เครียด...............

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย pongkhum, 20 กันยายน 2014.

  1. pongkhum

    pongkhum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +865
    คือผมไม่รู้ว่าผมต้องทำอย่างไร เบื่อ เหนื่อย หลายๆเรื่องรุมเร้า เซ็ง บอกไม่ถูก จะพูดให้ใครฟังก็ไม่ได้ ไม่รู้จะพูดอย่างไร หลายเรื่องมากเกินมาพร้อมกัน
    จนผมทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอะไรก่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เงินก็ไม่มี ทำอะไรก็ไม่ได้ ทางออกก็ไม่เห็น หัวจะระเบิด ไม่มีอะไรนะครับ แค่อยากระบาย ใครเคยเป็นแบบนี้หาทางแก้ให้หน่อยนะครับ...........
     
  2. ฟูจิ0007

    ฟูจิ0007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +829
    ไปให้พระอี๊ดชี้แนะแนวทางแก้ไขดูสิคะ
     
  3. ChinTop

    ChinTop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    1,022
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +659
    ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ^^
     
  4. pongkhum

    pongkhum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +865
    พระอี๊ดใครหรอครับ
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
  6. vorakan666

    vorakan666 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +64
    หยุด แล้วดูทุกข์ที่เกิดขึ้น...ไม่เอาอารมไหลไปตามทุกข์นั้นๆ...ทุกข์ทั้งหลายย่อมมีเกิดขึ้นและดับไปตามกาลเวลาเป็นธรรมดา...แล้วทุกอย่างจะค่อยๆสว่างเอง
     
  7. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208
    กระทู้นี้เป็นกระทู้เก่าตั้งแต่ปี ค.ส. 2012 ผมขออนุญาตตอบกระทู้ย้อนหลัง ด้วยหวังว่าภายภาคหน้าจะมีคนที่เจอปัญหาแบบนี้ๆแล้วเห็นทางแก้ด้วยตนเองดังนี้ครับ

    - สิ่งใดทั้งปวงเมื่อเกิดขึ้นแล้วไปคิดกับมันร้อนรนกับมันให้ตายมันก็เกิดขึ้นแล้วอยู่ดี ไม่ใช่ไปคิดปวดหัวกับมันแล้วมันจะเปลี่ยนแปลงไม่เกิดขึ้น หรือดีขึ้น

    - ยอมรับความจริงปลงใจไว้ว่า สิ่งนี้ๆมันเกิดมีขึ้นมาเป็นธรรมดา ไม่ใช่เกิดกับเราคนเดียว ไม่ใช่เหตุอันควรที่เราจะไปคร่ำเคร่งเครียดกับมัน มันเกิดขึ้นมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เหตุมันเพราะสิ่งใด เราใช้จ่ายเกินควรบ้าง เงินเดือนน้อยแต่ภาระเยอะบ้าง ใช้กินเหล้าบ้าง เที่ยวบ้าง ติดหญิง เลี้ยงหญิง เลี้ยงเพื่อน สูบบุหรี่ ซื้อกินซื้อใช้สุรุ่ยสุร่าย อวดรวยลุ่มหลงฐานะหน้าตาเงินทองจนใช้เกินตัว
    - เห็นไหมความสุขทางโลกมันสุขนะเมื่อเสพย์แต่มันแค่วูบวาบๆชั่วคราวเท่านั้น ไม่ยั่งยืนเหมือนสุขทางธรรม เพราะสุขทางโลกมันเป็นสุขที่เนื่องด้วยกาย ด้วยผัสสะภายนอก กามคุณ ๕ หวนระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ก็ยิ่งถวิลหา แสวงหา อยากทะยานได้เมื่อนั้นจนเร่าร้อนวุ่นวายไปหมด
    - ส่วนสุขทางธรรมนี้มันเนื่องด้วยใจทำที่ใจสุขจากความอิ่มใจไม่มี แไม่เอา ไม่อยาก ไม่แสวงหาให้เร่าร้อน มันยั่งยืนนานหวนระลึกนึกถึงเมื่อไหร้่ก็สุขเมื่อนั้น
    **อันนี้มันผลของกรรม คือ การกระทำของตนเองในปัจจุบันนี้แหละ เราทำตัวเราเอง ก็ต้องยอมรับมัน แล้วเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายใหม่ใกห้ประหยัดขึ้น กินใช้ให้น้อยลงไม่ฟุ่มเฟือยฟู่ฟ่าก็อยู่ได้นานขึ้น หารายได้เสริม จำกัดวงเงินใช้จ่ายในแต่ละวัน


    - ยอมรับความจริงปลงใจไว้ว่า เมื่อกาลก่อนในอดีตชาตินานมาแล้วและในชาตินี้(อดีตชาติ อนาคตชาติจะมีหรือไม่มี มันก็เหมือนกับเมื่อวานมีไหม พรุ่งนี้มีไหม )..เราไม่เคยทำบุญ ทำทาน ทำกุศล หรือ ทำมาก็น้อยมาก หรือ เคยไปทำให้คนอื่นเขาลำบากยากแค้น ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่บุพการี แต่อาจจะเคยมีศีลบ้างทำให้ได้เกิดมาเป็นคนอีก จึงส่งผลให้เราทำอะไรก็ผิดที่ผิดทางไม่เจริญไปหมด ทำอะไรก็ผิด ทำอย่างไรเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น ตั้งใจทำดีก็ผิดหูผิดตาขัดใจคนไปหมด ไม่เคยได้ดีเลย
    ** อันนี้ท่านเรียกกรรมเก่า เราก็ต้องยอมรับว่านี่มันวิบากกรรมของเราให้เราได้พบเจอ แต่ไม่ได้ลิขิตให้เราเป็นคนเลว เมื่อรู้ว่าตนบุญน้อย ก็ให้เจริญ ศีล ทาน ภาวนาให้มาก ทำเหตุสะสมไปเรื่อยๆอย่าไปหวังผลแค่รู้ว่ามันดีทำแล้วมันดีคือ
    - ทาน ละความโลภ ใช้ละกิเลสอย่างหยาบ ทำให้เราอิ่มใจในบุญกุศลเป็นสุข
    **การทำทานนี้มีมากก็ให้มาก มีน้อยก็ให้น้อย ทำโดยไม่ลำบากตน จะมากน้อยก็ช่างแค่ขอให้ได้ทำประจำก็เท่านั้นพอ ไม่มีเงินทองไม่มีข้าวปลาอาหารหรือสิ่งของไรๆจะทำ ก็เอาแรงกายแรงใจช่วยเหลือทำ เช่น กวาดลานวัด ทำความสะอาดห้องนำ ช่วยเหลือกิจของสงฆ์ เมื่อทำไปแล้วไม่มาติดใจข้องแวะ เสียดาย เสียใจในภายหลัง ทำด้วยความสละไม่ยึดติดกับสิ่งที่ให้ หวังแค่ผู้รับได้รับประโยชน์สุขจากสิ่งที่เราให้หรือทำช่วยเหลือนั้นๆพอ ที่สุดแห่งการสละ คือ จาคานุสสติ มันจะไม่ยึดสิ่งใดในโลก เพราะจิตมันอิ่มเอมอิ่มเต็ใกำลังใจไม่แสววงหาสิ่งใดอีก ไม่ยึดติดแม้แต่ร่างกาย ขันธ์ ๕
    **ย้ำนะครับว่าอย่าทำทานด้วยความโลภในบุญกุศล ทำเดพราะหวังรวยหวังบริวารภายหน้า หวังมีปราสาทเงินทองโชคลาภอันนี้ห้ามปารถอย่างนี้เด็ดขาด ตั้งใจแตต่เพียงสะสมทานบารมีให้มันอิ่มใจตนเท่านั้นพอ ไม่ใช่ทำแล้วตนเองและลูกเมียลำบากภายหลัง**
    - ศีล ละความเบียดเบียน ใช้ละกิเลสอย่างกลาง ทำให้เราเย็นใจไปอยู่ที่ใดก็สบายไม่เร่าร้อน
    - ภาวนา (การอบรมจิตให้สะอาดสว่างไสวมีสติสัมปะชัญญะ คือ สมาธิ+วิปัสสนา) ละความโง่ ความลุ่มหลง ราคะ ใช้ละกิเลสอย่างละเอียด ทำให้เราฉลาด มีสติปัญญารู้จักปล่อยวางคลายความหลงสมมติของปลอมไม่ยึดแบกโลกไว้
    - พรหมวิหาร ๔ เป็นการทำที่ใจ ทำไว้ในใจถึงความเป็นคนที่มีจิตใจดี ไม่จิตใจร้าย มุ่งร้าย ประสงค์ร้าย มีความมิตร มีจิตแบ่งปัน สละให้ มีจิตไม่ริษยา ไม่จิตไม่ลุ่มหลงด้วยอคติ ๔ อย่าง คือ ลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียงเพราะกลัว ลำเอียงเพราะไม่รู้ตามจริง ปกคลุม ศีล ทาน ภาวนานั้น ทำให้ใจเรามันเจริญ จิตสูงไม่ล่วงลงสู่ที่ต่ำเลวทราม
    - การเจริญ ๔ ข้อนี้ ในเบื้องหน้าจะไปในทิศทางใดก็สบายเป็นสุข ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไม่ตระหนี่ ไม่ริษยา ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไม่สำคัญใจในอกุศลธรรมอันลามกจัญไร ไม่ติดใคร่ ติดใจข้องแวะขัดใจวิ่งใด มีจิตสงบ เป็นกลางๆ ไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดที่ทำให้เกิดทุกข์ตามกิเลส ได้ทำก็เป็นกำไรชีวิตติดตามสะสมเราไปทุกภพชาติ ติดตามเราไปด้วย ท่านเรียกว่า กรรมติดตามตัวไปแม้เมื่อตายหรือเกิดชาติใดๆนั่นเอง ถ้าเราทำชั่ว บ้ากามราคะ แสวงหาประโยชน์จากผู้อื่น ผิดศีล ไม่ให้ทาน ไม่ภาวนา มันก็จะติดตามเราไปเป้นกองทุนที่ติดลบตายตามเราไปทุกภพชาติเช่นกัน


    เมื่อพิจารณาข้างต้นจนปลงใจได้แล้ว เวลาเจริญภาวนาให้เราทำดังนี้
    - ทำความสงบใจ ไม่จับความคิด เหมือนสงบนิ่งหน้าเสาธงสมัยเด็กๆ หลับตาทำความสงบ นิ่ง ว่าง ทำอย่างนี้แหละไปเรื่อยๆ
    - ถ้ามันสงบไม่ได้คิดมากก็ใช้พุทโธกำกับลมหายใจเข้าออกช่วย รู้เพียงว่า พุทโธนี้คือปัจจุบัน เรารู้พุทโธก็รู้ปัจจุบัน พุทโธคือผู้รู้ รู้ปัจจุบัน รู้แจ้งโลกทั้งปวงนี้แหละ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กุมภาพันธ์ 2016
  8. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เหมือนกัน แต่เราต้องใช้ปัญญาพิจารณาทีละเรื่อง อย่าเอาหลายเรื่องมารวมกัน เอาเรื่องที่เราแก้ได้ก่อน นอกนั้นปล่อยมันไปออกจากใจ

    แต่มันก้อยากเน๊าะ เราขาดความรัก ยังทำใจลำบากเลย ครอบครัวไม่อบอุ่น แงๆ
     
  9. I_am_free

    I_am_free เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +207
    เมื่อก่อนผมจะเครียดกับหลายเรื่อง ใจร้อนด้วยหนักเข้าก็ถึงขนาดแค่ขับรถตีคู่กันยังอยากจะมีเรื่อง ผมรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติทางอารมณ์ อาจจะเป็นเพราะอายุมากขึ้นด้วยเลยมีเรื่องของฮอร์โมน

    ผมรู้สึกเครียดมากก็เลยตัดสินใจไปหาหมอจิตแพทย์ นั่งคุยกับหมอหมอจะวิเคราะห์อาการรับยามากิน ผมจำได้กินยาแค่อาทิตย์เดียวโลกสวยเลยครับ อาการเครียด ก้าวร้าวหายหมด กลับมาเป็นคนปกติเพราะยาไปช่วยปรับเรื่องฮอร์โมนกับสารเคมีในสมองให้มันสมดุลย์กัน บางครั้งผมดูข่าวเห็นคนที่เครียดๆทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนอื่นแล้วก็อยากบอกเค้าให้ไปรักษานะ คือพบหมอจิตแพทย์นี่คือคนไทยอาจไม่เข้าใจคิดว่าต้องเป็นบ้าเป็นโรคจิต จริงๆแล้วถ้าเป็นที่อเมริกาพบจิตแพทย์นี่จะเป็นเรื่องปกติเลย หมอเค้าช่วยได้ จะอกหัก ซีมเศร้า เครียด ก้าวร้าว พวกนี้เป็นอาการผิดปกติของการหลั่งสารเคมีในสมอง ก็อธิบายง่ายๆคือสมองสองซีกมันทำงานคนละอย่าง ซีกนึงคุมด้านอารมณ์ ซีกนึงคุมด้านเหตุผล ถ้าเมือไหร่อารมณ์มันมากก็จะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ก็ไปกินยาปรับการทำงานมันซะก็จบ

    แต่การพบจิตแพทย์ก็ต้องใช้เงินนะครับ ผมมีประกันชีวิต ประกันสุขภาพอีก 2ใบแต่ก็ไม่มีเจ้าไหนยอมจ่ายค่ารักษาในการพบจิตแพทย์เลย 55 แต่การไปพบหมอกินยานี่ก็ไม่แพงมากครับครั้งละ 2-3000 หมอจะให้ยามาครั้งละไม่มาก คงกลัวเราจะเอาไปกินรวดเดียวหมด ตอนที่ผมเครียดจัดๆนี่พบหมอแค่ 3 ครั้งครับ หายเครียด โลกสวย คนรอบข้างคนในครอบครัวมีความสุข ตัวผมเองก็กลับมามีความสุข ก็ฝากไว้ครับเผื่อมีคนไหนมีปัญหาเรื่องความเครียดเข้ามาอ่าน ลองไปพบหมอครับรับรองหายเครียด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2016

แชร์หน้านี้

Loading...