโกรธแค้นหลวงพ่อฤาษีท่านแต่ปางไหนมา จึงสำคัญตนมาลบหลู่ดูหมิ่น การเข้าถึง พระสัทธรรม ๓ ซึ่ง สัทธรรมปริยัติ สัทธรรมปฎิบัติ สัทธรรมปฎิเวธ ของหลวงพ่อท่าน

    ไม่ใช่เรื่องบังเอิญฯ




    อรรถกถา มูสิกชาดก
    ว่าด้วย ผู้เอาธรรมบังหน้า
    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า โย เว ธมฺมทฺธชํ กตฺวา ดังนี้.
    ความย่อว่า ในครั้งนั้น เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลความที่ภิกษุนั้นเป็นผู้หลอกลวง ให้ทรงทราบแล้ว. พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในปางก่อน ภิกษุนี้ก็หลอกลวงเหมือนกัน.
    ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
    ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในพระนครพาราณสี. พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในกำเนิดหนู อาศัยความเจริญเติบโต มีร่างกายอ้วนใหญ่คล้ายกับลูกสุกรอ่อน มีหนูหลายร้อยเป็นบริวาร ท่องเที่ยวอยู่ในป่า.
    ครั้งนั้น มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่ง ท่องเที่ยวไปตามประสา เห็นฝูงหนูนั้น คิดว่า เราจักลวงกินหนูเหล่านี้ แล้วแหงนหน้าจ้องดวงอาทิตย์สูดดม ยืนด้วยเท้าข้างเดียว ในที่ไม่ไกลกับที่อาศัยของฝูงหนู.
    พระโพธิสัตว์เที่ยวหากิน เห็นมันแล้ว คิดว่า หมาจิ้งจอกนี้คงเป็นผู้มีศีล จึงเดินไปสู่สำนักของมัน พลางถามว่า ท่านผู้เจริญ ท่านชื่ออะไรเล่า?
    มันตอบว่า เราชื่อธรรมิกะ.
    ถามว่า ท่านไม่ยืนเหนือแผ่นดินสี่เท้า ยืนด้วยเท้าข้างเดียว เพราะเหตุไร?
    ตอบว่า เมื่อเราเหยียบแผ่นดินสี่เท้าละก็ แผ่นดินไม่อาจทนอยู่ได้ เหตุนั้น เราต้องยืนเท้าเดียวเท่านั้น.
    ถามว่า ทำไมต้องยืนอ้าปากด้วยเล่า?
    ตอบว่า เราไม่กินอาหารอื่น กินลมอย่างเดียว.
    ถามว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมจึงต้องจ้องมองดวงอาทิตย์ด้วยเล่า?
    ตอบว่า เรานอบน้อมพระอาทิตย์.
    พระโพธิสัตว์ฟังคำของมันแล้ว มั่นใจว่า สุนัขจิ้งจอกตัวนี้คงมีศีลเป็นแน่. แต่นั้นก็ไปสู่ที่บำรุงของมันกับฝูงหนู ทั้งเวลาเย็น เวลาเช้า. ครั้นในเวลาที่หนูผู้โพธิสัตว์นั้นทำการบำรุงแล้วไป หมาจิ้งจอกก็จับเอาหนูตัวสุดท้าย กินเนื้อเสียแล้ว เช็ดปากยืนอยู่ ฝูงหนูบางตาลงโดยลำดับ. พวกเราต้องเบียดเสียดกันอยู่ เดี๋ยวนี้ดูหลวม ที่อยู่แม้เท่านั้น ก็ยังไม่เต็ม นี่มันเรื่องอะไรกัน? แล้วพากันบอกเรื่องราวแก่พระโพธิสัตว์.
    พระโพธิสัตว์คิดว่า เหตุไรเล่าหนอ พวกหนูจึงเบาบางไป ตั้งข้อสงสัยในหมาจิ้งจอก ดำริว่า ต้องสอบสวนหมาจิ้งจอกนั้นในเวลาบำรุง ให้พวกหนูออกหน้า ตนเองอยู่หลังเพื่อน.
    หมาจิ้งจอกวิ่งไปสะกัดพระโพธิสัตว์ไว้.
    พระโพธิสัตว์เห็นมันกอดจับตน ก็หันกลับพูดว่า เจ้าสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ การบำเพ็ญพรตของเจ้านี้ มิใช่เป็นไปเพื่อความประพฤติดีปฏิบัติชอบ แต่เจ้าประพฤติแอบอ้างเอาธรรมเป็นธงขึ้นไว้ เพื่อเบียดเบียนสัตว์อื่น.
    แล้วกล่าวคาถานี้ ความว่า
    “ ผู้ใดแลเทิดธรรมเป็นธงชัย ให้สัตว์ทั้งหลายตายใจ ซ่อนตนประพฤติชั่ว ความประพฤติของผู้นั้น ชื่อว่า เป็นความประพฤติของแมว ” ดังนี้.
    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โย เว ความว่า ในหมู่ชนมีกษัตริย์เป็นต้น คนใดคนหนึ่งก็ตาม.
    บทว่า ธมฺมทฺชชํ กตฺวา ความว่า เทิดทูนกุศลกรรมบทสิบประการเป็นธง คือธรรม เสมือนว่า ตนปฏิบัติธรรมนั้นอยู่เชิดชู ขึ้นแสดง.
    บทว่า วิสฺสาสยิตฺวา ความว่า ทำให้ฝูงสัตว์เกิดความวางใจ ด้วยสำคัญผิดว่า ผู้นี้มีศีล.
    บทว่า พิฬารนฺนาม ตํ วตํ ความว่า พรตของผู้ที่เทิดธรรมเป็นธงอยู่อย่างนี้ แล้วซ่อนกระทำความชั่วอยู่ลับๆ นั้น ย่อมชื่อว่า เป็นพรตอันประกอบด้วยความล่อลวง.
    พระยาหนูกล่าวพลางกระโดดขึ้นเกาะคอมันไว้ กัดที่ซอกคอใต้คาง ให้ถึงความสิ้นชีวิต. ฝูงหนูกลับมากัดกินหมาจิ้งจอก เสียงดังมุ่มม่ำๆ แล้วพากันไป. ได้ยินว่า หนูพวกที่มาก่อนก็ได้กินเนื้อ พวกที่มาทีหลังก็ไม่ได้. นับแต่นั้นมา พวกหนูก็หมดภัยได้ความสุข.
    พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
    หมาจิ้งจอกในครั้งนั้น ได้มาเป็น ภิกษุหลอกลวง ในครั้งนี้
    ส่วนพญาหนูได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.

    http://www.84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270128

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2017
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    "โมฆะบุรุษชาติชั่วช้าเลวทรามต่ำช้าในตำนาน"

     
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    บทสวดใดที่ในสำนักนี้ไม่สวดคือคำแต่งใหม่ทั้งหมด
     
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    พระเครื่องเป็นเดรัจฉานวิชาสำหรับสำนักวัดนาป่าพง
     
  5. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    วิสัชนาผิด กลืนน้ำลายตนเอง หลังจากที่กล่าวว่า พระเครื่องพระพุทธรูปคือเดรัจฉานวิชา แต่พอลูกศิษย์ถาม ตอบเอาใจศิษย์ ว่าถวายข้าวน้ำพระเครื่องพระพุทธรูปกลายเป็นสัมมาทิฏฐิเบื้องต้น และต้องเข้าสู่นรก โดยไม่พ้นนรก ถ้าใครกราบไหว้บูชาพระเครื่องและพระพุทธรูป

    นี่แสดงให้เห็นว่า ได้ต้อง มิตฉัตตะ ๑๐ ประการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
     
  6. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
     
  7. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
     
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    #ถึงฆาต !
    ป.อ.ปยุตฺโต (พระพรหมคุณาภรณ์) กรณีพระคึกฤทธิ์

    ระบุชัด "คึกฤทธิ์ไม่มีสิทธิ์ใช้พระไตรปิฎกภาษาไทย"
    ไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะเป็นผลงานของพระอรรถกถาจารย์ผ่านการแปลของเปรียญ เมื่อคุณไม่รับอรรถกถา แถมหยามหมิ่นการเรียนบาลี ก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ผลงานของพระอรรถกถาจารย์และมหาเปรียญ
    ----------------------------------------------------------
    #รุ่นพี่
    โพธิ์รักษ์-ธัมมชโย นักศึกษาพระพุทธศาสนา "รุ่นพี่" ของคึกฤทธิ์
    ที่ผ่านไม้เรียวของครูใหญ่ "ป.อ.ปยุตฺโต" จนก้นลายทั้งสามคน
    จากกรณีสันติอโศก ผ่านกรณีธรรมกาย ถึง..กรณีคึกฤทธิ์
    3 วิกฤตแห่งสังคมพุทธไทย
    -----------------------------------------------------------
    ไม่ต้องเรียนนักธรรม-บาลี ไม่มีครูบาอาจารย์ แต่ริอ่านสอนพระไตรปิฎก ทำนองไม่เรียนไวยากรณ์ภาษาไทย แต่คิดจะสอนภาษาไทย ฝันใฝ่อยากเป็นศาสดาจารย์ทางลัด ก็ใช้สูตรเรียนลัดง่ายๆ เพียงแค่ "เอาพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย" ที่บรรดามหาเปรียญเขาแปลไว้นั้น มาตัดต่อขาย ในนาม "พุทธวจน" และเพื่อจะดัดแปลงสำนวนพระไตรปิฎกได้ตามใจตน ก็ยกเมฆชั้นสองว่า "มีสิ่งปลอมปนในพระไตรปิฎก โดยเฉพาะอรรถกถา เชื่อถือไม่ได้ ต้องตัดทิ้ง จึงจะเป็นพุทธวจนที่แท้จริง" หลอกชาวบ้านผู้รู้ไม่ทันว่า "เป็นการพบพระพุทธเจ้าโดยตรง" แต่เพื่อจะเลี่ยงเสียซึ่งคำครหา จึงกล่าวหา "ภาษาบาลี" ว่าไม่มีประโยชน์ ทั้งๆ ที่ "พุทธวจน" ทั้งดุ้น เป็นผลงานการแปลของผู้ศึกษาภาษาบาลีทั้งสิ้น

    คึกฤทธิ์แปลไม่ออกแม้กระทั่งคำว่า "สกิเทว" พระพรหมคุณาภรณ์ท่านยกตัวอย่างเหมือน "SEASON" ที่แปลว่า ฤดู แต่ถ้าแยกแปลแบบคึกฤทธิ์ก็คงจะจับหัวชนหางเป็น "sea+son" Sea=ทะเล Son=ลูก Season จึงแปลว่า ลูกทะเล เหมือนที่แปล "สกิเทว=เทวดาคราวเดียว" ได้ใครฟังก็ขำกลิ้ง แค่ศัพท์ไวยากรณ์ตื้นๆ คึกฤทธิ์ยังแปลไม่ออก แล้วอุตริสอนพุทธวจน จะพาคนไปพบพระพุทธเจ้าพระองค์จริง ทำได้ก็ยิ่งกว่าลิงเป็นวอก

    แผนการขั้นต่อไปก็คือ "ตั้งพรรคการเมือง" เหมือนโพธิรักษ์กับธัมมชโยเลยสิ เดี๋ยวนี้ก็ใช้อามิสหว่านล้อม "เด็กๆ" ไปท่องพุทธวจนกันทั้งประเทศแล้วมิใช่หรือ ทีวีช่องไตรภพก็มีพร้อมจ้อแล้ว เหลือเพียงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนชื่อพรรคในใจนั้นก็สั้นๆ "พรรคพุทธวจน" รับรองว่าคะแนนนิยมตรึม นะคึกฤทธิ์นะ อย่าช้า เพราะ..ถ้าไม่เล่นการเมือง การเมืองก็จะเล่นท่าน

    #นับจากนี้ไป ไม่มีเวลาสำหรับคึกฤทธิ์แล้ว คุณหมดเวลาหลอกชาวบ้านแล้ว ออกไปจากคณะสงฆ์ไทยเสียโดยไว สมเด็จวัดปากน้ำก็ช่วยอะไรไม่ได้ !
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
     
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2017
  12. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
  13. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ
    เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด
    ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และ
    สัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด

    ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อ
    ทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไป ฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้น เมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ฯ

    ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุ
    น้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้
    โมฆบุรุษใน
    โลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะอัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไปด้วยประการฉะนี้


    "ดูก่อนท่านปัณฑรสฤาษี ในกาลภายหน้านั้น ภิกษุเป็นอันมาก จะเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ ลบหลู่ คุณท่าน หัวดื้อ โอ้อวด ริษยา มีวาทะแตกต่างกัน จะเป็นผู้มีมานะ (ถือตัว) ในธรรม ที่ยังไม่รู้ทั่วถึง คิดว่าตื้น ในธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นคนเบาปัญญา ไม่เคารพธรรม ไม่มีความเคารพกันและกัน

    ในกาลข้างหน้า โทษภัยเป็นอันมากจะเกิดขึ้นในหมู่สัตว์โลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลาย ผู้ไร้ปัญญา จะกระทำ ธรรมะ ที่พระศาสดา ทรงแสดงแล้วนี้ ให้เศร้าหมอง

    ทั้งพวกภิกษุที่มีคุณอันเลว แต่โวหารจัดแกล้วกล้า มีกำลังมาก ปากกล้า ไม่ได้ศึกษาธรรมวินัย ก็จะมีขึ้น ในสังฆมณฑล ส่วนภิกษุผู้มีคุณความดี มีโวหารสมควรแก่เนื้อความ มีความละอาย ต่อบาป ไม่ต้องการ อะไรๆ ก็จะมีกำลังน้อย


    ธาตุอันตรธานปริวัตต์
    คำว่า อัตรธาน คือ ความเสื่อมสูญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มี ๕ ประการ คือ
    ๑.ปริยัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระปริยัติ
    ๒.ปฏิบัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการปฏิบัติ
    ๓.ปฏิเวธอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการสำเร็จมรรคผลนิพพาน
    ๔.ลิงคอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งเพศสมณะ
    ๕.ธาตุอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระบรมธาตุ


    http://palungjit.org/threads/สำนักวัดนาป่าพงคึกฤทธิ์และสาวกพลาด-สร้าง-พุทธวจน-ปลอม.552222/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2017
  14. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ดูหมิ่น การเข้าถึง พระสัทธรรม ๓ ของท่านหลวงพ่อฤาษี



     
  15. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนองคืน

    ธาตุวิภังคสูตร


    กุลบุตรชื่อปุกกุสาติ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตอุทิศพระผู้มีพระภาคด้วยศรัทธา

    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปสู่โรงช่างหม้อแล้ว ทรงลาดสันถัดหญ้า ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ประทับนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งพระกายตรง ดำรงพระสติมั่นเฉพาะหน้า พระองค์ประทับนั่งล่วงเลยราตรีไปเป็นอันมาก แม้ท่านปุกกุสาติก็นั่งล่วงเลยราตรีไปเป็นอันมากเหมือนกัน ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงพระดำริดังนี้ว่ากุลบุตรนี้ประพฤติน่าเลื่อมใสหนอ เราควรจะถามดูบ้าง ต่อนั้นพระองค์จึงตรัสถามท่านปุกกุสาติดังนี้ว่า "ดูกรภิกษุ ท่านบวชอุทิศใครเล่า หรือว่าใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร ฯ

    ท่านปุกกุสาติตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ มีพระสมณโคดมผู้ศากยบุตร เสด็จออกจากศากยราชสกุลทรงผนวชแล้ว ก็พระโคดมผู้มีพระภาคพระองค์นั้นแล มีกิตติศัพท์ฟุ้งไป งามอย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุดังนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นผู้ไกลจากกิเลส รู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกอย่างหาคนอื่นยิ่งกว่ามิได้เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้แจกธรรม ดังนี้ "ข้าพเจ้าบวชอุทิศพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น และพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นศาสดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าชอบใจธรรมของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯ"

    หากไม่มีผู้ควบคุมธาตุ สรรพสัตว์ในสหโลกธาตุทั้งหลายฯ ย่อมพินาศเสื่อมสูญฯ วัฎสงสารจึงเจริญไม่สิ้นไป ควรจะบวชอุทิศผู้ใดใครกันเล่า!


    ทุกครั้งที่สหโลกธาตุสั่นสะเทือนหวั่นไหว ด้วยการสำเร็จในการบรรลุพระสัทธรรม นั้นจะยืดเวลารักษาสภาพของโลกธาตุต่างๆไว้

    แต่ทุกครั้งที่พระสัทธรรมถูกแต่งเติมด้วยสัทธรรมปฎิรูปและถูกย่ำยีด้วยอามิสทายาทที่เนรคุณต่อพระสัทธรรมธรณีจะหวั่นไหวพินาศ(ธาตุ๔)

    และทุกครั้งที่สหโลกธาตุสั่นสะเทือนหวั่นไหว ด้วยการสำเร็จในการบรรลุอสัทธรรม นั้นจะทำลายธาตุ ๔ อันมีดิน น้ำลมไฟของโลกธาตุให้เกิดความแปรปรวน และทุกครั้งที่อสัทธรรมเจริญโชติช่วงจนถึงขีดสุดก็ถึงคราวิบัติของโลก

    แผ่นดินไหวด้วยเหตุ ๘ ประการ คือ
    ๑. ธาตุกำเริบ
    ๒. อานุภาพของผู้มีฤทธิ์
    ๓. พระโพธิสัตว์ก้าวลงสู่พระครรภ์
    ๔. เสด็จออกจากครรภ์พระมารดา
    ๕. บรรลุพระสัมโพธิญาณ
    ๖. ทรงแสดงพระธรรมจักร
    ๗. ทรงปลงอายุสังขาร
    ๘. เสด็จดับขันธปรินิพพาน
    วินิจฉัยเหตุแม้เหล่านั้น ข้าพเจ้าจักกล่าวในคราววรรณนาพระบาลีที่มาในมหาปรินิพพานสูตรอย่างนี้ว่า๑-
    ดูก่อนอานนท์ เหตุ ปัจจัย ๘ เหล่านี้แลที่ให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ดังนี้ทีเดียว.

    ก็แผ่นดินใหญ่นี้ได้ไหวในฐานะ ๘ แม้อื่น คือ
    ๑. คราวเสด็จมหาภิเนษกรมณ์
    ๒. คราวเสด็จเข้าสู่โพธิมัณฑสถาน
    ๓. คราวรับผ้าบังสุกุล
    ๔. คราวซักผ้าบังสุกุล
    ๕. คราวแสดงกาลามสูตร
    ๖. คราวแสดงโคตมกสูตร
    ๗. คราวแสดงเวสสันดรชาดก
    ๘. คราวแสดงพรหมชาลสูตรนี้

    เป็นธรรมดาของผู้ที่ไม่ทราบส่วนใหญ่จะมีความหวาดกลัวและแตกตื่นใจในการที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว กลัวเกรงอันตรายที่มีมากจากความรุนแรงของแผ่นดินไหว จนคิดเสมอจนเป็นที่นิยมไปแล้วว่า การเกิดแผ่นดินไหวถือเป็นมหันตภัยที่มนุษย์ยังไม่สามารถป้องกันได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของผู้คนจำนวนมาก

    คึกฤทธิ์แห่งสำนักวัดนาป่าพงสอนศิษย์ให้ไม่เอาพระแม่ธรณี ไม่แปลกที่จะเกิด ธาตุดินกำเริบแผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม ทั้งที่เนปาล และ พม่า พระแม่ธรณีท่านคงเสียใจมากพอดู จนต้องคร่ำครวญ ที่ท่านถูกเหมารวมเป็นคำแต่งใหม่ถือเป็นเดรัจฉานวิชา มันคงแค้นพระแม่ธรณีมาก พวกมาร จึงมาแปลงจากกงจักรเป็นดอกบัวหลอกผู้คน

    ต่อไปจะเกิดที่ไหนอีก? กว่าจะรู้ตัว สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาทั้งนั้น มีแต่ผู้มีสภาวะธรรมจึงจะมองออกในข้อนี้



    สำนวนไทยที่ว่า "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว" คนชั่วมักจะมองเห็นสิ่งเลวร้ายเป็นของสวยงาม ทั้งๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ผิดใ ช้ได้อย่างลงตัวสมบูรณ์สำคัญที่สุดก็คือในกาลบัดนี้เอง



    ผู้ที่ไม่รู้คุณความหมายในข้อนี้ ไม่ฉลาดในธาตุ ตามคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา ก็จะเหมารวมคิดไปว่า แผ่นดินไหว เป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะฉนั้นก็เลยจะต้องพาลไม่รู้คุณของพระธรณีผู้ถือครองธาตุดินไปด้วย ซึ่งเป็นผู้กระทำอภิวันท์เคารพบูชาพระมหาโพธิสัตว์ตั้งแต่ต้นจนถึงเสด็จเข้าสู่พระปรินิพพาน

    อย่าลืมว่า บรรดาผู้ใหญ่ยิ่ง มารผู้มีบาปเป็นเลิศ




    แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ส่งแรงสั่นสะเทือนและมีผลกระทบไปในบริเวณกว้างและไกล ไม่เฉพาะบริเวณที่เป็นศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว และหากเป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่สามารถส่งแรงสั่นสะเทือนไปได้หลายพันกิโลเมตร ดังนั้นหลายประเทศจึงได้มีการตรวจวัดแผ่นดินไหวในระบบเครือข่ายทั้งในระดับประเทศและเครือข่ายระดับโลก เพื่อวิเคราะห์ตำแหน่ง ขนาดและเวลาเกิดแผ่นดินไหว โดยประเทศไทยเริ่มมีการตรวจแผ่นดินไหวเมื่อปี 2526 และสถานีตรวจแผ่นดินไหวแห่งแรกของกรมอุตุนิยมวิทยา ณ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับเข้าร่วมเป็นเครือข่ายระบบมาตรฐานโลก (Worldwide Standardized Seismograph Network: WWSSN) ซึ่งขนาดและความรุนแรงของการเกิดแผ่นดินไหวจะมีหน่วยเป็น “มาตราริคเตอร์” และ “มาตราเมอร์แคลลี่”’

    ความรุนแรงของแผ่นดินไหวสามารถวัดได้ทั้งขณะเกิดและหลังเกิด คนอาจจะรู้สึกได้ถึงการเกิดแผ่นดินไหว มีอาคารเสียหายหรือมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยขนาดและความสัมพันธ์โดยประมาณกับความสั่นสะเทือนใกล้จุดศูนย์กลางตามมาตราริคเตอร์ แบ่งได้เป็น 5 ช่วง คือ
    ความรุนแรง 1.0-2.9 เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ผู้คนเริ่มรู้สึกถึงอาการสั่นไหว บางครั้งรู้สึกเวียนศีรษะ
    ความรุนแรง 3.0-3.9 เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ผู้คนที่อยู่ในอาคารรู้สึกเหมือนรถไฟวิ่งผ่าน
    ความรุนแรง 4.0-4.9 เกิดการสั่นไหวปานกลาง ผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งภายในอาคารและนอกอาคาร รู้สึกถึงการสั่นสะเทือน วัตถุที่ห้อยแขวนมีการแกว่งไปมา
    ความรุนแรง 5.0-5.9 เกิดการสั่นไหวรุนแรงเป็นบริเวณกว้าง เครื่องเรือน และวัตถุมีการเคลื่อนที่
    ความรุนแรง 6.0-6.9 เกิดการสั่นไหวรุนแรงมาก อาคารเริ่มเสียหาย พังทลาย
    ความรุนแรง 7.0 ขึ้นไป เกิดการสั่นไหวอย่างร้ายแรง อาคาร สิ่งก่อสร้างได้รับความเสียหายอย่างมาก แผ่นดินเกิดการแยกตัว วัตถุที่อยู่บนพื้นถูกเหวี่ยงกระเด็น

    ส่วนลักษณะความรุนแรงโดยเปรียบเทียบตามมาตราแคลลี่อันดับที่ แบ่งเป็น 12 ระดับ ดังนี้
    ความรุนแรงระดับ 1 เป็นอันดับอ่อนมาก ความสั่นสะเทือนสามารถตรวจวัดได้ด้วยเครื่องมือ
    ความรุนแรงระดับ 2 คนที่อยู่ในอาคารสูงและอยู่นิ่ง ๆ สามารถรู้สึกได้
    ความรุนแรงระดับ 3 คนที่อยู่ในบ้านสามารถรู้สึกได้
    ความรุนแรงระดับ 4 ผู้ที่อยู่ในบ้านรู้สึกว่าบ้านสั่นไหว
    ความรุนแรงระดับ 5 รู้สึกเกือบทุกคน ของในบ้านเริ่มแกว่งไกว
    ความรุนแรงระดับ 6 ทุกคนรู้สึกถึงการสั่นไหว ของหนักในบ้านเริ่มเคลื่อนไหว
    ความรุนแรงระดับ 7 ผู้คนตกใจ สิ่งก่อสร้างเริ่มปรากฏความเสียหาย
    ความรุนแรงระดับ 8 อาคารธรรมดาได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก
    ความรุนแรงระดับ 9 สิ่งก่อสร้างที่ได้รับการออกแบบไว้เป็นอย่างดีได้รับความเสียหายมาก
    ความรุนแรงระดับ 10 อาคารพัง รางรถไฟบิดงอ
    ความรุนแรงระดับ 11 อาคารสิ่งก่อสร้างพังทลายเกือบทั้งหมด ผิวโลกปูดนูนและเลื่อนเป็นคลื่นบนพื้นดินอ่อน


    กาลเวลาล่วงเลยมาจนยุคกึ่งพุทธกาล อันเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้เป็นการต่อสู้ระหว่างธรรมทายาทผู้รับธรรมสมบัติของ พระสัทธรรม พระธรรมราชา พระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทดั้งเดิม ทิพยวิเศษบริสุทธิธรรม (ปฎิสัมภิทาญาน)

    กับ

    ทายาทผู้รับมารสมบัติของ อสัทธรรม พญามาร ราชามาร ผู้ถือคัมภีร์อักขระพยัญชนะมารดั้งเดิม อหังการวิเศษมาร

    ซึ่งมีมาทุกยุคทุกสมัยในทุกๆพุทธันดร ที่จะต้องเผชิญเหตุการณ์แบบนี้ พระธรรมคำสั่งสอนมิได้มุ่งหมายเป็นข้าศึกในโลก ก็ด้วย อวิชาและตัณหาอันเป็นเครื่องผูกของสัตว์เหล่านั้น จึงต้องโรมรัน ชิงไหวชิงพริบเพื่อความสุขสวัสดิ์สถาพรของเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายฯ ไม่ใช่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายฯ จะทรงทอดทิ้งโลกธาตุอื่นๆไปด้วย แต่ทรงเป็นผู้ดูแลเปรียบประดุจมารดาดูแลบุตรในครรภ์


    บางลัทธิศาสนาพ่ายแพ้แก่พระยมกปาฎิหาริย์จนบันทึกลงคัมภีร์ไปเลยก็มี

    อันคัมภีร์ทั้งหลายฯ ขอแสดงเพียง ๓ มีเพียงหนึ่งบทธรรมอันเลิศซึ่งแตกต่างจากคัมภีร์หนี๑ พราหมณ์(ชนะแล้วต้องกลับมาแพ้) ซึ่งเป็นคัมภีร์หนี๒(พระสัทธรรม) หนีแบบชนะไม่ซ้ำเติมด้วย แค่สั่งสอน ซึ่งเป็นการชนะแล้วซึ่งวัฎสงสารไม่ต้องกลับมาแพ้อีก และคัมภีร์มาร๑ที่หวังควบคุมเหล่าสัตว์อื่น ให้หลงงมงายในมายาคติต่อไป

    จึงแตกหักอย่างเช่นทุกๆวันนี้ด้วยวัฎจักรธรรม เป็นอิทัปปัจจยตา เมื่อมีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงมี ทางในทางเดียวกันทอดเป็นกระแส และในแนวทางที่แตกต่างกัน หรือตรงกันข้ามกัน






    เรามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้ได้ทราบไว้เป็นอีกหนึ่งกรณี นอกจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั้งหลายฯนั้น ที่เราคาดคิดกันว่าเป็นเพราะผลของภัยพิบัติทางธรณีวิทยาและสภาพอากาศจนตลอด ภัยมฤตยูที่มีมาจากนอกโลก สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้อยู่นอกเหนือการล่วงรู้ของพระสัพพัญญูเจ้า แต่อย่างใด

    สัญญานคือ อภยปริตร คือการทำลาย อภยปริตร และ มหาสุบินชาดก ของไอ้อลัชชีคึกฤทธิ์และเหล่าลิ่วล้อบริวารแห่งสำนักวัดนาป่าพง
    http://palungjit.org/threads/พุทธทำนาย-ยุคกึ่งพุทธกาล-จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่-ปีพ-ศ-2560-เป็นต้นไป.569027/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2017
  16. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201


    ขอพระสัทธรรมจงรุ่งเรืองขจรขจายไปทั่วทั้งแผ่นดินเถิด

    ปฏิสัมภิทามรรค

    " ผู้ที่มีจิตไม่มั่นคง ไม่ทราบพระสัทธรรม
    มีความเลื่อมใสรวนเร ย่อมมีปัญญาบริบูรณ์
    ไม่ได้"


    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=31.0&i=0&p=1

    http://palungjit.org/threads/who-dhammikaracha.609862/
     
  17. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201

    ขอเตือนภัยใหญ่ที่จักเกิดขึ้นต่อไปไว้ ณ ที่นี้ เพราะสัทธรรมปฎิรูปได้ อาศัยเกิดขึ้นในประเทศไทย ในยุคกึ่งพุทธกาลแล้ว โดยสำนักอลัชชี คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล และเหล่าลิ่วล้อบริวารสาวกมาร ๕

    จงพึงระวังภัยเถิด


    จงอยู่ให้ห่างไกลและขอให้ท่านทั้งหลายปลอดภัย จากอุปัทวะอันตรายของ สัทธรรมปฎิรูป และ อสัทธรรม ทั้งหลายเหล่านั้นเถิด


    สาธุธรรมฯ ขออนุโมทนาในบุญฯ ที่หลั่งไหลมาตามกระแสธรรม อันสัมผัสได้

    ขอให้ท่านทั้งหลายฯ ผู้ถึงความเจริญแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายเจริญในพระสัทธรรมอันยิ่งขึ้นไป

    ขอจงสรรเสริญแด่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบผู้เป็นธรรมทายาทนั้นเทอญฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ขอกราบนมัสการพระเถระเจ้า หลวงพ่อฤาษี ผู้ส่งกระแสนิรุตติญานทัสสนะให้ไว้ เพื่อจะได้รู้ทัน มารอลัชชีตนนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ลงไว้เมื่อวาน ระเบิดลงกว่า40 ลูก ต้องเก็บกู้อีกนับ 100 ที่น่ากลัวไม่ใช่อาวุธยุทโธปกรณ์ แต่เป็น " อหังการวิเศษมาร "
    ก่อนนี้ไม่เคยให้เครดิต 3 จชต.หรือว่าใครในประเทศ ว่าจะสามารถเข้าถึง อสัทธรรม แต่พอมีการแข่งขันระดับโลกเกิดขึ้น กลับมีสัญญานที่เห็นได้ชัดเจนเกิดขึ้น ประเทศชาติบ้านเมืองกำลังอ่อนแอ่กำลังป่วยจากคนไม่ดีคนพาล ทั้งเกิดจากศึกภายนอกและภายใน ในยุคปัจจุบัน ดันมีพวกโมฆะบุรุษอลัชชีระยำผ่าเหล่ามาทำลายพระไตรปิฎกพระธรรมคำสั่งสอนที่ประดิษฐานในสุวรรณภูมิ ตามสัญญาอีก " มันมากับฟ้ากับฝน " คิดเอาเองนะ ว่ามันคืออะไร? มีอะไรบ้าง เรื่อง นี้มีอยู่จริง ไอ้สิ่งบอกเหตุเภทภัย ที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายหรือที่เห็นกันบ่อยๆในหนังพ่อมดหมอผี หนังจักรๆวงศ์ๆ

    ศาสนาพุทธอันมีพระสัทธรรมเจ้า ผู้ที่เข้าถึงฉลาดในธาตุสามารถรักษา ธาตุ ๔ แต่ อสัทธรรม มันสามารถควบคุมธาตุ ๔ และทำลายธาตุ ๔ได้


    " เห็นทีคงจะหนีไม่พ้นแล้ว เสียงระเบิดหลาย10ลูก จนแผ่นดินสั่นสะเทือนเมื่อคืนนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ฟ้าแลบฟ้าร้องที่ปรากฎเมื่อคืนนี้ด้วย ที่มันแสดงตัวนี่สิ! น่าหวาดหวั่นใจยิ่งกว่า "
    มันไอ้คนนั้น ที่เราเห็นในบุพนิมิต มันได้สภาวะนั้น เหมือนเราในอดีตแล้วหรือยัง?



    ฝากสัญญานและคำเตือนไว้ ณ ที่นี้
    เคสไหนก็ตามที่เจ้าหน้าที่ขนกำลังไปแต่ต้องล้มตายกันเป็นเบือ หรือชาวบ้านตายกันอย่างล้างบาง ตอนนั้นล่ะ แล้วก็ไม่สามารถจับมันหรือโต้ตอบมันได้ ตอนนั้นล่ะ ให้พึงรู้ไว้เลยว่า
    อหังการวิเศษมาร ได้ปรากฎขึ้นมาแล้ว "




    ทำไมจึงไม่มีพระอริยะระดับ อเสกขะปฎิสัมภิทาญาน มาปรากฎตนเสียที แม่ทัพธรรมเจ้าเอย ได้โปรดปรากฎตนเถิดเจ้าข้า

    เสกขะปฎิสัมภิทา อย่างข้าพเจ้า มีกำลังน้อยเหลือเกิน ได้แต่บอกภัยนี้ให้แก่ผู้มีปัญญาธรรม มีบุญสัมพันธ์กันเพียงเท่านั้น!

    แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ภูเขาไฟระเบิด และนานาอุปัทวะภัยมาแน่นอนทั้งฟ้าดิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • khxt1.jpg
      khxt1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.5 KB
      เปิดดู:
      76
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2017
  20. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ตรงช่วงนี้ล่ะที่มันหักถล่มลง ในบุพนิมิต

    https://www.facebook.com/radiochumphon/?pnref=story

    แผ่นดินไหว อ.หลังสวน จ.ชุมพร 2.9 ริกเตอร์ ลึก 1 กม. เร่งสำรวจความเสียหาย

    วันที่ 7 เม.ย.60 นางกรรวี สิทธิชีวภาค ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า เวลา 18.24 น. วันที่ 6 เม.ย.60 ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.9 ริกเตอร์ ลึกประมาณ 1 กิโลเมตร บริเวณ ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร (10.03N 99.16E) ซึ่งอยู่ในกลุ่มพื้นที่ รอยเลื่อนระนอง จุเกิดอยู่บนบก ใกล้ทะเล


    แผ่นดินไหวที่ชุมพร

    ได้ระบุไปก่อนแล้วว่า เป็นช่วงประจวบและชุมพร


    15/11/2559 บันทึกราตรี
    อยากให้เป็นเพียงแค่ความฝัน


    มหันตภัย-ย้อนรอยกลับคืนสู่-ตราประทับที่ไม่อาจหลุดพ้น-ผู้ถูกส่งมาเพื่อเอ่ยอหังการวิเศษมารความพินาศ-ดาบแดงหอกขาวที่คุ้นเคย-โดนหาว่าไม่รับแขกลืมกำพืดในการเข้ารีต- การสั่นสะเทือนระดับ 10/11/12 ปฐพีถล่ม -เตรียมทางรอด 5 ประการ

    จากกระทู้ http://palungjit.org/threads/พุทธทำนาย-ยุคกึ่งพุทธกาล-จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่-ปีพ-ศ-2560-เป็นต้นไป.569027/page-14
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2017

แชร์หน้านี้

Loading...