เรื่องเด่น อานิสงส์การบูชาต้นโพธิ์ด้วยดอกไม้3ดอกแล้วไหว้ต้นโพธิ์ดังถวายบังคมพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย อกาลิโก!, 15 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. อกาลิโก!

    อกาลิโก! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    609
    กระทู้เรื่องเด่น:
    531
    ค่าพลัง:
    +3,731
    27973732_913509705470624_8811244191636826098_n.jpg

    อานิสงส์การบูชาต้นโพธิ์ด้วยดอกไม้3ดอกแล้วไหว้ต้นโพธิ์ดังถวายบังคมพระพุทธเจ้า


    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
    ว่าด้วยผลแห่งการเก็บใบแคฝอยทิ้ง
    [๙๘] เมื่อก่อน เราเป็นพรานเนื้ออยู่ในป่าชัฏใหญ่ เราเห็นไม้แคฝอยอันเขียวสด
    อันเป็นไม้โพธิ์ ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี จึงบูชาด้วยดอกไม้
    ๓ ดอก เวลานั้น เราเก็บใบแคฝอยที่แห้งๆ ไปทิ้งในภายนอก เรากราบ
    ไหว้ไม้แคฝอย ดังถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี นายกของ
    โลก ผู้บริสุทธิ์ทั้งภายในภายนอก ผู้พ้นวิเศษแล้วไม่มีอาสวะ เฉพาะ
    พระพักตร์ แล้วทำกาละ ณ ที่นั้นเอง ในกัลปที่ ๙๑ แต่กัลปนี้ เราได้
    บูชาไม้โพธิ์ใด ด้วยกรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชา
    ไม้โพธิพฤกษ์ ในกัลปที่ ๓๐ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๓ พระองค์
    ทรงพระนามว่าสมันตปาสาทิกะ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา
    ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนา
    เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
    ทราบว่า ท่านพระติปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
    จบ ติปุปผิยเถราปทาน.

    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ บรรทัดที่ ๓๒๐๙ - ๓๒๒๓. หน้าที่ ๑๕๐.
    ๙๖. อรรถกถาติปุปผิยเถราปทาน
    อปทานของท่านพระติปุปผิยเถระมีคำเริ่มต้นว่า มิคลุทฺโธ ปุเร อาสึ ดังนี้.
    พระเถระแม้นี้ได้บำเพ็ญกุศลสมภารในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เพราะอกุศลบางอย่างตัดรอน ท่านจึงเกิดเป็นนายพรานเนื้ออยู่ในตระกูลนายพราน ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี.
    ในกาลนั้น นายพรานนั้นเห็นต้นโพธิ์ ชื่อว่าปาฏลิ (ไม้แคฝอย) ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี มีใบอ่อนพร้อมพรั่ง มีสีเขียวสด มีรัศมีเขียวน่ารื่นรมย์ใจ จึงบูชาด้วยดอกไม้ ๓ ดอก เก็บใบเก่าทิ้งเสีย ไหว้ไม้แคฝอยมหาโพธิ์ ดุจไหว้ในที่เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า.
    ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านจุติจากอัตภาพนั้นแล้วเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติแล้วๆ เล่าๆ ในเทวโลกนั้น จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว เกิดในมนุษย์ เสวยจักรพรรดิสมบัติในมนุษย์นั้น ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลเจริญวัยแล้ว ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา ได้หทัยประกอบด้วยโสมนัส ละเรือนออกบวชแล้ว ไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.
    ท่านครั้นบรรลุความสำเร็จอย่างนี้ ระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า มิคลุทฺโธ ปุเร อาสึ ดังนี้.
    ในบทเหล่านั้น ชื่อว่ามิคะ เพราะไปคือถึงโดยมรณะ.
    อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่ามิคะ เพราะค้นหาไปคือเป็นไป.
    ชื่อว่ามิคลุทธะ เพราะอยากได้ มักได้ ติดอยู่ในการฆ่าเนิ้อ.
    เชื่อมความว่า เราได้เป็นพรานเนื้อในป่าใหญ่ กล่าวคือหมู่ไม้ ในกาลก่อนคือในสมัยที่เราบำเพ็ญบุญ.
    บทว่า ปาฏลึ หริตํ ทิสฺวา ความว่า ชื่อว่าปาฏลิ ไม้แคฝอย เพราะในต้นไม้นั้นมีพื้นมีสีแดงเป็นประการ. เรียกว่าปาฏลิ เพราะมีดอกสีแดง.
    อธิบายว่า เห็นต้นโพธิ์ ชื่อว่าปาฏลิ มีสีเขียว เพราะมีใบเขียว คือมีสีเขียว.
    คำที่เหลือในบททั้งปวงมีอรรถตื้นทั้งนั้นแล.
    จบอรรถกถาติปุปผิยเถราปทาน



    -----
    ขอบคุณที่มา
     
  2. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +1,095
    sa246.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...