อาการขณะนั่งสมาธิ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย wee2010, 18 สิงหาคม 2010.

  1. wee2010

    wee2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +122
    เวลานั่งสมาธิมีอาการ ซาบซ่านทั้งตัว ส่วนมากบริเวณหลัง และในช่วงนั้นมีความสุขมาก ภาวนาพุทโธไม่ขาด แต่ก็เป็นช่วงสั้น แล้วมันก็หายไป เป็นสมาธิระดับไหนครับ จะทำอย่างไรให้มันอยู่ได้นาน
     
  2. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    958
    ค่าพลัง:
    +3,168
    เอาแค่นี้เหรอครับ
    ไปต่อได้อีกนะ จะพอใจเท่านี้เหรอ
    ไม่สนใจ รู้ไปดูไป ยังได้อะไรอีกนะ
     
  3. wee2010

    wee2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +122
    ต้องไปต่อสิครับ ช่วยแนะนำที จะต่อยังไง
     
  4. ariyabut

    ariyabut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +2,415
    เรียกว่าปิติ นะ สมาธิ ของท่านอยู่ในระดับ อุปจารสมาธิ อาการนี้ เป็นทางผ่าน เมื่ออารมณ์ จิตมีกำลัง ก็จะเข้าสู่ เขต อัปนาสมาธิ (ฌาณ ๑ ถึงฌาณ ๔) ความอยาก เป็นนิวรณ์ นะ จะทำให้เราไม่สามารถ เข้าสู่เขต ฌาณ

    ปิติ ๕

    เป็นอาการที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติสมาธิที่อยู่ในขั้น อุปจาร<O:p</O:p
    สมาธิ ซึ่งไม่เหมือนกันทุกคน
    และไม่ใช่ว่าจะต้องเกิดขึ้นทั้ง ๕ อย่างเสมอไป<O:p</O:p
    ๑. ขุททกาปีติ มีลักษณะ คือ ขนพองสยองเกล้า <O:p</O:p
    ๒. ขณิกาปีติ มีลักษณะ คือ น้ำตาไหล <O:p</O:p
    ๓. โอกกันติกาปีติ มีลักษณะ คือ ตัวโยกตัวโคลง <O:p</O:p
    ๔. อุพเพงคาปีติ มีลักษณะ ตัวลอย <O:p</O:p
    ๕. ผรณาปีติ มีลักษณะ กายซาบซ่าน - คล้ายกายโปร่ง <O:p</O:p
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทางกายไม่ต้องสนใจ จิตใจเป็นสมาธิตั้งมั่น<O:p</O:p
    เท่านั้น

    การทำสมาธิ ให้เกิดผล
    ลองสำรวจตัวเอง ว่าเรามี อิทธิบาท ๔ ครบหรือเปล่า มีศิลบริสุทธิ์หรือเปล่า มีพรหมวิหาร ๔ บ้างหรือเปล่า ถ้าจิตมีนิวรณ์ สมาธิไม่เกิด ถ้าจิตมีสมาธิ นิวรณ์ ก็ไม่เกิด (เหมือนเด็กเล่นกระดานหก)

    ในขั้นแรก ถ้าจะนั่งสมาธิ อย่าสวดมนต์นาน
    นั่งในท่าที่สบายที่สุดผ่อนกล้ามเนื้อให้หย่อน อย่าเกร็ง หลับตา ช้าๆ นะ หายใจเข้า-ออก ให้สุด ลึกๆ สัก ๔-๕ ครั้ง (ระบาย ลมหยาบ) เอาใจรู้ลม เข้า ออก ช้า ๆ (อย่าใช้ประสาทตาเพ่ง จะปวดหัว) ลมหายต้องปล่อย ตามธรรมชาติ นะ อย่าฝืนลม เมื่อลมหายใจ เรียบแล้ว ค่อยใส่คำภาวนา (เครื่องโยงจิต) ที่ชอบที่สุด สมมุติว่าชอบ พุทโธ นะ พอลมเข้า นึกว่าพุท ลมออก นึกว่าโธ ใช้ใจนึกนะ กำหนด รู้ตามอย่างเดียว ตัดความมอยากรู้ อยากเห็น ทั้งหมดอย่าเกร็งร่างกาย
    <O:p
    การฝึกสมาธิ ให้เกิดผล ไม่ว่าเราจะนั่ง ยืน เดิน นอน ได้หมด ลืมตา หลับตาไม่จำเป็น ให้มีสติ รู้ ลมหายใจ เข้าออก ไว้เป็นปกติ ตามโอกาสอำนวย จะนึกคำภาวนา หรือไม่ก็ได้ ให้มีสติรู้อย่างเดียว มันจะลืมบ้าง ก็ช่างมัน นึกมาได้ก็เริ่มใหม่ (เราฝึกที่จิต ไม่ได้ฝึกร่างกาย )
    <O:p
    และ หมั่น พิจารณา กฏของไตรลักษ์ เพื่อหาทุกข์ ไว้เนืองๆ เป็นประจำ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พิจารณา อย่างเช่น

    ความเจ็บไข้ ไม่สบาย เป็นทุกข์ จริงมั้ย ?
    <O:p
    ร่างกายเรา เดินเข้าหาความ เสื่อมสลาย จริงมั้ย ?<O:p

    ทุกวันนี้ เราเดินเข้าหา ความตาย อยู่ทุกวัน จริงมั้ย ?
    <O:p
    ความตาย ย่อมมีกับเรา แน่นอน จริงมั้ย ?
    <O:p
    เราต้องพลัดพราก จากของรัก ของชอบใจ มันเป็นทุกข์ จริงมั้ย ?
    <O:p
    เมื่อเราตาย สมบัติที่เรามีอยู่ ย่อมเป็นสมบัติโลก จริงมั้ย ?

    อุจาระ ปัสสาวะ น้ำเลือด น้ำหนอง สเลด น้ำลาย ฯลฯ มันสกปก จริงมั้ย ?

    ของเหล่านี้ มีมาในร่างกายเรา และ ร่างกายคนอื่น จริงมั้ย ?

    อันนี้เป็นตัวอย่างของการหาทุกข์ นะ คือมองอะไร ให้เห็นตามความเป็นจริง โยงเข้าหากฏของไตรลักษ์ ถ้าทำได้ แก่นของศาสนา เป็นของไม่ยาก
    เวลาทำ อย่าอยาก ทำในท่าสบายๆ แต่ถ้าอยากเห็นความเป็นทิพย์ ค่อยมาว่ากันใหม่ เอาตรงนี้ก่อน<O:p
    การหาทุกข์ เพื่อน้อมนำสู่ นิพพิทาญาน และ สังขารุเปกญาน เพื่อก้าวสู่ โคตภูญาน นำไปซึ่ง อริยมรรค อริยผล<!-- google_ad_section_end --> <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2010
  5. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    958
    ค่าพลัง:
    +3,168
    ถ้าเป็นผมนะครับ
    ขั้นแรก
    อันนี้ตัดทิ้งไปได้เลย

    ขั้นที่สอง
    ป็นอย่างไรรู้ลงไปเท่านั้นอย่าไปข้องแวะติดขัด
    อยากไม่อยากได้ เป็นเพียงอาการที่ผ่านเข้ามา ไม่ใช่เรา ไม่ว่าสิ่งใดจะสุขทุกข์มากน้อยกว่านี้ก็แค่รู้แค่ดูไป

    ถ้าทำอย่างนี้ไม่ได้อะไรนะครับ ได้แต่รู้ตามจริงโดยไม่ปรุงแต่งเท่านั้น เพราะผมก็เอาเท่านี้ เอารู้จริงๆ ตามจริง
    เห็นสิ่งใด เป็นทุกข์ เป็นเหตุแห่งทุกข์ เป็นทางดับทุกข์ เป็นการดับทุกข์ได้ พอ
    ถ้าเอามากกว่านี้ต้องรอท่านอื่นแล้วนะครับ
    อนุโมทนากับผู้สนใจปฏิบัติจริงด้วยนะครับ

    ยึดตรงไหน ถือตรงไหน อยากตรงไหน พอใจตรงไหน ติดตรงนั้น อยากไปต่ออย่าติด
     
  6. wee2010

    wee2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +122
    ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำครับ จะนำไปแก้ไขปฏิบัติครับ อนุโมทนาครับ
     
  7. คิดอยู่นาน

    คิดอยู่นาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +129
    เพราะอะไรหรือครับ พอดีเดี๋ยวนี้ผมจะสวดยอดพระกัณฑ์ 3 จบ
    ตามด้วย จงกรม แล้วก็ นั่งสมาธิ บางทีก็นอนสมาธิเอา
    สวดมากเกินไปรึเปล่าครับแบบนี้
     
  8. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ผมคิดว่าสวดมนต์นานถ้าทำได้ผมว่าดีครับ ถ้ามีเวลาเยอะๆ เพราะสวดมนต์เป้น
    การทำจิตให้เปนสมาธิแบบเฉียดๆ ก่อนจะเข้าสู่การทำสมาธิจริง
    หลักการทำสมาธิคือปล่อยวางอารมณที่กังวลทั้งหลาย และปล่อยวางความอยาก(ตัณหา)ออกไปให้ได้ก่อน ด้วยอาศัยการยึดอยู่กับลมหายใจและพิจารณาดูลมหายใจให้ทันและได้ธรรมชาติที่สุด โดยไม่เคร่งเครียดจนเกินไป(หรือเรียกวิตก วิจาร) หัดทำจากเวลาน้อยๆก่อนเปนสิ่งแรก และอย่าจริงจัง
    กับการทำมากไปถือเปนบทฝึกหัดในการเรียนรู้ธรรมชาติจิตและการปล่อยวาง
    ความอยาก(อยากได้ฌานหรือวิปัสสนา) เพื่อไปสู่ความสงบของจิตที่แท้จิรง
     

แชร์หน้านี้

Loading...