เปรตคุณยายใจบุญ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย สรวงพิมาน, 20 กรกฎาคม 2017.

  1. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    เรื่องเล่าจาก หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

    ถ่ายทอดโดย...อาจารย์ปรีชา เรืองเดช




    อาจารย์ยอด
     
  2. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    ถ้าเราเจริญกรรมฐาน จะพบความสำเร็จของชีวิต เราชนะแล้วซึ่งจิตใจของเรา มีสติสัมปชัญญะ
    รู้จักระวังตัว รู้จักควบคุมตัวได้ รู้จักเชื่อฟังผู้มีพระคุณได้ เป็นอิสรเสรีในชีวิตได้ เราชนะใจตัวเองได้ จึงจะได้ผล

    จะเป็นคนขยันไม่จับจด รักงาน สู้งาน ไม่มีเดี๋ยว ประหยัด รู้จักใช้ชีวิต และทรัพย์สินอย่างถูกต้อง และคุ้มค่า

    flower_water_lily_lotus_water_pink_81293_1920x1080.jpg

    ...ผู้ที่ทำกรรมฐานได้ จะรู้จักพัฒนาตนเอง และอาชีพให้ดีขึ้น ไม่เป็นคนด้อยโอกาส จะเป็นคนมีทรัพย์ มีชื่อเสียง มีความรัก มีความสามัคคี กายสามัคคี จิตสามัคคี

    คนที่มีกรรมฐาน จะรักครอบครัว รักหลาน รักหมู่คณะ รักประเทศชาติ จะไม่แตกพรรค แตกพวกแต่ประการใด การเจริญกรรมฐาน จะเป็นบุญช่วยเราได้ตลอดไป

    แสงสว่างเกิดจากพระอาทิตย์ เดี๋ยวก็ดับแล้ว ต้องอาศัยไฟฟ้า และแสงจันทร์ข้างขึ้น แสงอะไรทั้งหมด สู้แสงปัญญาไม่ได้ พระพุทธเจ้า ท่านสอนให้มีปัญญาในตัว

    บุญช่วยเราได้อย่างไร กรรมฐานเป็นบุญ...บุญ คือความสุข กรรมฐานทำให้เกิดความสุข

    กุศลจากกรรมฐานเป็นบุญ ทำให้เราเกิดในตระกูลสูง ร่ำรวย ทั้งเงินทอง รวยคุณสมบัติ รวยชื่อเสียง ทำให้เรามีอายุยืน แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ช่วยให้เป็นคนฉลาดตั้งแต่เด็ก

    ช่วยให้เป็นคนดีตลอดต้นชนปลาย มีครอบครัวที่ไหน ดีทั้งลูก ทั้งหลาน ช่วยให้มีความสุขตลอดไป ไม่มีความทุกข์เจือปน ไม่มีความคิดที่จะเลวร้ายต่อไป

    กรรมฐาน ช่วยให้เราได้รับลาภต่างๆ เกิดเอกลาภต่างๆ อย่างน่าประหลาด บางที ไม่คิดเลยว่า จะได้ มันก็มาได้ มันก็มีคนมาให้

    กรรมฐาน ช่วยเราสำเร็จมรรค ผล นิพพาน สมปรารถนาทุกประการ...

    ..................................................................................................................................

    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=20436
     
  3. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    “จิตสุดท้ายก่อนตาย สำคัญก็จริง แต่...จิตหลังความตาย 20 นาทีแรก ก็มีความสำคัญ
    ในการเปลี่ยนภพ เปลี่ยนภูมิด้วย


    การศึกษาทางประสาทสรีรวิทยา โดยนักวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา
    พบว่า หนูที่ตายใหม่ๆ หัวใจหยุดทำงาน เลือดหยุดไปเลี้ยงสมอง แต่คลื่นสมองยังคงอยู่ในภาวะ “ตื่นตัวขั้นสูง” บ่งบอกถึง การมีสติสัมปชัญญะของคน เมื่อหัวใจหยุดเต้น

    ดังนั้น ทางการแพทย์ ระบุว่า “ตาย” แต่สมองยังทำงานอยู่ เป็น “การสร้างภาพ จากสังขารจิต 20 นาที” ว่าจะไปภพภูมิใด

    จึงควร เหนี่ยวนำ ไม่ให้นิมิตมาหลอกหลอน เป็นเวลา 20 นาที หลังหัวใจหยุดเต้น ด้วยถ้อย
    คำศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาสนา ที่จะปลุกจิตให้ตื่น หรือถอนออกมาจากนิมิตเหล่านั้นได้

    แปลว่า ต่อให้ก่อนสิ้นลม แม้ทั้งญาติ และผู้เสียชีวิต จะมีการเตรียมตัวเหนี่ยวนำจิตเป็นอย่างดี จนกระทั่ง ตายไปแล้ว หรือหัวใจหยุดทำงาน แต่สมอง ก็ยังคงเหนี่ยวนำ สิ่งที่ทำก่อนตายอยู่

    เช่น ถ้ากำลังสัชฌายะ สาธยายพระสูตร ฟังธรรม สั่งสมสุตตะ หรือภาวนาอานาปานสติ เมื่อหมดลมหายใจไปแล้ว จิตและสมอง ก็ยังหมกมุ่น อยู่กับการกระทำข้างต้น ส่งผลให้ดวงจิต เปลี่ยนภพภูมิไปสู่สุคติภพ สัมปรายภพ

    ในทางตรงกันข้าม สมมติว่า ก่อนจะสิ้นลม ผู้ตายมีการเตรียมตัวมาดีมาก แต่เมื่อตายไปแล้ว
    ญาติๆ พากันร้องไห้ระงม เสียงดังลั่น มีการพูดเรื่องที่ฟังแล้ว ชวนให้ไม่สบายใจ หรือ ลูกหลานทะเลาะแย่งสมบัติ ด้วยเสียงแซ่งแซ่ บรรยากาศเหล่านั้น จะเหนี่ยวนำ ให้สมองผู้ตาย ครุ่นคิดตรงนั้น และก็นำพาดวงจิต ไปสู่ภพภูมิที่ไม่ดี

    thumb-1920-690141.jpg

    ดังนั้น สิ่งที่ญาติควรทำ หลังความตาย 20 นาทีแรก...

    คือ สัชฌายะ สาธยายพระสูตร หรือ เปิดเสียงธรรมะ พร้อมกับ ใช้น้ำสะอาดที่มีความเย็น หยดลงบริเวณตาที่สาม (จักระ 6) ตรงหน้าผากหว่างคิ้ว เพื่อให้ความเย็นของน้ำ ส่งสัญญาณให้สมอง ที่ตรงกลางข้างใน ซึ่งยังทำงานอยู่ ได้ตื่นตัว ฟังเสียงสัชฌายะ สาธยายพระสูตร

    แต่ทั้งนี้ ตอนที่มีชีวิตอยู่ ก็ต้องทำความดี ละความชั่ว ขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใส อยู่เป็นประจำด้วย จะได้พร้อม สำหรับการเปลี่ยนภพภูมิได้ทุกที่ ทุกเวลา

    หากจิตมีความเศร้าหมอง ก็สั่งจิต ให้คลายความเศร้าหมอง ให้อภัย และปล่อยวาง คิดเสียว่าบางเรื่องในโลกมนุษย์นี้ แม้บางครั้ง กฎหมายเอาผิดไม่ได้ แต่ก็หนีกฏแห่งกรรมไม่พ้น
    ปล่อยให้เป็นหน้าที่กฏแห่งกรรม

    เรานั้นเฉยเสีย เอาเวลามาทำจิตให้ผ่องใส เข้าสู่ความว่างดีกว่า...

    ..................................................................................................................................

    http://www.dhammaonlinelibrary.com/deadmind.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...