เกิด-ดับเรื่องที่เห็นยากและทำยาก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 7 เมษายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762

    หากสนใจ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

    http://palungjit.org/threads/รวมเทค...กสติ-สมาธิ-ปัญญา-โดยหลวงปู่พุธ-ฐานิโย.298624/
     
  2. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ขอบคุณ คุณ xtrem กับ คุณ Tboon ครับ

    ถ้าเคยอ่านโพสต์เก่าๆของกระผม จะรู้ว่ากระผมเน้นไปทางสมาธิทางฤทธิ์เป็นส่วนใหญ่ เพิ่งจะเริ่มมาเดินปัญญาไม่นาน เลยอาจจะยังไม่รู้อีกเยอะครับ

    กระผมเป็นคนที่จะเชื่ออะไรต้องพิสูจน์ให้กระจ่างด้วยตนเอง ตั้งแต่เด็กๆกระผมจะสนใจเรื่องพวกอิทธิฤทธิ์เรื่องภพภูมิมาก เมื่อมีโอกาสได้ทำ จึงพิสูจน์ด้วยตัวเอง จนกระจ่างแก่ใจตนเองว่ามีจริง จึงเริ่มมาทางหาทางพ้นทุกข์ครับ เพราะในระหว่างที่ฝึกสมาธิช่วงนั้น ชีวิตของกระผมก็ผจญทุกข์มามากมาย
    ตอนนี้ก็คงจะทำตามที่คุณธรรมชาติแนะนำร่วมไปกับสมาธิที่เคยกระทำมา ผสมกันไปก่อนครับ

    กระผมขอรบกวนอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ กระผมมีนิมิตฝันอยู่ครั้งหนึ่ง

    กระผมมีคนดูแลกระผมอยู่ 4 คน มาจาก 4 ภาค คือ เหนือ ใต้ ออก ตก พวกเขาจะจากกระผมไปตามที่ที่ตัวเองอยู่ เรามีการร่ำไห้อาลัยอาวรณ์ต่อกัน แต่พวกเขาก็อยู่กับกระผมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ต้องจากกันจริงๆ
    พวกเขาถามกระผมว่า กระผมจะอยู่อย่างไรไม่ให้ทุกข์ กระผมก็เลยวนคิดถึงความทุกข์ต่างๆ แล้วกระผมก็เห็นเป็นภาพ พระพุทธเจ้าสว่างวาบเข้ามา เท่านั้นเองกระผมก็คลายความทุกข์ไปมีแต่ความแจ่มใส แล้วกระผมก็บอกกับ 4 คนนั้นว่า กระผมมีการปฏิบัติตามแบบพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรกระผมอีกแล้ว
    แล้วพวกเขาก็ลาจากไปตามทิศของตนเองด้วยความยินดี

    ฝันนี้คืออะไรหรือครับ ใครพอจะทราบมั่งครับ

    สำหรับคุณ poon-pan ถ้าเราคุยกันด้วยดีมีเมตตาต่อกัน ไม่ดูถูกหรือโอ้อวดใส่กันด้วยความไม่ดีของจิตใจ การคุยนั้นย่อมมีความสุข และประโยชน์ครับ

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  3. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผมคิดว่า เวลานี้คุณได้พุทธานุสติเป็นกำลังทางจิตอันสำคัญนะ อาจจะต้องไปดูต่อว่า เมื่อมีพุทธานุสติเป็นกำลังสำคัญอย่างนี้แล้ว จะทำความศึกษาต่อยอดไปอย่างไรในการภาวนา เพื่อให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์อย่างแท้จริงได้ เป็นปริศนาธรรม
     
  4. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ขอเผือกอีกตามเคยครับ
    หากฝันใกล้เช้า
    ฝันนี้เกี่ยวกับ งานที่ทำ จะมีปัญหา จะมีคนกลั่นแกล้ง หากไม่ย่อท้อ
    หรือไม่ถอยไปซะก่อน ก็จะประสบผลสำเร็จ

    จะมีผู้ใหญ่ชื่นชม ได้รับความเชื่อถือจากผู้หลักผู้ใหญ่มากขึ้น
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    กระทู้นี้อ่านทั้งหมดจะได้อะไรมากมาย
    แต่ละความเห็นล้วนกลั่นกันออกมา
    สุดหัวใจ
     
  6. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    ขอขอบคุณ คุณ Supop มากครับที่ได้ให้คำชี้แนะที่ดีและพอได้อ่านคำกล่าวของคุณ Supop ทำให้ผมนึกถึงคำสอนของพระนาคเสนในหนังสือมิลินทปัญหา ที่ท่านได้บอกกล่าวกับพระมิลินท์ไว้ก่อนที่จะเริ่มการโต้ปัญหาธรรม ผมคิดว่าน่าจะเป็นต้นแบบและแนวทางที่ดีที่จะทำให้การถกปัญหาธรรมเป็นไปเพื่อการเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ



    ?temp_hash=43eb92c723f192f627ba8bb6b0897c82.jpg

    IMG_9229.JPG
     
  7. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ วันใดวันหนึ่งเมื่อคุณ Supop สามารถทำ "สติครองฌาน" ได้แล้ว และ ลุยตรง ๆ ลงไปในแดน อสัญญี ก็จะทราบได้เองว่า ผู้ที่ลงข้อความใน อากู๋ ยังนับได้แค่เป็น นักสืบค้นข้อความเท่านั้น ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติจนถึง "สิ่งที่ตนเองเขียน" อย่างแท้จริง

    +++ อสัญญี หรือ พรหมลูกฟัก แท้จริง "มีแต่นาม ไม่มีรูป" และเป็นอาการของ "อรูป" เต็มตัว มีแต่อาการเสพ "ธรรมารมณ์ที่ สงบ ฉ่ำเย็น" แต่ไม่ใช่ "ดับเย็น" รวมทั้ง "ขี้เกียจแม้แต่จะ คิด จำ หรือ แม้แต่ จะตั้งสติ" ก็ยังขี้เกียจอย่างยิ่ง หาก "สติ" ไม่สามารถอยู่เหนือธรรมารมณ์ได้แล้ว มีสิทธิ์ติดดองแหงกอยู่ในนี้แน่นอน
    +++ ถูกต้องแล้ว และอาการ "รู้เลยว่าอย่างนี้ไม่ใช่ อย่างนี้มันขี้เกียจแล้วนี่นา" จะมีอยู่ในสภาวะข้างใน อสัญญี ด้วย

    +++ ผู้ที่เคยอยู่ในบริเวณนี้ จะเป็นอย่างนี้ทุกคน ยกเว้นแต่ผู้ที่ทำนิสัยให้ "ละวางปล่อยวาง" จนหมดความ "สำเหนียก" ว่าตรงนี้มันยังทแม่ง ๆ อยู่เท่านั้น จึง "ติดแหงก" อยู่ในนี้
    +++ จริง ๆ ทุกอย่างมาจาก "อานาปานสติ" นั่นแหละ เพียงแต่ เมื่อ "วางลม+คำบริกรรม" แล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ คือ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง" ซึ่ง สามารถ กำหนดจิตเอาเองก็ได้ นั่นเอง

    +++ "จิตสงบ จิตตั้งมั่น" ในการปฏิบัติของผม คือ "การ หยุด ตัวดู (อัตตาจิต หรือ หยุดตน)" ให้อยู่เฉย ๆ ไม่ส่งออกไปยัง "รูปธรรมขันธ์" ต่าง ๆ ดังนั้นจึงเป็นการ "ก้าวข้ามชั้น นิมิต" ไปโดยธรรมชาติของ นามธรรมขันธ์ (ตรงนี้ยังมีความ เป็นตน อยู่โดยสมบูรณ์ ไร้รูปกาย เหลือไว้แต่สภาวะที่มีแต่ "ความเป็น ตน แต่ไม่มี ตัว (รูปกาย) เท่านั้น")

    +++ อาการตรงนี้เป็นเพียงแค่ "หยุด" แต่เปิดการรับรู้ (อายตนะ) เอาไว้เฉย ๆ แต่ยังไม่ใช่ "ดับ คลาย ปล่อย" ซึ่งเป็นคนละกรณี มีสติรับรู้ทุกชนิด แต่ไร้การส่งออก เพราะ "หยุดตน"
    +++ เรื่องของ "ไม่เกิน 1 นาที" นั้นก็คือ การทำ "การกำหนดจิตทุกชนิด ถูกรู้" ที่คุณ Supop เคยทดลองทำไปแล้ว นั่นเอง เพียงแต่ยังไม่ "ชัดเจน" ว่ามันคืออะไรเท่านั้น (แต่ทำได้)

    +++ หลังจากที่คุณ Supop กำหนด สติ สัก 10 วินาที แล้วถอนออก สัก 5 วินาที จากนั้นกำหนดใหม่ ก็จะรู้ได้ทันทีว่า "อาการที่จิตกำหด นั้น ถูกรู้"

    +++ เมื่อพอคุ้น ๆ แล้ว ก็ให้ลองทำทั้ง กำหนด ทั้ง "เข้าสติ เข้าสมาธิ รวมทั้ง ถอนสมาธิ ถอนออกสู่ปัจจุบัณ" รวมทั้ง อาการ "จะ" ทำอะไรก็ตาม คุณ Supop จะทราบได้เองว่า จะต้องมีการ "กำหนดจิต" ก่อนเสมอทุกครั้ง "ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย"

    +++ ตรงนี้ในกระทู้สอนของผมเรียกมันว่า "ตัวจะ" ซึ่งครูบาอาจารย์พระป่าสายหลวงปู่มั่น ท่านจะเรียกมันว่า "กิริยาจิต" เพราะท่านหมายเอาแค่ "กิริยาอาการ" ของมันเท่านั้น

    +++ และอาการตรงนี้ คือ อาการ "เกิด-ดับ" ที่กล่าวขานกันโดยทั่วไป

    +++ ถึงตรงนี้แล้วคุณ Supop จะเข้าใจในคำพูดนี้ "มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา" ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีผู้แปลว่า "ใจเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง ใจเป็นใหญ่ ใจประเสริฐที่สุด ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ" คำแปลนี้ใช้คำว่า "ใจ" แต่อาการของมันเป็น "กิริยาจิต"

    +++ ดังนั้นการโพสท์ของผม จึงพยายามไม่ให้คำว่า "ใจ กับ จิต" อยู่ในสถานที่เดียวกัน เพราะผู้ที่ยัง "ยึดมั่นกับคำศัพท็" โดยที่ยังไม่สามารถ เห็น อาการต่าง ๆ ได้ จะ "ก่อการ วิวาทะ" ได้ง่าย ๆ

    +++ อีกประการหนึ่ง คือ หากคุณ Supop คุ้นเคยกับอาการของ "กิริยาจิต" ตรงนี้แล้วก็จะ รู้ ได้เองว่า อาการตรงนี้ คือ สิ่งที่เรียกว่า "สมมุติ" ตรงนี้เป็น "รูปธรรม"

    +++ และหาก "อัตตาจิต" ส่งออกไป "ต่อติดกับอาการ สมมุติ" ตรงนี้เข้าเมื่อไร เมื่อนั้น อาการที่เรียกว่า "บัญญัติ (ยึดมั่น)" จะเกิดขึ้นทันที

    +++ เรื่องของ "อัตตาจิต หรือ ตัวดู" นั้นผมจะยังไม่แจงอะไรในโพสท์นี้ จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรต่อคุณ Supop นะครับ
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ฝันนี้เป็น "เทพสังหรณ์" ที่มาจาก ท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 มาด้วยกันทั้งหมด จริง ๆ แล้วเป็นคุณ Supop จะเป็นผู้ที่ "ลาจาก" ท่านทั้ง 4 นั่นแหละ แต่โดยมารยาทเลยกลับกลายเป็น ท่านทั้ง 4 มาลาคุณ Supop ด้วย "ความเคารพในธรรม" จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ท่านทั้ง 4 "ไม่มีการถือตัว ไม่มีการเจ้ายศเจ้าอย่าง มีแต่ ให้ความเคารพผู้ที่จากไป เท่านั้น"

    +++ พร้อมกับคำถามที่ว่า "จะอยู่อย่างไรไม่ให้ทุกข์" นั่นแลคือ "คำย้ำเตือนที่ มีมารยาทและสุภาพที่สุด" จากนั้นเป็น ภาพพระพุทธองค์อยู่ในสภาวะ "จ้า" ปรากฏมาให้เห็น

    +++ ให้คุณ Supop ยึดหลักปฏิบัติให้มั่นคง แล้วจะถึงซึ่งสภาวะ พทธะ ในชาตินี้ นะครับ
     
  9. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ขออนุโมทนาและขอขอบคุณทุกๆท่านอีกครั้งครับ

    ถึงว่าสิครับ หลังจากกระผมมีนิมิตฝันนี้ ก็ไม่เคยมีฝันหรือนิมิตในสมาธิ มาสอนธรรมหรือทดสอบจิตใจข้าพเจ้าอีกเลยครับ แบบว่าหายไปเลยครับ

    ตามที่คุณธรรมชาติและคุณ Tboon บอก กระผมจะยังทำต่อไปครับ

    และที่คุณธรรมชาติแนะนำมา กระผมก็จะนำไปทบทวนต่อให้เข้าใจครับ

    จากที่ทำมาแต่แรกจนถึงตอนนี้ กระผมก็เข้าใจแล้วว่า กระผมยังมีแต่โลกียปัญญา แต่การเข้าถึงโลกุตรปัญญายังน้อย มีความรู้จากการคิดพิจารณา การจดจำ การมองการฟัง แต่ยังรู้ในสัจจธรรมน้อย
    กระผมเข้าสมาธิโดยการปรุงแต่ง ต่อไปกระผมจะต้องเข้าสมาธิโดยเน้นที่สัจจธรรมเป็นหลัก

    เป็นที่กระจ่างแก่กระผมแล้ว ขออนุโมทนาครับ

    ธรรมอันประเสริฐใดที่ข้าพเจ้าได้รู้แจ้งแล้ว ขอให้กัลยาณมิตรทั้งหลายทุกท่าน จงได้รู้แจ้งในธรรมอันประเสริฐนั้นเช่นกัน สาธุ

    ขอจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านครับ
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ สติ คือ "การระลึก เข้าสู่ อาการรู้" ดังนั้น อาการ "รู้" คือ "สติ" ส่วน การระลึก คือ "ความจำ"
    +++ เมื่อรู้จัก "สติ" อย่างแท้จริงแล้ว จะกลายเป็นว่า "การระลึกนั่นเอง ที่ถูกรู้" เพราะมัน "รู้อยู่แล้ว"
    +++ ตรงนี้จะทำให้รู้จัก "สัญญาขันธ์" ตามความเป็นจริง
    +++ รวมทั้ง ใน 1 ขณะจิต ที่ผุดโผล่ขึ้นมาแล้วดับไปนั้น จะสามารถล่วงรู้ได้ว่ามันเป็น "กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา หรือ อพยากตาธรรมา" ได้ในตัวเอง
    +++ หากเรียนรู้ตรงนี้ได้ละเอียดเพียงพอ ก็จะทำให้เรียนรู้ใน "พระสังคิณี" บทแรกใน อภิธรรม 7 คำภีร์ได้

    +++ พฤติแห่งจิตทั้งหมด ล้วนมีการเกิดที่ "การกำหนดจิต การเดินจิต" ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ "รู้-ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม"
    +++ หากสามารถ "รู้อยู่แล้ว หรือ อยู่กับรู้ (หลวงปู่ดูลย์)" ได้
    +++ จะไม่มี พฤติแห่งจิตใด ๆ หลุดรอดไปได้จากอาการ "รู้อยู่แล้ว" ตรงนี้ได้เลย

    +++ "สภาวะรู้" ที่รู้อยู่แล้ว คือ "เนื้อแท้แห่ง สติ ที่ไม่ต้องอาศัยการระลึกใด ๆ" (การระลึก ถูกรู้)

    +++ "ทำสติ ให้เป็น สมาธิ" ด้วยตัวของสติเอง ตรงนี้เท่านั้นจึงเป็น "สัมมาสติ สัมมาสมาธิ" ในอริยะมรรค 8 ประการ
    +++ หากทำได้จริง (รู้อยู่แล้ว) ก็จะสามารถล่วงรู้ได้ว่า "ฐานทั้ง 4 คือ กาย เวทนากาย จิต เวทนาจิต" ล้วน "ถูกรู้" ทั้งสิ้น
    +++ และจะทำให้รู้ด้วยว่า "ฌาน" ทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่ "เวทนาจิต หรือ ธรรมารมณ์" ชนิดหนึ่ง (ธรรมานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน) เท่านั้น (ตรงนี้จึงลุยลงไปใน อสัญญี ได้)
    +++ การเสพองค์ฌาน (ธรรมารมณ์) หากให้ผลเป็น "สุข" ก็เป็น "สุคติภูมิ" หากให้ผลเป็น "ทุกข์" ก็เป็น "อบายภูมิ"

    +++ มีการฝึกสมาธิบางสำนัก ให้วนเวียนอยู่ในกองทุกข์ และอ้างว่า "ให้รู้จักทุกข์"
    +++ การนึกเอาเอง เออเอาเอง แบบนี้ หากผู้ปฏิบัติ สู้ไม่ไหวหรือติดนิสัย ในขณะนั้น ๆ ย่อมส่งผลให้ไปบังเกิดใน "อบายภูมิ"
    +++ ภูมิทั้งหลาย ย่อมบังเกิด ภพ ในภูมินั้น ๆ และ ภพทั้งหลาย ย่อมบังเกิด สัตว์ ในภพนั้น ๆ จำแนกเป็น สัตว์เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ นา ๆ

    +++ หากคุณ Supop ได้เข้าถึง "มหาสติ" ที่แท้จริงแล้ว ย่อม "หลุดออก-พ้นออก-จากออก (อาการของ วิมุติญาณทัศนะ)" จาก กองธรรมารมณ์ทั้งหมด (ตัวดู คือ ธรรมารมณ์ ทั้งหมดนั่นแล)
    +++ ตรงนี้จะเป็นอาการแบบ "น้ำกลิ้งบนใบบัว ไม่เกลือกกลั้วระคนกัน" ในนามธรรมชั้นสุดท้าย ธรรมานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน นั่นเอง
    +++ ดังนั้นคุณ Supop จะ สามารถก้าวล่วง "ภพภูมิทั้งหมด" ออกไปได้ และ นั่นคือ "การลาจาก" ของผู้อาวุโสทั้ง 4 ทิศ (ท้าวจาตุมหาราช) ที่มาปรากฏกับคุณ Supop นั่นแหละ

    +++ ยามใดที่คุณ Supop สามารถ "รู้จัก และ แยกหลุดพ้น" ออกมาจาก "ตัวดู" ได้แล้ว ก็ ให้ "ระเบิดตัวดูนั้น ทำลายตัวดูนั้น ให้รุนแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้"
    +++ แล้วอาการ "บันเจิดจ้า แห่ง พรรณรังสี" จะปรากฏขึ้นมาเอง จากนั้นให้คุณ Supop "เข้าไปอยู่" ในพรรณรังสีนั้น
    +++ แล้วปรากฏการณ์ของ "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" จะปรากฏขึ้นมาเอง โดยไม่มีการ "บิดเบือน" เป็นอื่นทั้งสิ้น รวมทั้ง "ไม่มี มโน ใด ๆ ที่จะแทรกเข้ามาตรงนี้ไดเลย"
    +++ ตรงนี้จะมีความแตกต่างจาก "ความจ้า ในฝัน ของคุณ Supop" เพราะตรงนี้ "ไม่มีฝัน ไม่มีฝึก ไม่มีนิมิต ไม่มีนึก ไม่มีคิด และ ไม่มีขันธ์" ใด ๆ เหลืออยู่เลย

    +++ ให้คุณ Supop เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงปรากฏการณ์ของ "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" นะครับ
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,197
    ขอถามเรื่องการดับสัญญามีวิธีการดับอย่างไรนะค่ะ ได้ลงรายละเอียดในกระทู้ สติ สมาธิ ปัญญาเป็นธรรมที่ต้องอาศัยซึ่งกันและกันเป็นเหตุให้สืบเนื่องกัน ของท่านธรรมภูตไว้ว่า.....

    จงดับอัตตาตัวตนให้สิ้น กิเลสตัณหาย่อมดับด้วย
    จงดับเวทนาเสียให้สิ้น. สังขารคืออารมณ์ย่อมดับด้วย
    จงดับสัญญาเสียให้สิ้น อาตมันในจิตวิญญาณย่อมดับด้วย
    จงดับการเกิดดับได้ทั้งหมดทั้งสิ้น (ดับวิญญาณ) จิตก็ย่อมเป็นสุญญตาแล้ว

    อยากทราบวิธีการดับสัญญาดั่งกล่าวข้างต้นค่ะ ท่านปฏิบัติอย่างไร? และการดับสัญญาที่ไม่ตัองการจะจำไว้เมื่อระลึกทีไร มันคิดไม่ดี กลัวว่าจะเก็บดองไว้เป็นอนุสัย หรือสัญญาที่หมักดองเป็นอนุสัยไว้แล้วดับมันได้ไหม เพื่อไม่ให้มันระลึกเป็นอกุศลอีกคิดว่าได้ไหมค่ะ แล้วทำอย่างไรนะค่ะ
     
  12. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    กระผมขอขอบคุณในคำแนะนำของคุณธรรมชาติอีกครั้งครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ สัญญาจะดับไป เมื่อ "รู้ทัน" กระแสที่ "ส่งออก" จากอัตตาไป "ยึดเหนี่ยว" ที่สัญญา จะตัดตัวมันเองลง สัญญาจึงดับไป
    +++ สรุปคือ "รู้เท่าทัน" มันย่อมดับไปเอง
    +++ ตรงนี้ "ใช่" แต่ไม่ได้บอกว่า "ทำอย่างไร" พูดเหมือนกับว่า "ทุกคนรู้จัก อัตตา อยู่แล้ว"
    +++ ตรงนี้ "พูดได้ดี ใช้วาจาประดุจ Zen" แต่ "ไม่ใช่"

    +++ ลองทำจิตให้หมด "ความรู้สึก" ดูซิว่า "อะไรจะเกิดขึ้น" (อาการ หมดสติ หรือเปล่า)

    +++ ตรงนี้ "ห้าม" แนะนำผู้อื่นนะ มันจะเป็น "วิบาก" ที่ยาวนานมาก
    +++ พูดได้ดี ตามเคย แต่พูด "ไม่ถูกต้อง" ตามอาการของสภาวะธรรม

    +++ สัญญาดับได้ แต่ ไม่ได้ทำให้ "อัตตา (ตัวดู)" ดับไปด้วย

    +++ ไม่สมควรเอาคำว่า "อาตมัน" เข้ามาเจือปนกับ หมวดของขันธ์ 5

    +++ ตรงนี้ใช้ภาษาได้ "สละสลวย" แต่เนื้อหาทางธรรม สามารถถูกเบี่ยงเบนได้ เพราะความสละสลวยนั้น
    +++ ผู้กล่าวตรงนี้ออกมา "ยังไม่รู้จัก ตัวดู ผู้รู้ อัตตาจิต" เลย มีสภาพเป็นแค่ "อรูป" เฉย ๆ

    +++ วิญญาณขันธ์ เป็นแค่ "รุ่นหลาน" ของ กลุ่มละอองหมอกฝ้าที่เข้ามา "บดบัง" สภาวะของ สติบริสุทธิ์ กลุ่มฝ้าละอองนี้ เรียกว่า "อวิชชา"

    +++ แรงดึงดูดระหว่าง "กลุ่มฝ้าละออง" ก่อให้เกิด "สนามของแรงโน้มถ่วง" ทำให้ กลุ่มฝ้าละออง ไหลประดุจวังน้ำวน เข้ามารวมตัวกัน ณ จุดศูนย์กลาง อาการนี้เรียกว่า "สังขาร" แม้ว่าจะยังไม่เป็น "ขันธ์ (ในขันธ์ 5)" ก็ตาม

    +++ ณ ใจกลางของ "ตาน้ำวน" นี้จะเป็น สนามพลังของ ความโปร่งใสชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งรวมศูนย์กลางของความรับรู้ บางท่านเรียกมันว่า "อายตนะ" แต่ในหมวดของ ขันธ์ 5 จะเรียกตรงนี้ว่า "วิญญาณขันธ์" ตรงนี้เท่านั้น ที่เป็น "เริ่มต้น" ของหมวด ขันธ์ 5

    +++ ตรงคำว่า "สุญญตา" ของผู้ที่ "รจณากลอนบทนี้" นั้น ยังอยู่ใน "อรูป ว่าง (อากาสานัญจายตนะ) หรือ โล่ง (อากิญจัญญายตนะ)"

    +++ หาก "ผู้รจณากลอน" มีกล่าวว่า "รู้" อีกด้วย ก็จะชี้ไปที่ "วิญญาณัญจายตนะ" เพราะอรูปทั้ง 3 ยัง "มีความเป็น ตน" อยู่โดยสมบูรณ์

    +++ กลอนบทนี้มี "พิรุธ" หลายแห่ง ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่า "ผู้รจณากลอน ยังอยู่ใน อรูปฌาณเท่านั้น"

    +++ ที่สำคัญที่สุด คือ "ผู้รจณากลอน" ไม่ได้บอก "วิธีทำ" เอาไว้เลย เอาแต่ "ออกคำสั่ง" อย่างเดียว

    +++ "จงทำนั่น จงดับนี่" มันก็ได้เพียงแค่ "สั่งขี้มูก" เท่านั้น เพราะไม่เคย "สอนวิธีเดินจิต เข้าสู่อาการทางธรรม" เลย แม้แต่น้อย
    +++ "รู้ ณ ขณะที่มันเกิด" ตรงนี้เรียกว่า "รู้เท่าทัน" มันย่อม "ดับ" ไปเอง

    +++ ขันธ์ทั้ง 5 มีอยู่ตามความเป็นจริง และ เป็นสภาวะที่สมบูรณ์ของ กามาวจรภูมิ

    +++ หากเจ้ากี้เจ้าการ "ตัดโน่นปะนี่" จนวุ่นวายไปหมด ให้ "ระวัง" อาการ "ขันธ์พิการ หรือ ขันธ์บกพร่อง" เอาไว้ด้วย

    +++ วิบากของ ขันธ์บกพร่อง ย่อมทำให้เกิด "ความพิกลพิการ" ได้ทั้ง ทางกายและทางจิต อาจเกิดทีละอย่าง หรือ มาทั้งคู่ก็ได้
    +++ ให้อ่านโพสท์ที่ผมมอบให้กับคุณ Supop ข้างบนนี้ให้ดี ในวรรคแรก กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา หรือ อพยากตาธรรมา ก่อนถึง "พระสังคิณี" ให้ดี ๆ

    +++ หากคุณ jityim ยังไม่สามารถทำสติได้ในระดับ "การระลึกหรือการเดินจิตทั้งหมด ถูกรู้" แล้ว คุณ jityim จะไม่สามารถแทรกแซง สัญญาขันธ์ ได้เลย

    +++ ให้คุณ jityim อ่าน "วิธีทำ" ในโพสท์ที่ 116 หน้า ที่ 6 ของกระทู้นี้ดู เมื่อทำได้แล้ว จึงพอที่จะ "ข้าม อิทธิพล ของ สัญญาขันธ์" ไปได้

    http://palungjit.org/threads/เกิด-ดับเรื่องที่เห็นยากและทำยาก.610849/page-6#post-10377664

    +++ ให้เข้าใจไว้เสมอว่า "ขันธ์ทั้งหลาย มีอยู่ตามความเป็นจริงของมันทั้งหมด"
    +++ ปัญหามีอยู่ว่า จะทำอย่างไรให้ "หลุดพ้น" จากอิทธิพลของมัน
    +++ ไม่ใช่ไป "ก่อสงครามกับขันธ์ของตัวเอง" นะครับ
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,197
    อ่านแล้วเศร้าใจจัง รับรู้พลังงานบางอย่างที่ออกมาจากตัวหนังสือ. ยอมรับว่าศรัทธาคุณธรรมชาติในหลักการปฏิบัติที่สามารถไปเห็นต้นเหตุการเกิดของอวิชชาได้

    ที่ตัดแปะคำสอนของคุณธรรมชาติก็เพราะศรัทธาในการปฏิบัติ และเชื่อมั่นอย่างแน่นอนว่าการดับเวทนาและดับวิญญาณนั้นนำมาจากพระไตรปิฎก ถ้าอย่างนั้นพระไตรปิฎกก็ผิดนะซินะ

    พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย มหาวรรค [๑. มหาปทานสูตร] พระโพธิสัตว์ตรัสรู้

    [๖๐] จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรไม่มี ชรามรณะจึงไม่มี เพราะอะไรดับ
    ชรามรณะจึงดับ’ เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า
    ‘เมื่อชาติไม่มี ชรามรณะจึงไม่มี เพราะชาติดับ ชรามรณะจึงดับ’
    จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรไม่มี ชาติจึงไม่มี เพราะอะไรดับ ชาติจึงดับ’
    เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า ‘เมื่อภพไม่มี
    ชาติจึงไม่มี เพราะภพดับ ชาติจึงดับ’
    จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรไม่มี ภพจึงไม่มี เพราะอะไรดับ ภพจึงดับ’
    เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า ‘เมื่ออุปาทานไม่มี
    ภพจึงไม่มี เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ’
    จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรไม่มี อุปาทานจึงไม่มี เพราะอะไรดับ
    อุปาทานจึงดับ’ เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า
    ‘เมื่อตัณหาไม่มี อุปาทานจึงไม่มี เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ’
    จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรไม่มี ตัณหาจึงไม่มี เพราะอะไรดับ ตัณหา
    จึงดับ’ เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า ‘เมื่อ
    เวทนาไม่มี ตัณหาจึงไม่มี เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ’
    จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรไม่มี เวทนาจึงไม่มี เพราะอะไรดับ เวทนา
    จึงดับ’ เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า ‘เมื่อ
    ผัสสะไม่มี เวทนาจึงไม่มี เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ’
    จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรไม่มี ผัสสะจึงไม่มี เพราะอะไรดับ ผัสสะ
    จึงดับ’ เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า ‘เมื่อ
    สฬายตนะไม่มี ผัสสะจึงไม่มี เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ’
    จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรไม่มี สฬายตนะจึงไม่มี เพราะอะไรดับ
    สฬายตนะจึงดับ’ เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า
    ‘เมื่อนามรูปไม่มี สฬายตนะจึงไม่มี เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ’
    จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘เมื่ออะไรไม่มี นามรูปจึงไม่มี เพราะอะไรดับ นามรูป
    จึงดับ’ เพราะทรงมนสิการโดยแยบคาย จึงได้ทรงรู้แจ้งด้วยพระปัญญาว่า ‘เมื่อ
    วิญญาณไม่มี นามรูปจึงไม่มี เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ’

    {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๐ หน้า :๓๔ }
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2017
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,197
    การถามตอบธรรม ที่เกิดจากภูมิรู้ ภูมิธรรมที่ตนเองรู้และเข้าใจเพื่อนำมาถามตอบแลกเปลี่ยนประสบการณ์มิอาจทำให้ขันธ์บกพร่อง

    ขันธ์บกพร่อง คือความประพฤติอันเป็นอกุศลกรรม. ที่ธาตุทั้ง4. นำอารมณ์มาแสดงให้จิตเห็นในตัวกระทำกรรม. ส่งผลให้เห็นเป็นวิบากกรรมค่ะ
     
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,197
    เราไม่รู้ว่าใครปฏิบัติถึงขั้นไหน ผู้รับธรรมจากโลกุตระ ถือว่าเป็นผู้มีบุญบารมีทุกคน อาจจะรับไปตามแนวทางวาสนาบารมีของตน

    ขนาดตัวjityim. เองปฏิบัติแบบงูงูปลาปลา ยังได้รับธรรมสูงสุดมาตั้ง 6 ลักษณะ ไม่งั้นไม่อาจอ่านกระทู้ของท่านได้เข้าใจทะลุปรุโปร่งโดยยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ เพราะยังปฏิบัติไม่ได้ เพราะว่าเรามีกรรมแตกต่างกัน หวังว่าคงใหัอภัยในการแก้ต่างเพื่อให้เข้าใจ และลดการปรามาสคนอื่นค่ะ ขออโหสิกรรมล่วงหนัา ทุกกรณีค่ะ
     
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ครับก็เศร้าใจเช่นกัน ที่คุณ jityim ได้นำเอา "หมวดขันธ์ 5 (ของผู้ใดไม่ทราบ) มาเจือปนกับ วงจรของปฏิจจะสมุปบาท ของ พระพุทธองค์"

    +++ วงจร ปฏิจจะสมุปบาท ในพระไตรปิฏก ไม่ผิดหรอกครับ แค่ กลอน 4 บาท ตรงนี้ต่างหาก ที่มีปัญหา แล้วคุณ jityim ระบุคำถามกับผมโดยตรงมาที่ กลอน 4 บาทนี้โดยเฉพาะ

    จงดับอัตตาตัวตนให้สิ้น กิเลสตัณหาย่อมดับด้วย
    จงดับเวทนาเสียให้สิ้น. สังขารคืออารมณ์ย่อมดับด้วย
    จงดับสัญญาเสียให้สิ้น อาตมันในจิตวิญญาณย่อมดับด้วย
    จงดับการเกิดดับได้ทั้งหมดทั้งสิ้น (ดับวิญญาณ) จิตก็ย่อมเป็นสุญญตาแล้ว

    +++ ในกลอน 4 บทนี้ ผมมั่นใจว่า "ไม่ใช่ ปฏิจจะสมุปบาท ของพระพุทธองค์" แน่นอน

    +++ ก็ขอให้คุณ jityim อ่านไปแล้วก็เข้าใจไปในทางของคุณ jityim ไปเรื่อย ๆ ก่อนก็แล้วกัน

    +++ อ่านไปเรื่อย ๆ คิดไปเรื่อย ๆ พอถึงบทสรุป ก็สรุปเอาเอง ผลลัพธ์ออกมา ก็เลยไปกันคนละทาง

    +++ คงพอก่อนแค่นี้ นะครับ
     
  18. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    จงดับอัตตาตัวตนให้สิ้น คำกล่าวนี้ไม่ตรงครับ ในความจริงไม่สามารถดับตัวตนให้สิ้นได้ครับ แต่รู้เท่าทันได้ เมื่อรู้เท่าทันเราจะไม่ยึด สภาวะอัตตานุทิฎฐิ จะไม่เกิด แล้วเราจะรู้ว่า เรานี้คือสมมติ ก็จะไม่จริงจังกับมันมากจนละวางไม่ได้ แต่ก็ยังต้องอาศัยตัวตนนี้ใช้ชีวิตต่อไป

    จงดับเวทนาเสียให้สิ้น คำกล่าวนี้ไม่ตรงครับ เวทนาเกิดดับ เกิดดับ ตลอด เพราะกายนี้มีผัสสะทั่วกาย ย่อมมีเวทนาทุกข์ สุข ดับไปทั้งหมดได้ คือ เข้าฌาณ แต่ในสภาวะทั่วไปดับให้สิ้นไม่ได้ แต่รู้เท่าทันได้ เมื่อเท่าทันแล้วจะไม่คล้อยตามเวทนาให้มีกำลังกล้าจนถึงกับมากเกินไป

    จงดับสัญญาเสียให้สิ้น คำกล่าวนี้ไม่ตรงครับ สัญญานั้นคือ ความหมายมั่น ไม่จำเป็นต้องดับให้สิ้น เพราะเรายังมีขันธ์ 5 เพียงแต่รู้จัก และ ใช้สัญญานั้นให้ตรงกับความจริง คือ หมายมั่นจดจำสิ่งใด ก็ให้ดูว่า ตรงกับความจริงแท้เพียงใด

    จงดับการเกิดดับให้หมดสิ้น คำกล่าวนี้ไม่ตรงครับ สรรพสิ่ง มีเกิดมีดับทั่วไป แม้แต่ในจิตใจก็มีเกิดมีดับตลอดเวลา นิพพานนั้นพ้นจากการเกิดดับก็จริง แต่อยู่ท่ามกลางสิ่งเกิดดับได้ ดังเช่น สอุปาทิเสสนิพพาน คือ พระอรหันต์ แม้ท่านยังต้องครองสังขาร แต่จิตท่านพ้น

    ขันธ์ทั้ง 5 นั้นอยู่กับเรา ก็ต้องรู้จักและใช้ให้เป็น เมื่อไม่คล้อยไปกับอวิชชา ขันธ์ 5 คือเครื่องมือของธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2017
  19. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    สัญญาคือความหมายรู้อารมณ์ ทำงานต่อจากวิญญาณคือรู้แจ้งอารมณ์ วิญญาณคือรู้ในลักษณะที่เป็นพลังงาน สัญญาก็ตีความเปรียบเทียบพลังงานที่รับรู้นั้นกับพลังงานในระดับอื่นๆ ที่เคยได้รู้มา อย่างวิญญาณอาจจะรับรูพลังงานความร้อน สัญญาก็เปรียบเทียบระดับความร้อนนี้ว่า ร้อน เย็น หนาว วิญญาณทางตารับรู้พลังงานที่แสงที่ตกกระทบตา สัญญาก็จะเปรียบเทียบได้ว่าเป็นสีเขียว สีแดง คือหมายรู้อารมณ์(สิ่งที่ถูกรู้) ในลักษณะเปรียบเทียบกับสิ่งที่รู้อยู่แล้ว พูดง่ายๆ ว่าเป็นประสบการณ์ของเรา อย่างสัจจะสัญญา คือความเข้าใจความจริงของเรา อย่างเราอาจจะมีประสบการณ์ว่าเราคือร่างกาย แต่พอปฏิบัติไปสมมติว่าไม่ยึดมั่นในกายอีก สัจจะสัญญาอันใหม่ก็เกิดอันเก่าก็ดับไป
     
  20. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    จขกท.ปิดการโพสต์เองครับ
    ขอบคุณทุกท่านครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...