อากาสานัญจายตนะ กับ กสิณอากาศ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย center-in-center, 8 มีนาคม 2009.

  1. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    นั่นไง อธิบายได้ไม่ชัดเจน

    "เรื่องของอากาสานัญจายตนะกับอากาศกสิณ ความจริงก็เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ต่างกันตรงแนวคิดและวิธีการ หรือเรียกว่ากาละ(Time) กับเทศะ (Space) ค่างกันนั่นเอง"


    อากาสานัญจายตนะ กับ อากาศกสิณนั้นใช้อากาศเหมือนกัน แต่วิธีการปฏิบัติต่างกัน อันนี้ใช่เลย

    ขอขอบคุณที่ได้ช่วยกรุณาขยายความให้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2012
  2. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ว่ากันตามหลักปฏิบัติ
    อากาสานัญจายตนะ...ท่านให้จับกสิณกองใดกองหนึ่งเป็นพื้นฐาน จนถึงฌาน4 แล้วเพิกภาพกสิณ ตั้งความปรารถนาความไม่มีรูปทั้งปวงดุจความว่างของอากาศที่กว้างขวางไร้ขอบเขตจนสุดอารมณ์...ความไม่ต้องการมีรูปกาย ปรารถนาความว่างปราศจากรูป ที่กว้างขวางไร้ขอบเขตดังอากาศ

    อากาศกสิณ...ให้จับภาพอากาศ ภาพความว่างของอากาศ เป็นอารมณ์ จับจุดสีสรรวรรณะของภาพกสิณเป็นเกณฑ์ จนภาพใสเป็นประกาย..รู้จักความว่างของอากาศ
     
  3. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +628
    ถ้าที่กำลังถกกันอยู่ มีที่สุดคือทางแห่งความพ้นทุกข์นั่น ผมใคร่จะชี้แนะตามคนที่เคยผ่านมาแล้วคือหลวงปู่สาวกโลกอุดร ธัมมปาโล แห่งวัดป่านาเบี้ย จังหวัดเลย ท่านได้อธิบายไว้อย่างละเอียดตามสภาวะธรรมที่ท่านมี โดยเบื้องต้นเน้นการเจริญสมถกรรมฐานการพิจารณาอาการ32 หรือ การพิจารณาอสุภะ เพื่อให้เกิดนิพพิทาญาณเป็นเบื้องบาทเสียก่อน ต้องให้ได้ตรงนี้ก่อน ถ้ายังไม่ได้แล้วเจริญฌานต่อ ฌานที่ได้จะเป็นโลกียฌาน จะไม่สามารถทำให้พ้นทุกข์ได้เมื่อทำไปจนได้ฌานสุดท้าย แต่ถ้าได้นิพพิทาญานเป็นเบื้องต้นแล้วเจริญฌานต่อฌานที่ได้จะเป็นโลกุตรฌาน แล้วฌานสุดท้าย จะทำให้เราเข้าถึงสภาวะนิโรธธรรม เกิดปัญญาญานหยั่งรู้อันสุขุมคัมภีรภาพ รู้ในกิจสามญาณสี่ เห็นทุกสรรพสิ่งตามสภาวะความเป็นจริง เรื่องฌานเป็นเรื่องสูงนะครับ ไม่ใช่เรื่องต่ำๆอย่างที่คนส่วนหนึ่งเข้าใจแต่ก็นั้นแหละเบื้องต้นต้องได้นิพพิทาญาณเสียก่อนจึงจะถูก แต่ถ้าไม่ได้ก็จะเป็นโลกียฌานที่เขาว่ากันว่าต่ำนั่นแหละ คือฌานโลกีย์นี่เอง ท่านผู้มีบารมีทั้งหลายได้น้อมนำไปปฏิบัติก็จะรู้เอง เป็นสันทิฎฐิโก เป็นปัจจัตตัง และ ควรทำให้เป็นโอปนยิโกนะครับทุกท่าน ผู้มีบารมีทั้งหลาย ฌานที่มีเบื้องบาทเป็นนิพพิทาญานนั้นเป็นโลกุตรฌาน เป็นฌานที่ใช้ตัดภพตัดชาติ อานุภาพของฌานนั้นรุนแรงแค่ไหน ผู้ที่ถึงแล้วจะรู้ดี อานุภาพเหมือสายฟ้าผ่า ที่จะใช้ผ่ากิเลสตัดตัณหาให้พินาศย่อยยับไปทั้งสองอย่าง เกิดสภาวะที่เรียกว่า ดับไม่เหลือ ไม่มีการมาการไป ไม่มีโลกนี้โลกหน้า มีแต่อานุภาพฌานเท่านั้นจึงจะทำลายกิเลสให้ย่อยยับไปได้ แล้วจึงจะเกิดปัญญาวิมุติ ตามมาภายหลัง เห็นทุกอย่างตามสภาพความเป็นจริงตามธรรมชาติ เกิดปัญญาหยั่งรู้ในอริยสัจสี่ที่แท้จริง ปัญญาที่หมายถึงคือตัวนี้แหละครับ ไม่ใช่ปัญญาที่ตอนเราท่านทั้งหลายทำกันอยู่ ก่อนจะถึงสภาวะที่ผมพูดถึงนี้ เพราะปัญญาที่มีอยู่ในขณะที่เราปฏิบัติธรรมกันนั้นเป็นโลกีย์อยู่เลย ยังอยู่ในขันธ์ห้าอยู่เลย ปัญญาตัวหยั่งรู้จะเกิดขึ้นภายหลัง ที่เราได้ฌานสุดท้าย จะเกิดในปลายห้วงของสภาวะฌานสุดท้ายที่กำลังจะคลายออก แล้วทรงสภาวะไว้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง ถ้าต่ำกว่านั้นเป็นจิตตกภวังค์ ก็มีด้วยเอวังละประการฉะนี้
     
  4. whisher

    whisher สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +23
    อากาสานัญจายตนะหรือ อรูปฌาน ๑ สภาวะเหมือน ลูกโป่งขนาดใหญ่ หลุดลอยไปในอากาส โดยไม่มีที่สิ้นสุด ทะลุชั้นบรรยากาศ ผ่านมืด และสว่าง สลับกัน ๘ ครั้งโดยประมาณ จนกระแสจิตสามารถ สัมผัส ภูมิชั้น พรหมมีลักษณะ ไออุ่น ดวงรูปคล้ายดวงจันทร์ มีแสงนวลในตัวเอง ขนาดเส้นผ่าสูญกลางประมาณ ๒ ฟุต กระจายอยู่ทั่วไป ในชั้นพรหม จากนั้น ในสมาธิจิตก็สามารถ รับรู้อย่างละเอืยด โดยทุกกระเบียดนิ้ว ถึงที่มาของพรหมแต่ละรูป รู้การเกิด การดับ และรู้ว่าอยู่เป็นเวลานานเท่าไร และรู้ว่า
    จะไปเกิดที่ไหน เกิดเป็น ใคร ชื่ออะไร หรือเกิดเป็นลูกใครและ เกิดในเวลาใหน รู้ทุกอย่าง ในสภาวะบนชั้นพรหม เท่าที่จิตของเราต้องการที่จะรู้ ครับ ที่ อธิบาย เสียยาว เพื่อจะได้เข้าใจ เพราะไม่ค่อยพบในตำรา
    ทั้งหมดที่อธิบาย มีหลักฐาน ไว้เป็นอุปกรณ์ธรรม ๑ ในภพพรหมนั้นมาเกิดเป็น มนุษย์....
    อนุโมทนาบุญค่ะ
     
  5. tanantachai

    tanantachai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +21
    ปิติๆๆๆ เคยเป็นครับ ชอบเหมือนกัน มันสบายดี
     
  6. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +729
    555+ ต่อไปก็พูดมัน ตั้งแต่ สมถะ จน ถึง วิปัสสนาไปเลย ดิ คุณ ปุณบพิธ
    เค้าจะได้ไม่ แย้งกลับ ว่า ทำไมลืม อันนั้น ลืมอันนี้
    การให้ธรรม เป็นทาน ชนะการให้ ทั้งปวง
    เพราะต้อง ทำใจ วางเฉย ต่อ กิเลส ที่เถึงกลับ 555+
     
  7. catthongmuan

    catthongmuan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +26
    ตอบ

    มี เขาเรียกกันว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    กสินอากาศ อาศัยการเพ่งอากาศธาตุ หรือจดจำรูปอันเป็นความว่างเปล่า คืออากาศนั้นเอง สติและจิตเพ่งอยู่อย่างนี้ อาศัยสัญญาปฏิภาคนิมิตและสัญญาอุคหนิมิตของความเป็นอากาศธาตุ ว่า เป็นรูปอากาศมีความว่างเปล่าอย่างนี้นี้แบบนี้เท่านั้น กสินข้อนี้นั้น เป็นสมาธิระดับอุปปจารสมาธิ หรือเป็นระดับฌาณที่อยู่ในระดับรูปฌาณ เพราะแม้จะตัดวิจกวิจารณ์ได้ แต่ปิติ สุขและเอกคตายังปรากฏอยู่แก่จิต


    ส่วนอากาสานัญจายตนะนั้น เป็นสภาวะของอรูปฌาณ ที่เกิดด้วยการควบคุมสมาธิด้วยการควบคุมให้สติและจิตที่รวมกันเป็นหนึ่งนั้น เพ่งเข้าไปในสภาวะของความว่างอย่างไม่มีที่สิ้นสุดหรือหาประมาณมิได้ในห้วงอากาศ สภาวะนี้สติและจิตที่รวมเป็นหนึ่งนั้น ท่องไปในสภาวะที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรในห้วงมหรรณพนภากาศ จิตและสติที่เพ่งไปอย่างนี้ ย่อมมีสภาวะเหมือนไม่มีรูปและวัตถุธาตุใดๆ อาศัยรู้แค่เพียงความว่างเปล่าไม่มีประมาณ สภาวะของสมาธิฌาณในขั้นนี้ คือวิตก วิจารณ์ดับสนิท เวทนาดับสนิท ปิติ สุข ดับสนิท คงเหลือแค่เอกคตารมณ์ที่จมดิ่งในความไม่มีรูปหรือวัตถุธาตุใดๆ เป็น ความว่างเปล่าโดยไม่มีประมาณนั่นเองครับ

    เมื่อกระทำตรงนี้จนชำนาญ ด้วยอำนาจของกำลังของฌาณ5 นี้ จะเคลื่อนไปสู่ฌาณ6 ได้ด้วยกำลังของสมาธิที่เคลื่อนพ้นความว่างในรูปวัตถุธาตุ เคลื่อนพ้นความว่างเปล่าในห้วงมหรรณพนภากาศที่ยิ่งใหญ่นี้ไปได้
    ขณะนั้นสติและจิตที่รวมเป็นหนึ่ง เป็นเอกคารมณ์ นั้น ย่อมเกิดการรับรู้และกลับมีสติเห็นว่า ไม่มีอะไร ทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีอะไรให้เพ่งเป็นอารมรณ์อีกแล้ว เพราะว่างเป็นที่สุดแล้ว

    สติจึงกลับเข้ามาเพ่งที่วิญญาณที่ประกอบอยู่กับจิตว่า เป็นอย่างนี้ เมื่อนั้นสติก็ทำหน้าที่ใหม่ในการกลับเข้ามาเพ่งในวิญญาณลักขณะทั้งหมด ที่ประกอบอยู่กับจิต ว่ามีสภาพเป็นเช่นนี้ เป็นเบื้องต้น มีสติและจิตเพ่งเข้าไปแล้วในวิญญาณที่ประกอบอยู่กับจิตเป็นอย่างนั้นแบบนั้น อยู่ภายในอย่างสงบนิ่ง ไม่รับรู้สภาวะอื่นใดภายนอกนั้นที่ดับสนิทแล้ว
    นี่คืออรูปฌาณ2หรือฌาณ6 ครับ ความเพ่งลงไปในวิญญาณสัญญาทั้งหลายมีความละเอียดมาก สามารถกล่าวพรรณาหรือบรรยายได้มากมายนัก ท่านที่ไปถึงตรงนี้จะใช้เวลาในการเดินสมาธิฌาณตรงนี้นานมากเช่นกันจนกว่าจะไปที่สุดแห่งสัญญาวิญญาณในวิญญานัญจายตนะ ที่ปรากฏให้เห็นครับ

    และเมื่อไปทั่วหรือถึงที่สุดแล้วจิตจะเคลื่อนไปสู่ฌาณ7ต่อไปครับ ไม่ง่ายครับนอกจากเข้าถึงยากแล้ว เมื่อเข้าถึงได้แล้วการทรงเอาไว้ก็ยากครับไม่ง่ายครับ สาธุ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ธรรมใดๆที่เป็นปรมัตถธรรม ย่อมเป็นธรรมที่แสดงออกมาด้วยสภาพตามพระสัทธรรม อันเป็นไปแล้วตามสภาพธรรมที่เกิดจากการปฏิบัติจริง และปฏิเวธคือผลที่เกิดตามจริงตามพระสัทธรรมเหล่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  10. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ท่าน Aunyadham ผมขอถามเรื่องนิพพิทาญาน ครับ

    โดยส่วนตัวยังห่างจากจุดนี้มาก แต่อยากทราบไว้ก่อนครับ
     
  11. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แตกต่างตรงไหนจะบอก
    ...อากาสานัญจายตนะ คือ ไม่ใช่การปฏิบัติแต่เป็นชั้นที่สูงขึ้นไป แต่ปฏิบัติจนไม่เกิดรูปร่างแล้วโดยตัวเราจะเกิดความว่างเปล่าไม่มีรูปร่าง
    ...อากาศ คือ กสิณอากาศซึ่งวิธีดูอากาศอย่างไร(ไม่บอก) แต่เป็นวิธีปฏิบัติอย่างหนึ่งเท่านั้น
     
  12. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    ขอขอบคุณครับ ที่ได้ช่วยขยายความเพิ่มเติมให้

    อาจารย์ปู่สอนคุณมาได้ดีมาก ผมเองก็ระลึกถึงอาจารย์ปู่ของคุณเสมอมา และขอคารวะต่ออาจารย์ปู่ มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
     
  13. chotipala

    chotipala Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +89
    อนันโต....อากาโส....อนันโต.....อากาโส
     
  14. dragoona

    dragoona เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +129
    [​IMG]
    ผมเคยอ่านจากเล่มข้างบนอะครับ แต่ก็ลองค้นๆ ใน google ดู มาเจอเว็บๆหนึ่ง ที่ว่าไว้เกี่ยวกับ อรูปพรหม ก็สามารถไปนิพพาน โดยไม่ต้องไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำกว่าได้ แต่ต้องบรรลุขั้น
    โสดาบัน ขึ้นไปแล้วเท่านั้น ส่วนอรูปพรหมที่เป็นปุถุชนนั้นไม่สามารถทำได้ และเมื่อตายจากอรูปพรหมโลกไปแล้ว ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะลงไปในอบายภูมิได้อยู่ดี
     
  15. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    หลังจากอ่านข้อความในกระทู้แล้ว ไม่มีอะไรอยากจะกล่าวนอกจากสุภาษิต 3 ประโยค นี้​

    "เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน"

    "สอนจระเข้ว่ายน้ำ"

    "สอนเมสซี่เล่นฟุตบอล"​

    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2013
  16. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,862
    ค่าพลัง:
    +1,818
    กสิณ อากาศ หรือ กสิณ ที่ว่าง ใช้ฝึกเมื่อมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง เพื่อฝึกตนมิให้คิดฟุ้งซ่าน เมื่ออยู่คนเดียว มองไปมีแต่ความว่าง

    อากาสานัญจายตนะ เป็น อรูปฌาน จะเกิดขึ้น หรือ กำหนดได้ ก็ต่อเมื่อมีสมาธิดีแล้ว ไม่คิดสิ่งใด ไม่เห็นสิ่งใด จิตมั่นคง คือ กำหนดไว้มิให้วอกแวก นั่นแหละ อากาสานัญจายตนะ

    อย่างทีคุณเล่ามา ไม่ใช่ อากาสานัญจายตนะ แต่เป็น วิตก วิจารณ์ รูปแบบหนึ่ง
    ถ้าคุณมีสมาธิ ดี จะไม่รู้ว่าตนเองลอยเคว้งคว้าง ถ้าลอยเคว้งคว้าง วิตก วิจารณ์ ทันที
     
  17. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ผมก็เดาเอานำครับ
    ตรึกตรองเอาตามอาการ

    อากาศกสินเป็นรูปสมาบัติ
    ตัวรู้ คือวิญญาณขันธ์ จะเข้าปิดล้อมอากาศได้สำเร็จ
    เช่นเรานึกถึงลูกโป่ง วิญญาณขันธ์ กระทำการให้เกิดรูป โดยการกวาด วาด กล่อม กลม ตนเอง
    ไปปิดล้อมอากาศมาได้กลุ่มหนึ่ง
    เหมือนกันวิญญาณขันธ์ ปรุงตัวเองให้เป็นรูป เหมือนกับลูกโป่ง
    ส่วนที่เป็นเนื้อยาง
    ลูกโป่งที่ไม่ได้เป่าลม หรือถุงมือยาง แต่ปรกติเค้าจะแนะนำให้กล่อม มันเป็นรูปกลม

    คือ วิญญาณขันธ์ ปรุงตน จนปิดล้อมอากาศ มวลหนึ่งได้สำเร็จ

    แต่อากาศนัญจายตนะ

    ให้นึกถึงรูป อะไรก็ได้ เป็นลูกกลมๆ กล่อมๆสีแดง
    พอคูรเพ่งมันถ้าสำเร็จ มันจะเกิดการแยกตัว
    รูปที่ประสาท ทางกายวาจาใจปรุงขึ้น จะ ถอยไปเพราะความปรุง มันบรรเทา
    ปรกติพอความปรุงบรรเทา รูปมันจะหายไปเลย

    อันนี้ไม่ใช่อากาศานัญจายตนะ
    จะต้องให้ความปรุงอันนี้ หายไปแต่เหลือ ปฏิภาคนิมิต
    เช่นกำหนดนึก ถึงลูกกลม กล่อมสีแดง ไว้ลูกกลมนี้จะไม่ค่อยกลมไม่กล่อม
    ไม่แดง
    แต่พอปฏิภาคนิมิตรมา มันจะแดง กลม เราสั่งมันได้ถ้าอธิษฐานบารมี มีกำลังมากพอ

    คราวนี้ ภาพนี้ก็คือ วิญญาณขันธ์ที่มันปรุงตัวเองปิดล้อมสีแดงได้สำเร็จ

    ถ้าเป็นอากาศานัญจายตนะ เลยของของสีแดงกลมกล่อมทั้งหมดคืออากาศ

    คราวนี้เราจะ ทำไงดีให้ปฏิภาคนิมิตร ลูกกลม กล่อม แดงนี้หดหายไป
    เหลือแต่อากาศ

    และเราต้องรับทราบ คือตัวรู้ยังอยู่ เพรตาะตัวรู้ของเราที่เหลืออยู่จะเข้าปิดล้อม
    กลมกล่อม อากาศ อีกที
    ถ้าปล่อยยอมให้มันล้อมอากาศ จะกลายเป็นอากาศกสิน
    ถ้าให้อากาสล้อมวิญญาณให้สำเร็จ จะเป็นวิญญาณัญจายตนะ

    ผมก็เดาๆเอานะ
     
  18. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    อากาศกสินคือวิญญาณขันธ์ล้อมอากาศ สำเร็จ
    อากาศานัญจายตนะ คืออากาศ เข้าปิดล้อมวิญญาณขันธ์สำเร็จ
     
  19. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ถ้าแยกอากาศ กับวิญญารไม่ออก
    เรียกวิญญาณัญจายตนะ

    แยกไม่ออก เป็นอายตนะชนิดหนึ่ง

    ประสาทตา มันไม่ได้ปรมวลผม พร้อมกันทั้งภาพ
    มันจะประมาลผล ปรกติสอง วิญญาณ
    รับรู้โดยการแยกความแตกต่างของจุดที่ รู้ ออกจาก สิ่งรอบข้าง

    ถ้า สิ่งที่อยู่รอบข้างปิดล้อม ประสาทตาสำเร็จ
    มันก็จะมีอาการ ประสาทตา ปิดล้อมสิ่งที่ ปิดล้อมมันอีกที
    จะเกิดของที่เรียกว่า มะหา คือ สิงที่อยู่ถัดมา ใหญ่กว่า

    กับ สิ่งที่ประสาทตาปิดล้อม ประสาทตาไม่พอใจ
    ประสาทตา เข้า เจาะ เข้าไปรับรู้
    สิ่งที่อยู่ภายในการปิดล้อมนั้นอีก
    เรียก อนุ คือสิ่งที่อนู่ภัดมา เล็กกว่า

    และนี้คือ
    อายตนะของตา
     
  20. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    หู จมูก ลิ้น กาย และใจก็เช่นกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...