อานิสงส์ของการสวดแผ่เมตตา (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 16 ตุลาคม 2010.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    [​IMG]

    อาตมาเมื่อหลายปีผ่านมานี้ ๕-๖ ปีแล้ว มีลูกประคำอยู่สายหนึ่ง
    เคยสวดมนต์รัตนมาลาเมื่อสมัยเดินธุดงค์ ลูกประคำสายนี้รักมาก
    อาตมาก็มีหมอนมีอะไรที่กุฏิอาตมานะ
    หนูนี่ไปกัดหมอนกัดอะไรเกลื่อนกลาดหมดเลยนะ
    กัดเต็มไปหมดที่บนกุฏิอาตมานี่น่ะ
    อาตมาก็พูดเล่น ๆ แต่จิตใจก็เคืองเหมือนกันนะ
    "ไอ้หนูไม่มีดีฆ่ามันเลย ให้เด็กไปซื้อกรงมาดักเลย
    หนูไม่ดี เดี๋ยวคืนนี้จะฆ่ามันให้หมด" พูด ๆ ลอย ๆ ออกมาอย่างนี้แหละ แต่จิตใจเราอาจไม่ถึงขนาดนั้น ก็พูดด้วยความโมโห ต้องเอามันเลย หนูมันไม่ดีกัดหมอนกัดพรมหมดไม่มีเหลือ
    แล้วลูกประคำอาตมาวางไว้ข้างที่อาตมาจำวัด


    คืนนั้นแหละกัดลูกประคำแหลกเลย
    หนูกัดแล้วเอาไปลงร่องไปเลย ๘-๙ เม็ดหายไปแล้ว
    มานับดูไม่พอร้อยแปด ขาดไป ๘-๙ เม็ดแล้วยังไง ให้พระมาช่วยหา หาไม่เจอ บอกหลวงพ่ออยู่ใต้เพดานใต้ฝ้า เอาไม่ได้ ล้วงไม่ได้
    ถ้าจะเอาได้ต้องงัดพื้นออกเอาไง เอ...งัดก็เสียหมดนะซี
    เขาตอกตะปูไว้แน่นนี่จะงัดอย่างไร มีร่องนิดเดียว
    พอเม็ดลูกประคำลงได้เห็นแต่ล้วงก็ไม่ได้
    ลูกประคำอยู่ข้างล่าง ติดฝ้าทำยังไงดี


    คืนนั้นถ้าใครเห็นเขาก็คงว่า อาตมาท่าจะยังไงเสียแล้ว
    อาตมาก็จุดธูปจุดเทียน เดินจงกรม นั่งสมาธิ ๆ เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว
    ก็พูดว่า "พ่อหนูเอ๋ย พ่อหนู เมื่อคืนวานนี้ที่เราพูดกับเจ้าว่า
    หนูไม่มีดีจะฆ่าให้หมดเลยนั้น ขอโทษด้วยเหอะ
    จงอโหสิกรรมให้เราหน่อยนะ เราขอแผ่เมตตาให้เจ้า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอากล้วยให้กิน อย่ามากัดหมอนกัดเสื่อกัดพรมเป็นของสงฆ์เป็นบาปเป็นกรรมนะพ่อหนูนะ
    ขอแผ่เมตตาเจ้า จงอโหสิกรรมให้แก่เราเถิด ที่เราพูดพลั้งเผลสติไป"


    เช้าขึ้นมาเป็นยังไงโยม ลูกประคำได้คืนหมด หนูคาบมาให้ที่นอนเลย เลยอาตมาก็มามีหมอตำรวจคนหนึ่งที่สิงห์บุรีนี่น่ะ มาอยู่กับอาตมาเป็นแรมปี แกก็มานั่งนอนอยู่ข้างล่าง รับใช้ในวัดนี้ แกรู้เรื่องนี้ดี เพราะเคยหาลูกประคำด้วยกัน เอาไฟส่องไปตามรู ว่ามันไปอยู่ข้างล่าง
    พอเช้าอาตมายังไม่ได้โยกย้ายลูกประคำวางหนูกัดบิ่นไป ๔-๕ ลูก บิ่นไป มันไปขบ มันมีรูยังพอจะใช้ได้ ก็ไปเรียก พระปลัดประสิทธิ์ มา
    เรียกลูกศิษย์มา แล้วก็เรียกหมอเยื้อน ชโลปถัมภ์ ที่เป็นสมาชิกสมาคมสิงห์บุรี
    เดี๋ยวนี้แก่มากแล้ว เป็นหมอตำรวจ ให้แกมาดู
    แกก็บอกว่า "แน้ มาได้ไง" ก็เอาไฟส่องดู ก็ขึ้นมาหมดแล้ว
    หนูเอามาคืน ด้วยการแผ่เมตตาน่ะ โยมจำไว้ หนูเอามาคืน


    ผลสุดท้ายอาตมาก็ไปซื้อสายซอทอมาร้อยเรียบร้อย
    หมอเยื้อนอยู่กับอาตมาอีก ๒-๓ เดือน
    บอกหลวงพ่อไม่ให้อะไรผมไม่ว่าอะไร ผมขอลูกประคำได้ไหม
    แล้วอธิบดีสมพรก็อยากได้ คนโน้นก็อยากได้ คนนี้ก็อยากได้
    จะให้ใครดี ก็พิจารณาคนใกล้ตัวก่อน
    ก็หมอเยื้อนมารับใช้เราเป็นปี ๆ ก็ให้หมอเยื้อนไป นี่ลูกประคำลูกนี้นะ หมอเยื้อนยังไปรักษาอยู่จนบัดนี้ นี่อำนาจเมตตาลองดูนะ ตั้งแต่นั้นมาหนูไม่เคยมากัดหมอนมุ้งเลยจดบัดนี้ นี่หนูก็เยอะ
    อาตมาก็ต้องให้กล้วยกิน แผ่เมตตากับมัน
    เอ้าลองดูนะ แล้วจะไม่มากัดของเราเลย


    ยายผิงกับแมว

    มี ยายผิง อยู่คนหนึ่ง อยู่ที่กุฏิอาตมา เดี๋ยวนี้ตายไปแล้ว
    อาตมาก็มีแมวมีหมาอย่างนี้แหละ ตอนที่แกอยู่เอาตาลปัตรตีแมว
    ยายคนนี้น่ะก็ลูกเขาไม่เลี้ยง อาตมาส่งลูกเรียนเป็นใหญ่เป็นโตแล้วนะ
    แล้วก็มีลูกสะใภ้ ไล่แม่ออกมา เราก็ต้องเลี้ยงแม่เขาด้วยซี
    ลูกไม่เอาไหน พอได้เมียก็ลืมแม่เลย
    แม่เลยต้องมาอยู่กับอาตมา เอาเข็มขัดทองมาฝาก
    เอาสร้อยมาฝากอาตมาไว้ ก็มารับใช้ที่วัด
    พอแมวเข้ามาตีเลย ทั้งตีทั้งเตะ แล้วแมวก็ยิ่งขี้ใหญ่ เห็นไหม
    แมวนี่แปลก ถ้าด่า มันยิ่งขี้ มันขี้เปรอะเลอะพรมหมด
    อาตมาวันนั้นเห็นลงมาจากข้างบน ก็ลงมานั่ง ๆ อยู่ข้างล่าง
    แล้วแมวทำอย่างไร มันเกลียดยายผิงที่ด่ามัน
    มันไปชวนเพื่อนมาช่วยขี้ ให้ยายผิงเช็ด
    เห็นไหมแมวที่บ้านใครไม่รู้
    มันชวนเป็นแถวหมดแล้วมาถึงขี้เอา ๆ แล้ววิ่งเลย อาตมาเห็นกับตาแล้ว
    โอย เห็นไหมมันขี้ทีเดียวไม่พอนะ มันไปชวนเพื่อนชวนสมัครพรรคพวก มันมาช่วยขี้ที่กุฏิอาตมาแล้วให้ยายผิงเช็ด
    ยายผิงก็ด่าไปเช็ดไป ด่าไป อะไรอย่างนี้นะ
    เดี๋ยวอีกวันไปชวนเพื่อนมาอีก ชวนเพื่อนยังไม่พอ
    ชวนหมามาขี้ แหม แมวนี่สำคัญ
    เอายังไงนี่เรื่องจริงที่นี่นะ ถามคนที่นี่ดู


    อาตมาก็เปลี่ยนใหม่พอไม่มีแขก เรียกยายผิงมานี่
    ยายผิงแกแก่แล้วบอกอาตมาขอบิณฑบาต
    "นี่โยมไปด่าแมว มันยิ่งขี้เห็นไหม นี่เห็นไหม"
    "เห็นเจ้าค่ะ" "และฉันจะทำยังไงเจ้าคะ
    ก็แผ่เมตตาไม่ออก อยากจะกระทืบเสียเลย อยากจะกระทืบแมว"
    "แหมหลวงพ่อ เอาอย่างงี้เหอะ
    หาตะคอกให้ฉันสักลูกเถอะ จะจับไปปล่อยแถวพรหมบุรี"
    บอก "อย่า บ้านแตกสาแหรกขาดอย่าไปปล่อย
    วิธีของเราอย่างนี้ โยมนั่งกรรมฐานเสียซี"


    ยายผิงไม่เคยนั่งกรรมฐาน มีใครมา เอ้าโยม
    คุณน้าคุณลุงคุณป้านั่งกรรมฐาน
    หลวงพ่อคนเขาถามว่า แกเอาบ้างหรือเปล่า ข้าเปล่าเลย
    นึกดูซิ ไม่เอาไหนเลย ในที่สุดอาตมาก็บอกให้โยมทำอย่างนี้ได้ไหม
    บอกว่า แม่แมวเอ๋ย อย่าขี้เลยนะ เรากวาดลำบากไปขี้ที่อื่นเถิด
    ต่อไปนี้ฉันจะไม่ด่าแก ฉันจะไม่ตีแก ให้สัญญากับแก ไปขี้ที่อื่นนะ
    พูดให้เพราะ ๆ ยายผิงพูดกับแมวจ๊ะจ๋าหน่อยซี
    แมวมันก็มีชีวิตชีวา แมวตามบ้านที่มาปล่อยวัดเพราะอะไร
    ขี้รดหัวเตา ก็เจ้าของบ้านไม่มีราศี ไม่มีสกุลรุนชาติ
    แมวจึงขี้รดหัวเตา เอ้าลองดูซิ พอขี้รดหัวเตาแล้วทำไง เอามาปล่อยวัดแล้วที่หมามันไม่ขี้ตามถนนหนทางนี่น่ะ
    เพราะมันมีระเบียบมันชวนกันขี้ที่ท่าโน้น
    ไม่เหมือนวัดสุทัศน์ นกกระจาบขี้ตามถนนเต็มไปหมด
    นี่มีขี้ตามถนนไหม ไม่มีหรอก มันขี้ที่ท่า
    ถามมันดูซิ ลองไปตีไปเตะ ไม่ช้าก็ขี้ตามถนนหรอก
    ที่ขี้ตามนี้ไม่ใช่หมาที่วัด มีคนมาปล่อยไว้ ๒ วันนี้ยังไม่ได้หัดมัน


    ในที่สุดยายผิงก็พูดเพราะ ๆ แม่แมวต้องพูดอย่างนี้
    อย่าไปตีมัน เตะมัน เสียสกุลรุนชาติ
    เอาตีนเตะแมวเตะหมานี่นะ แมวหมาเสียแมวเสียหมา
    กลับมาขี้รดเป็นกาลกิณีประจำบ้าน
    บางบ้านมันออกลูกกรอกให้เลย แม่แมวจ๋ามาทานเสียตรงนี้
    แมวบางตัวมันขี้ในส้วม อาตมาเห็นบางตัวมันเข้าไปในส้วมเลย
    เอ๊ะ แมวมันเข้าไปทำไมหว่า อ้อ ไปถ่ายลงบ่อนะพอดีเลย ลงโถพอดีเลย
    บางคนเห็นแมวไปตีไปเตะ เสียสกุลรุนชาติ ไม่ใช่เสียแมว
    เสียที่คน คนไม่มีสกุลรุนชาติ
    แมวก็ขี้ให้เช็ดเสียดูนะ อันนี้เรื่องจริงนะ
    เลยพูดกับมันดี ๆ แมวก็ไปบอกกับเพื่อนมัน
    นี่ต่อนี้ไปยายผิงเขาดีนะ ไม่ต้องมาขี้ที่นี่
    เอ๊ะ มันมีบอกกันได้ใช่ไหม แล้วตั้งแต่นั้นมา
    แมวไม่เคยมาขี้ที่กุฏิอาตมาเลย


    ยายผิงบอก โอยหลวงพ่อ ตั้งแต่นั้นมาไม่ต้องเช็ดขี้แมวเลย
    แหมมีตัวเดียวอุตส่าห์ทำเรา ไปบอกเพื่อนมาขี้ได้ เห็นไหม ลองดูซี ตอนอาตมาเป็นเด็กเคยไปเที่ยวตามบ้าน
    บ้านโยมเขามีลูกสาวสวย อยากจะไปชอบลูกสาวเขา
    อาตมาก็ไป ไปเห็นหมาเยอะ เออ หมาบ้านพ่อตานี่เยอะจัง ขว้างมันเลย
    วันหลังเราไปเห่าเราคนเดียว มันจำแม่น สิบปีมันยังจำได้
    จะบอกเทคนิคโยมที่จะไปบ้านลูกสาวใคร
    สมมติว่า ติดพันลูกสาวบ้านใครเอาลูกชิ้นไป ห่อไปให้ได้
    หมามันชอบลูกชิ้น โอยมันจำหน้าไว้เลย
    วันหลังไปมันเชิญ ๆ เอาลูกชิ้นมาหรือเปล่า
    เลียแข้งเลียขาลูกชิ้นมาหรือเปล่า
    อั้นแน่ ลูกชิ้นไม่ได้เอามา วันหน้ามาต้องกัด เอ้าลองดูซี
    ถ้าไม่เชื่อตามใจนะ ถ้าไปขว้างหมา ไม่ต้องคนหรอก
    แค่หมามันก็เกลียด หมาก็เกลียด เราไปขว้างมัน ไปไล่มัน ไปด่ามัน
    พูดวาจาสามหาว ไม่มีสัจจะวาจา พูดจาไม่ดี
    แมวก็เกลียดหมาก็เกลียด ยังอุตส่าห์มาช่วยขี้นะ
    ว่าจะเย็บหมอนไปถวายวัดโน้นวัดนี้ แกก็เย็บ
    ปากก็รับแขก แกก็หน้าสำคัญเหมือนกัน
    แกดูหน้าคนแต่งตัวสวย ๆ ยายผิงชงกาแฟทำอะไรให้กิน
    แต่งตัวปอน ๆ มายายผิงหันก้นให้ทำไม่รู้ไม่ชี้
    นี่ซีแมวถึงขี้รด รับแขก ยังเอาสวย ๆ นะ
    คนไม่สวยไม่รับนะ นี่เรื่องจริงที่วัดนี้เอง
    เดี๋ยวนี้แกตายไปแล้ว เล่าได้เต็มที่ แกอยู่เล่าไม่ได้เดี๋ยวแกไม่ต้มน้ำร้อน เอ้าเรื่องจริงนะลองเอาไปใช้ดูได้


    สรุปแล้ว ไม่มีอะไรดีเท่าแผ่เมตตา
    ได้จากการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น
    ถึงจะตัดใจได้ และเสียสละได้ด้วยเมตตาของตน แก่บุคคลอื่นได้
    โดยเฉพาะแก่สัตว์เดรัจฉาน
    เราจะเห็นพระธุดงค์ไปปักกลดไก่ป่ามันเชื่อง
    เขาเรียกว่า สมเด็จพระสังฆราชไก่เชื่อง ไงล่ะ
    ก็เพราะเมตตาไม่ใช่หรือ ไม่ได้ไปฆ่ามัน
    นี่แมวน่ะ เราไปเตะมันเข้าไม่มีสกุลรุนชาติ
    มันเป็นกาลกิณีของเจ้าของที่มีจิตใจเลวร้าย ไม่มีมารยาทเลย
    ก็ทำให้แมวไม่มีมารยาทไปด้วย
    แมวที่ขี้รดบ้านเลอะเทอะเปรอะเปื้อนนั้น เจ้าของไม่ดีนะ
    ถ้าเจ้าของมีราศี มันก็จะออกลูกกรอกให้


    อย่างที่จังหวัดสิงห์บุรี นี่เขาร่ำลือกันว่าแมวที่วัดนี้ออกลูกกรอกมีตาเพชร เพชรตาแมวก็ขอไปเลี้ยงอย่างดีเลย แล้วออกลูกกรอกให้บ้านอื่นเลย
    บ้านนี้ไม่ออกให้ บ้านนี้ไม่มีราศี
    เลยหนักเข้าเจ้าของเคืองเรื่องนี้เลยใส่ชะลอมลูกทั้งคอก
    แล้วก็ห่อซะดี ฝากเรือเมล์มาขึ้นหน้าวัด แล้วเรือมาตอนบ่าย ๒ โมงนี้ ก็จะฝากผักหญ้าปลามันมาให้พระสงฆ์องค์เจ้าในวัด ก็ต้องไปรับ
    ก็ไปเอาชะลอมนั้นมา ก็นึกว่าคงจะเป็นผัก
    พอมาก็ดูเป็นแมวตั้ง ๑๔ ตัว บ้านที่เอาแมวเราไป


    แล้ววันหลังก็จดหมายมาว่า หลวงพ่ออย่าโกรธเคืองเลย ก็ฉันเอาไปกลับออกลูกกรอกให้บ้านอื่นเขาร่ำรวยกัน
    ฉันเลยก็ต้องรวบรวมมาคืน ก็ราศีตัวไม่ดี
    แล้วด่าแมวทุกวัน มันก็ออกลูกกรอกให้นะ มันท้องจริง
    แต่มันออกให้ร้านโน้นร่ำรวยจนบัดนี้
    ดูซี เลี้ยงไว้แท้ ๆ มันไปให้คนอื่นรวย
    ก็บ้านนี้รวยได้อย่างไร ไม่มีกุศลเลย ไม่มีเมตตาเลย
    มันก็ไปให้บ้านอื่นเขา จะเอาอย่างไรกันแน่ บ้านอื่นเขาจะรวยกันแล้ว บ้านนี้ไม่มีสิริขวัญมงคลอยู่ในบ้านของตนเลย
    วาจาก็ไม่ดี พูดจาพาทีก็แย่มาก ไม่มีธรรมะเลยแม้แต่น้อย
    ตี ๔ ลุกขึ้นมาสวดมนต์แล้วที่บ้านนี้นะ ตี ๔ ลุกขึ้นมา
    สวดมนต์เลยด่าลูกด่าหลานที่ตี ๔ ไม่ใช่โยโสภควานะ
    อาห่ามาอาเหียมา เอ๊ะ ตั้งแต่ตี ๔ เลย


    แล้วแมวมันจะออกลูกกรอกได้ไง
    ก็ออกให้ร้านโน้นเลย ร้านโน้นก็สวดมนต์ทุกวัน
    ไม่ต้องเลี้ยงแมวก็ยังได้บุญ เห็นไหมแล้วบ้านนั้นมีรถตั้งหลายคัน
    ร้านก็เลยรุ่งเรืองขึ้นมา อุตส่าห์ไปเอามาจากวัดดันไปออกลูกให้บ้านอื่นเขา กระทั่งแมวก็ไม่อยากมาหาหมาก็ไม่มาสู่จนสะบัด ยังไงลองไปคิดดูเอาเอง
    คนไหนมีเมตตา นกก็มา หมาก็มา แมวก็มา
    คนก็มา ดูซี อย่างนี้มีเหตุผลที่น่าฟัง


    คัดลอกจาก...หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 3
    http://www.jarun.org
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15741
     

แชร์หน้านี้

Loading...