ฮือฮาตั้งวัดในห้าง "ป้าอุ"ปิ๊งไอเดียดึงโจ๋หาธรรมะ

​

นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทย โดยเฉพาะคนหนุ่ม สาวห่างเหินพระพุทธศาสนากันมากขึ้น ไม่ค่อยมีใครเข้าวัดเพื่อปฏิบัติธรรม หรือศึกษาหาความรู้ จากพุทธศาสนา ซึ่งจากสถิติพบว่าครอบครัวคนไทย 60-70 เปอรเซ็นต์ ไม่เคยเข้าวัดเลย ที่เหลือ 30-40 เปอร์เซ็นต์ จะเข้าวัดบ้างบางเวลาเท่านั้น ไม่สม่ำเสมอ ส่วนใหญ่เด็กรุ่นใหม่จะใช้เวลา ไปตามศูนย์การค้าเพื่อความบันเทิง และพักผ่อนหย่อนใจ ตนจึงมีความคิดที่จะจัดทำโครงการเปิดวัด ขึ้นในศูนย์การค้าเพื่อเป็นการนำวัดเข้าหาคน เพราะคนส่วนใหญ่ชอบที่จะไปศูนย์การค้ามากกว่าไป วัด

"การนำเอาเอาวัดไปไว้ในศูนย์การค้า น่าที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสแวะเวียนเข้าไปศึกษาพระธรรม หรือเรียนรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาได้สะดวกมากขึ้นใน แหล่งที่ตัวเองชอบ"

รมว.วัฒนธรรมกล่าวและว่า การเปิดวัดไว้ที่ศูนย์การค้าไม่ใช่แต่เพียงจะเป็นการนำวัดเข้า หาคนเท่านั้น แต่จะเป็นการเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนมีเวลามากขึ้นในการเข้าวัด เพราะวัดใน ศูนย์การค้าจะสามารถเปิดได้ตั้งแต่ 10.00 น.ไปจนถึง 22.00 น. หรือเวลาที่ศูนย์การค้าปิด

สำหรับรายละเอียดในการเปิดโครงการวัดในศูนย์การค้า นางอุไรวรรณกล่าวว่าจะจัดตั้ง ขึ้นโดยใช้พื้นที่ในศูนย์การค้าประมาณ 200 ตารางเมตร โดยจะจัดพื้นที่แบ่งเป็นห้องๆ เช่น ห้องปฏิบัติธรรม ห้องอ่านหนังสือ ห้องสื่อเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา ไม่ว่าจะ เป็นวัสดุโทรทัศน์ หูฟังอิเล็กทรอนิกส์ และ ห้องวิปัสสนา โดยจะมีพระที่วัดไปประจำตั้งแต่ห้างเปิด จนถึงห้างปิด ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณในการตั้งศูนย์ละ 3-5 ล้านบาท

นางอุไรวรรณกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันคนไทยจะเข้าวัดในช่วงอายุประมาณ 60 ปี การเปิดวัด ในห้าง จะทำให้ดึงเยาวชนเข้าวัดเร็วขึ้นจะทำให้เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวพบกับความสุขได้มากขึ้น ซึ่ง หากเราจะเปรียบกับคนที่นับถือพระพุทธศาสนาอื่นๆ ทั่วโลก จะพบว่า คนไทยเรายังเข้าถึงพุทธศาสนา น้อยกว่า พม่า ลาว และศรีลังกา

ที่มาจาก http://webboard.mthai.com/5/2005-11-25/169629.html?102

 

คิดว่ายังไงครับ อาจจะดูแปลกๆ

ส่วนตัวผมว่าก็ดีนะ ของอิสลามเค้ายังมีที่ให้ละหมาดทุกที่เลย
ถ้าจะทำอาจจะไม่ต้องถึงกับเป็นวัด แต่เป็นที่ให้สงบใจ หรือเป็นที่ค้นคว้าหาความรู้ทางธรรม ธรรมดาก็ได้ อาจจะทำเป็นห้องซอย จัดสถานที่ให้เงียบๆ เหมาะแก่การเข้าไปนั่งสมาธิ เก็บตังถูกๆ เป็น ชม หรือยังไงก็ว่าไป
อย่างบางทีเราไปห้าง ต้องไปรอใครนานๆ แทนที่จะต้องไปเดินเรื่อยเปื่อย หรือไปนั่งแกล่ว ก็เข้าไปนั่งสมาธิ สงบใจ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ได้ (^^)

 

ผมว่าดีนะครับ วัยรุ่นปัจจุบันเห็นการเข้าวัดเป็นเรื่องไกลตัว ถ้ามีสถานที่ปฏิบัติธรรมในห้างก็จะเป็นการอำนาวยความสะดวกให้เป็นเรื่องง่าย อย่างน้อยผู้ที่ปฏิบัติธรรมบ่อยก็สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม

 

เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่น่าจะเรียกว่าสถานปฎิบัติธรรมมากว่า เพราะไม่ใช่วัดจริง ๆ

 

นึกไม่ออกจริงๆว่าภาพจะออกมาเป็นยังไง... แต่เห็นด้วยกับคห.นักเดินทางที่ว่า ควรจะเรียกว่าสถานปฎิบัติธรรมมากกว่า

แล้ววัยรุ่นที่ว่าจะเข้าไปนี่... ระบุด้วยได้ไหมว่าต้องแต่งกายสุภาพ ไม่ใช่ว่าใครมาห้างด้วยสายเดี่ยวและกระโปรงสั้นจิ๊ดริดก็เข้าไปสถานปฎิบัตธรรมนั้นได้หมด เพราะภาพที่ออกมามันดูแย่ และเด็กที่เด็กกว่าหรือชาวต่างชาติเค้าอาจจะเข้าใจว่า ถ้าไปวัดวาอาราม(นอกห้าง) ก็จะสามารถไปด้วยชุดไหนก็ได้ตามอำเภอใจ

อยากให้ศาสนาเดินไปพร้อมๆกับยุคสมัยใหม่นี้เหมือนกันก้า

 

เป็นสถานที่ทำบุญ ที่ไม่ใช่วัดได้ไหม

(b-green) ไม่ควรเป็นวัด ถ้าคนจะไปวัดนะครับ ให้ในป่าในดงก็ไป

ไม่ใช่ว่าห้างดังแล้วทำให้อยากเข้าวัด มันเหมือนกับว่าเอาห้างมาเป็นตัวล่อให้เด็กเข้าวัด ถ้าไม่มีใจจะเข้าวัดโดยตรงแล้วอย่าเข้าเสียดีกว่า และถ้าเป็นวัดก็ต้องมีพระมันไม่ควรอยู่นา(u) เป็นที่บริจาค ศูนย์กลางการทำบุญที่ไม่มีพระสงฆ์จะดีกว่าไหมครับ พระเดินห้างมัน....น่ะ

 

ดูกันไปก่อน

 

ฟังแล้วแปลกๆ แต่ก้ออาจจะเป็นความคิดที่ดี
เห็นด้วยว่าต้องไม่ใช่วัด ควรจะเป็นสถานที่เผยแผ่ธรรมหรือสถานที่ทำบุญ ประมาณนี้มากกว่า

 

ท่าทางวันนี้ป้าอุจะกินยาผิดเลยออกอาการเจและเซ
วัดก็คือ วัดเป็นสถานที่พำนักของพระภิกษุซึ่งเป็นสังฆาวาสไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางโลกที่เต็มไปด้วยกิเลสเช่น ศูนย์การค้า โดยเฉพาะเป็นที่อโคจรของบรรพชิต
ยิ่งบอกว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรมยิ่งออกทะเลไปไกลไม่กลับเข้าฝั่ง คนพูดไม่เคยปฏิบัติธรรมจึงไม่รู้ว่าสับปายะคือ สถานที่อย่างไร
ป้านี่นอกจากจะไม่มีศีรษะ Creation แล้ว ยังออกอาการเจ เซ อีก
ถ้าจะต้องเชิญไปบวชชีสักพัก อาจกลับเป็นปกติได้
ถ้าไม่หายก็ลาออกไปเลี้ยงหลานดีกว่า ปล่อยให้คนที่เขารู้เรื่องมาบริหารกระทรวงจะดูดีกว่าเยอะ

 

สมัยก่อนเวลามีงานประจำปี (มีชิงช้าสรรค์มีม้าหมุน มีคนมาขายของ เยอะ ๆ ) เขาก็จัดกันในวัดนะ...แต่ว่า 1 ปี จัดครั้งเดียว...วิถีชีวิตคนไทยสมัยก่อน ...ก็ผูกพันธ์กับวัด แยกกันไม่ออก....นะ
ถ้าจัดให้มีในห้าง ใช้ชื่อว่า สถานทีปฏิบัติธรรมก็ดีค่ะ...เป็นที่นั่งทำสมาธิ มีกล่องไว้ทำบุญ มีการเปิดเทป บรรยายธรรมก็ดีค่ะ....
แต่คิดว่าเพื่อเป็นการปลูกฝัง...จิตสำนึก..ให้เยาวชนรุ่นใหม่ (ปกติมันชอบเที่ยวห้าง)...ดำรงชีวิต...ด้วยศีลและปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น...สังคมจะได้น่าอยู่
แต่ยังไงซะมันก็ขึ้นอยู่กับ ผู้ใหญ่ด้วย..ถ้ามีตัวอย่างทีดี...เด็กมันก็อาจจะดี..
แต่อิสลามมีห้องให้ละหมาด ...ทุกที่เลยนะ...
ถ้าชาวพุทธ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ วันละ 5 รอบเหมือนอิสลาม ชาวพุทธคงจะได้บุญมากแน่เลย..คงจะมีหิริโอตัปปะ กันทุกคน ...สังคมก็น่าอยู่

 

อิสลาม ละหมาด วันละ 5 รอบหรือป่าว ...ไม่แน่ใจ อ่ะ

 

ถ้าจะใช้ห้างสรรพสินค้ามาสอนธรรมะ ทางรัฐบาลควรจะมีนโยบายหยุดการก่อสร้างวัด ซึ่งชอบเรี่ยไรเงินประชาชนกันเป็นประจำ วัดมีอยู่มากมายเกินความจำเป็น กฐิน ผ้าป่า เบียดเบียนเงินประชาชนทุกๆปี ภาษีรัฐบาลก็นำไปจุนเจือวัดซะมากมาย

 

ไม่เห็นด้วยครับ วัดน่าจะมีคุณค่าและมีรายละเอียดหลายอย่างรวมกัน
ไม่ใช่อยากจะตั้งขึ้นมาก็ทำ ถึงเวลาใครจะมาดูแลรักษา
พอตั้งมาแล้ว ภาพออกมาไม่ดี ผลเสียจะมากกว่าผลที่จะได้รับ
น่าจะคิดวิธีอื่นที่ดีกว่านี้
อย่างนี้มิไปตั้งวัดอยู่กลางถนนสายบันเทิงเลยล่ะ..
แก้ปัญหาผิดที่....จะยิ่งไปกันใหญ่นะครับ
อย่างง่ายๆ นะครับ ทุกวันนี้ สื่อต่าง ๆ โปรโมทการฆ่า ปล้น ทำร้ายร่างกาย
จนเป็นเรื่องชาชิน เด็ก ๆ เห็นจนรู้สึกเฉย ๆ และก็มีการทำเลียนแบบ
ไม่รู้สึกอะไร
ทำไม ไม่สื่อเรื่องของวัฒนธรรมที่ดีจนเด็ก ๆ รู้สึกเป็นเรื่องปกติที่ทำ ไม่ต้องอาย
จะไม่ดีกว่าหรือ เช่นการไหว้ การกตัญญูรู้คุณ การเลี้ยงดูบิดามารดา
ที่ผ่านมา บางสื่อก็ทำได้ดี
ที่สำคัญผู้ใหญ่ในแวดวงราชการ การเมือง ทำเป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนหรือยัง
ทะเลาะกัน ว่ากัน จนหมดความศรัทธา แล้วจะไปว่าใครเข้าได้
เอาตัวเองให้ดีก่อนจะดีกว่า...เด็กจะได้ไม่ย้อนให้สะอึก
ขอโทษที่ยาวไปหน่อย....ไม่อยากให้เอาศาสนามาเป็นของเล่น
อยากจะทำอะไรก็ทำ....เวรกรรม....ของคนพุทธยุคนี้จริง ๆ
(b-ng) (b-ng) (b-ng)

 

ถ้าจะทำแบบเป็นสถานที่ที่มีหนังสือ vcd ฯลฯ ให้อ่านให้ดู มีพระมาเทศน์สอนธรรมะแบบไม่น่าเบื่อ สอนการนั่งสมาธิ สอนเรื่องกฎแห่งกรรม สอนเรื่องการทำความดี ... ฯลฯ ให้กับเด็ก, วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ที่ไม่เคยสนใจ หรือไม่มีเวลาจะไปวัด มันผิดตรงไหนครับ อย่าลืมนะว่าคนที่ไม่สนใจเรื่องนี้เค้าไม่ไปหรอกครับ วัดที่อยู่ห่างไกลหรือแม้แต่วัดที่อยู่ข้างบ้าน เรื่องสัปปายะนั้นคนปฎิบัติธรรมเค้ารู้กันอยู่แล้วครับ คุณ Nirvana idea ของท่านอุไรวรรณ เทียนทอง ท่านดีครับ แต่ท่านอาจจะใช้คำศัพท์ผิดไปหน่อย

 

ป้าอุ" เตรียมจัดมุมพบพระลง 2 ห้างดัง สยามดิสคัฟเวอรี่-เซ็นทรัลปิ่นเกล้า

สยามดิสฯ-เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ยินดีให้กระทรวงวัฒนธรรม ใช้พื้นที่จัด

 

การจะพูดอะไร ต้องระวัง ...ต้องมีสติ...
เช่น บอกไปซื้อน้ำหวาน ในใจคิดว่า น้ำแดงที่เขาขายกันใส่น้ำแข็งใส่ถุงกินได้เลย
คนอื่นเขาไม่คิดอย่างเรา...เขาก็ไปซื้อน้ำหวานมาขวดหนึ่ง
ก็กินเลยไม่ได้ ต้องไปผสมน้ำ หาน้ำแข็งอีก วุ่นไปกันใหญ่

เฮ้อ...นอกจากเรื่องทางธรรมแล้ว...สงสัยต้องรื้อฟื้นเรื่องภาษาไทยใหม่ด้วยแล้ว...

ที่นี่มาพูดถึง "ถ้าจะทำแบบเป็นสถานที่ที่มีหนังสือ vcd ฯลฯ ให้อ่านให้ดู มีพระมาเทศน์สอนธรรมะแบบไม่น่าเบื่อ สอนการนั่งสมาธิ สอนเรื่องกฎแห่งกรรม สอนเรื่องการทำความดี ... ฯลฯ ให้กับเด็ก, วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ที่ไม่เคยสนใจ หรือไม่มีเวลาจะไปวัด "
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ไม่มีข้อโต้แย้งใดใดเลย สนับสนุนเต็มที่....
อนุโมทนาด้วย ...

 

ดีครับสนับสนุนถ้าห้างให้พื้นที่ฟรี ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า รู้สึกค่าเช่าแพงเกินไปเดือนตั้ง 300000 ถ้าเค้าให้ฟรีจะสนับสนุนเต็มที่ ไม่เข้าใจว่าไม่ดียังไงมีสอนกรรมฐาน ข้อมูลธรรมมะ เพิ่มขึ้น เป็นธรรมทานเข้าถึงกลุ่มคนเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ให้ชาวไทยเป็นพุทธในทะเบียนบ้านอย่างเดียว เหมือนตอนแรกๆธรรมมะในอินเตอร์เนตก็ดูขัดเขิน พอนานไปเฉพาะตัวผมนะได้ข้อมูลธรรมทางอินเตอร์เนตมากกว่าไปวัดเสียอีก แต่ก็ไม่ใช่วัดไม่จำเป็นแบบที่คุณ stefa ว่าไว้นะ มองแบบนั้นแคบไปหน่อยและคิดว่าคนแบบคุณคงไม่ค่อยเข้าวัด

 

อาจารย์ทึ่สอนธรรมมะ ศาสนา หรือการทำคุณธรรมความดีมีเยอะแยะไป ที่เป็นคนธรรมดา พระสงฆ์ทั้งหลายไม่ควรจะเข้าไปในห้างฯสอน
เด็กๆพอเจอพระ จะวิ่งหนีทันที ไม่สนใจ
จัดกิจกรรมต่างๆทางด้านนี้ เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน
ถ้ามีดาราสอดแทรกเข้ามาสอนบ้าง เด็กๆจะสนใจกันมาก
ให้เด็กไปวัด ผู้ใหญ่ทั้งหลายยังชักชวนกันยากเลย
คนส่วนใหญ่ก็กลัวถูกเรี่ยไร
บางครั้งอยู่บ้านยังหนีไม่พ้น มาเคาะประตูบ้านเลย
สอนเด็กด้วยศาสนา ธรรมมะ การปฏิบัติสมาธิเพรียวๆ ล้วนๆ
หันไปมองอีกที เอ้า เด็กหนีหายกันไปหมด

 

ที่หนีก็อาจจะ็เพราะว่าปลูกฝังกันมาแบบที่คุณ stefa คิดก็ได้ครับ ทำไมไม่ปลูกฝังอะไรที่มันดีตั้งแต่เด็ก มาสอนกันตอนแก่มันก็ยาก อคติที่มันฝังในใจตั้งแต่เด็กจะเอาน้ำทั้งทะเลมาล้างยังไม่ออกเลย เอาคนธรรมดามาสอนธรรมใครจะเชื่ออะครับ ยิ่งดารายิ่งไปกันใหญ่ แต่ก็เป็นเรื่องดีอาจจะแก้ภาพพจน์ของดาราให้ดีขึ้นมาได้ เรื่องการเข้าหาพระพ่อแม่ผู้ใหญ่ก็ควรจะปลูกฝังให้เด็กเข้าใจด้วย ตอนเด็กวิ่งหนีพระ แล้วคิดว่าตอนโตจะสนใจพระเหรอครับ ส่วนเรื่องการถูกเรี่ยไรเมื่อเข้าวัดนั้นผมก็เคยเจอบ้าง คราวหลังจะไม่เข้าวัดนั้นอีก ที่มาเคาะประตูขอเงินถึงบ้านคงไม่ใช่พระแล้วครับ อันนี้คงต้องใช้วิจารณญาณของตัวเอง

 

อันนี้อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณ stefa มีอคติต่อวัดอย่างรุนแรงทีเดียว ลองพิจารณาดูนะว่าพระท่านไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้ ท่านมีอาหารฉันเพราะมีคนให้ ถ้าไม่มีคนให้ท่านก็อด พระที่แท้จริงท่านไม่เอ่ยปากขอใคร แล้วแต่ใครจะให้ นอกจากจะมีโยมเสนอตัวอุปถัมภ์ท่านเอง เรื่องการเรี่ยไรทำบุญก็เช่นกัน เป็นไปด้วยความศรัทรา ไม่ศรัทราก็ไม่ต้องให้ ไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว

เฮ้อ.... หนักใจจริง ๆ ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ ศาสนาพุทธคงถึงกาลอวสาน เวรกรรม ๆ