เป็นไปได้ไหม ว่า นิพพาน ก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดแห่งการดับทุกข์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วรกันต์, 14 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. วรกันต์

    วรกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +257
    อย่างแรก ขอบอกไว้ก่อน ว่า ไม่ได้มีเจตนาหลบลู่การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นคำถามที่ผมติดอยู่ในใจมาตลอดเลย ว่า เป็นไปได้ไหมที่นิพพาน ก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการดับทุกข์

    ในสมัยที่ยังไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ มนุษย์อย่างเราๆ ก็เชื่อว่า การทำตบะ หรือ สมถกรรมฐาน เป็นที่่สุดแห่งการดับทุกข์

    และจุดสูงสุดของการดับทุกข์ในตอนนั้นคือ พรหมโลก ชั้นที่16 และ ก็ปฎิบัติกันเรื่อยมา ไม่มีใครแย้งว่ายังไม่ใช่ที่สุดแห่งการดับทุกข์

    (เพราะถ้ามีคนแย้ง แสดงว่า ท่านผู้นั้น ตรัสรู้ได้เอง คือ ปัจเจก หรือ ไม่ก็ สัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
    )

    ถ้ามีใครในสมัยนั้นบอกว่า พรหมโลก ไม่ใช่จุดสูงสุดของการดับทุกข์ แต่เป็นพระนิพพานต่างหาก ทุกคน ก็คงจะไม่เชื่อ และ หาว่าบ้า

    ตราบจนกระทั่ง มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาตรัสรู้เพื่อบอกเราว่า

    พรหมโลก ก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดแห่ง การดับทุกข์ นิพพานต่างหาก พวกเราจึงได้ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ถึงพระนิพพาน ทุกคนก็เห็นเป็นเช่นนั้น


    แต่จะเป็นไปได้ไหม พระนิพพานก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดแห่งการดับทุกข์ล่ะครับ เป็นเพียงอีกสภาวะหนึ่ง ที่เบาบางกว่าพรหมโลก และนานมากๆๆๆๆเป็นเวลาหลายอสงไขย แต่คนที่ไปนิพพาน ก็ยังต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง เพียงแต่ นานๆมากๆๆๆๆๆๆๆๆ กว่าจะกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง ดังเช่น ชั้น พรหมโลก

    จากข้อมูลที่ได้รู้มา

    1.หนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ บอกว่า ท่านไปนิพพานมา ท่านบอกว่า นิพพาน มีตัวตน มีบ้านเมือง และ ท่านไม่เชื่อ ว่า ท่านได้ไปนิพพาน ท่านจึงถามองค์ปฐม
    องค์ปฐม กล่าวให้หลวงพ่อ มองลงไปดูข้างล่าง และ
    ถามว่า :ที่ข้างล่าง คือ อะไร
    หลวงพ่อ : ข้างล่างท่านคือ พรหมโลกชั้นที่ 16 ซึ่งคือจุดสูงสุด
    องค์ปฐม : ถ้าเช่นนั้น ตรงที่ท่านอยู่ก็ไม่ใช่พรหมโลก นะสิ แล้วเหนือกว่า พรหมโลก16 ล่ะมีไหม
    หลวงพ่อ ท่านก็นิ่งและคิดสักพักว่า ถ้าเหนือกว่าพรหมโลก ชั้น 16 นั้นไม่มี ถ้าจะมีก็ต้องเป็นนิพพาน
    องค์ปฐม : ท่านก็บอกว่าใช่

    2.ว่าพรหมโลกแต่ละชั้นอายุขัย จากพระไตรปิฎกของแ่ต่ละชั้นก็ไม่เท่ากัน ยิ่งพรหมชั้นสูงเท่าไหร่ อายุของ พรหมก็จะยิ่งนานเท่านั้น
    และพระนิพพาน เหนื่อกว่า ชั้นพรหมโลก ที่16

    มื่อนำความรู้ 1+2 จะเป็นไปได้ไหมว่า นิพพาน ก็คือ ภาวะหนึ่งที่คนในนั้นมีอายุไข ยาวนาน มากกว่าพรหมโลก มากกก.................กกกกกกก แต่ก็ยังไม่ใช่ที่สุด เพราะเมื่อหมดอายุไข จากนิพพาน ก็ต้องลงมาเกิดใหม่อีก

    เพียงแต่ไม่มีใครสามารถมาบอกได้ ว่า นิพพานยังไม่ใช่จุดที่สิ้นสุด เพราะ ทุกคนต่างก็คิดว่านิพพาน คือ จุดสูงสุด ไม่เคยมีใครไปไกลกว่านิพพาน

    เหมือนดังตอน ที่สมัยก่อนพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ทุกคน ก็คิดว่า พรหมโลก คือ ที่สุด ทุกคนเห็นตรงกันว่า คือ ที่สุด เพราะไม่มีใคร เคยไปสูงกว่านั้น หากมีใครไปสูงกว่านั้น ก็ คงจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ค้นพบคนแรก เช่น เดียว กับสภาวะนิพพาน

    ซึ่งก็คงไม่มีคนเชื่อ เพราะว่า เราถูกบอกมาให้รู้ว่า นิิพพานคือจุดสูงสุด

    จะเป็นไปได้ไหม ที่จะต้อง รอ ให้มีพระบรมสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ขึ้น เพื่อบอกพวกเราว่า พระนิพพาน ที่เราเชื่อมานั้น ก็ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของการดับทุกข์


    ซึ่งการเกิดของพระบรมสัมมาสัมพุทธเจ้า อาจจะต้องรอให้มี พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังเกิดขึ้น มีจำนวน 1อสงไขย จึงจะบังเกิดมเด็จพระบรมสัมมาสัมพุทธเจ้า 1 พระองค์

    ขอย้ำว่า ไม่ได้ปรามาส หรือ หลบหลู่พระรัตนตรัย เพียงแต่เป็นคำถามที่สงสัยมากนานมากๆๆๆๆ และยังไม่มีคำตอบ


    เพราะผมเชื่อว่าธรรมชาติย่อมมีสมดุลในทุกสิ่ง

    การที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ หนึ่ง พระองค์ นำสรรพสัตว์สู่นิพพาน หลายร้อยล้านคน
    ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับสัตว์ที่เหลืออยู่ แต่ลองจินตนาการ คิดดูว่า หากมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้มากขึ้นเรื่อยๆ อันนี้พูดในกันแบบ นานนานหลายแสนล้านอสงไขยนะครับ

    พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ย่อมนำสรรพสัตว์ไปสู่พระนิพพาน
    ซึ่งจะเหลือสรรพสัตว์ฝั่ง โลก น้อยลงเรื่อยๆๆๆๆ (โลกในที่นี้ หมายรวมทั้งหมด นะครับ ตั้งแต่ นรก มนุษย์ สวรรค์และ ก็พรหมโลก)
    และก็จะไปฝั่งนิพพานมากขึ้น เรื่อยๆ

    ซึ่งผมไม่เชื่อว่า มันจะเป็นสภาวะสมดุล น่ะครับ
    แล้วสัตว์ที่เหลืออยู่มันควรจะลดลงถูกไหมครับ สุดท้ายก็จะเทไปฝั่งนิพพานมากขึ้น เรื่อยๆ (แม้ว่า ฝั่งนิพพานจะมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับโลก แต่ เหมือนตักน้ำ ใส่ตุ่ม แม้จะตัก เพียงทีละหยด ที่ละนิด แต่ มันก็ย่อมมีสักวันที่ตุ่มจะเต็มน้ำจริงไหมครับ)


    ก็เลยเป็นคำถามที่ค้างคาใจว่า จะเป็นไปได้ไหมที่พระนิพพาน ก็เป็นเพียงแค่สภาวหนึ่งๆ เท่านั้น ที่อาจจะต้องกลับมา เวียนในวัฎฎสงสารอีก เพียงแต่ นานมาๆๆ หลายร้อยอสงไขยจึงจะกลับมาเกิดอีกที
    ใครมีความเห็นอย่างไรลองโพสมานะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2009
  2. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    อืม คำถามที่ดีครับ อยากรู้เหมือนกัน
     
  3. เทพบุตร

    เทพบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +114
    เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะพระอรหันต์เป็นผู้มีสติอยู่ตลอดเวลาครับ อวิชชา แปลว่า ไม่รู้ ดังนั้น วิชชา ก็ต้องแปลว่ารู้ นี้คือหลักเบื้องต้น เมื่อนำ "มหาสติปัฏฐานสูตรแปล" มาอ่านก็ย้ำชัดเจนไว้ว่า "ทางนี้เป็นทางไปทางเดียว เพื่อความบริสุทธิ์หมดจดของสัตว์ทั้งหลาย
    คือ สติปัฏฐาน4" ขอให้ท่านใช้ข้อมูลในหลายด้าน ไม่ใช่ยึดข้อมูลเพียงด้านเดียว หรือ
    บุคคลเพียงท่านเดียว ก็จะเป็นการสรุปความอย่างตื้นไป หากทำให้ผู้ไม่มีความรู้คล้อยตามไปด้วย จะกลายเป็นการปรามาส พระปัญญาการตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ดีอย่างหนึ่ง คือเป็นผู้ที่กล้าที่จะเห็นต่างไปครับ ข้อมูลคุณยังแคบมากไปครับ (มหาสติปฐานสูตรแปล หาอ่านได้ในเน็ทครับ มีข้อมูลละเอียดชัดเจนดีครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2009
  4. เทพบุตร

    เทพบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +114
    เพิ่มเติมปัญหาโลกแตกของคุณนะ ผมขอถามคุณนะว่า ก่อนที่สมเด็จองค์ปฐมจะอุบัติขึ้น
    บนโลกนี้ คุณว่าการเกิดของสิ่งมีชีวิตนี้ คงที่หรือบังเกิดขึ้นต่อเนื่อง แล้วทำไมคุณถึงคิดว่า ผู้ที่เข้านิพพานแล้ว สิ่งมีชีวิตจะต้องลดลงไปด้วย คุณว่าในนรกตอนนี้มีประชากรเท่าไหร่ แล้วบนสววรค์ล่ะ มีประชากรเท่าไหร่? แล้วที่คุณเห็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกนี้ คุณว่าน้อยลงหรือคงที่ คุณสามารถนับเม็ดฝนที่ตกลงมาคราวหนึ่งไหม ว่ามีเท่าไหร่? ผมพยายามจะบอกว่า คุณไม่มีความจำเป็นจะต้องรู้ทุกเรื่อง แต่คุณเลือกที่จะเชื่อใครบางคน
    ที่เขารู้จริง ตราบใดที่คุณยังนับเม็ดฝนทุกเม็ดที่ตกลงมีคราวหนึ่งไม่ได้ อย่างพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า "ทรงพูดเช่นไร ก็ทรงกระทำเช่นนั้น" หากไม่เชื่อท่าน ก็หมายความว่า พระพุทธองค์ทรงกล่าวคำเท็จ เมื่อสมเด็จพ่อ ทรงกล่าวคำเท็จ
    คำของพุทธบุตรอย่าง หลวงพ่อฤษีลิงดำ ก็ไม่อาจจะเชื่อถือได้เหมือนกัน ก็เกี่ยวกันไปเป็นลูกโซ่แบบนี้ บางอย่างพระพุทธองค์ทรงสอนว่าไม่ให้คิด(อจินไตย) เพราะเหลือวิสัยมนุษย์ เหมือนตาบอดคลำช้าง จับหางก็ว่าไม้กวาด จับขาก็ว่าเป็นท่อนซุง ผมว่าคุณ
    ควรจะเลือกก่อนว่า คุณชอบใจธรรมของใคร จะเป็นพุทธ ฮินดู อิสลาม คริสต์ ก็ไม่มีใครว่า เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เมื่อเลือกแล้ว ก็จงเชื่อในตัวของผู้นำเถิด แล้วไปตามทางที่ท่านชี้แนะ ผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับมัน เพราะคุณเป็นผู้เลือกเอง คุณตั้งคำถามอย่างนี้เหมือน"กบฎตัวเอง" เหมือน "เกลือเป็นหนอน" ขอโปรดพิจารณาดู
     
  5. mr.surin

    mr.surin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +129
    <CENTER></CENTER><CENTER><CENTER></CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>



    <CENTER></CENTER>
    [​IMG]



    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม



    " นิพพานไม่ได้สูญ ไม่ได้อยู่ตามที่โลกคาดคะเนหรือเดากัน ทำจริงจะได้เห็นของจริง รู้จริง และจะเห็นนิพพานเอง เห็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เห็นครูบาอาจารย์ที่ท่านบริสุทธิ์เอง และหายสงสัยโดยประการทั้งปวง "

    **************************************



    [​IMG]

    หลวงปู่ขาว อนาลโย



    " อย่าไปยึดถือมัน ก็จิตนั่นแหละมันถือว่าตัวกู อยู่เดี๋ยวนี้ก็ดี เราถือว่าเราเป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิง ก็แม่นจิตนั้นแหละ เป็นผู้ว่า มันไม่มีตนมีตัวดอก แล้วพระพุทธเจ้าว่าให้วางเสียให้ดับวิญญาณเสีย ครั้นดับวิญญาณแล้ว ไม่ไปก่อภพก่อชาติอีก ก็นั่นแหละพระนิพพาน "

    *************************************





    [​IMG]

    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม


    " พระนิพพานมีอยู่ไม่เสื่อมสูญ พระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานก็มีอยู่ในพระนิพพานนั้นแล ถ้าเราเป็นพระอรหันต์ พระโสดาบันเมื่อไร เมื่อนั้นแหลจึงจะเห็นจะรู้ที่อยู่พระพุทธเจ้า ที่อยู่ของพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย "

    **************************************


    [​IMG]


    หลวงปู่บุดดา ถาวโร


    " นิพพานไม่สูญ เป็นแต่อาสวะกิเลสสูญ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม วิบาก มันสูญ แต่ สังขตธรรม อสังขตธรรม วิราคะธรรม มันไม่ได้หมดไปด้วย "

    **************************************



    [​IMG]

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล


    " นิพพานเป็นของว่าง ไม่มีตัวมีตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง "

    **************************************


    [​IMG]


    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร



    " จิตวิญญาณมันไม่ใช่ของแตกของทำลาย แลไม่ใช่ของสูญหาย พระพุทธเจ้าสอนให้จิตมันเที่ยง เหมือนพระนิพพานเป็นของเที่ยง ไม่แปรผัน ยักย้าย สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ "

    *************************************


    [​IMG]

    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต


    " สูญในพระนิพพานมีขอบเขต สูญจากกิเลสเท่านั้น รสของพระนิพพานมีอยู่ พระนิพพาน ไม่เกิดไม่ดับไปไหน เป็นอนัตตาธรรม เราจะเอาพระนิพพานมาเป็นอนัตตา เหมือนขันธ์ ๕ และกิเลสทั้งหลายมันก็ไม่ถูก เรียกว่าแยกอนัตตาธรรมไม่ถูก "

    *************************************



    [​IMG]

    หลวงปู่ลี ธมมฺโร วัดอโศการาม


    " โลกนิพพาน ไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย กายเป็นของสูญ จิตเป็นของไม่สูญ ไม่ตาย จิตที่ดับจากกาย ย่อมหายไป เหมือนกับไฟที่ดับจากเทียน "

     
  6. เวลา

    เวลา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    เมื่อดวงตะวันขึ้นทางทิศตะวันออกแล้วตกทางทิศตะวันตกมาหลายปีแล้ว ก็สงสัยเหมือนกันว่าวันไหนดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วตกทางทิศตะวันออก
     
  7. MayaJit

    MayaJit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +56
    เรื่องนิพพานผมไม่มีความเห็นด้วยกับเจ้้าของกระทู้น่ะครับ แต่ผมเคยสงสัยเรื่องสวรรค์ ว่าบนสวรรค์เขาแต่งตัวใส่ชฎากันทั้งหมดหรือครับ? เท่าี่ที่อ่านประสบการณ์มามาก มีแต่คนเล่าว่าเทวดาใส่เครื่องทรงมีชฎาสวยงามทั้งนั้น(แบบมโนมยิทธิก็ว่าอย่างนั้น) หน้าตาสวยหล่อ แ้ล้วถ้าเป็นฝรั่ง นิโกร จีน เกาหลี ตายไปขึ้นสวรรค์ จะแต่งตัวใส่ชฎาด้วยไหมน่ะครับ แล้วสวยหล่อบนสวรรค์ สำหรับไทย ฝรั่ง นิโกร จีน จะเหมือนกันไมอ่ะครับ แล้วถ้าไม่ คนต่างชาติไปสวรรค์จะเป็นสวรรค์เดียวกันไหมครับ? สงสัยจริงๆ ครับ เพราะคนที่ไปเที่ยวสวรรค์ไม่เคยมีใครเล่าว่าเห็นเทวดาฝรั่ง นิโกร ฯลฯ ใส่ส่าหรี กิโมโน ฯลฯ สักที สงสัยจริงๆ ครับ เรียนผู้รู้ชี้แจงให้หน่อยครับ...ยอมรับครับ ผมอาจจะสงสัยอะไรโง่ๆ แต่เรื่องสวรรค์เห็นว่าพูดกันมากเหลือเกิน และตามหลักกาลามสูตรแล้วก็ขอสงสัยเอาไว้ก่อนดีกว่า อีกอย่างครับ พวกวิมานบนสวรรค์ เท่าที่อ่านมาทั้งหมดก็จากประสบการณ์ของหลายคนซึ่งเป็นคนไทย จะเห็นเป็นศิลปะแบบของชาติเราทั้งนั้น เป็นไปได้ไหมว่าเวลาขึ้นสวรรค์จิตเราจะปรุงแต่งให้เกิดสวรรค์ตามศิลปะความชอบของแต่ละคนไป ถ้าเช่นนั้นสวรรค์ของคนในแต่ละชาติแต่ละภาษาที่ตายไปก็แตกต่างกันตามจริตของแต่ละคนสิครับ ....แล้วในช่วงเวลาที่มนุษย์ไม่มีอารยธรรม และศิลปะ (เช่นยุคน้ำแข็ง ที่คนยังคล้ายลิง) หน้าตาสวรรค์จะเ็ป็นรูปแบบไหน ใครเคยสงสัยเหมือนผมไหมครับ
     
  8. อรุณ แสนคำ

    อรุณ แสนคำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +44
    อืม....แต่ผมเชื่อในธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าครับ....จึงมิมีความเห็นในเรื่องที่ต่างไปจากธรรมของพระพุทธเจ้า....เพราะธรรมของท่านนั้นคือ เอ กะ ( เอก )
     
  9. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตั้งแต่องค์พระปฐมอันเป็นองค์แรกสุดก็อยู่ที่นิพพานนะครับ...ไม่มีท่านในไปไกลกว่าหรือต่ำกว่านิพพาน แต่ผมเองก็ฟังครูอาจารย์ท่านมีอีกครั้งนะครับ ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด โปรดพิจารณา
     
  10. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    อยากให้ท่านเจ้าของกระทู้สังเกตว่า สรรพสิ่งมักมีสภาวะเป็นคู่เสมอ
    -- มีสุข ก็มีทุกข์
    -- มีมืด ก็มีสว่าง
    -- มีธาตุหยิน ก็มีธาตุหยาง
    -- มีร้อน ก็มีเย็น

    ด้วยข้อสังเกตดังกล่าว พระโพธิสัตว์เจ้าท่านจึงตั้งความปรารถนา ขอบำเพ็ญบารมีเพื่อ
    ตรัสรู้ธรรม อีกฟากนึงของการเวียนว่ายตายเกิด นั่นคือการไม่เวียนว่ายตายเกิด

    เมื่อพระโพธิสัตว์เจ้าท่านมีบารมีเต็มแล้ว ท่านจึงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อมาเกิดชาติสุดท้าย เพื่อบรรลุพระโพธิญาณ เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐ คือการพ้นทุกข์ถาวร ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนั่นคือ พระนิพพาน
     
  11. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,282
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    ผมว่ายังไง เราเชื่อในคําสอนของพระพุทธเจ้าเป็นการดีที่สุดครับ
     
  12. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    ผมถามยังงี้ดีกว่า

    ตั้งแต่คุณเกิดมาพบเจอและเรียนรู้สิ่งต่างๆ คุณพบใครที่คุณคิดว่า เขาคนนั้นเก่งเกินกว่า "พระพุทธเจ้า" หรือยังครับในแง่หลักคำสอนรวมถึงเหตุและผล?

    ซึ่งคำตอบสำหรับผมคือ "ยังไม่เจอครับ" ดังนั้นผมว่าเราก็ควรจะเชื่อและลองปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนก่อนจะดีกว่ามั่ยครับ ลองปฏิบัติให้ถึงอรหันต์ดู (พูดเหมือนง่ายแฮะ) ผมว่าเมื่อถึงขั้นนั้นคำตอบก็น่าจะปรากฏมาเองแหละครับ

    อีกอย่างถ้าเรามัวแต่คิดแต่ไม่ลองปฏิบัติดู ผมว่าต่อให้คิดไปอีกล้านอสงไขยก็คงไม่พบคำตอบหรอกครับ เปรียบเทียบเหมือนกับ เรายังไม่หัดเดินแต่คิดจะไปดูขอบจักรวาลซะแล้ว ผมว่ามันเกินตัวไปนะครับ

    ความสงสัยบางอย่างเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา แต่ความสงสัยบางอย่างผมว่ามันก็เหนือวิสัยที่จะคิดนะครับ คิดไปก็ไม่ได้คำตอบ เอาง่ายๆ ท่านลองคิดไปเมื่อก่อนจะมีพระพุทธเจ้าดูนะครับ ถ้าท่านอยู่ในสมัยนั้นท่านจะสามารถคิดหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนได้หรือเปล่า?

    เพิ่มเติมครับ

    พราหมณ์ ---> ผ่านสวรรค์ ---> สูงสุดคือ พรหม (รูปพรหมและอรูปพรหม)

    พุทธ ---> ผ่านสวรรค์ --> ผ่านพรหม ---> สูงสุดคือ พระนิพพาน

    ผมว่าก่อนที่จะสงสัยเรื่องที่อยู่สูงกว่าพระนิพพาน ปฏิบัติให้ถึงพระนิพพานก่อนจะดีกว่ามั่ยครับ

    เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ฝากให้ลองพิจารณาดูเล่นๆ
    ;aa37
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2009
  13. ดอกไม้บูรพา

    ดอกไม้บูรพา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +6
    ตามความคิดเห็นของผมนะครับ (ด้วยความรู้เพียงน้อยนิด)
    การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งนี้นั้น การนิพพาน
    เป็นที่สุดของการดับทุกข์จริงแท้แนอนครับ จวบจนสิ้นสุด
    อายุของพระพุทธศาสนา 5,000 ปี และเมื่อมีพระพุทธเจ้า
    องค์ใหม่(พระศรีอาริย์) ตรัสรู้ และเป็นการเริ่มต้นศาสนาพุทธ
    ใหม่ สิ่งที่ท่านทรงตรัสรู้ก็คงไม่ต่างจากธรรมที่พระสัมมาสัม
    พุทธเจ้าทรงตรัสรู้อย่างแน่นอนครับ นั่นคือการเข้าถึงนิพพาน
    เพียงแต่ว่าเป็นการเริ่มต้นของโลกใหม่ หลังจากที่เกิดกลียุค
    เท่านั้นเองครับ
    ปล.ผิดพลาดประการใดชี้แจงด้วยครับ
     
  14. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ผมว่าเจ้าของกระทู้ข้าม คำถามจากความจริงไปไกลมากเลยครับ เหมือนเอาความรู้ระดับปริญญาเอก

    มาคุยเล่นสนุก ระหว่าง เด็กๆ ในชั้นอนุบาล ถ้าอยากจะรู้ว่าคำสอนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ท่านทรงตรัสไว้ จริงหรือไม่ ทำไมท่านไม่ลองพิสูจน์ ตัวอย่างที่ง่ายๆ ที่ท่านทิ้งไว้ให้เราลองทำตาม

    ดูละครับ อย่างเรื่องง่ายๆ การทำบุญ ทำทาน การรักษาศีล การทำสมาธิ แล้วลองค่อยๆ ไล่ปฏิบัติ

    ตามดูทีละอย่างนะครับ ดูว่าที่ท่านเคยตรัสสอนไว้ให้เรานั้น จริงหรือไม่ ทีละข้อ ทีละข้อ

    ถ้าทำได้ถูกต้อง สุดท้ายก็คงไม่พ้น ไปพิสูจน์ บนพระนิพพาน ด้วยตัวเองละครับ สาธุ ครับ

    อจิณไตย เป็นเรื่องเกินที่เราจะรู้ รู้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ซ้ำยังทำให้เรายึดติดกับคำถาม

    ที่เราหาคำตอบไม่เจอ ทำให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้พร้อมคำถามที่ยังหาวิธีแก้ไม่เจอ

    จะวนเวียนอยู่อย่างนี้อีกกี่ อสงไขย ดีครับ
     
  15. วรกันต์

    วรกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +257
    ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ

    อย่างที่คุณ nattadet กล่าวไว้ เปรียบละครับ คำถามระดับความรู้ปริญญาเอก ไม่ควรเอามาโพสตั้งไว้ ในกระทู้ เด็กอนุบาล ในห้องนี้

    ก็เพียงอยากจะลองถามดู ด้วยความหวังว่า อาจจะมีเด็กอนุบาลบางคนคิดคำตอบของปริญญาเอกได้ (ด้วยความหวังไว้ลึกๆ จริงๆ นะครับ)

    ก็อย่างที่หลายคนแนะนำ นั่นแหละครับ ว่า ลองปฎิบัติดูก่อนดีกว่าไหม

    ขอตอบนะครับก็เพราะปฎิบัติได้รู้และได้เห็นแล้ว หลังจากนั้นจึงสงสัย นั่นแหละครับ

    ไม่ได้นั่งเทียน และ คิดเองหรอก ยืนยันด้วยสัจจบารมีของข้าพเจ้า ว่า ผ่านมาแล้ว จริงๆ แต่ เป็นการผ่านแบบ ช่วงหนึ่ง ขณะเท่านั้น ไม่เหมือนสาวกภูมิ ที่ผ่านแล้วผ่านเลย ไม่ย้อนกลับ

    แต่ด้วยความรู้สึกหนึ่งขณะแห่งความเข้าใจนิพพานที่เกิดขึ้น ก็มากพอที่จะเข้าใจบางอย่าง

    นิพพานที่ผมเคยคิดเอง กับ ประสบการ์ณนั้นต่างกันครับ

    เลยมีคำถามนี้สงสัยขึ้น เพราะ ตัวผมอยากนิพพานในแบบที่ผมเคยคิดไว้มากกว่า
    ทุกวันนี้ก็ยังอยากนิพพานแบบที่ตัวเองเคยคิดไว้ก่อนหน้านี้ จริงๆๆ

    นิพพาน มีตัวตนไม่สูญ ตรงนี้ยืนยันได้จาก โพส MR.SURIN

    อย่างที่คุณ MR.SURIN ได้เอาความหมายนิพพานจากพระอรหันต์หลายท่านมาให้พวกเราอ่าน
    ถ้าลองอ่านโดยรวม หลายท่านจะกล่าวถึง นิพพาน ว่าไม่สูญ มีตัวตน เพียงแต่ นิพพานคือสูญจากกิเลสเท่านั้น

    นั่นแหละนิพพานจากประสบการ์ณ ของจริง (ซึ่งไม่ได้เหมือนกับที่ผมเคยคิด และอยากจะนิพพานไว้)

    อาจจะไม่เข้าใจ ว่าพูดอะไร
    ถ้าวันใดพวกท่านได้อริยมรรค บังเอิญขึ้น ก็มาบอกผมได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องชาตินี้ ก็ได้
    ผมยังต้องอยู่ใช้กรรมอีกนาน

    แต่อย่างทีุ่คุณ nattdat มันคนละหลักสูตรกันจริงๆ ไม่ควรนำมาถามเลย

    อย่างไร ก็จะรอเด็กอนุบาลที่ตอบคำถามปริญญาเอกให้ผมได้นะครับ

    ขอบคุณในความเห็นของทุกๆๆท่าน ตอบมาอีก ชอบอยากฟังครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2009
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    นิพพานเป็นภาษาปฏิบัติครับ......ไม่มีคำวิเคราะห์ใด.....เมื่อเรามาวิเคราะห์กันอยู่....ไม่มีทางที่จะจบความสงสัยนี้ไปได้...เชื่อสิ....ความสงสัยไม่มีจุดจบ....การแก้ความสงสัยไม่ใช่แก้ได้ด้วยการคิดวิเคราะห์ใดๆ....แต่ต้องศึกษาแล้วก็ปฏิบัติเอาเอง.....ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ.......

    นิพพานังปรมังสูญญัง นิพพานังปรมังสุขขัง....


    เมื่อเราพูดถึงความว่าง...ก็ไม่มีทางที่จะได้รู้จักความว่าง...


    ฉนั้น.....ป่วยการ....ครับ.....


    ;aa26;aa10;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2009
  17. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    อนุโมทนากับความคิดของท่าน เจ้าของกระทู้ครับ

    นิพพานตามคำของครูบาอาจารย์ เป็นเมืองแก้วใส ปราศจากกิเลส ปราศจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง

    และเป็นจุดที่ไม่มีเส้นของคำว่า กาลเวลา

    ปล. อันนี้ผมได้ฟังและได้อ่านมาจากพระอริยะ ที่ท่านเคยพูดไว้นะครับ ไม่ได้คิดเอาเอง

    เพราะฉะนั้นเรามาชวนคนเข้านิพพานกันเถิดครับ ในเมื่อเห็นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว
     
  18. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    นิพพานอยู่แล้ว โดย หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต

    พระธรรมเทศนาโดย

    [​IMG]

    ไม่เนื่องด้วยวิถี ไม่เนื่องด้วยวิธีการ ไม่เนื่องด้วยปฎิบัติการ นิพพานอยู่แล้ว

    หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต

    วัดร่มโพธิธรรม บ้านหลัก 160 กิ่งอำเภอหนองหิน จังหวัดเลย

    ขอแนะนำเพื่อเป็นธรรมทานในเรื่องพระนิพพานแก่ญาติธรรมทุกท่าน

    ไม่เนื่องด้วยอวิชชาและวิชชา นิพพานอยู่แล้ว
    ไม่หลงเบญจขันธ์ นิพพานอยู่
    ไม่เนื่องด้วยกาย ไม่เนื่องด้วยจิต ไม่เนื่องด้วยการปฏิบัติ นิพพานอยู่แล้ว
    นอกเหนือสติ สมาธิ ปัญญา ฌาณ ญาณ นิพพานอยู่แล้ว
    บนพื้นฐานแห่งความไม่ยึดติด
    บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ที่ไม่ใช่ตัวเอง
    บนพื้นฐานแห่งการไม่ยีดติด ปราศจากความหมาย ไร้ความเเตกต่าง
    นิพพานอยู่แล้ว1
    นิพพานอยู่แล้ว2
    นิพพานอยู่แล้ว3
    สรุปโลก สรุปธรรม 1
    สรุปโลก สรุปธรรม 2
    สรุปวิชชา สรุปอวิชชา 1
    สรุปวิชชา สรุปอวิชชา 2
    สรุปสังสารวัฎ 1
    สรุปสังสารวัฎ 2
    สรุปสังสารวัฎ 3
    สรุป 1
    สรุป 2
    สรุป 3
    สรุปบารมี
    นิพพานรองรับสังสารวัฏ
    ไม่ใช่ตรงที่คอยติดหรือคอยหลุด
    อย่ามัวแต่แสวงหาพระนิพพาน




    สุดท้าย ณ.โอกาศนี้ ขอน้อมองค์คุณบารมีแห่ง

    พระพุทธะอรหันต์ พระมหาพุทธะอรหันต์
    พระอรหันต์ พระมหาอรหันต์
    พระโพธิสัตว์ พระมหาโพธิสัตว์
    ขอให้ทุกท่านมีส่วนในบารมีโดยทั่วกัน โส...
    ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา
    ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามพุทธะประสงค์ ตรงต่อพระนิพพาน นิพพานอยู่แล้ว
    ในชาติปัจจุบันกาลนี้ด้วยเทอญ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2009
  19. ปุราณี

    ปุราณี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไตรลักษณ์และปฏิจจสมุปบาท ที่ปฏิเสธความเชื่อของผู้คนที่มีอุปาทานความเชื่อในพระพรหมได้ก่อน จึงเกิดปัญญาเห็นทางพ้นทุกข์ของชีวิต (อริยสัจจ์)
    พระองค์จึงทรงเปลี่ยนวิธีการดับทุกข์ด้วยการปฏิบัติฌานสมาบัติข่มละกิเลสตัณหาตามแบบของพราหมณ์หรือบำเพ็ญทุกรกิริยาทรมานตนเองตามแบบของลัทธิเชน ที่พระองค์ทดลองปฏิบัติมาแล้วทั้งสองอย่าง และตรัสว่าทั้งสองหนทางนี้เป็นทางสุดโต่งไม่เป็นหนทางของการบรรลุนิพพานตามที่พระองค์คาดหวังได้ เพราะเป็นการดับทุกข์ทางใจได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ปัญหาทุกข์ยังคงมีอยู่ ยังไม่ได้รับการแก้ไข (ที่เชื่อว่าตัณหาเป็นเหตุให้เกิดภพ,ชาติ) มาเป็นการสอนให้เปลี่ยนละความคิดที่เป็นอุปาทานในความเชื่อที่ไม่มีเหตุผลข้อมูลและพึ่งเทพเจ้า ให้มาเป็นความคิดที่ใช้เหตุผลและพึ่งตนเองแทน(ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดอุปาทาน อุปาทานเป็นเหตุให้เกิดภพ,ชาติ)
    แล้วจึงทรงสอนวิธีการดับทุกข์ที่ยั่งยืนให้ตรงกับเหตุด้วยปัญญาของตนเอง คืออริยสัจ 4 และทรงชี้หนทางสร้างสุขที่ถูกต้องที่พึ่งตนเอง คืออริยมรรคมีองค์ 8
     
  20. อภิภู

    อภิภู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +82
    นิพพานไม่สูญ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นภพๆหนึ่ง ที่สวยงาม มีกายที่ใสประดุจแก้วอะไรทำนองนี้นะครับ ถ้ามีแบบนั้นจริงพระพุทธเจ้าท่านต้องทรงกล่าวไว้แล้วครับ แต่ไม่เคยมีคำกล่าวเช่นนั้นเลย ขอให้เชื่อในพระพุทธเจ้าเถิดครับ ไม่มีสาวกองค์ไหนที่จะเหนือไปกว่าพระพุทธเจ้าได้หรอกครับ ดังนั้นคำใดที่พระพุทธเจ้าไม่เคยกล่าวไว้ ขอให้พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน บางทีความศรัทธาในครูบาอาจารย์อาจทำให้เรามองบางสิ่งบางอย่างบิดเบือนไปนะครับ เหมือนที่เขาบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด และ คำของครูบาอาจารย์ที่ Mr.surin นำมาโพสไว้ บอกเพียงแต่ว่า นิพพานไม่สูญ แต่ไม่ได้บอกว่านิพพาน มีตัวตน เป็นภพ เป็นภูมิ เป็นเมืองแก้ว ผมเองเคยหลงไปกับเรื่องนี้อยู่พักนึง
    ด้วยคิดว่านิพพานไม่สูญ ทำให้ผมคิดตีความไปต่างๆนาๆ ว่าเป็นอย่างโน้น ว่าเป็นอย่างนี้ แม้ตอนนี้ผมยังไม่บรรลุถึงพระนิพพาน แต่แน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่า นิพพาน ไม่ใช่เมืองแก้ว ภิภพใดทั้งสิ้น แล้วเมื่อบรรลุพระนิพพานแล้ว ก็ไม่ได้มี
    วิมานในพระนิพพานด้วย แต่ขอให้ศึกษาในพระไตรปิฎกเถิด ขอให้เชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกเถิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...