เนื้อคู่และคู่แท้ .... ของเรา "เขา" เป็นใคร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 22 กันยายน 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เนื้อคู่และคู่แท้ .... ของเรา "เขา" เป็นใคร

    เมื่อคนสองคนที่เคยมีกรรมผูกพันกันในบุพเพสันนิวาส ได้มีโอกาสมาพบกันแล้วในชาตินี้ ก่อนอื่น เราควรมีสติและค้นหาความจริง เพื่อจะได้เกิดปัญญาจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า
    ณ เวลานี้ เรากำลังพบกับใคร เนื้อคู่แท้จริง

    หรือเป็นเพียงเนื้อคู่ในลำดับอื่นหรือแม้กระทั่งเจ้ากรรมนายเวร!

    เพื่อที่เราจะได้เข้าใจและสามารถพัฒนาต่อไปได้หรือถ้าไม่ใช่ก็มีทางหยุดยั้งเสีย (มีวิธีแก้ไขอยู่ท้ายเล่ม) ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวอะไรต่อไปด้วยกรรมใหม่ที่ทำซึ่งอาจจะส่งผลเลยฉับพลันทันทีในชาตินี้ หรือในชาติภพต่อไปไม่จบสิ้น

    อันความรักนั้นมีหลายระดับเหมือนดั่งน้ำ มีทั้งในระดับตื้นเขินเกิดขึ้นชั่ววูบเพราะอารมณ์เพราะกิเลส ความรักในระดับลึกถึงจิตใจจนกระทั่งถึงจิตวิญญาณ รักเพราะกรรมผูกพันกันมา มีหลายหลายรูปแบบ
    ลองมาพิจารณากันดูว่า ตอนนี้เรามีความรักในระดับใดกันแน่

    1.ความรักระดับอารมณ์ เป็นความรักที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ล้วนๆ เป็นความต้องการเบื้องต้นของกิเลสมนุษย์ คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นความรักที่มักจะเกิดขึ้นง่ายและดับลงง่ายๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงหรือสภาพจิตได้รับการฝึกฝนมากขึ้นทำให้รู้เท่าทันมากขึ้น

    อาทิ แบบความรักที่บอกว่าชอบ เพียงแค่สะดุดตา เห็นว่าเขาหรือเธอมีอะไรที่ไม่เหมือนใคร เป็นความชอบแบบไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับเลย ประเภทชอบและรักได้อย่างไรไม่รู้นั่นแหละ แบบนี้แหละที่ต้องพิจารณากันระวังให้ดีอย่าให้เลยเถิด ความรักระดับนี้ยังไม่ใช่เนื้อคู่ เป็นเพียงระดับธรรมดาสามัญแต่สามารถพัฒนาได้ถ้ามีกรรมร่วมกันต่อไป

    2. ความรักระดับจิตใจ เป็นความรักที่เกิดขึ้นและมีการปรุงแต่งแล้วที่สูงกว่าในระดับแรก ใจรู้สึกรักเพราะสงสาร ใจรู้สึกรักเพราะแพ้แต่คุณงามความดีของอีกฝ่าย ใจรู้สึกรักเพราะมีความเกื้อกูลช่วยเหลือกันจนประทับใจ ส่วนมากจะเกิดขึ้นกับมีที่จิตละเอียดมากขึ้น มีเวลาไตร่ตรองในสิ่งที่เห็น ในสิ่งที่เป็น และเกิดขึ้น ความรักในระดับนี้ถือว่าสามารถทำให้คนทั้งคู่มีความสุขได้เป็นความรักระดับนี้เนื้อคู่และต้องดูกันต่อไปว่าเป็นเนื้อคู่แท้หรือไม่ เพราะยังมีปัจจัยและกรรมอีกหลายกรรมที่เกี่ยวข้องกัน

    3. ความรักในระดับจิตวิญญาณ เป็นความรักที่ไม่ใช่เรื่องของเนื้อคู่ เพราะเป็นแบบประณีตและเกิดขึ้นภายในจิตใจ ที่มีความทรงจำเดิมมาช่วยโน้มนำ หรือเป็นขั้นที่สูงกว่าระดับจิตใจเป็นส่วนที่ลึกละเอียดที่สุด เป็นจิตใต้สำนึกแห่งคุณงามความดีบุญกุศลโน้มนำ อาทิ ความรักในหน้าที่การงานที่ทำอยู่ ความรักในแผ่นดิน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์รักฝังลึกในภูมิปัญญาแผ่นดิน ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ หรือสรรพสัตว์ ด้วยกันปรารถนาให้ทุกคนมีความสุข เหล่านี้เป็นต้น จัดว่าเป็นความรักระดับจิตวิญญาณที่ลึกที่สุด

    ตอนนี้เรารู้แล้วว่า ความรักที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแบบฉับพลันทันทีด้วยอารมณ์หรือแบบที่พัฒนาเจริญงอกงามขึ้นมาเรื่อยๆ จนมั่นใจว่ารักไม่ผิดคนแล้ว เรามาดูกันต่ออีกว่า

    แล้ว... เนื้อคู่ ของเรา เขาคือ ใคร???

    พอพูดถึงคำว่า เนื้อคู่โดยส่วนมากจะตีความหมายแบบเข้าใจง่ายๆ เข้าข้างตัวเองว่า คือคนที่เกิดมาเพื่อเป็นคู่ของเราในชาตินี้ต้องเป็นของๆ เราคนเดียว ป็นเนิ้อคู่ กระดูกคู่และอยู่ด้วยกันจนชั่วฟ้าดินสลายจนแผ่นดินกลบหน้า

    อยากบอกว่า อย่าเพิ่งฟันธงว่า คนที่เรากำลังรักตอนนี้ หรือกำลังเกี่ยวพันด้วยเวลานี้
    จะเป็นเนื้อคู่แท้ ที่จะพัฒนามาเป็นคู่แท้ คู่ชีวิตในชาตินี้ หรือเป็นของเราคนเดียว !

    ถึงแม้ว่า “เนื้อคู่” จะหมายถึง หญิงและชายที่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นสามีภรรยากันมาก่อนในอดีตชาติ
    แต่มีความจริงมากกว่านั้นที่ทุกคนควรรู้ก็คือ เนื้อคู่ของเราในชาตินี้จริงๆ แล้ว นอกจากเขาจะเป็นเนื้อคู่ของเราแล้ว เขาก็อาจจะเป็นเนื้อคู่ในลำดับต่อๆ ไปของคนอื่นด้วย!

    และกว่าจะมาเป็นของเราในปัจจุบัน เขาหรือเธอก็อาจจะผ่านการเป็นเนื้อคู่ของคนอื่นมาแล้ว
    ถึงแม้อาจจะเคยเป็นคู่ครองกันมาก่อนในปางก่อนจริง แต่ชาตินี้นั้นอาจจะไม่มีบุญพอไม่ได้เกื้อกูลกันจนถึงจุดที่จะได้เป็นสามีภรรยากันก็ได้ ก็อาจจะเป็นได้แค่เนื้อคู่ในลำดับอื่นที่ต้องรอสะสมบุญและกรรมร่วมกันรอต่อไปเพื่อสมหวังในภพอื่นแทน

    อาจจะเป็นชายและหญิงที่เคยอยู่ร่วมกันมาในหลายภพ หลายชาติที่ผ่านมา หรือจะเป็นชายกับชาย เป็นหญิงกับหญิง ต้องเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในบุพเพสันนิวาสเท่านั้น เพราะเคยเกื้อกูลกันมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน
    คนสองคนที่มาเป็นสามีภรรยากันได้ในชาตินี้หรือเป็นเนื้อคู่กันนั้น

    ต้องมีเรื่องของกามราคะเป็น ตัวเหนี่ยวนำเข้ามาหากัน และกรรมได้ลิขิตเท่านั้น

    เพราะที่กล่าวมาแล้วว่าความสัมพันธ์ต่อกันในเรื่องบุพเพสันนิวาสที่มีหลายประเภทนั้นไม่ว่าในสถานะใด เพื่อนกับเพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง ศิษย์กับครู นายกับบ่าว ถ้าไม่มีกามราคะเป็นตัวเหนี่ยวนำก็จะไม่มีทางได้มาเป็นสามีภรรยากันหรือเนื้อคู่แน่นอน

    ถ้าชาตินี้เราและเนื้อคู่จะเป็นเขาหรือเธอเป็นเนื้อคู่ลำดับต้นจริง ทำบุญร่วมกันมามากพอ มีแรงปรารถนาที่จะมาอยู่ร่วมกันและโดยเฉพาะกรรมลิขิตไว้แล้ว ก็จะได้ครองคู่กันอย่างแน่นอน จะนานเป็น 1 วัน 7 วัน หรือ 50 ปี 60 ปี ก็ขึ้นอยู่กำลังแห่งบุญและกรรมที่ทำร่วมกันมาเท่านั้น

    แต่เมื่อหมดเวลาบุญและกรรมแล้ว เราและเขาก็ต้องเดินแยกทางกันออกไป ต่างคนต่างไปรอคิวใหม่ที่จะมาบรรจบกันอีกที หรือไม่เจอกันอีกเลยก็ได้ด้วย

    และทั้งเราและเขาก็จะไปพบเนื้อคู่คนอื่นๆ ตามลำดับต่อไป

    และถึงจะเป็นเนื้อคู่กันจริง แต่มีตัวแปรหรือปัจจัยอื่น มีกรรมเข้ามาแทรกได้อีก เช่น ครูบาอาจารย์หลายท่านที่ได้สละความเป็นลำดับเนื้อคู่สู่โลกแห่งธรรมะ ก็สามารถใช้บุญนั้นหยุดวิบากกรรมหรือผลกรรมที่จะนำมาสู่การเป็นผัวเมียกันได้

    ยิ่งในระดับของผู้ปฎิบัติธรรมชั้นสูง คือ ตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไป ท่านตัดสิ้นแล้วในกามราคะ และไม่ปรารถนามาเกิดอีกแล้ว ท่านก็สละสิทธิ์ ไม่มีการที่จะมาต่อคิวลำดับใครอีกแล้ว พวกเนื้อคู่เก่าก่อนที่ท่านจะบรรลุก็ต้องแห้วหมดสิทธิ์ไป ต้องไปใช้ลำดับต่อไปไปใช้บริการคนอื่นแทน

    และที่บอกว่าอาจจะเป็นชายกับชาย หรือหญิงกับหญิงก็ได้นั้น หมายถึงในภพก่อน อาจจะเคยเป็นคู่ครองที่รักกันมากๆ มีความปรารถนาที่จะอยู่ใกล้ชิดกันกัน ทำงานร่วมกัน ทำบุญกุศลร่วมกัน อธิษฐานร่วมกันมา
    แต่ในชาตินี้ได้เกิดมาเป็นเพศเดียวกัน จึงเกิดความรักที่ไม่อาจจะห้ามใจได้

    หรือถึงแม้จะเป็นเนื้อคู่กันแต่ไม่ใช่ลำดับต้นที่จะมีแรงส่งให้ได้มาเป็นครองคู่กัน เพราะชาตินี้ไม่มีเรื่องของกามราคะมาเกี่ยวข้อง ก็จะกลายมาเป็นเพื่อนสนิท คนสนิทที่ห่วงใยกันลึกๆ ตลอดเวลา

    บางครั้งเพื่อนบางคนที่สนิทกันมากๆ มีความผูกพันกันห่วงใยมากกว่าคู่ครอง.ในชาตินี้เสียอีก

    มีเรื่องทุกข์ใจอะไร ก็สามารถที่จะไประบายให้ฟังได้ ถ้าเป็นผัวหรือเมีย เล่าเรื่อยเปื่อยมีสิทธิ์บ้านพังได้ บางคนอาจอยู่กับเพื่อนมากกว่าผัวหรือเมียตัวเองเสียอีก ที่เป็นเช่นนี้เพราะเคยผูกพันกันมาทั้งสิ้น
    เคยได้ยินไหมที่บางคู่บอกว่า อยู่กันเหมือนเป็นเพื่อน

    บางคนชอบบอกว่าสามีนั้นดูแลเหมือนกับพ่อ
    เพราะอาจจะเคยเป็นเพื่อน เป็นพ่อมาก่อนก็ได้ เป็นไปได้ทั้งนั้น

    ในข้อที่บอกว่า ลำดับของเนื้อคู่ทำไมถึงต้องบอกว่ามากมายมหาศาล ก็เพราะเราทุกคนนั้นเกิดมาแล้วเป็นล้านๆ ชาติ ยังไม่นับรวมถึงที่เคยเป็นสัตว์เดรัจฉานต่างๆ

    **********

    ‪#‎หนังสือธรรมทาน‬ ‪#‎เสบียงบุญ‬ ‪#‎ธรรมะ‬ ‪#‎พระพุทธเจ้า‬ ‪#เนื้อคู่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    เห็นด้วยทุกประการค่ะ / สาธุ..
     
  3. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    คำว่าเนื้อคู่ ใช่ว่าจะต้องครองสุขด้วยกันเสมอไป
    เพราะมันมีทั้งคู่บุญคู่กรรม คู่ทุกข์คู่ยาก บางคู่เกิดมาเพื่อเสวยสุขร่วมกัน แต่บางคู่ก็เกิดมาเพื่อเผชิญทุกข์ร่วมกันแท้ๆ

    ให้ดูตัวอย่างเจ้าชายสิทธัตถะกับพระนางพิมพา คู่นี้เคยเป็นสามีภรรยากันมาแล้วหลายภพ
    หลายชาติ รวมทั้งชาติที่เกิดเป็นพระเวสสันดรกับพระนางมัทรีด้วย
    แต่มาชาติสุดท้าย ถูกจับแต่งงานกันชีวิตก็ไม่ได้มีความสุขนัก(สังเกตุจากแต่งงานกัน ๑๓ ปีถึงค่อยมีลูก ถ้าคนเรารักกันควรจะมีลูกหัวปีท้ายปี) ครั้นภรรยามีลูกไม่ทันข้ามวัน สามีก็หนีไปออกบวช ปล่อยให้ภรรยาอยู่กับลูกน้อยตามลำพัง

    อีกคู่หนึ่งก็คู่ของพระเจ้าสุทโธทนะ กัับพระนางมายา
    คู่นี้ตามชาดก บอกว่าเคยเป็นสามีภรรยากันมาแล้วในสมัยพระเวสสันดร
    คือพระเจ้าสุทโทนะเคยเป็นเจ้ากรุงสญชัย ส่วนพระนางมายาเคยเป็นพระนางผุสสดี
    บิดามารดาของพระเวสสันดรนั่นเอง
    ทั้งคู่นั้นเคยเป็นคู่สามีภรรยากันมาแล้ว ในชาตินี้ก็มาเป็นสามีภรรยากันอีก
    แต่ครั้นให้กำเนิดเจ้าชายสิทธัตถะไม่นาน พระนางเจ้ามายาก็สิ้นพระชนม์ไป
    ฝ่ายพระเจ้าสุทโธทนะก็แต่งงานใหม่

    นี้จะเห็นได้ว่า แม้จะเคยเป็นเนื้อคู่กันมาก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะต้องครองรักอยู่พร้อมหน้ากันตลอดไปไม่
    จะเป็นเนื้อคู่หรือไม่ใช่เนื้อคู่ สุดท้ายก็จากกันไปอยู่ดี
     
  4. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ที่เคยบอกว่ารักกันหนักหนา
    ครั้นเวลาล่วงไปใจเปลี่ยนผัน
    ความรู้สึกลึกล้ำผูกสัมพันธ์
    อาจสะบั้นสิ้นลงไม่คงเดิม

    ยอสตรอย
    ๒๒/๐๙/๒๕๕๙
     
  5. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    บางคนบอกว่าสมองสำคัญกว่าหัวใจ ในขณะที่หลายคนบอกหัวใจคนเราสำคัญ คำถามก็คือจริง ๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับสิ่งใดเป็นสำคัญมากกว่ากันในการใช้นำทางชีวิต

    “ความรัก ความคิด จินตนาการ ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่หัวใจ ทุกอย่างอยู่ที่สมองครับ แต่คำว่าหัวใจน่าจะหมายถึงความรู้สึกมากกว่า ในการใช้ชีวิตผมอยากจะบอกว่าให้ความรู้สึกนำทางเรา แต่อย่าให้ความรู้สึกควบคุมเรา หมายความว่าถ้าเรารักอะไรสักอย่าง หรือรักใครสักคน ให้ความรู้สึกนำทางเราได้ เพราะความรู้สึกเป็นเข็มทิศที่ดีที่สุดในชีวิต หัวใจเราจะรู้ว่าเราต้องการอะไรมากกว่าสมอง ความรู้สึกเราบอกว่าเราต้องการอะไรมากกว่าความคิด เรารู้สึกกับสิ่งนี้สิ่งนั้น อยากทำอะไร อยากเป็นอะไร อยากคบใคร ฟังความรู้สึกครับ แต่อย่าเชื่อมันเสมอไป รู้ไหมว่านักโกหกที่เก่งกาจที่สุดในโลกใบนี้คืออารมณ์ของเราเอง ความรู้สึกของเราเป็นนักหลอกลวงนักต้มตุ๋นที่เก่งที่สุดในโลก คุณบอกว่าถ้าได้แต่งงานกับคนนี้ ฉันฟินแล้ว ถ้าได้เป็นแฟนกับคนนี้ ฉันจบแล้วเพราะชีวิตจะมีความสุขตลอดกาล แต่พอผ่านไปเดือนหนึ่ง ทุกข์เป็นบ้า หรือคิดว่าถ้าได้ตำแหน่งนี้มา ชีวิตนี้ฉันจะสุขที่สุด ฉันพอแล้ว ปรากฏว่าพอที่ไหน คุณก็ไปอยากได้อย่างอื่นอีก หรือคุณรู้สึกว่าความทุกข์ที่กำลังเผชิญนี้ ไม่มีทางหายหรอก มันจะต้องอยู่กับฉันไปตลอดกาล แต่พอผ่านไปเดือนหนึ่ง ปัญหาใหม่มา ปัญหาเก่าคุณลืมไปแล้ว หายไปแล้วเห็นไหม...ฉะนั้น ขอให้ใช้ความรู้สึกนำทางเราได้ แต่อย่าเชื่อมันเสมอไป ให้ใช้สติครับในการกลั่นกรองความรู้สึกให้ดี"

    •คอลัมน์เปิดใจสนทนา ฉบับที่ 1040 ปักษ์หลังมีนาคม 2558 (ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร)

    - See more at: Kwanruen Magazine
     
  6. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    คนบางคนเปลี่ยนแปลงได้ทุกวินาที /นาที /ชั่วโมง / วัน /เดือน/ปี /จะนับประสาอะไรกับชาตินี้ ชาติหน้า
    " ไม่ขอมีใคร จะรอ ทุกชาติไป" ก็เหมือนยึดมั่นถือมั่น ไม่ปล่อยวาง...
    แต่ถ้า ไม่ยึด ปล่อยไปตามกระแส ก็เหมือน" วันนี้พอใจเธอ วันหน้าพอใจเขา ชาตินี้พอใจเธอ ชาติหน้าพอใจเขา " มันก็เหมือนผูกกรรมสร้างเวรกับอีกหลายคน ...เข้าวัฎจักร "คู่ตามลำดับ"
    พ่อแม่ครูบาอาจารย์จึงยอมสละเสียใจสิ้นเสียแต่วันนี้ เพื่อให้วันหน้าว่างเว้นจากกรรมผูกพัน เดินหน้าเข้าสู่แดนพระนิพพาน
    ส่วนคนธรรมดา ก็ยังคงโหยหา ไขว่ขว้าไปตามกระแสกรรมเก่า และกรรมที่อาจสร้างขึ้นใหม่..
    ทางไหนคือจุดพอดี ตรงไหนคือจุดเหมาะสม..ในความคิดของแต่ละคน ก็ไม่เหมือนกัน เท่ากัน.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กันยายน 2016
  7. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    เชื่อในกฎแห่งไตรลักษณ์ครับ
     
  8. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    สำหรับใครที่อยากจะได้เนื้อคู่ ก็ให้ลองสวดคาถาชินบัญชรทุกๆวัน แล้วลองตั้งความปรารถนาเอา
     

แชร์หน้านี้

Loading...