อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณช่วยชีวิตแม่และลูกชายข้าพเจ้าได้

ในห้อง 'ประสบการณ์ ผลของการสวด' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 11 พฤษภาคม 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณช่วยชีวิตแม่และลูกชายข้าพเจ้าได้

    วัชรี รักสงบ

    ข้าพเจ้านางวัชรี รักสงบ อายุ ๔๖ ปี บิดาชื่อนายใบ แสงเวียน มารดาชื่อ
    นางสีดา แสงเวียน รับราชการครู โรงเรียนดงตาลวิทยา ตำบลงิ้วราย อำเภอเมือง
    จังหวัดลพบุรี ในวันเกิดข้าพเจ้ามีเพื่อนครูชื่อพี่สุภาพร สง่าทอง

    ซื้อหนังสือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มาให้ ซึ่งมีอยู่ ๒ เล่ม

    ข้าพเจ้าเห็นแล้วนึกท้อที่จะอ่านเพราะเล่มใหญ่และหนา ข้าพเจ้าไม่เคยอ่านหนังสือเล่มใหญ่ๆแต่พอเจอหน้าพี่ทีไร พี่ก็จะถามว่าอ่านหรือยัง จนข้าพเจ้าเกรงใจจึงหยิบมาอ่าน แต่พอได้อ่านแล้วแทบวางไม่ลงเพราะเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาสาระดีมาก มีข้อคิด และสนุก ข้าพเจ้าถามพี่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือแต่ง พี่บอกว่าเป็นเรื่องจริงคือ วัดอัมพวัน หลวงพ่อจรัญข้าพเจ้าจึงอยากไปกราบหลวงพ่อ

    วันที่ข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อ ตอนนั้นยังเป็นกุฏิหลังเก่าและได้หนังสือสวดมนต์มา ข้าพเจ้าเริ่ม สวดมนต์ตามหนังสือ ปกติข้าพเจ้าก็สวดมนต์ทุกคืนอยู่แล้ว แต่เป็นการสวดสั้นๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตครอบครัวของข้าพเจ้า มีดังนี้ เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นกับบุตรชายของข้าพเจ้า นายวัชรศักดิ์ รักสงบ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๔ เวลา ๑๒.๐๐ น.

    ลูกชายของข้าพเจ้าซึ่งสายตาสั้นและขับรถไม่เก่ง ได้ขับรถจักรยานยนต์ชนทางเท้าตรงโค้ง หลังโรงเรียนบรรจงรัตน์ และสลบไป มีคนนำส่งโรงพยาบาลลพบุรี นอนอยู่ห้องไอ.ซี.ยู. ใครเห็นก็บอกว่าไม่รอดเพราะนอนนิ่งไม่ไหวติง หน้าบวม ข้าพเจ้าจึงย้ายเข้าโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในวันที่เสาร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม โดยมีคุณหมอธนิต เธียรธนู และคณะเป็นผู้ดูแลข้าพเจ้าถามคุณหมอว่าลูกชายของข้าพเจ้าจะรอดชีวิตหรือไม่

    คุณหมอบอกว่าสมองบวม บอกไม่ได้ ต้องดูวันต่อวัน ข้าพเจ้าเข้ากรุงเทพฯ ก็นำหนังสือสวดมนต์ไปด้วยเพราะตอนนั้นยังท่องไม่ได้วันพุธที่ ๑ สิงหาคม ย้ายไปโรงพยาบาลรามาธิบดี ข้าพเจ้าลาไปดูแล ๒อาทิตย์ ดูแลจนถึงเวลา ๒๐.๐๐ น. กว่าจะกลับถึงที่พักของญาติซึ่งอยู่ไกลจาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2009
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    โรงพยาบาลก็ดึกพอสมควร แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็สวดมนต์ภาวนาทุกคืน
    สวดเท่าอายุของข้าพเจ้าบวกหนึ่ง และอธิษฐานจิตขอพรจากหลวงพ่อจรัญ ช่วยแผ่
    เมตตาให้ลูกชายของข้าพเจ้ารอดชีวิตด้วย ช่วงที่นั่งเฝ้าข้าพเจ้าก็จะสวดอิติปิโสไปเรื่อยๆ วันศุกร์ที่ ๑๐ สิงหาคม ลูกชายของข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกตัว แต่พูดไม่ได้เพราะใส่ออกซิเจนและแอร์เวย์ที่ปาก แต่สื่อโดยใช้ภาษามือขอกระดาษและเขียนด้วยมือซ้าย เพราะมือขวาไม่มีแรงว่า “กี่โมง วันที่ พ.ศ. และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

    ข้าพเจ้าก็เล่าให้ฟังและเขาเป็นห่วงเพื่อนอีกสองคน ที่ขับนำหน้าไปกลัวจะมีอันตราย และบอกเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนทั้งสองคนได้ ข้าพเจ้าจึงต่อโทรศัพท์ให้เพื่อนโทร. เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ลูกชายข้าพเจ้าก็ได้แต่พยักหน้าเพราะพูดไม่ได้ ข้าพเจ้าดีใจมาก การที่ลูกบอกเบอร์โทรศัพท์ซึ่งมีตัวเลขหลายตัวได้แสดงว่าสมองยังปกติ ไม่เสียความทรงจำสมองไม่เสื่อม ข้าพเจ้าคิดอยู่ตลอดเวลาตอนที่ลูกชายนอนสลบอยู่ ถ้าลูกข้าพเจ้ารอดชีวิตมา แขนขาข้างขวาและสมองคงพิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ คงไม่ได้เรียนหนังสือ และข้าพเจ้าคงต้องลาออกจากครูมาดูแลลูก แต่ลูกข้าพเจ้าฟื้นมาสมองปกติ และได้ย้ายไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล จังหวัดลพบุรี

    อาการดีขึ้นเรื่อย ๆออกจากโรงพยาบาลวันที่ ๑ กันยายน ลูกชายของข้าพเจ้าแข็งแรงช่วยเหลือตัวเองได้ ข้าพเจ้าจึงได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันเป็นเวลา ๗ วัน ช่วงที่ปฏิบัติไม่ได้คุยกับใคร ตั้งใจมาก เช็ดถาดทุกวัน ว่างก็กวาดใบไม้ วันกลับก็ทำความสะอาดห้องน้ำ รู้สึกปีติมีความสุขมาก ลูกชายของข้าพเจ้าแข็งแรงมากขึ้น จึงได้ไปปฏิบัติธรรมพร้อมกับข้าพเจ้าในช่วงหลัง และในวันที่ ๒๖ กรกฎาคมของทุกปีข้าพเจ้าและลูกก็จะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของลูกชายข้าพเจ้า ที่ไม่เอาชีวิตของลูกชายข้าพเจ้าไป และทุกวันพระก็จะไปทำบุญกันสม่ำเสมอ ปัจจุบันลูกชายของข้าพเจ้าเรียนจบปริญญาตรีและได้ไปอุปสมบทที่วัดอัมพวัน เมื่อวันที่ศุกร์ที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๙
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2009
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เหตุการณ์ที่ ๒ ซึ่งเกิดกับแม่ของข้าพเจ้า ท่านอายุ ๘๒ ปี ส่วนบิดาของข้าพเจ้า
    ได้เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ แม่จึงเลี้ยงดูลูกทั้ง ๖ คนมาตามลำพัง โดยอาชีพทำนา พออายุมากขึ้นทำนาไม่ไหวจึงเปิดร้านขายของชำอยู่ที่บ้าน แม่เป็นคนถือศีลปฏิบัติธรรมมาตลอด ไปทำบุญทุกวัน วันพระก็จะนำสวดมนต์ ในช่วงเข้าพรรษาก็ถือศีล ๘ นอนวัด แต่พอมาช่วงหลังอายุมากขึ้น ปวดปัสสาวะบ่อย ทางวัดทุบห้องน้ำไปสร้างไกลขึ้น กลางคืนไม่สะดวก แม่จึงมานอนบ้านแต่ก็ถือศีล ๘ ไม่นอนบนที่นอน ไม่ทานอาหารมื้อเย็น

    แม่เริ่มป่วยวันศุกร์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๘ มีอาการหนาว จึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลเมืองนารายณ์ ๕ วัน คุณหมอบอกว่าเป็นกรวยไตอักเสบ ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลลพบุรี ๒๕ วัน และไปรักษาที่โรงพยาบาลอานันทมหิดลวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๔๘ โดยมีคุณหมอนาวี รักในศีล และคณะดูแลเป็นอย่างดี คุณหมอนาวี เป็นหมอที่ดูแลเอาใจใส่คนไข้ดีมาก พูดให้กำลังใจคนไข้ดีมาก

    คนไข้มีกำลังใจที่จะสู้ชีวิต ไม่ท้อถอย พูดเพราะ ใจเย็น ไม่รำคาญคนแก่ แววตามีแต่ความเมตตาและเอื้ออาทรคนไข้ แม่ออกจากโรงพยาบาลวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๘ และเข้าโรงพยาบาลครั้งที่ ๒ คือวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๘ ถึง ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ขณะที่ข้าพเจ้าเฝ้าก็จะ สวดอิติปิโสตลอด และในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ แม่มีอาการกระตุกทั้งหน้า และคงกัดลิ้นมีเลือดไหล พี่ชายของข้าพเจ้ารีบนำส่งโรงพยาบาลอานันทมหิดล คุณหมอให้นอนห้องกึ่งวิกฤต แม่กระตุกตลอด อาการน่าวิตกแม่เป็นหนักกว่าทุกครั้ง

    ญาติไปเยี่ยมกันเยอะคิดว่าแม่คงอาการหนัก ข้าพเจ้าสวดมนต์ภาวนาอธิษฐานจิตขอพรจากหลวงพ่อจรัญ ให้ช่วยแผ่เมตตาช่วยชีวิตแม่ข้าพเจ้า ให้แม่ข้าพเจ้าปลอดภัยกลับบ้านได้เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้แม่กลืนอะไรไม่ได้ ต้องให้อาหารและยาทางสายยาง ต้องเปลี่ยนสายยางทุก ๗.๑๐ วัน ข้าพเจ้าสงสารแม่มาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2009
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    แม่ออกจากโรงพยาบาลวันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๘ และยังใส่สายยางอยู่
    แม่เดินไม่ได้ พี่ชายข้าพเจ้าซื้อรถเข็น และเวลาพาแม่ไปโรงพยาบาล คนก็จะมองแม่ เพราะมีสายยางอยู่ที่จมูก ข้าพเจ้าไปปฏิบัติธรรมและอธิษฐานจิตว่า ขอให้แม่ได้ถอดสายยางออกสามารถทานอาหารทางปากได้ กลืนได้ และเดินได้

    พอข้าพเจ้ากลับจากปฏิบัติธรรมเห็นแม่เดินได้ ดีใจมาก แม่บอกว่าอยู่เฉย ๆ ขาแม่ก็มีแรงพยุงตัวลุกเดินได้ แต่ก็มีลูกๆคอยประคอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นขาแม่ไม่มีแรง จะลุกไปไหนต้องอุ้มพยุงตัวขึ้น แม่บอกว่าเป็นเพราะข้าพเจ้าไปปฏิบัติธรรม ต่อมาไม่นานแม่ก็ไม่ต้องใส่สายยาง ให้แม่ดื่มอาหารเหลว แต่ปริมาณก็ลดลง และเริ่มฝึกทานข้าวต้ม และข้าวสวย จากที่ทานได้เล็กน้อยก็เพิ่มปริมาณมากขึ้น
    ปัจจุบันนี้แม่ก็ทานข้าวได้ปกติ แต่ก็ยังทานยาของโรงพยาบาลเป็นประจำ

    แม่สวดบทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ชัยมงคลคาถา มหาการุณิโก พระคาถาชินบัญชร และอีกหลายอย่าง แม่สวดได้หมด ความจำแม่ยังดีมาก แม่นั่งสวดมนต์และนั่งสมาธิได้ไม่นานเพราะปวดขา สภาพร่างกายไม่อำนวย แม่จึงนอนสวดอิติปิโส ข้าพเจ้าซื้อเทปพาหุงพุทธคุณ ๑๐๘ จบ และเทปธรรมะเปิดให้แม่ฟัง แม่ข้าพเจ้าสามารถเดินไปทำบุญได้ และที่ดีใจมากที่สุดในวันบวชลูกชายของข้าพเจ้า แม่ข้าพเจ้าไปวัดอัมพวันตั้งแต่เริ่มพิธีปลงผม จนบวชเสร็จบ่าย ๓ โมง แม่อยู่ด้วยตลอด

    ปัจจุบันนี้แม่อยู่กับพี่สุนีย์ เกสร ลูกคนที่สาม พี่สาวของข้าพเจ้าซึ่งดูแลแม่เป็นอย่างดี และพี่โสภา แสงเวียน พี่ชายคนโตบ้านอยู่ติดกันก็มาดูแลเอาใจใส่แม่ เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน ลูกๆของแม่ทั้ง ๖ คน มีครอบครัวและบ้านอยู่ติดกันทั้งหมดจึงมีเวลาดูแลแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ความเป็นอยู่ และการพา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2009
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    แม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพและรับยาทั้งสองเหตุการณ์นี้เป็นเพราะอานิสงส์ของหลวงพ่อจรัญที่ช่วยแผ่เมตตาให้ และอานิสงส์ของการสวดมนต์พระพุทธคุณและการปฏิบัติธรรม จึงขอเชิญชวนท่านทั้งหลายสวดมนต์และปฏิบัติธรรม แล้วท่านจะทราบได้ด้วยตนเองว่ามีสิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นหลายอย่างทุกวันนี้ข้าพเจ้ากลายเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมะ จึงมีหนังสือกฎแห่งกรรมตั้งแต่เล่ม ๑.๑๙ หนังสือมักกะลีผล นารีผล วัฏจักรชีวิต และอีกหลายเล่ม

    ซึ่งเป็นหนังสือที่อ่านแล้วทำให้เราเห็นว่า เวรกรรมมีจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ในวันที่ ๓๑ ธันวาคมของทุกปี ข้าพเจ้าและครอบครัวจะไปรับพรจากหลวงพ่อ ทำวัตรเสร็จแล้วจึงเดินทางกลับบ้าน เพื่อเป็นสิริมงคลกับครอบครัว ข้าพเจ้าไปปฏิบัติธรรมครั้งล่าสุดคือวันที่ ๕.๑๒ เมษายน ๒๕๔๙ และข้าพเจ้าก็กลับมาสวดมนต์ปฏิบัติธรรมเดินจงกรม นั่งสมาธิทุกวัน ซึ่งการไปปฏิบัติธรรมครั้งก่อนๆกลับมาปฏิบัติธรรมได้แค่ไม่กี่วันก็เลิกทำ โรงเรียนของข้าพเจ้าจะนำนักเรียนไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ข้าพเจ้าจะไปด้วยทุกครั้ง เวลาข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อ ได้เห็นหลวงพ่อ

    ข้าพเจ้ารู้สึกปีติตื้นตันใจและมีความสุขข้าพเจ้าขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก โปรดคุ้มครองหลวงพ่อ ขอให้หลวงพ่อมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีอายุยืน
    ยาวนาน อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกศิษย์ตลอดกาลนาน เทอญ__
    <!-- End main-->


    ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tonkla1&month=04-2009&date=19&group=17&gblog=7
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2009
  6. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    อ่านบทความของคุณวัชรีแล้ว ตื้นต้ันใจมาก น้ำตาชึมเลยค่ะ อาการป่วยของคุณแม่ดิฉันที่เมืองไทย ก็มีอาการเช่นเดียวกับอาการของคุณแม่คุณวัชรี แต่ดิฉันไม่ได้อยู่ปรนนิบัติท่านดังเช่นคุณได้ปฏิบัติ เนื่องจากดิฉันยังมีภาระกิจอยู่ต่างประเทศ เป็นอานิสงส์จริงๆ เลื่อมใสมาก แต่หลังจากคุณแม่สิ้น ิดฺิฉันพึ่งได้มีบุญ ไปกราบหลวงพ่อจรัญ และปัจจุบันก็เริ่มบทสวดมนต์ จากหนังสือของหลวงพ่อจรัญทุกบท โดยเฉพาะบทสวดพระีุทพุทธคุณ สาธุ
     
  7. Omjai_N

    Omjai_N เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +174
    อนุโมทนา ในกุศลที่ จขกท ได้สร้างด้วยค่ะ ทำได้ดีมากจริงๆ
     
  8. อันวา(อันเป็นที่รัก)

    อันวา(อันเป็นที่รัก) Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +42
    อนุโมทนา สาธุ กับเรื่องราวเหตุการณ์ที่ได้ประสบพบอ่านคะ
     
  9. pawang

    pawang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +193
    ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นสัจจะเหนือกาลเวลาจริงๆครับ
    ก่อนหน้าที่จะหันมาปฏิบัติธรรม ผมมีโรคประจำตัวคือโรคความดันโลหิตสูง (150/110)ทั้งๆที่อายุยังไม่มาก จึงหันมาสวดมนต์และนั่งสมาธิ ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด และลดอาหารมื้อเย็นลง ใหม่ๆก็กินบ้างและลดลงมาเรื่อยๆจนสามารถลดมื้อเย็นลงได้
    จากนั้นไม่กี่เดือนก็ไปบริจาคเลือด ปรากฏว่าความดันผมปกติครับ เหลือ 120/80 ผมดีใจมากทั้งๆที่ไม่ได้ทานยาอะไรเลย และไม่ได้ออกกำลังอะไร มีแต่เพียงการเดินจงกรมบ้างบางวันครับ จนป่านนี้ความดันผมก็ไม่เคยมากกว่า 120 เลยครับ
    ใครที่มีโรคประจำตัวเช่นเดียวกันกับตัวผมก็ลองใช้ดูก็ได้นะครับ

    อนุโมทนาด้วยนะครับ
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...