อารมณ์เฉยใช่อาหารของจิตอาหารของภพไหม(คุณนิวรณ์)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แค่พลัง, 26 กันยายน 2017.

  1. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    รบกวนคุณนิวรณ์ช่วยตอบด้วยขอรับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ความว่าง มีหลายชนิด

    สิ่งที่ควรพิจารณา พระพุทธองค์ให้หันมาพิจารณา กุปธรรม อกุปธรรม
    [ บางพระสูตรใช้คำว่า อาพาธ บางพระสูตรใช้เสี้ยนหนาม ปฏิปักษ์ ธรรมคู่
    ในที่นี้ใช้ กุปธรรม อกุปธรรม เพราะ คุณชอบคำว่า พลังงาน ]


    พระพุทธองค์ครั้งยังเป็นโพธิสัตว์ ไปเรียนสมาธิกับ ดาบษ ก็พบความ
    ว่างหลากหลายชนิด

    แต่พระพุทธองค์ทรงพิจารณา กุปธรรม อกุปธรรม การกำเริบกลับ และ
    ใคร่ครวญเหตุของการกำเริบกลับนั้น .....จึงสามารถ หยั่งเข้าไปใน
    ความว่างชนิดไหนก็ได้ โดยรู้ หนทางนำออก

    ความว่างชนิดที่เป็น วิหารธรรม เพื่ออยู่สุข หาก สมควรแก่ธรรม ก็เรียกว่า
    บำเพ็ญสมณะในสมัย ไม่ห้าม หากจิตมันแสดงความผาดโผน ก็อนุโลมได้
    ตราบใดที่ยังพิจารณา กุปธรรม อกุปธรรม

    การทำจิตให้บันเทิง(ธรรม ทำกิจนิพพานให้แจ้ง) เพราะมันเอาแต่ไปติดว่าง(ติดสมถะ)
    ตรงนี้จะเป็น ศิลปนิดนึงจะพิจารณา กุปธรรม อกุปธรรม ไม่เห็น ต้องอาศัย
    ความโน้มไปยังมหาสมุทรถ้ามี ก็ พอใช้ ไม่ต้องกังวล

    มันจะมีความเป็นอาหาร แต่เป็นการเสพเพื่ออิ่ม .....เป็น วิบาก เป็นมิจฉาทิฏฐิ
    ที่มันยังให้ผล บังเอิญมันสบช่องให้ผล ฝืนไม่ได้ (.....ตรงฝืนไม่ได้เนี่ยะ เป็น
    ศิลปะนะ ถ้า ตรึกดังไป ก็ แป่ว !! )

    ธรรมมะ จะยากสองคราว คราวที่หาทางเข้า กับ ตอนที่ จวนเจียนๆ นี่แหละ

    ให้มองเป็นเรื่อง สนุก ท้าทาย ความเป็น บัณฑิต ผู้จะตรัสรู้เองโดยชอบ เข้าไปเลย


    ฮิวววววววววววววววส์




    ถ้าเธอคร้าม ถอยไป ธรรมคงเก้อ

    ธรรมยังพร้อม ยื่นมือเสมอ เพียงตัวเธอ.....ไม่................................

    มีดวงตะวัน
    ส่องเป็นแสงสีทอง
    กระจ่างครรลอง
    ให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
    เมื่อดอกไม้ แย้ม บาน
    ให้คนหาญสู้ไม่หวั่น
    คือ ราง วัล
    แด่ความฝันอันยิ่งใหญ่ ให้ เธอ..
     
  3. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ความว่างนี้มันพิจารณายาก นะ เพราะมันไม่มีอาการยินดี ยินร้าย มันมีแต่โมหะ
    ผมต้องข้ามโมหะ คือการพิจารณาแบบอุเบกขาหรือเปล่าขอรับ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เห็นตัวไหน ชัด ก็ เห็นตัวนั้น อย่าขยับหาทางใช่ หาทางพอดี

    ถ้า จิตพยายามหนทางใช่ หาทางจะดี จะกลายเป็น มโนสัญเจตนาหาร

    ถ้าวางจิต วางใจ เน้นนะว่า วางจิต วางใจ รู้อันไหนชัด ก็รู้อันนั้น
    เช่นรู้ความว่าง ก็เอาความว่างนั้นแหละ แต่ถ้า ไปรู้อุเบกขาได้
    ก็จะมีความลุ่มลึกกว่า แต่ จะหยาบ หรือ ลุ่มลึก เราไม่ได้เน้น

    เราจะเน้น การเห็นลงไตรลักษณ์ จะหยาบ กลาง ละเอียด
    ล้วนแสดงไตรลักษณ์ได้เหมือนกัน

    จะอกุศล กุศล อัพพยากฤต(อุเบกขาบางชนิด) ก็แสดงไตรลักษณ์ได้เสมอภาคกัน

    พอวางจิตวางใจ จิตจะว่างติดสมถะ หรือ ว่างอยู่ในภูมิจิตมนุษย์
    หรือ ผลิกไปข้างกิเลส(ธรรมดำ) มันจะมี อุเบกขา ที่ไม่ใช่เกิดจากฌาณ
    แต่เป็น ปัญญาญาณ

    พอเห็นตัวนี้ จะไม่มี ตรรกแล้วว่า ปฏิบัติยังไงจึงจะถูก

    เพราะ ทุกขณะจิต ยกขึ้นเห็น กระแสความดับไป ได้ทั้งหมด ไม่เลือก

    จะมีความยิบๆ แย๊บๆ เห็น วิญญาณเป็นอาหารให้กับวิญญาณ
    คือ วิญญาณตัวเดียวก็เป็นตัวแส่ส่ายด้วยตัวมันเอง

    ปัญหาจึงอยู่ที่ อุปทานในขันธ์

    เห็นความเป็นขันธ์ชัด รู้เห็นการกำหนดรู้ความเป็นขันธ์ชัด
    เห็นความพ้นขันธ์ โดยที่ อายตนะ ยังมีอยู่ มีสติ มีสัมปชัญญะ
    จะ งง ทำไม

    ภาวนาไปสิ

    เจริญไปสิ เจริญได้เจริญไปเลย อย่าสงสัย วางไปก็จบ

    [ แต่มันจะมีลีลานะ ทำเป็นวาง นี่มี จิตมันแสบ อย่าตำหนิจิตนะ ]
     
  5. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ขอบคุณครับ ภาวนาไป ภาวนาไป
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อีกด้านหนึ่ง

    ตรงที่ปรารภว่า เห็น โมหะ

    ถ้าข้างบนนั้น ฟังดูยุ่งยาก เพราะ ผมจะอนุโลมไปตาม
    ความตั้งใจยุแหย่ให้นักภาวนา มีความสามารถในการภาวนามากๆ
    แต่ ไปไม่ไหว

    เอาตรงรู้ โมหะ นั่นแหละ แจ๋มแล้ว

    รู้กิเลส ก็ได้ จบไว

    รู้ซืjอๆ อย่าไปพยายามไป ทำลาย โมหะ

    สติระลึกเห็นสภาวะโมหะอยู่ มีสัมปชัญญะอยู่
    มันพอดี และชื่อว่า พ้นกิเลส แล้ว [ คือ อย่างน้อย ปิดอบาย ]
     
  7. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ผมกำลังโมหะ กลับคำว่านักภาวนาเก่ง ผมเฉยมาพิจารณาใจผมที่มันกระเพื่อมมันเกิดยินดี
    สักพักมันตัด แล้วเกิดการวางผมก็กลับมาเฉยเหมือนเดิม
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    หูยยยยยย

    เห็นโมหะได้นะ งั้นๆ

    เห็น ฉันทะ ....ได้ โอวววว์จอร์จ ท่านซื่อจนเซ่อ

    แหะ แหะ

    _/\_ _/\_ _/\_
     
  9. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    พระอาจารย์สอนให้ซื่อตรงในธรรม หมายถึงให้ซื่อสัตย์ต่ออารมณ์ รู้ตัวคือ ทันอารมณ์ตัวเอง
    ผมเลย เซอร์ๆ จนเซ่อ ขอรับ
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย
    ธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็นมูล
    มีมนสิการเป็นแดนเกิด
    มีผัสสะเป็นเหตุเกิด
    มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง
    มีสมาธิเป็นประมุข
    มีสติเป็นใหญ่
    มีปัญญาเป็นยิ่ง
    มีวิมุตติเป็นแก่น
    มีอมตะเป็นที่หยั่งลง
    มีนิพพานเป็นที่สุด


    พิจารณา ธรรมข้างบน ด้วยวิถีแห่ง มรรค หน่าคร้าบ
    แต่สดับ รับเอาไว้ ด้วยบัญญัติให้ดีๆ ...พระพุทธองค์กำชับเอาไว้
     
  11. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ครับ แล้วถ้าผมจะหลงในศีลของพรต นี้จะผิดมากไหมขอรับ ผมยังสลัดรูปแบบการปฏิบัติไม่ออก
    ยังเป็น ศีลปทุปาทาน
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    รู้ไปตรงๆ เลย ไม่ต้องปฏิเสธ

    เราไม่ได้ภาวนาเพื่อ เลือกจะเป็นอะไร ข้างไหน

    เราภาวนาเพื่อ เห็น

    เห็นตามความเป็นจริง

    ........เอะ เอาเอง หน่าฮับ ถ้าไม่เอะ สมาธิเป็นประมุข อยู่นั่น ช่วยม่ายล่าย
     
  13. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ขอบคุณครับ ผมกลับไปดูแลห่วงผมก่อนไว้โอกาสหน้าเสวนาธรรมกันครับ
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อีกอย่าง

    ลวกเพ่ ภาวนามาถึงตรงนี้ ต้องอาศัย การเห็น สมณะ แล้วหละ

    ตาสีตาสาหาเบื้องปลายไม่ได้ ส่งไม่ไหว หมดแฮง

    สมณะ นี่ โดยความเห็น สต. ไม่ต้องเลือก เจอพระองค์ไหน
    ก็ถามได้หมด

    คำถามที่เข้าไปถาม ถ้าเป็น " การเห็นกิเลส แล้วถามการพ้น "
    พระทุศีล ก็ตอบได้ ดีไม่ดี ตอบดีกว่า พระงุดโงๆ อีก

    ทั้งนี้ทั้งนั้น เราฟังเพื่อเอา อรรถ เอาธรรม ของพระผู้มีพระภาค
    ซึ่งท่านเลือกใช้ ภิกษุ สมณสารูป เป็น พาหนะ

    ฟังธรรมๆ

    ฟังเป็น ฟังได้หมด ไม่เลือก ผมก็ กราบลูกเดียว
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เก่งนะ

    ตรงเนี่ยะ ธรรมเตือน

    มองให้ดีๆ ว่าเป็น ธรรมเตือน อย่าไปเชื่อนะ แต่ ธรรมเตือนอะไร พิจารณาให้ดีๆ

    ถ้าเห็นตรงนี้ได้

    พระ ไม่ต้องไปหาที่ไหนแว้วววววววววววววววววววววววววววววววววว
     
  16. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    เป็นคำถามที่น่าสนใจ..ผมขอร่วมแจมด้วยหน่อยครับ ..อาการ"เฉย" ..ของคุณนั้นไหนบอกมาหน่อยครับว่า มีเหตุ-ปัจจัย มาจากอะไร ครับ
    ก่อนที่จะเฉยดังที่คุณกล่าวมาครับ (ธรรมใดเกิดแต่เหตุใด พระพุทธองค์ทรงตรัสถึงเหตุแห่งการเกิด-ดับ ของสิ้่งนั้นไว้)
     
  17. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ของูๆปลาๆแจมด้วยคนนะครับ
    เวทนา ๓ แบ่งการเสวยอารมณ์ ความรู้สึก รสของอารมณ์ ออกเป็นสามอย่าง คือ

    1. สุขเวทนา หมายถึง ความรู้สึกสุข สบาย ทางกายก็ตาม ทางใจก็ตาม
    2. ทุกขเวทนา หมายถึง ความรู้สึกทุกข์ ไม่สบาย ทางกายก็ตาม ทางใจก็ตาม
    3. อทุกขมเวทนา หมายถึง ความรู้สึกเฉยๆ จะสุขก็ไม่ใช่ ทุกข์ก็ไม่ใช่ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อุเบกขาเวทนา

    เวทนา ๕ แบ่ง การเสวยอารมณ์ ออกเป็นห้าอย่าง คือ

    1. สุข หมายถึง ความสุข ความสบายทางกาย
    2. ทุกข์ หมายถึง ความทุกข์ ความไม่สบาย ความเจ็บปวดทางกาย
    3. โสมนัส หมายถึง ความแช่มชื่น ปลื้มใจ สุขใจ (อันเกิดจากสุขจึงเกิดโสมนัส)
    4. โทมนัส หมายถึง ความเสียใจ ความเศร้าโศก เศร้าหมอง ทุกข์ใจ (อันเกิดจากทุกข์จึงเกิดโทรมนัส)
    5. อุเบกขา หมายถึง ความรู้สึกเฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์
    เหมือนจิตคุณแมวจิตเข้าเสวยเวทนาแล้วนะครับ จะเป็น ทุข สุข หรือ อทุกขมเวทนาก้ตาม การที่ปล่อย สุข ปล่อย ทุขไป แต่จิตก้จับเข้าไว้ที่ อทุกขมเวทนา แบบนี้ก้ไม่มีความแตกต่างใดๆเลยนะครับไม่ได้เลิศไปกว่า จับ ทุข หรือ จับเอาสุขไว้ครับ โดยตรงส่วนนี้ของเวทนาจิต บางคนเลือกตั้งมั่นในอารมสุขเวทนา ด้วยนะครับบางทีก้มีประโยชมากกว่าการตั้งมั่นใน อทุกขมเวทนา ความแตกต่างตรงนี้อยู่ที่เลือกใช้งานจิต จิตฝึกดีแล้วย่อมเหมาะแก่การใช้งาน

    จริงๆตรงนี้ต้องตั้งสติรู้ไว้ว่าเวทนาที่เกิดนี้เปลี่ยนแปลงไปเองตามผัสสะ เราจะเลือกตั้งจิตไว้อย่างหนึ่งเป็นกรรมฐานก้ได้หรือ ปล่อยเวทนาเหล่านั้นไปทั้งหมด เห็นว่า ทุข สุข หรือ อทุกขมเวทนา นั้นไม่เที่ยง แม้จะอยากตั้งอยุ่ในอุเบกขาหรือ อทุกขมเวทนาอย่างไรก้ต้องเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่ว่าสติที่ฝึกดีแล้วทำไห้ อุเบกขานี้เที่ยงแต่สติที่ฝึกดีแล้วทำไห้รุ้ว่ามันไม่เที่ยงนี่แหละครับจึงรู้ได้ว่าเวทนานั้นไม่เที่ยงยึดไม่ได้ทั้งสาม จะเวทนา3 หรือเวทนา 5 ก้ไม่เที่ยงไม่ใช่เรา ออกจากความว่างยังไง ก้อย่าจับว่างไว้ครับ จะทุข ก้ได้สุขก้ได้ จะเปลี่ยนเป็นอย่างไรก้ได้ แต่เรารู้ว่ามันคือเวทนา มันผลั้วได้เวทนาน่ะ
     
  18. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    แล้วมันมีสิ่งที่สำคัญกว่าตรงนี้ เรียกว่ารู้ตรงนี้แล้วต้องไปต่อนั่งรุ้เฉยๆไม่ได้ กิเลสไม่ถุกเผาถุกทำลายไปได้ครับ จิตคลายเวทนากิเลสยังคงทำงาน เวทนาจึงยังคงเกิด แต่ท่าดับ โลภะเละปติคะลงได้ ตรงนี้ เวทนาจะดับลงได้ครับ เละเข้าเสวยภพไหม่แทน แต่การตัดกิเลสได้ถึง2อย่างก้นับว่ามีปัญญาอย่างมากแล้วในศาสนาพุทธเรา จะตัดตัวสุดท้ายก้ต้องวางทุกอย่างลงไห้ได้เห้นไห้จริงว่าไม่ใช่เราอย่างไรทุกๆส่วนของจิต แต่มันมีระหว่างทาง ระหว่างทางเดินไปตัด โลภะปติคะนั้น ต้องทำอย่างไร อยากไห้คุณแมวที่รู้จักจิตอย่างดีแล้วได้พิจารณาเพื่อเอาตัวกิเลสนั้นออกไปจากจิตด้วย
     
  19. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    เหมือนว่าตอนนี้ทุกๆท่านก้กำลังเป็นผู้รู้กันทั้งนั้น แต่ๆละท่านมีวิทีการกำจัดขัดเกลากิเลศที่แตกต่างกันไปส่วนใครที่ตัดได้ก่อนหลังก้คงตามบุญเละวาสนาและปัญญา ที่กล่าวๆมาทั้งหมดไม่ได้ค้านวิทีการของท่านไหนนะครับเพราะเหมือนว่าทุกท่านก้เข้าไปรู้จักกับจิตกันหมดแล้ว ก้นับว่าเป็นสัมมามรรคกันทั้งนั้น
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    จะให้รู้แน่ๆว่าอะไรเป็นอะไร จะสุข จะทุกข์ จะเฉยๆ ยังไง ต้องลงมือทำลงมือปฏิบัติ ซึ่งเลยขั้นพูดเอาไป นั่นแหละจึงจะรู้ด้วยตัวเองว่า เฉยได้ไม่ได้

    มีตัวอย่างประกอบคำพูด ดังนี้


    ผมไปบวชได้แปดเดือน บวชวันแรกเกิดกำหนัดแอบสองอาทิตย์ผ่านไป เอาวินัยมาอ่าน อ่าวนี่มันผิดศีลนี่หว่าอายไม่กล้า ใครก็เดินจงกรมนั่งสมาธิ ตอนนั่งสมาธิ ก็หลับตา ไม่คิดอะไรท่องพุท-โธ ตามลมหายใจ จนเข้าเดือนที่สี่ออกพรรษาคิดว่าจะสึก แต่เห็นแสงเทียนในกระจกหน้าต่าง ก็วิ่งไปบอกเจ้าอาวาสๆก็ได้แต่ยิ้ม เข้าเดือนที่แปดนั่งสมาธิแบบเดิม ตอนนั้นเครียดเรื่องท่องหนังสือไม่ได้ ในขณะที่นั่ง มีเสียงผู้ชายมาถามว่าบรรลุรึยัง ผมเลยบอกว่า ยัง พูดในใจ
    อยู่ดีๆก็มีเสียงสวดมนต์เพราะมาก ตามด้วยบทธรรมจักร อยู่ดีๆก็มีภาพผมมีน้ำอสุจิไหลออกมา เห็นภาพที่เคยมีอะไรกับแฟน และมีเรื่องไม่ดีมากมาย ก็เลยพิจารณาการเกิดดับแก้ เรื่องหนึ่งมันก็มาอีก เรื่องหนึ่งเสียงก็ด่าว่าไอ้เลวตลอด อวัยวะเพศแข็งอยากมีเซ็กตลอดเวลา เลยตัดสินใจสึก คิดอะไรเหมือนมีคนรู้ เสียงด่าก็ด่าตลอด เลยไปพบจิตแพทย์ หมอบอกว่าเป็นโรคจิตเภทและโรคไทรอยด์ เลยอยากบวชใหม่ไปอยู่กรรม แต่ยังกินยาเลย ถ้าไปบวชอีกกลัวจะบ้ากว่าเดิมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...