"เบี้ยแก้" อิทธิคุณและการใช้อย่างถูกต้อง

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย พระศุภกิจ ปภัสสโร, 12 มกราคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    ข้ออธิบายต่อไปนี้ คัดลอกจากต้นฉบับเดิมของวัดกลางบางแก้ว เพื่อให้ท่านที่มีเบี้ยแก้ได้ทราบถึงอิทธิคุณและการใช้อย่างถูกต้อง อันจะบังเกิดผลดีแก่ผู้ใช้

    [​IMG]


    เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอุปเท่ห์การใช้มากมายหลายอย่าง ทั้งกันและแก้สิ่งชั่วร้ายเสนียดจัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี บาเบื่อ ยาเมา ทั้งหลาย คณาจารย์ยุคเก่าที่สร้างเครื่องรางประเภทเบี้ยแก้
    เอาไว้มีด้วยกันหลายรูป แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เห็นจะมีอยู่เพียง ๒ รูปคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และหลวงปู่รอด วัดนายโรง

    นอกนั้นก็มีชื่อเสียงอยู่เฉพาะพื้นที่ เช่น หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ จ.อ่างทอง , หลวงพ่อม่วง, หลวงพ่อทัต, หลวงพ่อพลอย วัดคฤหบดี บางยี่ขัน, หลวงพ่อแขก วัดบางบำหรุ, หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ, หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน จ.อ่างทอง และมีอาจารย์อื่นอีกที่สร้างได้แต่ไม่แพร่หลาย

    วิธีการสร้างเบี้ยแก้[​IMG]

    เมื่อหาตัวเบี้ยมาได้แล้ว (เบี้ยพวกนี้ไม่ค่อยพบในบ้านเรา สมัยก่อนต้องหาซื้อตามร้านเครื่องยาจีน เข้าใจว่าเบี้ยที่นำมาใช้นี้จะถูกนำเข้ามาพร้อมกับสินค้าจากประเทศจีนในอดีต.....) คณาจารย์ผู้สร้างก็บรรจุปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ย แล้วหาวิธีอุดมิให้ปรอทไหลออกมาได้ (ปรอทที่ใช้นี้เป็นปรอท หรือปรอทดินโบราณมีวิธีการจับปรอทโดยนำไข่เน่าไปทิ้งไว้ในน้ำครำไม่ช้าปรอทจะกินไข่เน่าจนเต็ม)ปรอทมีคุณสมบัติเป็นของเหลวลื่นไหลการจะนำปรอทมาบรรจุเบี้ยแก้ คณาจารย์ผู้สร้างจำต้องมีพระเวทเข้มขลัง เพราะต้องใช้พระเวทฆ่าปรอทหรือบังคับให้ปรอทรวมตัวกันอยู่ในเบี้ยบางราย ถึงกับบริกรรมพระเวทเรียกปรอทเข้าในตัวเบี้ยได้เอง การปิดปากเบี้ยเพื่อกันไม่ให้ปรอทไหลออกมาได้นั้นนิยมเอาชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกแล้วมาอุดใต้ท้องเบี้ยให้สนิทเรียบร้อย แล้วจึงหุ้มด้วยวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ผ้าแดง แผ่นตะกั่วแผ่นทองแดง วัสดุที่ใช้หุ้มหรือปิดนี้ก็ต้องลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสกกำกับด้วย เช่นเบี้ยแก้หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้วจะมีลวดทองแดงขดเป็นห่วง ๓ ห่วง เพื่อให้ใช้เชือกคล้องคาดเอวเบี้ยแก้ที่ผ่านการบรรจุปรอทจนกระทั่งถักหุ้มเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่ถือว่าเสร็จสิ้นขึ้นตอนกรรมวิธี เพราะคณาจารย์เจ้าผู้สร้างท่านต้องปลุกเสกกำกับอีกจนมั่นใจว่าใช้ได้จริงๆ แล้วเล่ากันว่า คณาจารย์บางรูปและสามารถปลุกเสกเบี้ยแก้จนตัวเบี้ยคลานได้เหมือนหอย

    [​IMG]

    - ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวททำให้
    มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวงอุบาทวเหตุ อุบาทวภัย
    ทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย
    ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล

    - ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า
    ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชัก
    รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลง
    ในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล

    - เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์
    เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย
    ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล

    - ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เก่าะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้า
    ก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล

    หนังสือเบี้ยแก้...อิทฤทธิ์วิทยาคมแก่กล้า แห่งการปกป้อง คุ้มครอง แก้ไข้สิ่งเลวร้าย
    [​IMG]

    เบี้ยแก้..และหมากทุยในเล่มนี้ได้รวบรวมภาพไว้มากมายซึ่งน้อยนักจะได้พบจากหนังสือเล่มใด ซึ่งเบี้ยแก้น้น เป็นอาถรรพณ์วัตถุที่ทำด้วยเบี้ยจั่น มีทั้งขนาดตัวใหญ่และเล็ก ภายในบรรจุด้วยปรอทแล้วปิดสนิทด้วยชันโรง เบี้ยแก้เป็นเครื่องรางของขลังประเภทหนี่ง ที่มีการค้นพบมาตั้งแต่สมัยอยุธยาหรืออาจจะลึกกว่านั้น
    [​IMG]
    เบี้ยแก้ซึ่งได้นับความนิยมเป็นที่ยอมรับ ทั้งอิทธิฤทธิ์ และคุณค่า ในการเสาะแสวงหา นั้นมีมากมาย แต่ที่นำมาเสนอในเล่มนี้ ล้วนเป็นเบี้ยแก้ของคณาจารย์ผู้ทรงคุณ สร้างเสกเบี้ยแก้ให้เรืองอานุภาพ เป็นที่ศรัทธาประจักษ์ต่อศักดาและพลานุภาพแห่งการปกป้อง แก้ไข สิ่งเลวร้าย มิให้กล่ำกลายฉมังนัก จนเป็นที่ใฝ่หาของผู้ศรัทธาสะสม

    เบี้ยแก้สูตร วัดกลางบางแก้ว (ของหลวงพ่อเจือ) ถ้าอยากได้ ต้องไปขอบูชาที่ กุฎิหลวงพ่อโดยตรง รับกับมือหลวงพ่อเพราะได้ข่าวว่า มีบุคคลภายนอก ทำการตีเบี้ยเอง ถักเชือกเอง ลงรักเอง ตอกโค๊ดเอง เหมือนของหลวงพ่อไม่ผิด โปรดระวัง

    [​IMG]

    หลวงปู่เจือ ท่านสืบสานกันมาตามตำราโดยตลอด นับจากหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วัสดุสำคัญที่ใช้ในการทำเบี้ยแก้ ก็คือ เบี้ยแก้ขนาดกำลังพอดี สำหรับการกรอกปรอทให้ครบน้ำหนัก หนึ่งบาท ชันโรงสำหรับอุดปากเบี้ย แผ่นตะกั่วสำหรับตีปิดหุ้มตัวเบี้ย แล้วก็ปรอทที่ใช้ในการกรอกใส่ตัวเบี้ยครับผม ในภาพคือขั้นตอนที่หลวงปู่ท่านกรอกปรอทพร้อมบริกรรมคาถา

    [​IMG]

    เมื่อตีตะกั่วหุ้มเบี้ยเรียบร้อยแล้ว ก็จะเอาเบี้ยทั้งหมดใส่ถาดมาให้หลวงปู่จารอักขระและเ สกอีกครั้งก่อนห่อเบี้ยด้วยผ้าและส่งให้คนถักด้ายและติดห่วงและ ลงรักเป็นขั้นตอนสุดท้ายครับผม ภาพหลวงปู่เจือขณะจารเบี้ย
    [​IMG]

    <DL class=postprofile id=profile31><DT>จาก: www.amuletclub.org/<WBR>viewtopic.php?f=12&t=11</DT></DL>
     
  2. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    ..

    มีคนโบราณเขียนถึงสรรพคุณของเบี้ยแก้ไว้ว่า...

    เบี้ยแก้ตัวนี้สำคัญนัก พ่อค้าแม่ขายจักหมั่นไหว้บูชา จะไต่เต้าเจ้าสัวแสนทะนาน ลาภเต็มห้อง ทองเต็มไห ขุนนางใดมีไว้ในตัว ดีนักแล จะให้คุณเป็นถึงท้าวเจ้าพระยา พานทอง........

    เบี้ยแก้ เป็นเครื่องราง...อย่างหนึ่งของไทยที่คุ้นหูในสมัยก่อน แต่สมัยนี้ ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันแล้ว เกจิอาจารย์ท่านสร้างจากการบรรจุปรอท ที่ปลุกเสกแล้ว เข้าไว้ในตัวเบี้ยจั่น แล้วหาวิธีอุดไว้ไม่ให้ ปรอทหนีออกมาข้างนอก

    เวลาเขย่าจะได้ยินเสียงปรอทกระฉอกไปมาเสียงดังขลุกๆ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เสียงหนักเบาขึ้นอยู่กับปริมาณมากน้อยของปรอทที่บรรจุ

    เสียงขลุกๆของปรอท ยังขึ้นอยู่กับฤดูกาล ถ้าเบี้ยแก้ตัวที่บรรจุปรอทมาก เขย่าในฤดูร้อน มักไม่ได้ยินเสียง แต่ถ้าเขย่าในฤดูหนาว เสียงจะดังฟังชัดเจน

    เบี้ยแก้บางตัว มีเสียงขลุกไพเราะ ขลุกหลายจังหวะ มีเสียงหนักเบาสลับกันไป เหมือนนักร้องมีลูกคอหลายชั้น หรือนกเขาเสียงคู่ เสียงเอกที่มีลูกเล่นหลายชั้น

    เบี้ยแก้ที่ขึ้นชื่อ มีหลายสำนัก หนังสือเปิดตำนานเครื่องรางของขลังเมืองสยาม คุณ สมชาย โตมั่น มีรายละเอียดว่า แต่ละสำนัก มีวิธีบรรจุปรอทและวิธีอุดต่างกัน

    เบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครชัยศรี เมื่อท่านบรรจุปรอทลงในเบี้ยจั่นแล้ว ก็เอาชันโรงใต้ดินที่ปลุกเสกแล้ว อุดยาบริเวณปากร่องใต้ท้องเบี้ย แล้วจึงหุ้มด้วยผ้าแดงลงอักขระเลขยันต์

    จากนั้นก็เอาด้ายถักหุ้ม ใช้ลวดทองแดงขดเป็นห่วงไว้คล้องคอหรือร้อยเชือกคาดเอว

    เบี้ยแก้สำนักที่ขึ้นชื่อไม่แพ้หลวงปู่บุญ คือเบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง อ.ตลิ่งชัน กทม. วิธีหุ้มเบี้ยด้านดอก อาจดูคล้ายกัน แต่ ด้านในแตกต่างกัน ของหลวงปู่รอดใช้แร่ตะกั่วหุ้ม แล้วลงอักขระลงบนพื้นตะกั่วรอบตัวเบี้ย

    คุณไชยรัตน์ โมไนยพงศ์ เป็นผู้หนึ่งที่สนใจศึกษาเบี้ยแก้ รวบรวมไว้ในหนังสือเครื่องรางของขลัง เท่าที่คุณไชยรัตน์สังเกต ยันต์ที่ลงมีทั้งยันต์ที่เป็นคาถาและยันต์ตาราง ยันต์ตารางมีทั้งสี่ช่องและเก้าช่อง

    เบี้ยแก้ตัวหนึ่ง คุณไชยรัตน์มั่นใจว่า เป็นของหลวงปู่บุญ เชือกที่ถักหุ้มผุกร่อนชำรุด จนหมดสภาพ เมื่อเปิดออกจึงเห็นยันต์ที่กำกับใต้ท้อง เป็นยันต์พุทธซ้อน และยันต์ท้อรันโต

    ยันต์ท้อรันโต ดีทางคงกระพัน ยันต์พุทธซ้อน ดีทุกด้าน หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อศุข วัดมะขามเฒ่า ใช้เป็นยันต์ครู

    นอกจาก 2 สำนักนี้แล้ว ยังมี เบี้ยแก้วัดคฤหบดี วัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามท่าเทเวศร์ คุณสมชาย โตมั่น ยังตามสืบสาวไม่ได้ชัดเจนว่าหลวงพ่อชื่อใดสร้าง

    แต่นัยว่า ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่รอด วัดนายโรง ตัวเบี้ยเล็กกว่า และเบากว่า 2 วัดรุ่นอาจารย์ เส้นด้ายที่ถักหุ้มตัวเบี้ย หยาบกว่า มีทั้งลงรัก ปิดทอง และลงยางมะพลับ

    ลักษณะการหุ้มตัวเบี้ย เป็น 2 แบบ แบบแรกถักหุ้มทั้งตัวเบี้ย แบบที่ 2 ถักเหลือเนื้อเป็นวงกลมไว้หลังเบี้ย

    เสียงขลุกของปรอท มีจังหวะและน้ำหนักต่างจากสำนักวัดกลางฯและวัดนายโรง

    วิชาทำเบี้ยแก้ไม่แพร่หลายนัก นอกจาก 3 สำนักนี้แล้ว ยังมีเบี้ยแก้อีก 3 สำนักที่อ่างทอง แต่เพราะเบี้ยแก้มีจำนวนน้อย ประวัติการสร้างจึงไม่ค่อยชัดเจน

    เบี้ยแก้วัดนางใส อยู่หลังตลาด อำเภอวิเศษชัยชาญ ประวัติเท่าที่พอสืบสาวได้ หลวงพ่อผู้สร้าง มรณภาพไปนานแล้ว เป็นพระอุปัชฌาย์หลวงพ่อโปร่ง เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ปัจจุบัน

    เบี้ยแก้วัดนางใสไม่ได้ถักด้ายหุ้ม อุดด้วยชันโรงใต้ดินแล้วก็ให้หุ้มเลี่ยมด้วยเงิน ทอง หรือนาก เหลือเนื้อเบี้ยเป็นวงกลมไว้ด้านหลัง

    เบี้ยแก้วัดโพธิ์ปล้ำ ต.ท่าช้าง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลวงพ่อผู้สร้างเป็นอาจารย์ หลวงพ่อโปร่งเช่นเดียวกัน

    เบี้ยแก้วัดท่าช้าง...ต.สี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลวงพ่อโปร่ง ปัญญาธโร เจ้าอาวาสปัจจุบันสร้างไว้ ลักษณะเบี้ยแก้เหมือนของ 2 อาจารย์ผู้ประสาทวิชาให้

    คุณสมชาย โตมั่น บรรยายทิ้งท้ายไว้ว่า

    เบี้ยแก้เป็นอิทธิวัตถุชั้นหนึ่ง เตือนใจให้สะดุ้งกลัวภัยที่มองไม่เห็น หากบุคคลใด

    มีไว้เป็นสมบัติ นำติดตัวโดยคาดไว้กับเอวหรือโดยประการอื่น ย่อมปกป้องภยันตรายได้ทั้งปวง

    เป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพันทุกประการ คุ้มกันเสนียดจัญไร คุณไสย ยาสั่งและการกระทำย่ำยี ทั้งหลายทั้งปวงได้ชะงัด...นักแล.

    "บาราย"
     
  3. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    จะมาคุยกันถึงเรื่องเครื่องรางของขลังกันต่อเครื่องรางที่จะพูดในวันนี้ก็คือเบี้ยแก้ เบี้ยแก้นั้นมีการสร้างมาแต่โบราณ สรรพคุณในการใช้นั้นก็ตรงกับชื่อคือใช้แก้กันได้สารพัด ใช้ป้องกันคุณไสยต่างๆ ป้องกันภูตผีปีศาจ ป้องกันไข้ป่า ป้องกันยาพิษยาสั่ง อยู่คงเขี้ยวงาทุกชนิด ป้องกันและแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ผลชะงัด

    เบี้ยแก้นั้นถ้าสร้างอย่างถูกวิธีนั้น กรรมวิธีการสร้างยากมาก เท่าที่รู้และนิยมกันมากก็ได้แก่สายของวัดกลางบางแก้ว เช่นของหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม ท่านอาจารย์ใบ และองค์ปัจจุบันก็คือ หลวงปู่เจือ สายวัดนายโรง ก็ของหลวงปู่รอด สายวัดนายโรงนี้ก็มี อาจารย์ทัต วัดคฤหบดี ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่รอดอีกองค์หนึ่ง สายทางอ่างทองก็มีหลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ และสายลูกศิษย์ของหลวงพ่อพักตร์ ได้แก่ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ และของวัดท่าช้าง เป็นต้น

    วันนี้เราจะมาว่ากันถึงสาย วัดกลางบางแก้ว เท่าที่สืบค้นได้นั้น หลวงปู่บุญท่านเรียนวิชาเบี้ยแก้มาจาก หลวงปู่ทอง วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่บุญท่านสร้างเบี้ยแก้ให้แก่ศิษย์โดยท่านผู้ที่จะมาขอทำเบี้ยแก้นั้นจะต้อง นำปรอทหนัก 1 บาท ชันโรงใต้ดิน หอยเบี้ย นับให้ได้ฟัน 32 ซี่ แผ่นตะกั่ว บางรายก็หาผ้าแดงมาด้วย แล้วจึงนำสิ่งของทั้งหมดใส่ถาดพร้อมดอกไม้ธูปเทียน มาถวายหลังจากที่หลวงปู่ท่านทำอุโบสถเช้าหรือเย็นเสร็จแล้ว

    หลวงปู่จะปลุกเสกปรอทแล้วจึงบรรจุปรอทลงในหอยเบี้ย แล้วนำชันโรงมาปิดปากเบี้ย จากนั้นท่านก็บริกรรมพระเวท แล้วจึงให้นำไปหุ้มตะกั่วกับพระในวัดจนเสร็จเรียบร้อยจึงนำกลับมาให้ท่านลงอักขระอีกทีหนึ่ง และปลุกเสกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงมอบเบี้ยให้เจ้าของนำไปถักเชือกเอาตามใจชอบ ส่วนมากก็ให้พระภายในวัดช่วยถักให้ บ้างก็ลงรัก บ้างก็ลงยางมะพลับ เพื่อให้เชือกที่ถักมีความคงทน

    หลังจากสิ้นหลวงปู่บุญแล้ว ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดต่อมาก็คือหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เพิ่มท่านก็ได้สร้างเบี้ยแก้ด้วยกรรมวิธีแบบเดียวกับหลวงปู่บุญ และมีความขลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ต่อมาเมื่อหลวงปู่เพิ่มท่านชราลงมามากแล้ว ท่านจึงครอบวิชาทำเบี้ยแก้ให้แก่ท่านอาจารย์ใบทำเบี้ยแก้ต่อจากท่าน

    จนปัจจุบันนี้ผู้ที่สืบทอดต่อมาก็คือหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วนั่นเองครับ หลวงปู่เจือท่านช่วยหลวงปู่เพิ่มสร้างเบี้ยแก้มาตลอด เมื่อเวลาหลวงปู่เพิ่มท่านบรรจุปรอทลงเบี้ยแล้วท่านก็จะบอกให้นำเบี้ยไปให้หลวงปู่เจือหุ้มตะกั่วแล้วจึงนำมาให้ท่านลงอักขระปลุกเสกต่อ การทำเบี้ยแก้ สายวัดกลางบางแก้วปัจจุบันก็คือหลวงปู่เจือนี่แหละครับ เบี้ยของท่านทำได้ขลังเหมือนกันครับ หาเบี้ยแก้ที่ไหนไม่แน่ใจก็จะบอกให้ ไปที่วัดกลางบางแก้ว ไปถามหากุฏิหลวงปู่เจือดู ท่านอยู่ที่กุฏิริมแม่น้ำ บอกให้นิดหนึ่งว่าถ้าไม่เจอหลวงปู่ก็ให้ไปที่มูลนิธิหลวงปู่เจือ เขามีของที่หลวงปู่ทำไว้ ทำบุญไม่กี่บาทก็ได้มาแล้วครับ อ้อไปแล้วก็อย่าลืมขอเม็ดยาจินดามณีมาด้วยเลยถ้าที่วัดเขายังพอมีเหลือเดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก

    ทั้งเบี้ยแก้และยาจินดามณีของหลวงปู่เจือนั้น ผมใช้อยู่เป็นประจำได้ผลมามากแล้ว ลูกชายผมตอนเด็กๆ นั้นเคยถูกตัวอะไรต่อยเอาก็ไม่ทราบเพราะไม่ยอมบอก พอตกกลางคืนประมาณห้าทุ่มกว่าๆ ถึงมาบอก ปรากฏว่าตัวร้อนมาก ที่มือบวมเป่งจนกำมือไม่ได้ และบริเวณมือร้อนมาก ผมก็รีบแต่งตัวเตรียมพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเบี้ยแก้ของหลวงปู่อยู่จึงนำเบี้ยมาอธิษฐาน ขอให้ท่านช่วยลูกชายด้วย แล้วจึงนำไปวางที่แผล ปรากฏว่า ผมเองยังไม่ทันแต่งตัวเสร็จเลย ลูกชายบอกว่าไม่ต้องไปหาหมอแล้ว ค่อยยังชั่วแล้ว ผมก็เอามือจับตัวและที่แผลดู ปรากฏว่าตัวไม่ร้อนแล้ว จึงนึกว่าหลวงปู่ช่วยแล้วคงไม่เป็นไร แต่ก็คอยดูอยู่ตลอดคืน เจ้าลูกชายผมนอนหลับสบายตลอดคืนนั้น พอรุ่งเช้า มาดูที่แผลกลับหายเป็นปลิดทิ้ง ที่บวมก็หาย ยุบลงเป็นปกติ หนังที่เคยบวมเป่งก็กลับเหยี่ยวลง ไม่เป็นอะไรเลย ส่วนยาจินดามณีนั้นผมใช้ช่วยตัวเองและคนอื่นมามากแล้วครับ

    ถ้าเชื่อผมและอยากได้เบี้ยแก้แท้ๆ ก็ลองไปที่วัดกลางบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมดู ถ้าไปวัดไม่ถูกก็ถามคนที่ตลาดได้ครับ เลยตลาดไปนิดเดียวครับ ได้เบี้ยแก้แถมยังได้ทำบุญด้วย ขากลับก็หาอะไรทานแถวๆ ตลาดมีร้านอาหารอร่อยๆ เยอะครับ วันนี้มีรูปเบี้ยแก้ของหลวงปู่เพิ่มมาฝากครับ


    ที่มา: คอลัมน์ ชมรมพระเครื่อง ด้วยความจริงใจ แทน ท่าพระจันทร์
    ที่มา: <!-- m -->
    http://matichon.co.th/khaosod/view_n...hNUzB4T0E9PQ==<!-- m -->
     
  4. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    ....

    วันนี้เรามาเริ่มต้นเรื่องเบี้ยแก้สายอ่างทองกันที่ หลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ ตำบลโพธิ์ม่วงพันธ์ อำเภอสาม โก้ จังหวัดอ่างทอง ในบรรดาเบี้ยแก้สายอ่างทองนั้น เบี้ยแก้ของหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ นับว่าหายากและมีสนนราคาสูงที่สุดของสายนี้ครับ เรามาคุยกันดูถึงประวัติของหลวงพ่อพักและเบี้ยแก้ของท่านกันนะครับ

    หลวงพ่อพัก จันทสุวัณโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2425 ที่บ้านท่ามะขาม ตำบลดอนปรู อำเภอวิเศษชัยชาญ (ปัจจุบันขึ้นกับอำเภอศรีประจันต์ สุพรรณบุรี) โยมบิดาชื่อถมยา โยมมารดาชื่อพุก ในตอนเด็กๆ บิดาของท่านได้นำท่านไปฝากเรียนหนังสือกับหลวงปู่เถื่อน วัดหลวง ตำบลยี่ล้น อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง จนอ่านออกเขียนได้ ต่อมาเมื่อหลวงพ่อพักอายุครบ 20 ปี ในปี พ.ศ.2445 ท่านจึงอุปสมบทที่วัดอ้อย อำเภอวิเศษชัยชาญ โดยมีหลวงปู่เถื่อนเป็นพระอุปัชฌาย์

    เมื่อท่านอุปสมบทแล้วท่านได้ติดตามท่านเจ้าคุณรัตนมุณี ซึ่งเป็นพระพี่ชายของท่านมาอยู่ที่วัดหงษ์ กทม. เพื่อศึกษาคันถธุระ และวิปัสสนากรรมฐาน อยุ่ที่สำนักพระอาจารย์อูฐ ศึกษาอยู่ 9 พรรษา หลวงพ่อพักท่านก็เชี่ยวชาญทั้งคันถธุระโดยเฉพาะทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน ต่อมาในปี พ.ศ. 2454 หลวงปู่เนตร เจ้าอาวาส วัดโบสถ์ได้มรณภาพลง ญาติโยมและชาวบ้านแถบบ้านอบทม และบ้านโคกจันทร์จึงได้มานิมนต์หลวงพ่อพักขอให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ และในปี พ.ศ. 2455 หลวงพ่อพักก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดโบสถ์

    หลวงพ่อพักท่านมีอาจารย์อยู่หลายท่าน ได้แก่ อาจารย์วาต ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของท่าน อยู่ที่บ้านท่ามะขาม อำเภอดอนปรู อดีตเคยเป็นขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่แถวชานเมืองอ่างทอง และสุพรรณบุรี และเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมสูง ล่องหนหายตัวได้ ต่อมาได้เลิกราในอาชีพทุจริตโดยสิ้นเชิง แล้วหันเข้าสู่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ต่อมาจึงถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้แก่หลวงพ่อพักจนหมดสิ้น โดยเฉพาะวิชาเบี้ยแก้ ตะกรุดโทน ผ้ายันต์แดง ฯลฯ อาจารย์ของหลวงพ่อพักอีกองค์หนึ่งคือหลวงปู่บุญ ผู้มีวิชาอาคมสูงจากแขวงเมืองพิจิตร ซึ่งได้ธุดงค์ล่องมาถึงแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ จนได้มาพบกับหลวงพ่อพัก และได้ถ่ายทอดวิชาปลุกเสกเขี้ยวเสือแกะ งาช้างแกะ และวิทยาคมต่างๆ ให้แก่หลวงพ่อพัก

    หลวงพ่อพักท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้ให้แก่ศิษย์หลายอย่างด้วยกัน ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย เช่น เหรียญรูปท่านที่มีทั้งเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง แต่เป็นเหรียญที่ค่อนข้างหายากและมีสนนราคาสูงครับ ส่วนเครื่องรางของขลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิงห์งาแกะ เมื่อนำติดตัวผ่านฝูงวัว ฝูงวัวเหล่านั้นถึงกับแตกตื่นวิ่งหนี และเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี ตะกรุดโทนนั้นก็มีคุณวิเศษ ถ้ารูดไปข้างหน้าจะเป็นมหาอุด รูดไปด้านซ้ายจะเป็นเมตตามหานิยม รูดไปด้านขวาเป็นมหาอำนาจ รูดไปด้านหลังศัตรูไม่สามารถตามทัน ตะโพนงาแกะของหลวงพ่อพัก ท่านสร้างไว้แจกพวกศิลปิน มีคุณวิเศษทางด้าน เมตตามหานิยม เมื่อนำติดตัวจะเป็นมหานิยมแก่ผู้พบเห็น

    ส่วนเบี้ยแก้ของหลวงพ่อพัก เป็นสุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง ที่มีพุทธคุณครบทุกด้าน โดยเฉพาะด้านป้องกันคุณไสย ยาสั่ง แก้เหตุร้าย ให้กลายเป็นดี แคล้วคลาดปลอดภัยและคงกระพันชาตรี เบี้ยแก้ของหลวงพ่อพักท่านจะเรียกปรอทเข้าตัวเบี้ยแล้วอุดด้วยชันโรงใต้ดินแล้วปิดทับด้วยตะกรุดที่ม้วนแล้วทุบให้แบน แปะทับบนชันโรง จากนั้นจึงถักเชือกทับอีกทีหนึ่ง การถักเชือกนั้นจะถักเปิดด้านบนของตัวเบี้ยให้เห็นลายหอยเบี้ย ลายถักส่วนมากมักถักเป็นลายกระสอบ วนเป็นเส้นรูปไข่ตามตัวเบี้ย การถักห่วงจะถักเป็นด้านหลังสองห่วง หรือด้านบนหูเดียวก็มี บางตัวนั้นอาจจะมีที่ทำเป็นตะกรุดร้อยเชือกคาดเอวก็มี มีทั้งจุ่มรัก และไม่จุ่มรักก็มี

    วันนี้ผมได้นำรูปเบี้ยแก้ของหลวงพ่อพัก วัด โบสถ์มาให้ชมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งเป็นของคุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ครับ ส่วนประวัติของหลวงพ่อพักนั้นมาจากหนังสือ พระสมเด็จวัดไชโย และพระเครื่องเมืองอ่างทองครับ

    ชมรมพระเครื่องแทน ท่าพระจันทร์ ที่มาจากหนังสือพิมพ์ :ข่าวสด

    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: .7pt; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="HEIGHT: 42.75pt; mso-yfti-irow: 0"><TD style="PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; BORDER-LEFT-COLOR: #ece9d8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-TOP-COLOR: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm; HEIGHT: 42.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #ece9d8" colSpan=2>
    [​IMG]

    <CENTER>บทสำภาษณ์...เรื่อง " เบี้ยแก้ " หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว

    </CENTER>
    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 19.5pt; mso-yfti-irow: 1"><TD style="PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; BORDER-LEFT-COLOR: #ece9d8; BACKGROUND: #dacebe; BORDER-BOTTOM-COLOR: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; WIDTH: 453.75pt; BORDER-TOP-COLOR: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm; HEIGHT: 19.5pt; BORDER-RIGHT-COLOR: #ece9d8" width=605><?XML:NAMESPACE PREFIX = V /><V:SHAPE id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 7.5pt; HEIGHT: 9.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><V:IMAGEDATA src="file:///C:DOCUME~1OwnerLOCALS~1Tempmsohtml11clip_image002.gif" o:href="http://www.marketathome.com/template/images/page.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>รายละเอียด<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; BORDER-LEFT-COLOR: #ece9d8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; WIDTH: 7.2pt; BORDER-TOP-COLOR: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm; HEIGHT: 19.5pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #ece9d8" width=10><O:p></O:p>
    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 15pt; mso-yfti-irow: 2; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; BORDER-LEFT-COLOR: #ece9d8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-TOP-COLOR: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm; HEIGHT: 15pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #ece9d8" vAlign=top colSpan=2>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2009
  5. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,793
    บทความดีได้รับประโยชน์จากการอ่าน
     
  6. Tackled

    Tackled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,523
    ค่าพลัง:
    +6,729
    เยี่ยมมากครับ สาธุ ขอบคุณที่นำมาให้อ่านกันครับ ผมต้องมีพกติดตัวเป็นประจำเหมือนกันครับ
     
  7. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    อนุโมทนาครับ มีเบี้ยแก้กะเค้าตัวเดียว ยังไม่ได้พกติดตัวเลยครับ สงสัยต้องเอามาพกเสียแล้วพุทธคุณครบเครื่อง สุดยอดๆครับ
     
  8. ผาแดง

    ผาแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,640
    ค่าพลัง:
    +10,719
    ขออนุญาตเข้ามาเพิ่มเติมข้อความให้สมบูรณ์ นะครับ




    เพราะเท่าที่อ่านนิตยสารแนวพระเครื่องหรือหนังสือรวมเล่มเครื่องรางหลายๆเล่ม เมื่อกล่าวถึงเบี้ยแก้ ก็จะอ้างกันจบแค่ท่อน พานทอง.. เท่านั้นเอง ผมขอร่วมบันทึกไว้เพื่อมิให้สูญหายไป ด้วยครับ





    <TABLE class=MsoNormalTable style="BACKGROUND: white; WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: white 1pt solid; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: white 1pt solid; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: white 1pt solid; WIDTH: 131.25pt; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: white 1pt solid; mso-border-top-alt: .25pt; mso-border-left-alt: .5pt; mso-border-bottom-alt: .25pt; mso-border-right-alt: .5pt; mso-border-color-alt: white; mso-border-style-alt: solid" vAlign=top width=175>ผาแดง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1506915", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค<O:p</O:p


    วันที่สมัคร: Apr 2006
    ข้อความ: 173
    พลังการให้คะแนน: 68 <O:p</O:p
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape id=_x0000_i1027 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="ผาแดง is just really nice" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image002.gif" o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1028 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="ผาแดง is just really nice" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image002.gif" o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1029 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="ผาแดง is just really nice" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image002.gif" o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1030 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="ผาแดง is just really nice" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image002.gif" o:href="http://palungjit.org/images/reputation/reputation_pos.gif"></v:imagedata></v:shape><O:p</O:p



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: white 1pt solid; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #f4f4f4; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #efebef; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #f4f4f4; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #f4f4f4; mso-border-right-alt: solid white .5pt" vAlign=top>สวัสดีครับพี่พี

    เห็นว่าช่วงนี้กระแสเรื่องเบี้ยของหลวงพ่อทรง ท่านมาแรง อันที่จริง แล้วทั้งพระและเครื่องราง ของหลวงพ่อทรงนั้นก็ตามที่พี่พีบอกคือหลังจากสวดมนต์ไหว้พระตามปกติแล้วก็บอกกับท่านไปตรงๆนี้แหละจะให้ท่านช่วยอะไรบ้างแต่คาถานี้ผมมาเพิ่มเติมให้นะครับ ผมได้มาเกือบยี่สิบปีแล้วเป็นคาถาที่อารธนาเบี้ยสายของอ่างทอง เนื้อความของคาถาจะเป็นภาษาไทยจะต่างจากเบี้ยสายนครปฐม ที่เป็นภาษาบาลี เพราะเป็นคาถาของฤาษีต่างที่ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยโอมเท่านั้น จริง ๆ แล้วการสร้างเครื่องรางในทุกวันนี้ล้วนเป็นวิชาของพระฤาษีทั้งนั้นเนื้อคาถาจะเป็นคำกล่าวถึงสรรพคุณของการบูชาเบี้ยนี้ติดตัวซึ่งบางท่านอาจทราบแล้วก็ได้ คาถามีดังนี้ครับ


    เบี้ยแก้ตัวนี้ สำคัญนัก พ่อค้าแม่ค้าจักหมั่นไหว้บูชา จะไต่เต้าเจ้าสัวแสนทะนาน ลาภเต็มห้อง ทองเต็มไห ขุนนางใดมีไว้ในตัวดีนักแลจักให้คุณเป็นถึงท้าวเจ้าพระยาพานทอง ทรัพย์สินสิ่งของกองเต็มวังอีกทั้งช้างม้าวัวควาย นับได้หลายเหลือ สิ่งอาถรรพ์ อาเภท อัปมงคลทุกข์ภัยพิบัติทั้งยาสั่งให้อันตรธานไปสิ้น ศัตรูปองร้ายให้พ่ายแพ้ภัยตัวขึ้นโรงขึ้นศาลให้ปลอดภัยทั้งคดีความ สิงห์สาราสัตว์สารพัดร้าย ปืนผาหน้าไม้ ผีป่าผีปอป ผีโป่ง ทั้งโขยง มิกล้ากล้ำกราย หากมีเหตุเภทภัยอันตรายใดๆจงบอกกล่าวเตือนว่าอย่าไปเลย


    เมื่อพิจารณาเนื้อคาถาจะเห็นได้ว่าเบี้ยจะเป็นเครื่องรางที่เมื่อบูชาแล้วครบเครื่องโบราณท่านถึงบอกว่ามีเบี้ยคาดเอวตัวเดียวลุยได้ทุกที่ ท่อนนี้ครับ (หากมีเหตุเภทภัยอันตรายใดๆจงบอกกล่าวเตือนว่าอย่าไปเลย) จะสอดคล้องกับที่หลายท่านบอกว่าเบี้ยหลวงพ่อสั่นเตือนภัยได้ <O:p</O:p
    __________________
    อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ แข็งแรง แต่ไม่แข็งกระด้าง <O:p</O:p

    <HR align=center width="100%" color=white noShade SIZE=1>




    Last edited by ผาแดง; 17-09-2008 at 12:50 PM. <O:p</O:p







    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  9. จรัสกุล

    จรัสกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,547
    ค่าพลัง:
    +2,127
    ครับ
    อนุโมทนาครับ
    ขอบคุณครับ
     
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259

    ข้อความนี้ ชัดเจนในตัวเองครับ
     
  11. สิทธิศักดิ์

    สิทธิศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +253
    อนุโมทนาครับ ตอนนี้ผมก็มีเบี้ยแก้ของหลวงปู่คำบุไม่ทราบว่าพุทธคุณจะเหมือนกันไหมครับ
    (หลวงปู่เป็นศิษย์น้องหลวงปู่สวน)เพราะไม่ใช่สายวัดกลางบางแก้ว แต่ถึงยังไงผมก็ยังห้อยติดตัวครับ
    เพราะศรัทธาหลวงปู่ครับ
    ขออนุโมทนาท่านผู้รู้ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...