เปิดตัวหลวงพ่อทุยพระอาจารย์ของสุรยุทฺโธ

เปิดตัว'หลวงพ่อทุย'พระอาจารย์ของ'สุรยุทฺโธ'

เปิดตัว "หลวงพ่อทุย" พระอาจารย์ของ "สุรยุทฺโธ"

​

ในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พระอาจารย์ท่านหนึ่งที่คนในตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะ นางพจนีย์ ณ ป้อมเพชร แม่ยาย พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาทำบุญและดูดวงนายกฯเป็นประจำคือ พระครูวิจิตรสุธาการ เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม หรือ วัดค้างคาว จังหวัดลพบุรี

ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ท่านนี้ ทำนายทายทักว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะรอดพ้นจากคดีซุกหุ้นแล้วในที่สุดก็รอดพ้นไปได้

ต่อมาชื่อและกิตติศัพท์ของพระอาจารย์ท่านนี้ก็เงียบไปหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณหลุดพ้นวงจรอำนาจ

ภายหลังการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ คนที่ 24 ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2549 พระอาจารย์ท่านหนึ่งเริ่มปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนคือ พระปรีดา ฉนฺทกโร หรือ "หลวงพ่อทุย" เจ้าอาวาสวัดป่าดานวิเวก อ.โซ่พิสัย จังหวัดหนองคาย

พระอาจารย์ท่านนี้ได้ชื่อว่าเป็นพระอาจารย์ของ พล.อ.สุรยุทธ์ โดยในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี พล.อ.สุรยทธ์ได้เดินทางมาบวชที่วัดแห่งนี้เป็นเวลา 3 เดือน โดยมีหลวงปู่ทองพูล สิริกาโม เจ้าอาวาสวัดป่าภูกระแต เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้ฉายาว่า "สุรยุทฺโธ" ลาสิกขาจากเพศบรรพชิต เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2547 และปวารณาตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทุย ต่อมาวันที่ 3 ธันวาคม 2548 มีพิธีมอบรถพยาบาลให้แก่โรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก จำนวน 5 คัน พล.อ.สุรยุทธ์ก็กระทำในนามคณะศิษยานุศิษย์ วัดป่าดานวิเวก

ล่าสุด วันที่ 29 กันยายน 2549 ภายหลังจากได้รับการคาดหมายว่าได้รับการเสนอชื่อจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ให้เป็นนายกฯ พล.อ.สุรยุทธ์ได้เดินทางไปกราบนมัสการ หลวงพ่อทุยประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งถูกคาดหมายว่ามาพบเพื่อขอคำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะก่อนจะเข้ารับตำแหน่งสำคัญทางการเมือง

กล่าวสำหรับหลวงพ่อทุย เป็นพระธรรมยุต สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศิษย์รุ่นน้องหลวงตามหาบัว เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี เช่นเดียวกับ หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม

หลวงพ่อทุย เป็นพระที่มีกิตติศัพท์ในเรื่องของความเคร่ง มีสบง จีวร เพียง 2 ชุดเพื่อสับเปลี่ยนกันเท่านั้น และจะใช้จนกว่าจะขาด เมื่อขาดแล้วก็จะนำสบงจีวรที่ขาดไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า โดยหลวงตามหาบัวเดินทางมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้หลายครั้ง

วัดแห่งนี้ผู้ที่จะบวชจะต้องมีการเตรียมตัวก่อน ต้องมานุ่งขาวห่มขาว ปฏิบัติตน และนอนที่วัด จนกว่าจะพร้อมจึงจะอุปสมบทให้ ไม่มีการยกเว้นให้ใคร แม้แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ ก่อนจะบวชต้องมานุ่งขาวห่มขาว ท่องหนังสือก่อนบวชถึง 15 วัน เมื่อบวชเป็นภิกษุ ต้องกวาดลานวัด ทำความสะอาดวัด ถือปฏิบัติ เหมือนพระรูปอื่น

กล่าวกันว่า นอกจาก พล.อ.สุรยุทธ์ยังมีบุคคลและญาติของบุคคลที่มีชื่อเสียงเดินทางมาบวช ณ วัดแห่งนี้อยู่เป็นประจำ อาทิ เครือญาติของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ลูกชายของผู้บริหารช่อง 5 ตลอดจนนายทหารระดับสูงอีกหลายคน

วัดป่าดานวิเวก ตั้งอยู่ที่บ้านแสงอรุณ หมู่ที่ 7 ตำบลศรีชมภู อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดหนองคาย ที่ดินวัดมีเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ อาณาเขต ทิศเหนือประมาณ 2 เส้น จดป่าสงวน ทิศใต้ประมาณ 2 เส้น จดป่าสงวน ทิศตะวันออก ประมาณ 7 เส้น 1 วา จดป่าสงวน ทิศตะวันตก ประมาณ 7 เส้น 1 วา จดป่าสงวน

ภายในมีอาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย กุฏิสงฆ์ จำนวน 10 หลังเป็นอาคารไม้ ศาลาอเนกประสงค์ สร้างด้วยไม้ เมื่อปี 2515 มีโรงครัวไฟ และเรือนปฏิบัติธรรมของฆราวาส ส่วนปูชนียวัตถุมีพระพุทธรูปปางนาคปรกทองเหลืองรมดำ หน้าตักกว้าง 32 นิ้ว สูง 45 นิ้ว บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างเมื่อปี 2522 พระพุทธรูปศิลาแลง ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย หน้าตักกว้าง 17 นิ้ว พระแก้วมรกตจำลอง หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว

ตามประวัติ ได้รับอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อวันที่ 16 เมษายน ปี 2530 กระทรวงศึกษาธิการประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2530 โดยมี นายหนูจีน ศรีบุญเรือง ผู้ใหญ่บ้านบ้านแสงอรุณเป็น ผู้ขออนุญาตสร้างและตั้งวัดในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งได้อนุญาตให้ใช้สร้างวัดจากกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ปัจจุบันทางวัดขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อปลูกสร้างสวนป่า จำนวน 439 ไร่ 2 งาน 78 ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2530 เขต วิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร

ผู้ที่เคยเดินทางเข้าไปในวัดแห่งนี้ให้ข้อมูลว่า ภายในวัดจะมีความร่มรื่นมาก อาคารเสนาสนะต่างๆ จะแทรกอยู่ตามต้นไม้ รอบบริเวณวัดและป่าสงวน จะมีการก่อสร้างกำแพงสูงและมีประตูเหล็ก เข้าออกเพียงด้านเดียว ซึ่งเหตุผลในการทำกำแพงสูงรอบพื้นที่ของวัดนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่า โดยเฉพาะหมูป่า ออกไปกินและทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน และเป็นการป้องกันไม่ให้สุนัขเข้ามากัดสัตว์ป่าภายในบริเวณวัด

วัดแห่งนี้ยังได้มีการตั้งข้อบัญญัติที่เคร่งครัดขึ้นมา คือห้ามตัดต้นไม้ในบริเวณวัด และในเขตป่าสงวนของวัดอย่างเด็ดขาด จะใช้ได้กรณีที่ต้นไม้นั้นล้มหรือตายเอง และที่วัดจะไม่ใช้ไฟฟ้าและจะไม่ให้มีการต่อไฟฟ้าเข้ามาอย่างเด็ดขาด

"หลวงพ่อทุยท่านจะรับเฉพาะพระสงฆ์เท่านั้น ฆราวาสท่านไม่สะดวกที่จะให้พัก เพราะท่านจะเน้นเอาใว้สำหรับให้พระได้ปฏิบัติธรรมภาวนา ช่วงเช้า ฆราวาสทำบุญตักบาตร ฟังธรรม ได้ทุกวัน หลังจากนั้น จะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์ที่จะต้องบำเพ็ญภาวนา"

ฆราวาสสามารถไปภาวนาได้ กุฏิของโยม (ผู้ชายจะอยู่บริเวณรอบนอก) ระเบียบก็คล้ายๆ วัดป่าทั่วไป คือฉันมื้อเดียว เน้นภาวนา และช่วยพระทำกิจวัตร (ปัดกวาด, จัดอาหาร, ช่วยที่โรงฉันน้ำร้อน) โดยเฉพาะการภาวนา ท่านมักจะเดินมาดูว่ามา "ภาวนา" จริง หรือมา "ภาวนอน" ถ้าเห็นว่าเอาแต่นอนก็จะถูกไล่เก็บกระเป๋าทันที

ข้อห้ามอย่างเด็ดขาดก็คือ ห้ามบุคคลใดก็ตามถ่ายรูปตัวท่านและภายในวัด เพราะท่านไม่เห็นประโยชน์ และท่านก็สั่งไปทางหน่วยงานราชการว่าไม่ต้องให้ยศให้ตำแหน่งแก่ท่าน และทางวัดก็จะไม่รับกฐิน เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย

จึงไม่ต้องใช้เงิน










ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02pol02091049&day=2006/10/09