อาการที่เกิดครับ

คือปกติเวลานั่งสมาธิก็ดูลมกระทบจมูก แต่เวลาปกติ จะใช้จิตวางเบาๆไว้ที่ระหว่างคิ้วแล้วดูครับ คืออยากถามว่าในขณะที่นอนก็วางจิตเบาๆไว้ที่ระหว่างคิ้วแล้วดูไปเรื่อยเห็นกลุ่มควันสีเขียวก็นึกในใจสวยดีเนอะสักพักขากระตุกคิดในใจคงใกล้หลับแล้วเลยดูต่อกลุ่มควันสีเขียวก็อยู่ผมก็ดูไปเรื่อยสักพักโดนอะไรไม่รู้คล้ายๆอุโมงหรือหลุมสีดำดูดครับ แล้วก็เห็นแขนตัวเองเห็นบริเวรณที่เราหันหน้าไปครับเห็นเหมือนลืมตาปกติ ตัวหนักมากครับ ยกไม่ขึ้น ได้แต่ลืมตาอย่างเดียว มีเสียงผู้ชายผู้หญิงคุยกันอยู่ข้างหลัง แต่หันไปดูไม่ได้ รู้สึกว่าข้างหลังผมมีอะไรยุบหยิบเป็นคลื่นๆอยู่ _/\_

 

+++ อย่าไป "ตั้งชื่อ เรียกว่า" อะไรเลย มันมีอย่างที่มันมี มันเป็นอย่างที่มันเป็น

+++ สิ่งที่คุณ กลับตัวกลับใจ เห็นมาทั้งหมดนั้น "มีอยู่"

+++ ตัวที่สำคัญที่สุดนั้น คือ "ตัวหลุมดำ" นั่นแหละ ทุกอย่างกำเนิดมาจากที่นั่น

+++ ตัวหนัก ก็ต่อเมื่อตกอยู่ภายใต้อิทธิพลแรงดึงดูดของ "หลุมดำ" หรือ อยู่ข้างในเรียบร้อยแล้ว

+++ คุณ คงยังไม่สามารถควบคุมอะไรได้

+++ การ "รู้-เห็น" อยู่ในลักษณะ "รู้เห็น/เป็นอยู่" คือ เป็น ตัวเป็น ๆ ทั้งตัว ในสถานการณ์นั้น

+++ เหตุการณ์ ภายในหลุมดำ เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งจะสามารถควบคุมได้ ก็ต่อเมื่อ "มหาสติ" ทรงตัวได้แล้วเท่านั้น

+++ "หลุมดำ" ที่มีแรงดึงดูดสูง นี้ "มีอยู่ในจิตทุกดวง" ไม่ว่าจะ "รู้" หรือไม่ก็ตาม

+++ กลุ่มที่ฝึก กรรม-ฐาน กับผม ใช้หลุมดำนี้เป็นอุปกรณ์ เครื่องมือตัวหนึ่งในการฝึก ในเรื่องของ "อัตตา" เป็นหลัก

+++ หากคุณ กลับตัวกลับใจ สามารถทำให้มัน "เกิดขึ้น" ได้อีก ก็ให้ทำความเข้าใจอย่าง ถ่องแท้ กับมัน ก็จะเข้าใจในเรื่องของ "อัตตา" ได้เป็นอย่างดี

+++ กลุ่มที่ฝึก กรรม-ฐาน กับผมเป็นประจำ สามารถทำให้มัน "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" ได้ตามปรารถนา (หลุมดำ/ตัวดู/อัตตา)

+++ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "ภพ/ภูมิ" "มิติ/กาลเวลา" "ชาติ/ภพ" ทุกอย่างมีความ เกี่ยวข้อง/สัมพันธ์ กับ "หลุมดำ" ตัวนี้ทั้งหมด

+++ ปริศนาของ "ผืนดิน ตั้งอยู่ บนผืนน้ำ" "ผืนน้ำ ตั้งอยู่ ในอากาศ" ต่าง ๆ เหล่านี้

+++ รวมทั้ง "พระโมคคัลลาน์ หลงอวกาศ" ต่าง ๆ หากคุณ กลับตัวกลับใจ มีวาสนาในบริเวณนี้ก็อย่า "ปล่อยปละละเลย" ก็แล้วกัน

+++ ตัวนี้แม้จะเป็นเรื่องของ "โลกียะ" ก็ตาม แต่มันก็เป็น "สะพาน" ตัวสำคัญที่ "คาบเกี่ยว/เชื่อมต่อ" กับส่วนของ "โลกุตระ" ด้วย

+++ หลุมดำตัวนี้ ไม่ใช่อะไรใครอื่น มันคือ "ตัวของคุณเอง" ในอีกสถานการณ์หนึ่ง

+++ เมื่อคุณ "อยู่ใกล้/อยู่ใน" หลุมดำตัวนี้ คุณจะ "รู้" ได้ว่า ความหนาแน่น หนัก/เบา ของ "อัตตา" มีปรากฏอยู่ด้วย

+++ และความหนาแน่น หนัก/เบา ของ "อัตตา" มีอิทธิพลต่อ "ธรรมารมณ์" รวมทั้งตัว "ฌาน" ในขณะนั้น ๆ ของคุณเอง

+++ "หลุมดำกับความเป็นตน" นี้เป็นหลักสูตรสำคัญประการหนึ่ง ซึ่งมีกล่าวไว้ในบทเพลงของ "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก"

+++ ที่สำคัญตอนหนึ่งว่า "...พระองค์ทรงค้นพบ การเวียนจบของจักรวาล หนทางที่จะว่ายผ่าน วัฏสงสารอันปลดปลง"

+++ กลุ่มที่ฝึก กรรม-ฐาน กับผมเป็นประจำ ผ่านปรากฏการณ์ตรงนี้มาก่อนที่ละครเรื่อง "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" จะออกฉาย

+++ ไม่ว่า "เนื้อเพลง" ท่อนนี้ จะเป็นการ "แต่งเอง หรือ แปลมาจากต้นฉบับ" หรือ "เกิดจากการสืบค้นเพื่อการเขียนบทเพลง" ก็ตาม

+++ แต่ปรากฏการณ์ ของเนื้อเพลงท่อนนี้ "มีอยู่ตามความเป็นจริง ทุกประการ"

+++ คุณ กลับตัวกลับใจ อาจมี "วาสนา" ในทางนี้ก็ได้ นะครับ

 

ควันสีเขียว ก็คือ กสินสีเขียวที่คุณเพ่ง นั่นเอง
มันเป็นของเก่า ที่คุณทำได้อยู่แล้ว ในอดีตชาติ
เมื่อคุณฝึกเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนจิตรวม
กสินสีเขียว ก็จะปรากฏขึ้นมาให้คุณเห็น อีก

ส่วนหลุมดำ คือ นิมิต หรือ ที่อยู่เก่าในอดีตชาติของคุณ
ที่คุณคุ้นเคยมาก จนเรียกว่า บ้าน ก็ได้

ส่วนหูได้ยินเสียงที่เป็นทิพย์ คือ ของเก่าเหมือนกัน
เกิดจากอำนาจ ของการ เพ่งกสิน ที่สำเร็จผลแล้วนั่นเอง

 

ขอบคุณ ทั้งสองท่าน นะครับที่ได้กรุณาตอบคำถามของผม คำตอบของท่านทั้งสอง เป็นแรงใจและกำลัง ในการปฎิบัติ ของผมต่อไปครับ ขอบคุณครับ _/\_

 

ขอแชร์ประสบการณ์ครับ ก่อนผมจะมาปฎิบัติธรรม ผมเป็นคนที่เหลวแหลกในชีวิตมากครับ คือเลวมากอ่ะครับ เริ่มปฏิบัติจริงๆก็ปีนี้เอง ในใจคิดว่าถ้าหมดห่วงทางโลกก็จะบวชตลอดชีวิตอ่ะครับ เข้าเรื่องเลยนะครับ คือมีวันหนึ่งทะเลาะกับแฟนแล้วผมก็ไปดื่มมาเมามากครับต้องจอดรถนอนปั๊มน้ำมัน พอเช้าก็ขับกลับบ้าน นั่งเบลอๆอยู่ในรถเปิดประตูรถไว้แต่ลุกขึ้นเดินไม่ไหว สักพักก็เห็นแสงสีแดงเหมือนคนเขียนหนังสืออยู่บนอากาศค่อยๆลากทีละเส้นทีละเส้นจนครบสามตัวแล้วก็ลอยอยู่ตรงหน้าผม เป็นภาษาจีนครับ ผมก็งงแปลว่าอะไรหนอ (คิดในใจทำไมไม่เขียนเป็นภาษาไทยหนอ) คืออ่านไม่ออกครับ ไม่รู้ว่าท่านจะบอกอะไรก็ยังงงถึงตอนนี้ จบแล้วครับ

 

พอคุณบอกว่า ขึ้นต้นด้วย ภาษาจีน
ก็รู้ได้เลยว่า เจ้าพ่อกวนอิน หรือ คณะของท่าน
มาอวยพรให้คุณ บวชตลอดชีวิต ครับ

ส่วนที่เป็นแสงนั้น เวลา เทพใหญ่ๆ ไปไหนที
ก็จะมีแสงออกมาให้สัมผัสได้

แต่พระอรหันต์ จะเป็นแสงนวลใสๆ ครับ

 

จะหลุดดำหลุมอะไรก็ผ่านเลยไม่ต้องปรุงแต่งอะไร ทุกอย่างล้วนไม่มีสาระแก่นสาร ตัวที่มีสาระคือปัญญารู้ความจริงว่า ทุกอย่างไม่ใช่ตัวเรา เป็นเพียงธรรมชาติ ท่านอาจพิจารณาได้ ในรูปแบบขันธ์ ธาตุ อายตนะ เมื่อเข้าใจถูกก็การยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานก็ถูกทำลายลงทุกครั้งที่ท่านมีสติระลึกตรงลักษณะความจริง ส่วนเรื่องสมาธิเป็นเรื่องของจิตที่ไปรับรู้สภาวะที่มีจริงในแต่ระดับของจิตเท่านั้น ตามแต่ละขั้นของสมาธิ การบรรลุธรรมที่ฉลับพลันการระลึกในขณะที่ได้สมาธิชี้นสูงๆก็ยิ่งบรรลุได้ไว เพราะจิตขณะนั้นกิเลสที่ต่อต้านนั่นไม่มีเพราะสมาธิได้ควบคุมกดมันไว้ กิเลสจึงถูกปัญญาทำลายได้ทันทีเพราะกำลังกิเลสไม่มีในขณะนั้น เราจะสังเกตุว่าความรู้ที่เรามีอยู่ในขณะนี้ ถึงแม่จะเป็นความรู้ที่ถูกต้อง แต่ทำไมมั้นทำลายกิเลสไม่ค่อยได้เลย เพราะกิเลสมันมีกำลังมากอยู่นั้นเอง ฉะนั้นเราจึงต้องอาศัยทั้งสมถะแบะวิปัสนา

 

ผมบอกตรงๆนะครับ ท่านยังไม่รู้จักเส้นทางนี้ดีพอ

 

ท่าคุณเชื่อ ว่าผลของกรรมมี เชื่อว่าชาติหน้ามีและไม่ใช่การตายแแล้วดับสูญ
คุณจึงควรรู้ว่าผลของกรรมดีที่สร้างไว้นั้นจะยังคงส่งผลอยู่จนผลของกรรมดีนั้นมากพอที่จะสนับสนุนให้คุณนั้นถึงที่สุดแห่งธรรมได้ครับ ญานบารมีจึงเป็นเช่นนั้น เป็นดั่งเครื่องมือที่ใช้ในการพ้นออกจากโลก ออกจากวัฎฎะได้
ญาณบารมีนี้เป็นเช่นไร มีทั้งบุญที่ส่งผลภายนอกและส่งผลต่อจิตใจ บุญบารมีที่สั่งสมนั้นมีทั้ง ทาน ศิล และการภาวนา มันจึงส่งผลได้ในทุกๆทาง ทั้งโภคทรัพทั้งทิพยทรัพ ทั้ง อริยะทรัพย์ เป็นบาทฐานของการทำความดียิ่งขึ้นไปครับ

 

ผมขอบพระคุณครับที่กรุณาตอบคำถาม
หากผมได้ทำให้ท่านใดคุ่นเขืองหรือได้ปรามาสไปผมขอโทษครับ อย่าได้ถือสาเด็กโง่ๆเลยนะครับ ที่ยังมีความมึนเมาใน รูปรสกลิ่นเสียงอยู่ _/\_

 

เป็นเรื่องธรรมดาๆ ของจิตที่มีความละเอียดมากขึ้น ก็จะสัมผัสกับสิ่งที่มีความละเอียดผสมกับของเก่าทีมีมาจากอดีตชาติ..แต่..ต้องระวังหน่อยถ้าไม่มีปัญญาไปรู้เท่าทันกับสิ่งเหล่านี้ จิตก็จะไปหลงยึดมั่น ถอนยากต่อการยึด แต่..ถ้ามีปัญญารู้เท่าทันสิ่งเหล่านี้ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของเหตุปัจจัยที่ส่งผลกันมาจากในอดีตถึงปัจจุบัน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ณ ปัจจุบัน สู้เอากำลังจิตมาทำประโยชน์ในการรู้แจ้งเห็นความจริง สู่การพ้นทุกข์ดีกว่าค่ะ

ด้วยความปราถนาดีมากๆค่ะ

 

ตอนนี้ผมวางแล้วครับ ภาวนา กับดูลมอย่างเดียว เกิดสภาวะขึ้น กำหนดรู้ เกิด ตั้งอยู่ ดับไป แค่นี้ครับ
ขอบพระคุณครับที่เป็นห่วง

 

เมื่อภาวนา เกิด ดับ จนคล่องแล้ว
ต่อไป ก็ให้ภาวนาแต่ ความดับ อย่างเดียว
เช่น ภาวนาว่า ทุกสิ่งดับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วก็นึกถึง แดนนิพพาน ไว้เสมอๆ
จะตรงไป สู่ พระอรหันต์ แบบเข้าญานได้

 

คืออยากสอบถามสภาวะที่เกิดครับเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาครับ ตอนนี้ผมดู แล้วภาวนาแค่นี้ครับ แต่วันนั้นมีอารมณ์หนึ่งขึ้นมาอย่างเด่นชัดบอกยังไงดี คือมันอัดแน่นเป็นความสงบสบาย ปกติ ผมจะเห็นแล้ววาง แต่วันนี้รู้สึกว่าชัดมากลองเอาจิตไปจับดู สักพักอีกร่างก็ค่อยๆ เอียงลงมาค่อยๆเลื่อนออกจากอีกร่างแล้วก็เหมือนมีอะไรดูดค่อยๆจมลงๆ ตอนนั้นในใจมันคิดกลัวลงนรก ผมเลยรีบภาวนาต่อครับ แล้วอีกร่างก็ค่อยๆกับมาหาอีกร่างเป็นปกติครับ

 

กายทิพย์

การภาวนาของคุณ เริ่มเห็นผลแล้ว
ถึงขั้นที่เริ่มจะใช้งานในทาง กายทิพย์ ได้แล้ว
ต่อไปลองฝึกบังคับ กายทิพย์ ของคุณเอง
เอาให้เหมือน การฝึกหัดขับขี่รถยนต์ใหม่ๆ
บังคับให้เดินไปเดินในห้องดู
ต่อไป ก็ฝึกบังคับออกไปนอกห้อง
ต่อไป ลองให้เหาะดู
คนที่ฝึกถึงขั้น มีกายทิพย์
จะสามารถมองเห็นกายทิพย์ของ
เทวดา และ สัตว์อบาย ได้

 

ขอบพระคุณครับ คุณ nilakarn ครับ
ที่ได้กรุณาตอบคำถามครับ และแนะนำครับ
_/\_