เจ้าอาวาสวัดสามแยก ยันอยู่วัดต่อ และพร้อมให้ปากคำ

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย slamb, 3 สิงหาคม 2008.

  1. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    ลากไปได้เรื่อยๆ ....

    ท่านหมายถึงคนตอบ หรือ ว่า คนตั้งกระทู้ครับ........
    แต่ผมว่าพอกัน
    <!-- / message -->
     
  2. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    ผมขอชื่อจริง นามสกุลจริง และจังหวัดที่อยู่ยังไม่ ตอบผมเลยนะคับ
     
  3. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    คุณรู้ไหมว่าจะตกนรก
     
  4. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    พระไตรปิฎกมีกล่าวไว้หรือเปล่า มีสิ่งที่อ้างอิงได้ไหม
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    <table id="post1405525" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_1405525" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> [๒๔๗] ถามว่า ภิกษุกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติ เท่าไร? <o>:p></o>:p>
    ตอบว่า ภิกษุกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติ ๓ คือ <o>:p></o>:p>
    ภิกษุมีความปรารถนาลามก ถูกความปรารถนาลามกครอบงำ กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมอันไม่มี <o>:p></o>:p>
    ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติปาราชิก ๑ ภิกษุกล่าวว่า ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเป็นพระอรหันต์ <o>:p></o>:p>
    เมื่อผู้ฟังเข้าใจความ ต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ เมื่อไม่เข้าใจความ ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ <o>:p></o>:p>
    ภิกษุกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมอันไม่มี ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติเหล่านี้. </td> </tr> </tbody></table>
    พระวินัยปิฎก เล่ม 8

    ประเด็น แรก ผมปรับอาบัติ เกษมมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ สอนเรื่อง บ้าเรื่องบอ ว่าตนเหาะได้บ้าง ตนเห็นนรกผีสาง บ้าๆ บอ
    คำว่า อวดอุตริมนุสธรรม คือ ธรรมที่ คิดขึ้นเอง ธรรมที่ไม่ใช่ธรรม ธรรมที่ไม่ได้มีในตน

    ผมอธิบายไปหลายรอบแล้ว ไม่ว่าจะโอนบุญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องห้ามสวดมนต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ห้ามสวดชินบัญชร ห้ามรดน้ำมนต์โดยอ้างว่า ไปโดนผีแขนขาดขาขาด อ้างว่าตัวเองเห็น ผีเปรต ทั้งลืมตาหลับตา อ้างว่า ตัวเองเป็นลูกศิษย์หลวงปู่หล้า แต่ ลูกศิษย์บ้าอะไร ท่านไม่ให้อยู่วัดเดียวกับท่าน
    อ้างว่า ไม่ต้องกราบพระพุทธรูป โดยใช้คำว่า ไม่ต้องไปกราบมัน ถือว่าเป็น การไม่เคารพในพระพุทธ ข้อนี้ ถ้าจะชี้แจงว่า อิฐหินปูนทราย ไปกราบทำไม ผมถือว่าเป็นการเลี่ยงบาลี เพราะโดยทั่วไป เรายกพระพุทธรูป ถือเป็นตัวแทน องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เราหาได้ระลึกถึง อิฐ ไม่
    ยังมีต่อ
    เกษม ด่า โดยใช้คำหยาบคาย อันไม่ใช่ธรรม เช่น พระอริยะ ฮุกคว... สั่งสอนธรรมอันผิดๆเช่น เอาบุญไปจ้างเทวดาบ้าง โอนบุญให้เทวดา ให้เชื้อโรคบ้าง

    ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็น การอวดอุตริมนุสธรรมอันไม่มีในตน และ กล่าวทำนองให้คนเข้าใจว่าเป็นพระอรหันต์แล้ว เป็นพระอริยะแล้ว ข้อนี้ เกษมขาดจากความเป็นพระแล้ว
    <!-- / message --> </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px 1px;"> [​IMG] [​IMG] <script type="text/javascript"> vbrep_register("1405525")</script> [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 0px 1px 1px 0px;" align="right"> <!-- controls --> [​IMG] [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     
  6. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    มีวินัยกำหนดไว้ค่ะ ว่าผู้แสดงธรรมต้องนั่งในที่สูงกว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพระไตรปิฏก ถ้าไม่มีเก้าอี้ หรือโต๊ะ อย่างน้อย ต้องมีผ้า1ผืนรองนั่ง เหตุที่คุณนำมาเทียบ ฟังไม่ขึ้นค่ะ
     
  7. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    นั่นไงครับ ขันธ์5มีรูปอยู่ด้วย คุณก็มีขันธ์5 แสดงว่ายังมีรูปอยู่ ถ้าคุณไม่ติดรูปจริง ก็ไม่ต้องมาสิงอยู่ในร่างนี้ซิครับ

    ที่ผมบอกไปนั้น พระเกษมร่างกายท่านก็มีรูปมีนาม ยังต้องอาศัยกันอยู่ ถ้าคุณไม่ติดรูปจริงๆ ทําไมคุณไม่เอาเท้าไปเหยียบ เอามือไปตบ พระเกษมล่ะครับ
     
  8. BRAVA

    BRAVA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    ความตามพระไตรปิฏก ไม่อยากเชื่อไม่อยากฟัง อ้างเหตุผลประเพณีร้อยเเปด แต่เรื่องเล่าโดยใครก็ไม่รู้ ชอบกันนัก
     
  9. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    พระ
    เป็นการเปลียบเทียบให้ดู ทําไมคุณต้องบอกว่าผมจะตกนรก

    แล้วที่พระเกษมทํา จะตกนรกไม๊??

    พระเกษมไม่แน่ ว่าจะเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ พระพุทธเจ้า เป็นสรณะเป็นที่พึ่งของผม

    พระพุทธเจ้าเป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพระเจ้า ครับ

    ที่ผมทําไปเพื่อปกป้องพ่อในทางธรรมของผมเหมือนกัน

    ผมไม่ต้องการ ให้ใครมาทําหยาบคาย กับพระพุทธรูป

    พระเกษมกับพวกคุณไม่นับถือ ทําไมไม่วางเฉยล่ะครับ

    ผมยินดีมอบกาย ถวายชีวิตนี้แด่พระพุทธเจ้า

    ผมปกป้องพ่อในทางธรรม จะตกนรก ผมก็ยอม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2008
  10. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
  11. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +2,392
    มาติดตามอ่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2008
  12. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +2,392
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="wai" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://www.samyaek.com/board2/Smileys/classic/09.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Maethika\LOCALS~1\Temp\msohtml1\07\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1026 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="wai" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://www.samyaek.com/board2/Smileys/classic/09.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Maethika\LOCALS~1\Temp\msohtml1\07\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1027 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="wai" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://www.samyaek.com/board2/Smileys/classic/09.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\Maethika\LOCALS~1\Temp\msohtml1\07\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    คัดจากพระไตรปิฏกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม
    เล่มที่ 26 พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ ตั้งแต่หน้า ๗๓๗ -๗๔๑

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่737


    ๗.อาณีตสูตร

    ว่าด้วยการตอกลิ่ม

    [๖๗๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
    ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
    ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้วตะโพนชื่ออานกะของ
    พวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า ทสารหะได้มีแล้วเมื่อตะโพนแตกพวก
    ทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็
    หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุ

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่738

    ในอนาคต เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถ
    อันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง
    จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สําคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน
    ว่าควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนัก
    ปราชญ์ร้อยกรองไว้มีอักษรอันวิจิตรมีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของ
    ภายนอก เป็นสาวกภาษิตอยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดีจักเงี่ยโสตลงสดับ
    จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสําคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน
    ควรศึกษา.



    [๖๗๓]​
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าว
    แล้ว อันลึกมีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จัก
    อันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้นเธอทั้งหลายพึงศึกษา
    อย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก
    เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จัก
    เงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสําคัญธรรมเหล่านั้น
    ว่าควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึง
    ศึกษาอย่างนี้แหละ.


    จบอาณีสูตรที่ ๗

    อรรถกถาอาณีสูตรที่ ๗

    ในอาณีสูตรที่ ๗ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
    บทว่าทสารหานํ ได้แก่เหล่ากษัตริย์ผู้มีชื่ออย่างนี้.ได้ยินว่า
    กษัตริย์เหล่านั้นถือเอาสิบส่วนจากข่าวกล้า ฉะนั้นจึงปรากฏชื่อว่าทสารหา


    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่739

    บทว่าอานโก ได้แก่ กลองมีชื่ออย่างนี้.
    ได้ยินว่า ในป่าหิมวันต์ มีสระปูใหญ่. ปูใหญ่กินข้างที่ลงไป
    ในสระนั้น. ครั้งนั้นพวกข้างถูกปูเบียดเบียนมีความเห็นร่วมกันว่า
    เพราะอาศัยลูกของนางช้างนี้ พวกเราจึงจักมีความสวัสดีได้จึงได้พากัน
    สักการะนางช้างเชือกหนึ่ง. แม้นางช้างนั้นก็ได้ตกลูกเป็นช้างมเหศักดิ์.
    ช้างทั้งหลายพากันสักการะแม่ลูกช้างนั้น. ลูกช้างเจริญวัยแล้วถามแม่ว่า
    เหตุไรช้างเหล่านี้จึงสักการะเรา.นางช้างจึงเล่าเรื่องให้ฟัง.ลูกช้างกล่าวว่า
    ก็ปูเป็นอะไรกะฉัน พวกเราไปที่นั่นกันเถิด แวดล้อมไปด้วยช้างเป็น
    อันมาก ไปที่นั้นแล้วลงสระก่อนทีเดียว. ปูมาหนีบลูกช้างไว้เพราะเสียง
    น้ำนั่นเอง. ปูมีก้ามใหญ่.ลูกช้างไม่อาจทําปูให้เคลื่อนไปข้างโน้นข้างนี้
    ได้ จึงสอดงวงเข้าปากร้องลั่น. ช้างทั้งหลายกล่าวว่าลูกช้างที่พวกเรา
    เข้าใจว่าได้อาศัยแล้วจักมีความสวัสดีนั้น ถูกหนีบเสียก่อนเลยจึงพา
    กันหนีกระจัดกระจายไป.
    ลําดับนั้น แม่ของลูกช้างยืนอยู่ไม่ไกลกล่าวกะปูด้วยคําที่น่ารักว่า
    พวกเราชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐบนบกพวกท่านชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐในน้ำ
    ผู้ประเสริฐไม่ควรเบียดเบียนผู้ประเสริฐ ดังนี้แล้วกล่าวคาถานี้ว่า
    เย กุฬีรา สมุทฺทสฺมึ คงฺคาย ยมุนาย จ
    เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโฐ มุญฺจ โรทนฺติยา ปชํ
    บรรดาปูทั้งหลาย ในทะเลในแม่น้ำคงคา
    และแม่น้ํายมุนาเหล่านั้น ท่านเป็นสัตว์น้ำที่ประเสริฐ
    ที่สุดขอท่านจงปล่อยลูกของเราผู้ร้องไห้อยู่.


    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่740

    ธรรมดาเสียงมาตุคาม.ย่อมทําให้บุรุษปั่นป่วน ฉะนั้น ปูจึงได้
    คลายหนีบ ลูกช้างรีบยกเท้าทั้งสองขึ้นเหยียบหลังปู. พอถูกเหยียบ หลัง
    ปูแตกเหมือนภาชนะดิน. ลําดับนั้นลูกช้างเอางาทั้งสองแทงปู ยกขึ้น
    ทิ้งไปบนบก แล้วส่งเสียงร้องแสดงความยินดี ช้างทั้งหลายมาจากที่ต่างๆ
    เหยียบปูนั้น. ก้ามปูก้ามหนึ่งหักกระเด็น ท้าวสักกเทวราชทรงถือเอา
    ก้ามปูนั้นไป.
    ส่วนก้ามปูอีกก้ามหนึ่งถูกลมและแดดเผาจนสุกมีสีเหมือนน้ำครั่ง
    เคี่ยว. เมื่อฝนตก ก้ามปูนั้นถูกระแสน้ำพัดลมลอยมาติดข่ายของพระราชา
    สิบพี่น้องผู้ขึงข่ายไว้เหนือน้ำเล่นน้ำอยู่ที่แม่น้ำคงคา.เมื่อเล่นน้ำแล้ว
    ยกข่ายขึ้น พระราชาเหล่านั้นทรงเห็นก้ามปูนั้น ตรัสถามว่า นั่นอะไร.
    ก้ามปู พะย่ะค่ะ. พระราชาทั้งหลายตรัสว่า ก้ามปูนี้ ไม่อาจนําไปเป็น
    เครื่องประดับได้ พวกเราจักให้หุ้มก้ามปูนี้ทํากลอง รับสั่งให้หุ้มแล้ว
    ทรงตี. เสียง(กลอง) ดังไปทั่วพระนคร ๑๒ โยชน์. ต่อแต่นั้น
    พระราชาทั้งหลายตรัสว่า ไม่อาจประโคมกลองนี้ประจําวัน จงเป็นมงคล-
    เภรีสําหรับวันมหรสพเถิด จึงให้ทําเป็นมงคลเภรี. เมื่อประโคมกลองนั้น
    ประชาชนไม่ทันอาบน้ำ ไม่ทันแต่งตัว รีบขึ้นยานช้างเป็นต้นไปประชุม.
    กลองนั้นได้ชื่อว่า อานกะ เพราะเหมือนเรียกประชาชนมาด้วย
    ประการฉะนี้.

    บทว่า อญฺญํ อาณึ โอทหึสุ ความว่า ตอกลิ่มอื่นที่สำเร็จด้วย
    ทองและเงินเป็นต้น. บทว่า อาณิสงฺฆาโตว อวสิสฺสติ ความว่า
    เพียงการตอกลิ่มที่สําเร็จด้วยทองเป็นต้นเท่านั้นได้เหลืออยู่. ลําดับนั้น
    เสียงของกลองนั้นดังไปประมาณ ๑๒ โยชน์ แม้อยู่ภายในม่านก็ยากที่จะ


    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่741

    ได้ยิน.
    บทว่าคมฺภีรา ความว่า ว่าโดยบาลีพระสูตรทั้งหลายที่ลึกเช่น
    สัลลสูตร. บทว่า คมฺภีรตฺถา ความว่าว่าด้วยอรรถ พระสูตรทั้งหลาย
    ที่ลึก เช่นมหาเวทัลลสูตร. บทว่า โลกุตฺตรา ได้แก่แสดงอรรถอันเป็น
    โลกุตตระ. บทว่า สุญฺญตปฏิสญฺญุตฺตา ความว่า เหมือนประกอบ
    ข้อความที่ประกาศเพียงสุญญตธรรมเท่านั้น. บทว่า อุคฺคเหตพฺพํ
    ปริยาปุณิตพฺพํ ความว่า ที่ควรเล่าเรียนและควรศึกษา. บทว่า กวิกตา
    ความว่า อันกวี คือนักปราชญ์รจนาไว้. นอกนั้นเป็นไวพจน์ของบทว่า
    กวิกตา นั่นเอง. บทว่า จิตฺตกฺขราได้แก่ มีอักษรวิจิตร.นอกนั้นเป็น
    ไวพจน์ของบทว่า จิตฺตกฺขรา นั่นเอง. บทว่า พาหิรกา ได้แก่มีภาย
    นอกพระศาสนา. บทว่า สาวกภาสิตา ความว่า พระสูตรเหล่านั้นเป็น
    สาวกภาษิต. บทว่า สุสฺสุสิสฺสนฺติ ความว่า สามเณรภิกษุหนุ่ม
    มาตุคาม และมหาคหบดีเป็นต้น มีความพอใจ เพราะพระสูตรเหล่านั้นมี
    อักษรวิจิตรและสมบูรณ์ด้วยการฟัง จักเป็นผู้ปรารถนาประชุมฟังด้วยคิด
    ว่า ผู้นี้เป็นธรรมกถึก. บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะเหตุนั้นพระสูตร
    ทั้งหลายที่เป็นตถาคตภาษิต เมื่อพวกเราไม่ศึกษา ย่อมอันตรธานไป.
    จบอรรถกถาอาณีสูตรที่ ๗
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  13. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    การที่มีคนออกมาทักท้วง พระเกษมความจริงแล้วได้บุญนะคะ

    มีคนเอาพระพุทธรูปไปทิ้งน้ำเพราะเชื่อหลวงพ่อเกษม

    เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงคะ ( ได้ฟังนานแล้วแต่ไม่พูดถึงกลัวเขามาอ่านเจอแล้วโทรมาด่า ) แต่คงไม่เป็นไรมั๊ง เพราะเขาทำจริงๆนี่

    เมื่อ6เดือนก่อน ตอนที่ดิฉันหลงผิดนับถือพระเกษมมากๆ

    ดิฉันเคยโทรไปหาเพื่อนคนหนึ่งตั้งใจว่าจะ ชวนไปกราบหลวงพ่อที่วัด

    ปรากฏมันด่า ดิฉันใหญ่เลย ( เขาหาว่าดิฉันกำลังหลงผิดอยู่)

    เขาเล่ามาว่า เพื่อนของเขาที่เป็นกระเทย ก็ชอบไปหาหลวงพ่อ

    ไปๆมาๆ ก็เพี้ยน เป็นบ้าไปแล้ว
    ขนเอาเทวรูป บูชาในบ้านไป ทิ้งลงคลองข้างบ้านหมดเลย

    ทั้งพระเครื่อง ทั้งรูปปั้นพระพุทธรูป รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม รูปปั้นเทพเจ้าทางฮินดู

    แบบว่า เทลงคลอง หมดห้องพระเลยคะ คุณติ๊ก เพื่อนของดิฉันมันด่า

    เพือนกระเทยของเขาใหญ่เลยว่าบ้า ไปๆมาๆ ทะเลาะกัน

    ล่าสุดเลิกคบกันไปเลยเพราะคุยไม่รู้เรื่องแล้ว

    ติ๊กบอกว่า พระบางองค์แพงมาก อย่างจตุคามเงี๊ยแพงมากเขาซื้อของแท้ให้แต่มันเอาไป ทิ้งคลองหมดเลย

    ถ้าขายก็ได้ราคาดี แต่ อีนังเนื่ย มันเป็นประสาทไปแล้ว มันเอาพระไปเทลงคลองหลังบ้านหมดเลย ทั้งองค์เล็ก องค์ใหญ่ ( แบบนี้เขาเรียกบ้านะ )

    ดิฉันก็นั่งนึก " ใช่คนที่หน้าสวยๆ ที่เสริมหน้าอกเปล่า ที่เคยชวนฉันไปไหว้พระที่วัดแขกอ่ะ"

    ติ๊กบอกว่า "ใช่แล้ว นังนั่นแหล่ะมันบ้ามากเลยแถมมาบอกไม่ให้ฉันสวดมนตร์ด้วยนะ มันบอกให้เอาพระออกมาทิ้งให้หมด แล้วชีวิตจะดีขึ้น"

    ดิฉันตกใจมาก


    เรื่องเอาพระพุทธรูปลอยน้ำดิฉัน รับไมได้นะคะ
    ตอนนั้นดิฉันยังพูดเลยว่า ทำไมไม่เอาไปบริจาควัดหล่ะ ทำไมทำแบบนี้ไปได้ เสียดายของแทน

    ดิฉันก็เลยมานั่งทบทวนตัวเองว่า เราคิดผิดหรือเปล่า

    อีกอย่างดิฉันเป็นคนชอบไหว้ะพระ สวดมนตร์มากๆ

    จะรับแนวคิดใหม่ๆ ได้เหรอ พอมานึกถึงที่หลวงพี่ที่เคยสอนนักธรรม สอนเรื่องพระพุทธองค์ รู้สึกขัดแย้งกับหลวงปู่เกษมหมดเลย เพราะไม่คิดว่า การบูชาพระพุทธรูปเป็นเรื่องเสียหายอะไร

    อย่างที่ ตาลีบัน มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลกแต่ก็บ้าระเบิดทิ้งหมด

    คนมันโง่รู้เปล่า ตัวเองไม่นับถือก็ปล่อยไปสิ ถ้าคิดแบบคนฉลาด หาคนมาทำความสะอาด

    คอยซ่อมแซมบำรุงดีๆ โปรโมทดีๆ เงินเข้าประเทศไม่รู้กี่พันล้านต่อปี

    เพราะพระพุทธรูปที่ว่าเนืย ( เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ว่าได้)เพราะ สลักเข้าไปในหน้าผาหิน เป็นอะไรที่ต้องศรัทมากๆถึงจะทำได้
    ดิฉันเสียดายมากๆที่ถูกทำลายไป พอได้มาฟังเรื่อง...ที่เพื่อนเล่าให้ฟัง
    เลยเลิกสนใจหลวงพ่อเกษมนานแล้ว

    ความจริงตอนแรกแอบไปดูที่เวบประจำ เพระดิฉันสนใจเรื่อง การโอนบุญให้เจ้ากรรมนายเวร โดยเบิกบุญเก่าออกมา ไม่ต้องวิ่งไปทำบุญที่วัดแล้วค่อยโอนบุญ มันน่าสนใจมากเพราะดิฉันจะได้ไม่ต้องไปวัดบ่อย แต่พอคิดได้เลิกสนใจ

    ตอนนั้นก็ ไม่มีใครลุกขึ้นมาโวยวายดิฉันเลยไม่อยากพูดมาก
    ไม่คิดจะโวยวาย หรือเขียนตำหนิพระหรอกเพราะ กลัวบาปเหมือนกัน ล่าสุดเท่าที่ทราบมา กระเทยคนนี้มีแต่คนนินทาว่าบ้านะคะ คือ ติ๊กเนื่ยไม่เคยรู้จักชื่อหลวงพ่อเกษมเลย

    พอเห็นว่าเพื่อนตัวเอง เอาพระพุทธรูปไปทิ้งลงคลองก็รับไม่ได้อย่างรุนแรง จนคิดว่า เพื่อนตัวเองบ้าแน่ๆ

    ดิฉันก็พยายามอธิบายให้ ติ๊กฟังนะ ว่าเพื่อนเธอไม่ได้บ้า
    อย่าพึ่งไปปรักปรำเขาแบบนั้น มันไม่ดี

    ตั้งแต่เอาพระพุทธรูปทิ้งลงคลอง ชีวิตของเพื่อนติ๊กเขาก็ไมได้ว่าจะเจริญอะไรเลยนะคะ เพื่อนเลิกคบไปเยอะเลยคะเพราะพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ทำอะไรเพี้ยนๆ คนรอบข้างรับกันไม่ได้ด้วย

    เมื่อก่อนชอบไปวัดแขก ไปวัดไทย เจออะไรก็ไหว้หมด
    ชอบสะสมพระเครื่องด้วย

    หลังๆเอาแต่ไป พูดให้เพื่อนฝูงฟังว่า อย่าไปไหว้พระนะ อย่าสวดมนตร์ แล้วใครจะไปรับได้กัน


    ดิฉันว่าเขาไมได้บ้า อย่างที่เพื่อนดิฉันพูดหรอก

    เขาหลงผิดมากกว่า ดิฉันยังเคยหลงผิดนับถือเลย แต่บุญเก่ามีมั๊งเลยมีคนออกมาพูดให้ฟังพอดีเลยได้สติทางธรรมเข้ามา
    ดิฉันคิดว่า บางคนที่หลงผิดอาจจะคิดได้แล้วนะคะตอนนี้เพราะ คนคงตำหนิเยอะป่านนี้อาจจะ ไปงมคลองเก็บพระพุทธรูป ขึ้นมาใหม่ก็ได้นะคะ
    ถ้าใครเห็นเพื่อนฝูงตัวเอง มีอาการเพี้ยนๆ ทำอะไรแปลกๆควรจะพยายามพูดตักเตือนให้เขาคิดได้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเองคะ สังคมจะดีขึ้นด้วยเพราะ คนเราผิดพลาด หลงผิดกันได้คะ ไม่ใช่เรื่องแปลก ขนาด ดร. ยังโดนร่างทรงหลอกเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2008
  14. little_off2

    little_off2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +27
    อยู่กับพระพุทธศาสนา อ้างพระไตรปิฎกปาวๆ รู้จักคำว่า "โลกวัชชะ" ไหมครับ ....
    ทำอะไร อย่าให้โลกติเตียน
    ถ้ารุปพระพุทธเจ้า เอา ตี น เหยียบได้ ผมก็ว่าน่าเอารูปเกษมใส่กรอบอัดแล้วเอา ตี น เหยียบละเลงๆๆๆๆเล่นตรงหน้าให้สะใจ คุณที่เป็นลูกศิษย์จะพอใจไหม? ลองตอบตัวเองดูเงียบๆ ไม่ต้องโวยวายใส่คนอื่น....
    หรือควรเอารูปโคตรพ่อแม่ปู้ย่าตายาย กระดูก อัฐิ บิดามารดาคุณมาวางแล้วเอาตี น เขี่ย เพราะมันก็แค่ธาตุดิน ?? คงสนุกดี และคุณคงยืนดูด้วยความพึงพอใจที่ผมมองเศษกระดูกพ่อแม่คุณเป็นธาตุขยะของโลกพอกับขี้หมาริมถนนที่เป็นธาตุดินเหมือนกัน
    ผมไม่เถียง หากพูดถึงเจตนา (ถ้าดีจริง) ว่าให้คนยึด "ธรรม" ไม่ใช่ยึด "วัตถุมากกว่าธรรม" .... แต่การจะทำอะไร ก็ต้องหัดทำให้ไม่เป็น "ที่ติเตียนของโลก" พระ คือ ผู้ประเสริฐ สงบ ระงับ สำรวม จะสอน จะทำอะไรก็ควรคำนึงถึงความเหมาะสมบ้าง
    เจตนาไม่ดี แล้วทำไม่ดี นั่นก็เลว
    เจตนาดี ทำออกมาไม่ดี คนยิ่งไม่เข้าใจ และมันอาจเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย
    รู้จักใช่ไหมครับ "โลกวัชชะ" อย่าให้โลกติตเยน และ "มัชฌิมา "ปฏิปทา" " ทางสายกลาง..
    เถียงได้ แต่ต้องเปิดใจรับฟังคนอื่นบ้าง เหมือนที่คุณอยากให้คนอื่นรับฟังคุณและพระเกษม
    คนละครึ่งทางก็ยังดีครับ ให้สังคมสงบสุข คุณ สำนักคุณจะเชื่อยังไงก็เรื่องของคุณ แต่อย่าทำให้สังคม และหมู่สงฆ์ต้องแตกแยกเลย มันบาปแล้ว..
    ...ด้วยหวังดี..
     
  15. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +2,392
    จริงๆคิดไปคิดมา น่าจะโพสต์หัวข้อกระทู้แล้วลอคให้อ่านอย่างเดียวก็พอนะ

    จะได้ไม่เป็นบาปกรรมกันไปเปล่าๆ
     
  16. thejirayu

    thejirayu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2006
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +2,088
    สมเด็จโต สร้างสมเด็จวัดระฆัง ท่านเจ้าคุณนรฯก็กราบไว้พระพุทธรูป หลวงปู่แหวน หลวงปู่มั่น หลวงพ่อฤาษี กราบไหว้สมเด็จองค์ปฐม และพระอริยะอีกมากมากหลายท่านก็กราบไว้พระพุทธรูป เที่ยบกับหลวงพ่อเกษมท่านเดียวนี้ที่ไม่ให้กราบไหว้ ผมคิดว่าด้วยสติปัญญาคนธรรมดาทั่วไปคงคิดได้นะครับว่าจะเชื่อใครดี
     
  17. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    เอาแต่คำถามมาโพสต์.........ทำไมไม่เอาคำตอบมาโพสต์ด้วยล่ะครับ
    (เรื่องขำๆเกี่ยวกับขันธ์ 5)

    คุณ Slamb หรือ ท่านไม่ได้อ่านคำตอบตอนจบ หรือ ท่านจะคัดแต่ข้อความที่ตีความเข้าข้างตนครับ........
    ยกแรก คนจี้บุหรี่ ชนะเพราะ คิดแบบตรรกะในเรื่องรูปไงล่ะครับ
    แต่สุดท้าย พระธรรมกถึก ชนะเพราะ ท่านกล่าวชอบตามธรรม ครับ
     
  18. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    ทางลวง มารล่อให้ ทุกข์ทน

    ชีวิตว่าย เวียนวน นรกร้อน

    ทางรอด รอดด้วยกมล คงมั่น....ธรรมเฮย

    สลัดกิเลสซ่อนซ้อน ชืพพ้น ทุกข์ระทม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2008
  19. บัวใต้น้ำ1

    บัวใต้น้ำ1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +32
    มาดูความคืบหน้า...ครับ..
     
  20. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122

แชร์หน้านี้

Loading...