อ่านดูในเว็ปสับสนจังครับเกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติ

เพราะว่าไม่รู้จะยึดอะไรเป็นหลักหาแก่นไม่เจอเลย สับสนวุ่นวายไปหมด บ้างก็ว่าอย่างโน้น บ้างก็ว่าอย่างนี้ มึนตึบเลย จับต้นชนปลายไม่ถูก บ้างก็ปรุงแต่งตามความคิดของตนเอง มึนอึก จะไปเรียนแบบหลักการจริงๆ แบบของจริงๆได้จากไหนได้บ้างครับ ช่วยแนะนำหน่อย

 

เอาที่เห็นผลเร็วๆ ก็ท่านอาจารย์ปราโมช หนองตากยา กาญจนบุรี หาหนังสือวิมุติปฏิปทาของท่านมาอ่านก่อนก็จะดี

 

ใช่ พระอาจารย์ปราโมช ปาโมชโช (สันตินันท์) หรือเปล่าครับ

ถ้าใช่ก็ตามลิ้งเลยครับ

http://www.agalico.com/board/forumdisplay.php?f=166


ผมหาข้อมูล ใหม่ๆก็เป็นเหมือนกันเลยครับ
จะหาแต่ล่ะอย่างมีเยอะมาก มีหลายแนวทางมากเลยครับ
งง ไปเป็นพักๆ ยิ่งวิธีปฏิบัติเยอะมากจริงๆ
อย่าง อานาปาฯ เท่าที่หาอ่านมามีหลายแนวทางมาก
เท่าที่ผมเข้าใจ แต่ล่ะแนวทางก็มีข้อดีไม่เหมือนกันครับ แล้วแต่อุบายที่สร้างขึ้นให้จิตทำงาน บางอุบายก็อาจไม่เหมาะกับบางคน จิตเขาอาจนิ่งไม่ได้เลย
ขึ้นอยู่กับลักษณะปัจจุบันของคนนั้น ว่าแนวทางไหนน่าจะเหมาะสมที่สุด
พอพัฒนาไปก็จะเปลี่ยนไปครับ เหมือนลักษณะนิสัย(จริต)คนนั้นเปลี่ยนไป
นิสัยบางอย่างอาจจะด้อยลงไป นิสัยบางอย่างอาจจะเด่นขึ้นมา
เหมือนมันเปลี่ยนแปลงไปนะครับ ต้องคอยสังเกตุเก็บรวบรวมข้อมูลตัวเองครับ
ว่าจะหาวิธีไหนมาช่วยพัฒนาตัวเอง ที่เหมาะสมที่สุดในตอนนั้น

อย่างบางคนฝึกอานาปาฯ แล้วไม่ค่อยนิ่ง
แต่พอลองไปฝึก เพ่งกสิณสี กลับนิ่งและทำสมาธิได้ดีกว่า
แล้วก็ดูแล้วว่าเหมาะกับนิสัยหรือจริต ก็ไปฝึก กสิณสี เป็นหลักก่อนดีกว่าครับ

เท่าที่อ่านมาเขาบอกไม่ให้ยึดติดกับด้านในด้านหนึ่งด้านเดียวครับ
มุมมองจะแคบไป แต่เขาให้เราวางหลักยึดไว้กลางๆ เพื่อจะได้ไม่หลงยึดติดในสิ่งที่ได้มาหรือได้ยินมา

เท่าที่ผมเข้าใจก็ประมาณนี้ครับ ถือว่าเป็นความคิดเห็นนะครับเป็นมุมมองหนึ่งครับ ;k02

 

...

จะไปเรียนแบบหลักการจริงๆ แบบของจริงๆได้จากไหนได้บ้างครับ ......

หลักธรรมศึกษาจากพระไตรปิฎก หลักปฏิบัติและศีล ศึกษาจากหนังสือพระวิสุทธิมรรคและกรรมฐานหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ

​

 

แนะนำแนวทางดูจิต ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมทโช ด้วยอีกคนครับ

เป็นแนวทางดูกาย ดูจิต หรือแนวทางสติปัฎฐาน เป็นแนวทางที่ตรงที่สุดแล้วครับ

ส่วนแนวเพ่งกสิณ เป็นแนวทางสมถ ซึ่งคนปัจจุบันฝึกยากถึงยากมาก ถึงฝึกได้ก็รักษา

ให้คงอยู่ได้ยากอีก ..... แนะนำให้ไปโหลดคำสอนวิธีปฎิบัติ และคำเทศน์ของหลวงพ่อ

ท่านมาฟังดู ฟังบ่อยๆจิตจะตื่นขึ้นมาเอง คือจิตตั้งมั่นดูกายดูจิต

 

หากจะเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิตคงไม่มีใครบอกนะครับว่าจะพิจารณาคุณคนเดียวเท่านั้น.....จะเป็นจะตายก็ไม่พรากจากกัน....พระสงฆ์องค์เจ้า....พ่อแม่...พี่น้องว่าอย่างไรไม่พิจารณา....นี่ประเด็นเดียวกันหรือเปล่าครับ.....

ตอนนี้เราป็นหนุ่มแล้วชอบสาวๆก็เหมือนชอบธรรมมะนี่แหละครับ......ลองคบคนนั้นไปคนนี้ไปพอนิสัยใจคอตรงกันไปกันได้ก็พัฒนาดีไหมครับ.....มาทางธรรมดีทั้งนั้น.....เปรียบว่าคนแก่จะเดินไปวัดจะได้ออกกำลังไปด้วยอยู่บ้านมีแต่นั่งๆนอนๆ....เราก็ปรารถนาดีอยากให้ท่านนั่งรถไปวัด.....เดี๋ยวคนนั้นก็จอดเดี๋ยวคนนี้ก็เรียกก็เหมือนกันนี่แหละครับ.....เจริญยิ่งในธรรมครับ

 

.....วิสุทธิมรรค.....เป็นคัมภีร์ที่จัดหมวดหมู่ไว้อย่างดี สำหรับกุลบุตรผู้แสวง พึงพิจารณาศึกษาทำความเข้าใจ....หากสงสัยจึงถามผู้รู้....

 

เริ่มอะไรก่อนดี

เท่าที่เคยอ่านมานะคะ จากหนังสือปฏิปทาท่านผู้เฒ่า (โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) หน้า 105 เขียนไว้ว่า การเจริญพระกรรมฐานถ้าใจมันแย่งกัน เดี๋ยวจะภาวนาบทนั้น เดี๋ยวจะภาวนาบทนี้ เดี๋ยวจะพิจารณาอย่างนี้ ถ้าอารมณ์มันแย่งกันอย่างนี้แล้ว การบรรลุมรรคผลมันจะช้า
ทำให้มันทรงตัวเรียงตามลำดับ นับกันมาตั้งแต่
1.จับอานาปานสติกรรมฐานควบคู่กับพุทธานุสติกรรมฐาน
2.หลังจากนั้นก็เอาจิตทรงพรหมวิหาร 4
3.จับกายคตาสติ
4.จับมรณัสสติ
5.จับอุปสมานุสติ(นึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์)
6.จับอริยสัจ
และจากหนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หน้า142-143 ท่านแนะนำให้ทำอานาปานสติกรรมฐานก่อน

อานาปานสติกรรมฐานแปลว่า ระลึกถึงลมหายใจเป็นอารมณ์ กรรมฐานกองนี้เป็นกรรมฐานใหญ่คลุมกรรมฐานกองอื่นๆเสียสิ้น เพราะจะปฏิบัติกรรมฐาน40กองนี้ กองใดกองหนึ่งก็ตาม จะต้องกำหนดลมหายใจเสียก่อน หรือมิฉะนั้นก็ต้องกำหนดลมหายใจร่วมไปพร้อมๆกับกำหนดพิจารณากรรมฐานกองนั้นๆจึงจะได้ผล หากท่านผู้ใดเจริญกรรมฐานกองใดก็ตาม ถ้าละเว้นการกำหนดเสียแล้ว กรรมฐานที่ท่านเจริญจะไม่ได้ผลรวดเร็วสมความมุ่งหมาย
อานาปานสติกรรมฐานนี้มีผลถึงฌาน4 ท่านที่ได้ฌาน4ในอานาปาน์นี้แล้ว จะปฏิบัติในกรรมฐานกองอื่นๆ อีก 39 กองนั้น ท่านเข้าฌานในอานาปาน์ก่อน แล้วถอยหลังจิตมาดำรงอยู่แค่อุปจารสมาธิ แล้วกำหนดกรรมฐานกองนั้นๆ ท่านจะเข้าถึงจุดสูงสุดในกรรมฐานกองนั้นๆได้ภายใน 3 วันเป็นอย่างช้า ส่วนมากได้ถึงจุดสูงสุดของกรรมฐานกองนั้นๆ ภายในที่นั่งเดียว คือคราวเดียวเท่านั้นเอง

 

ขอบคุณครับ

 

พระพุทธเจ้าสอนว่า ให้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ดังนั้นการปฏิบัติตนแบบกรรมฐานใดๆก็ตามที่ทำให้เราสามารถทำความดี ละเว้นความชั่ว และสามารถทำให้จิตใจของเราผ่องใสได้ ก็เลือกกองนั้นแบบนั้นไปเถอะ

 

ที่คุณถามว่าจะไปเรียนแบบของจริง หลักการจริงๆได้ที่ไหน แนะนำให้ไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลม
วิธีไปและเหตุผล ผมตอบไว้แล้วในกระทู้ด้านล่าง ฝึกเพื่อเข้าถึงแก่นพระศาสนาครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=149318

ขอโมทนาในความตั้งใจปฏิบัติธรรมของคุณและความดีทั้งมวลที่คุณเคยปฏิบัติมา

 

อย่าพึ่งไปปรามาศคนในเวปนี้นะครับว่าจิตปรุงแต่ง บางอย่างรู้ได้เฉพาะผู้ที่ปฎิบัติจริงๆเท่านั้นครับ อย่าง 'มโนมยิทธิ' ถ้าไม่เคยฝึกเองก็จะว่าคนอื่นบ้า ลองหาวิธีปฎิบัติที่เข้ากับตัวคุณเถอะครับ

อนุโมทนาค่ะ