เนื้อหาธรรมชาติของพระสมเด็จ ยุค สมเด็จพระพุทธาจารย์ โต พรหมรังษี

สำหรับเพื่อนสมาชิกท่านที่ สนใจในเนื้อหาธรรมชาติ บนพื้นผิวพระสมเด็จ ถึงยุค ที่สมเด็จโต ท่านได้ทำไว้ เพื่อศึกษาเชิงอนุรักษ์ เพื่อดำรงค์ไว้ ไม่ให้สูญหายไป จากคนไทยรุ่นหลังๆ

เศษพระสมเด็จ องค์นี้ รู้ได้ยังงัยว่าเป็นเศษพระสมเด็จ วัดระฆัง ถึงยุค และเก่าจริง
เชิญทัศนากันได้ครับ....

ซูมภาพ 15X

 

อีกสักองค์ ครับ

 

ความเห็นส่วนตัว คิดว่าก้ำกึ่งครับ
เหตุผลคือ พระพักตร์ พระศอ และซุ้ม ไม่ตรงตามพิมพ์ครับ พิมพ์ตื้นไป
แต่หลังและเนื้อพระพระพอยอมรับได้
ส่วนเนื้อพระดูการแตกลาน ไม่สม่ำเสมอ

 

องค์ที่ 2 นี่สังเกตุได้ชัดว่า การพิมพเนื้อไม่เต็ม ไม่ใช่เกิดจากการยุบตัวตามธรรมชาติ
แม่พิมพ์ไม่ชัดครับ

 

ผมรู้สึกทะแม่ง ๆ กับแป้งโรยพิมพ์ คับ และมวลสารพระสมเด็จ มันไม่ได้เยอะปานนั้นคับ

 

อิอิอิอิ.... ขอบคุณนะครับ คุณ รโชหรณัง สำหรับข้อมูล ผมรอเห็นเนื้อพระ ของท่านเป็นบุญตา สักองค์ แบบเนื้อใช่ พิมพ์ตรง ถึงยุค ครับ

รูปที่ลงไปนั้น เป็นเนื้อพระสมเด็จนอกพิมพ์ ทั้ง 2 องค์ คงเทียบกับในพิมพ์คงไม่ได้ แต่ เนื้อ หาธรรมชาตินั้น จัดจ้านกว่า ต้องดูและ วิเคราะห์ตามไปทีละชั้น ของผิวที่ ทับซ้อน ที่กร่อน ทั้งรอยใหม่ รอยเก่า ทั้งการงอกของเม็ดปูน สุก ดิบ ในบริเวญที่ควรเกิด และทับซ้อนกันตามเวลา

คุณ รโชหรณัง คงจะมีความรู้มาก แค่มองเเป๊บเดียวสรุปได้เลย แม้กระทั่งรอยแตกราน ที่เกิด ตามธรรมชาติ หรือ เกิดจากการเร่งให้เกิดโดยฝีมือมนุษย์ ทั้งพิมพ์ทรง สัดส่วน แม้แต่เศษชิ้นนึง ยังมองออกว่าพิมพ์อะไร ผมขอชมด้วยใจ และเชื่อว่าคุณเข้าใจนะว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ครับ

 

มวลสาร เยอะเกินไป ก็น่าแปลกอยู่ครับ แต่น้อยไป ก็แปลก เหมือนกัน ตกลงว่า ประมาณเท่าไหร่ ถึงจะดี แล้ว มีหรือปล่าวที่พอดีๆ
ท่านนักชก คงคุ้นเคยกับ จำนวนมวลสาร ที่ต้องมี แต่ลองดูการกร่อน ของมวลสาร และ ย่อยสลาย ในส่วนต่างๆ ด้วยก็ดี เพราะมาก น้อย นั้นสรุปไม่ได้ ครับ

 

เนื้อพระองค์แรก น่าจะเป็นยุคต้นๆ พิมพ์ ไม่ทราบได้
องค์ที่สอง พระยุคต้น พิมพ์ขาโต๊ะ แต่โดนลบออก หวังจะแต่งให้เข้าพิมพ์ จากเจ้าของเดิม แต่ยังงัยๆ ก็ได้แค่ไกล้เคียง

 

ที่คุณนักชกเรียกแป้งโรยพิมพ์ นั้นเป็นเม็ดปูนสุก ที่ขึ้นมาตรงบริเวญที่เนื้อกร่อน ร่อนออก ลองซูมดูครับ
ที่ไหนกร่อนก็จะมีการงอก ใหม่ของเม็ดปูน สุก ขาว ในพื้นที่ลุ่มต่ำ
ดิบ เม็ดใสๆ ตรงพื้นที่นูน เนิน สูง + ฉ่ำ มัน
การเกิดของธรรมชาติ เป็นระบบ ระเบียบ ในแต่ละส่วน สูงต่ำ บนพื้นที่ ในแต่ละส่วน
ถ้าของเก๊ จะไม่เป็นระบบ ไม่เป็นสัดส่วน ไม่เป็นระเบียบ เลอะเทอะ ทั่วไป ครับ

 

องค์ที่ 2 นี่เลียนพิมพ์เจดีย์ครับ ไม่มีขาโต๊ะอะไรหรอกครับ เนื้อมันเกินมาตอนก๊อบบล็อคพิมพ์ครับ

 

พระสมเด็จวัดระฆังแท้ ไม่แท้ เห็นแค่พระพักตร์ก็รู้แล้วหละครับ

 

คงใช่ที่คุณว่า ผมละนับถือคุณจริงๆ รโชหรณัง อิอิอิ ก็เล่นไปตามที่คุณว่ามาก็แล้วกัน ครับ

 

พระเนื้อปูนเปลือกหอย เวลาเจอน้ำ พวก แคลเซียมมันจะลอยขึ้นมาบนผิวพระสีขาวๆ พอโดนน้ำบ่อยๆมันก็งอกมาสะสมกัน ไม่ใช่แป้งโรยพิมพ์อย่างที่ว่าหละครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะแท้เสมอไป

 

เนื้อแบบไหนละครับ ลองเอามาให้ผมศึกษาบ้างซิ ถ้าดูความเก่าไม่เป็น แล้วหัดเล่นสมเด็จ จะไหวหรือท่าน เอามาให้ดูกันหน่อย ที่ว่าเก่า อย่างที่ท่านว่า มีธรรมชาติ ได้อายุ อยากเห็นจัง..... มันต้องมีมาแสดงให้เข้าใจ ในความรู้ที่ท่าน อ้างเอามาสวด ไม่ใช่......อิอิ
แต่ก็ดี .....

 

เอามาเปรียบกันเลย พระแท้ของท่าน กับ พระเก๊ของผมที่ท่านว่า อิอิอิ ดูแล้วไม่น่าจะรอด อิอิอิ....

 

ก้อสมเด็จที่โพสต์อยู่ในกระทู้ สมเด็จฉายา "ผ้าขาวม้าแดง" งัยละท่าน ดูไม่เป็นหรืองัย นั่นแหละของแท้ ๆ ละ สงสัยเล่นสมเด็จเสร็จทุกรายกระมังครับ

 

เล่นสมเด็จเสร็จทุกราย จริงๆ
เอาเถอะครับ ถ้าพระแบบในรูป ผมก็จะเก็บไว้ เพราะมวลสารดีครับ เอาไว้ศึกษาได้ เนื้อหาใกล้เคียงพระสมเด็จแท้ครับ

 

สงสัยท่านจะงง ผมยังงงหนักว่าอีก คำว่า พิมพ์ใช่เนื้อไม่ใช่ ที่เขาเล่นกันเนี่ย มองกี่ทีกี่ที มันก้อไม่ใช่พระขรัวโต แต่ตีเข้าหาขรัวโต อ้างว่ามีผงเหล็กไหลอยู่ พอไปตรวจอายุแล้วน่าจะไม่ผ่าน คราวนี้แหละตอนมานั่งหาเกจิล่ะคุณ คิดเอาเองก้อแล้วกัน ว่าจะเล่นสมเด็จแบบไหน มึนดีเหมือนกัน เขาถึงว่า เล่นสมเด็จเสร็จทุกราย

 

เพิ่มเติมอีกนิดหนึ่ง คุณลองหาพระที่ผมแนะนำ ไปเทียบกับตำรา ตรียัมปวาย ดู แล้วจะรู้เองแหละ 555

 

พิมพ์ใช่ เนื้อไม่ใช่ ก็อาจจะตีความได้ว่า มีการผสมสูตรอย่างอื่นเพิ่มเติม มีปรากฎในหลักฐานว่า พระผงสมเด็จโตผสมสูตรเพิ่มเติมแล้วเนื้อออกมาสีเหลืองสวยงาม ซึ่งก็ต้องมาดูว่า ส่วนผสมหลักมีไหม ถ้าส่วนผสมหลักมี ก็ต้องสันนิษฐานก่อนว่า พระแท้ ไม่ได้ทำส่งเดช อย่างน้อยก็น่าจะเกิดจาก การทำพิธี แต่สมเด็จโตจะเป็นผู้ปลุกเสกหรือไม่ก็ไม่เป็นไรครับ ผมห้อยพระเพราะ อยากหาพระสวยๆ มาเป็นพุทธานุสติประจำตัว ได้พระสวยๆมาก็เป็นพระประจำตัวเรา เราก็ปลุกเสกเองซะเลย