เพจ บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ, 19 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    ปลิโพธ คือการกังวลด้วยการห่วงใยต่างๆ ทั้ง
    หมด ในขณะที่เจริญสมาธิ จงอย่ามีกับเราเลย และเวลาที่ตั้งใจเจริญสมาธิ จงคิดว่าเวลานี้เราไม่มีอะไรทั้งหมด ทรัพย์สิน
    บุคคลภายนอกจากตัวเราที่เนื่องถึงเราไม่มีแล้ว แม้แต่ร่างกายของเรามันยังจะพัง เรายังไม่ห่วงนี่มันจะตายเสียเวลานี้ก็ช่างมัน ขึ้นชื่อว่าความตายเราห้ามไม่ได้ เกิดมาเพื่อตาย ถ้าพร้อมที่จะตายเวลานี้ ก็เชิญ อย่างเลวที่สุด ตายเวลานี้ไปสวรรค์ คือไปเป็นเทวดานี้ชั้นต่ำที่สุด อารมณ์อย่างกลางไปเป็นพรหม ตัวจิต
    ไม่นิยมโลกก็ไปนิพพานเลย ตัดสินใจตัวนี้ ให้ได้ ให้มันจริงๆ

    จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๕ หน้า ๔๘

    1506348906_886_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  2. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    กรรมฐานทรุดตัวลง (จิตตก) จะแก้อย่างไร

    ต่อไปนี้ก็จะพูดกรรมฐานยากๆ สักหน่อย เอาไหมกรรมฐานยาก วันนี้มีคนมาถามหลายคนว่า
    ๑. เวลานี้กำลังใจมันตก คำว่าตกก็หมายความว่าเจริญกรรมฐานทรุดตัวลงไม่เจริญขึ้น
    ๒. กำลังใจเศร้าหมองไอ้ตกหรือเศร้าหมองก็อันเดียวกัน เหมือนกันก็รวมความว่าอาการกำลังใจตกก็ดี เศร้าหมองก็ดี ถ้าพูดให้ฟังนี่มันไม่ยาก แต่ว่าถ้าใครไม่โดนเข้าจริงๆ ไม่รู้สึกว่ายาก โดนเข้าจริงๆ จะรู้สึกว่ายากมาก เพราะการแก้ตนเองนี่แก้ยาก

    ถ้าถามว่าทำไมถึงรู้อาตมานะโดนมาหลายวาระกว่าจะถึงวันนี้นะ
    โดนมาหลายแบบหลายวาระเลยเวลาโดนเข้าจริงๆ มันไม่รู้สึกมันแย่จริงๆ มันตีไม่ขึ้น เพราะกำลังใจเรามันทรุดไปเองถามว่าประคองตัวมาได้ยังไงก็อยู่เกณฑ์ที่ว่าแพ้มันบ้างชนะบ้าง แต่ว่าไม่ยอมแพ้เลย วันนี้แพ้วันหลังถ้าจิตใจดีหน่อยก็เอาชนะนิดหนึ่งก็เอา วันหนึ่งมีเวลา ๒๔ ชั่วโมงชนะแค่ ๒ นาทีก็เอา ใช่ไหม คือให้มีเวลาชนะ

    วิธีชนะทำอย่างไรมันก็ไม่ยาก แต่ว่ามันยากอยู่นะ มันยากอยู่ตรงปรับปรุงใจตนเองคือถ้าเวลาไหนกำลังใจดีขึ้นมาให้ใช้เวลานั้น
    อย่าใช้เวลาแน่นอน กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้าหายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออกถ้าอยากจะภาวนาด้วยก็ภาวนาตามชอบใจสัก๑ นาที ๒ นาที ๓ นาทีก็ตาม แค่ใจสบาย ถ้าจิต เริ่มฟุ้งซ่านเลิกเลย อย่าฝืน ถ้าฝืนแล้วจะเสียทำอย่างนี้บ่อยๆ กำลังใจจะค่อยดีวันละน้อยๆวันหนึ่งทำได้ประเดี๋ยวเดียวพอใจแล้วจงอย่าคิดว่าเมื่อก่อนๆ เราทำได้ตั้ง ๑๐ นาที ๒๐ นาที ๓๐ นาที ต่อวาระ เวลานี้เราได้นาทีสองนาทีไม่ไหว อันนี้ไม่ถูก ให้ถือว่าวันนี้เราไม่ยอมแพ้ทั้งวัน เวลา ๒๔ ชั่วโมง มันจะชนะ ๒๓ ชั่วโมงกับ ๕๐ นาที ก็เป็นเรื่องของมัน เราขอชนะ ๑๐ นาที แล้วก็ไม่ใช่ชนะครั้งเดียว ครั้งละ ๑ นาที ๒ นาทีก็ตามเราชนะให้ได้นิดหน่อย ต่อไปจิตก็จะมีอารมณ์ชินเพราะกรรมฐานนี่มีกิเลสมารเป็นของสำคัญที่เรากล่าวกันว่า ขันธมาร ความจริงขันธมารมีกำลังไม่มาก ไอ้ขันธมารนี่อาการป่วยไข้ไม่สบายนี่กำลังไม่มาก มันทรุดตัวประเดี๋ยวเดียวก็ทรงตัวได้

    แต่ กิเลสมาร มีความสำคัญมาก กิเลสคือความเศร้าหมองของจิต เป็นอารมณ์ร้ายที่เข้ามาครอบงำจิตช่วงนี้แหละหนัก ฉะนั้นจึงค่อยๆย่องตีมันทีน้อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโบราณณาจารย์ที่ท่านใช้กันก็มีผลนะคือว่าจะป่วยไข้ไม่สบายอย่างไรก็ตามจะมีอารมณ์กลุ่มแบบไหนก็ตามเพื่อต้องการให้กรรมฐานของเราไม่เสื่อม ถ้าเวลาจังหวะมันว่างนิดหนึ่งเราเริ่มภาวนาทันทีจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดินก็ได้ จะได้นาทีครึ่งนาทีก็พอใจ หรือว่าภาวนา พุท เข้า โธ ออกเพียงแค่ ๒-๓ ครั้งจิตเคลื่อนก็ใช้ได้อย่างนี้กรรมฐานเดิมที่ทรงไว้จะไม่เสื่อมต่อไปเมื่อกิเลสทรุดตัวกรรมฐานจะทรงตัวตามเดิม ต้องปฏิบัติตามนี้นะ

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1506354064_337_กรรมฐานทรุดตัวลง-จิตตก.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    เรื่องคำภาวนา นะมะพะธะ และ พุทโธ

    .. ” จะอธิบายก็คือคำภาวนา
    คำภาวนา นะมะพะธะ นั้น ใช้เมื่อได้อภิญญา
    และควรใช้เป็นปกติ อารมณ์จะได้แจ่มใส
    พุทโธ และอย่างอื่นเอาไว้เมื่อยามว่าง ถ้าต้อง
    การอารมณ์สงัดตามปกติ

    แต่พ่อเห็นว่า นะมะพะธะ นั่นแหละดีแล้ว
    เพราะลูกได้อภิญญา จิตจะได้ไม่มัว
    พุทโธ เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าที่คนเข้า
    ไม่ถึง คือเห็นไม่ได้ก็เรียกชื่อให้ช่วย
    แต่ นะมะพะทะ นี้เราเข้าถึงพระองค์และรับ
    โอวาทได้ ลูกว่าควรจะใช้อย่างไหน
    ถ้าเป็นพ่อๆ คงใช้ นะมะพะธะ จะได้ไม่ต้อง
    ตะโกนเรียกท่าน ไปหาท่านเลย

    ส่วนในคู่มือแนะนำให้ภาวนาพุทโธ ก็เพื่อคน
    ใหม่ที่ยังไม่ได้อะไร ให้เรียกท่านเพื่อช่วยกำลัง
    ตนเองไปพลางก่อน เมื่อมีโอกาสเข้าเฝ้าท่าน
    ได้ก็คงไม่จำเป็นต้องตะโกนเรียก
    จงอย่าคิดว่าพ่อว่าภาวนาพุทโธไม่ดีนะ ภาวนา
    พุทโธดี แต่เมื่อเราได้อภิญญาควรภาวนาตาม
    สายอภิญญา อภิญญาจะได้แจ่มใสเสมอ

    นะมะพะธะ ก็เป็นคำภาวนาที่พระพุทธเจ้าท่าน
    สอนมา เวลาจะภาวนาให้นึกถึงท่านอยู่แล้ว
    และมีกำลังไปหาท่าน
    คำว่าพุทโธเป็นคำภาวนากลางๆ ใช้เมื่อเริ่ม
    ปฏิบัติ ถ้าแยกเข้าอภิญญาหรือวิชาสาม หรือ
    ปฏิสัมภิทาญาณ ต้องภาวนาตามสายของตน
    แต่ไม่ถือว่าขาดพระรัตนตรัย เพราะใจเราเข้า
    ถึงเป็นปกติอยู่แล้ว ..”

    จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๓๔
    หน้า ๕๓ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1506525604_557_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “……วันเวลาผ่านไปชีวิตของเราก็ผ่านไปด้วย ชีวิตไม่ได้หยุดยั้งอยู่ ความตายคืบใกล้เข้ามาทุกขณะจิตเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ความตายก็เดินมาใกล้เราเท่านั้น ถ้าเรามัวเอาใจไปยุ่งกับใจของชาวบ้าน เราเองจะลงนรกเพราะไม่ได้สะสางความชั่วของจิต ไม่สั่งสมความดีของจิตให้เกิดขึ้น….”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1506530883_996_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…กรรมฐานที่ทิ้งไม่ได้จริงๆ คือ ลมหายใจเข้าออกทุกท่านที่ได้อะไรมาก็ตามจะทิ้งไม่ได้เป็นอันขาดถ้าทิ้ง ไม่ช้าจะเสื่อม พัง ลมหายใจเข้าออกที่เรียกว่า อานาปานุสสติ เป็นตัวสร้างฌานสมาบัติเป็นตัวที่ทำให้จิตสงบระงับจากความฟุ้งซ่าน ฉะนั้น เวลาที่นอนลงไป จับลมหายใจเข้าออก ปล่อยลมหายใจตามปกติ เอาจิตเข้าไปรับทราบ ถ้าใช้อานาปานุสสติเฉยๆ ถ้าคนนอนไม่หลับเดี๋ยวก็หลับ พอจิตจัดระดับเข้าขนิกสมาธิประเดี๋ยวก็ถึงฌานสมาบัติ…”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1506530584_447_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “..ทุกครั้งที่จะเจริญวิปัสสนา ท่านให้เข้าฌาน
    ตามกำลังสมาธิที่ได้เสียก่อน เข้าฌานให้ถึงที่
    สุดของสมาธิ ถ้าเป็นฌานที่ ๔ ได้ยิ่งดี

    ถ้าได้สมาธิไม่ถึงฌาน ๔ ก็ให้เข้าฌานจนเต็ม
    กำลังสมาธิที่ได้ เมื่ออยู่ในฌานจนจิตสงัดดี
    แล้ว ค่อยๆ คลายสมาธิมาหยุดอยู่ที่อุปจาร
    ฌาน แล้วพิจารณาวิปัสสนาญาณทีละขั้น

    อย่าละโมบโลภมาก ทำทีละขั้นๆ ตอนจน
    เกิดเป็นอารมณ์ประจำใจไม่หวั่นไหว เป็น
    เอกัคคตารมณ์ เป็นอารมณ์ที่ไม่กำเริบแล้ว
    จึงค่อยเลื่อนไปฌานต่อไปเป็นลำดับ

    ทุกฌานปฏิบัติอย่างเดียวกันทำอย่างนี้จะได้รั
    บผลแน่นอน ผลที่ได้ต้องมีการทดสอบจากอา
    รมณ์จริงเสมอ อย่านึกคิดเอาเองว่าได้ เมื่อยัง
    ไม่ผ่านการกระทบจริง ต้องผ่านการกระทบ
    จริงก่อน ไม่กำเริบแล้วเป็นอันใช้ได้…”

    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1506695043_175_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…ถ้ามีความทนงตนเมื่อไร ลูกก็เลวเมื่อนั้นจงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด ในเวลานั้นก็ชื่อว่าเรายังไม่มีความดี เราจะพยายามเก็บความชั่วทุกอย่างที่มันขังอยู่ในจิต ทำลายให้มันตายสนิทอย่าให้มันเกิดขึ้นมา เมื่อกิเลส คือความชั่วตายหมด ชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว จงทรงไว้แต่ความดีและก็จะว่างจากความทุกข์ จะทรงไว้แต่เพียงความสุขอย่างเดียว หวังว่าลูกรักของพ่อคงจำได้….”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1506694803_927_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…บุญใหญ่ภาวนา “ พุทโธ “

    ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ที่กำลังตั้งใจเจริญสมถกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐานหรือว่าตั้งใจเป็นบุญเป็นกุศล ถ้าคิดเสียว่ากรรมใหญ่คือกุศลใหญ่ ที่ยิ่งไปกว่านี้จะมีไม่ได้สำหรับเรา ก็ขอให้ท่านนึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยใช้ อานาปานุสสติกรรมฐาน กับ พุทธานุสสติกรรมฐานควบคุมเข้าไว้ ให้กำลังใจทรงอยู่ในกรรมฐานทั้ง ๒ ประการ เวลาหายใจเข้านึกว่า “พุท” เวลาหายใจออกนึกกว่า “โธ” อันนี้เป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน เพราะว่าเวลาที่เราจะตายจิตใจของเรามีความผ่องใสถ้านึกถึงคำภาวนาอย่างนี้ได้ก็ชื่อว่าใจผ่องใสย่อมเป็นปัจจัยให้เข้าถึงสวรรค์ได้โดยไม่ยาก…”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1506694564_668_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  9. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    อานิสงส์กฐินทาน…….

    ต่อไปนี้ จะพูดถึงอานิสงส์กฐิน เอาย่อๆนะ อานิสงส์ในการถวายกฐิน หรือว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถวายสังฆทาน สังฆทานวันนี้เป็นสังฆทานของกฐิน การถวายสังฆทานทุกอย่างมีผลควบกับกฐิน เพราะเป็นวันของกฐิน ความจริงการทอดกฐิน ไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ผ้ากฐินทาน จะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 หลังจากนั้น จะทอดขนาดไหนก็ตาม จะไม่เป็นกฐิน ฉะนั้น กฐินมีเวลากาลจำกัด

    ทีนี้ ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้น การถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่าง เป็นอานิสงส์กฐิน

    ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยพระองค์เกิดเป็น”มหาทุคคตะ” ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า “พระปทุมมุตระ” เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้น ถอยหลังจากนี้ไป 92 กัป ก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า”พระปทุมมุตระ”

    วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐินเขา เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี(แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

    “โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า 500 ชาติ”!!!!……

    นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า จุติแล้วก็เกิดทันที 500 ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ!!!!

    คำว่า”มหาเศรษฐี”นี่ มีเงินตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า “มหาเศรษฐี” ถ้ามีเงินต่ำกว่า 80 โกฏิ แต่ว่าตั้งแต่ 40 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า “อนุเศรษฐี”

    เมื่อเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี 500 ชาติ !!!

    ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้!!!…..นั่นก็หมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้!!!!

    ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท โปรดทราบถึงอานิสงส์ คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ!!!

    สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี 3 อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบัน จัดกฐินเป็น 3 อย่าง คือ (1) จุลกฐิน (2) ปกติกฐิน (3) มหากฐิน กฐิน 3 อย่าง ย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน

    คำว่า”จุลกฐิน” เวลานี้แปลงไป คงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้ คำว่า”จุลกฐิน” ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐิน จะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน!!!…….

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    .jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “….โลกทั้งโลก ทุกโลกไม่ว่าเป็นโลกไหนทั้งหมด เป็นของไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ในเมื่อโลกเป็นอนิจจัง เราเป็นสมบัติของโลกเราก็เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงไปด้วย ไม่มีการทรงตัว แก่ไปทุกวัน เสื่อมไปทุกวันในที่สุดก็อนัตตา ตาย…..”

    จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๘๐ หน้า ๘๕ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507044544_839_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…ฌานจริง ฌานหลอก

    “..คำว่าเป็นฌานให้สังเกตตามนี้ ถ้าฌาน
    เฉพาะเวลานั่งสมาธิน่ะ ไม่จริง ไม่ใช่ฌานจริง
    เขาเรียกว่า ฌานหลอก

    ถ้าฌานจริงๆ ต้องเป็นอย่างนี้ ถึงเวลานี้เราเคย
    บูชาพระ ถ้าเวลานั้นไม่ได้บูชาพระ เราไม่สบาย
    ใจ ต้องบูชาพระ ถ้าไม่มีพระจะบูชาก็นึกในใจ
    นึกบูชาเอาเอง ถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่าจิตมีฌาน
    ในการบูชาพระ

    การบูชาพระมีอะไรบ้าง
    ๑. พุทธานุสสติใช่ไหม นึกถึงพระพุทธเจ้า
    ๒. ธัมมานุสสติ นึกถึงคำสวดมนต์นี่เป็นธรรมะ
    ๓. สังฆานุสสติ นึกถึงพระสงฆ์ที่เราชอบใจ

    ก็รวมความว่า ในเมื่อจิตมันทรงตัวแบบนี้ เป็น
    อนุสสติแบบนี้ ถ้านึกอยู่เสมอว่า ถ้าถึงเวลา ถ้า
    เราไม่ได้ทำ ใจไม่สบายนี่ ละฌานแท้…”

    จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๔ หน้า ๗๙ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507044304_869_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    สมาทานพระกรรมฐาน

    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่าคำสมาทานกรรมฐานของหลวงพ่อ ปรากฏว่าลูกท่องไม่ได้เลย ลูกใช้อย่างนี้เจ้าค่ะ พอหลับตาปุ๊บ ลูกบอกว่า กรรมฐานทั้งหลายที่หลวงพ่อให้ลูก ขอสมาทานทั้งหมด ณ กาลบัดนี้แล้วก็หลับตาเลย

    หลวงพ่อ ใช้ได้เลย ๆ อ้าว นี่ได้จริง ๆ แต่ว่าอย่าลืมนึกถึง พระพุทธเจ้า อย่าเอาแค่หลวงพ่อนะ ว่ากรรมฐานที่หลวงพ่อเรียนมานี่ เป็นของพระพุทธเจ้า ขอยอมรับกรรมฐานทั้งหมด ที่พระพุทธเจ้าสอนทุกสิกขาบท แล้วนอนภาวนา “พุทโธ” หลับไปเลย… ใช้ได้

    1507385285_638_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง ขอท่านทั้งหลายจงอย่าประมาทในชีวิต คิดไว้เสมอว่าเราจะตาย แล้วทุกคนจงตั้งใจรักษาความดีไว้เป็นปกติ…”

    จากหนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม 58
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507390562_433_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…..สำหรับท่านที่มีโมหะจริต คำว่าโมหะ แปลว่า ความหลง ท่านประเภทนี้มีอารมณ์คิดมากเหมือนกัน คิดอยู่เสมอว่า นั่นเป็นเรา นี่เป็นเรา โน่นเป็นเรา ทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ของเล็กของน้อย ก็มีความหวงแหนเป็นปกติ มีความหลงในทรัพย์สิน มีความหลงในชีวิต คิดอยู่เสมอว่าตัวจะไม่ตาย และมีความคิดอยู่เสมอว่าทรัพย์สินของเราที่หามาได้ด้วยความเหนื่่อยยาก เราจะไม่ยอมแบ่งให้ใคร จะกอบโกยไว้บำรุงความสุขฝ่ายตนแต่ผู้เดียว อารมณ์เหล่านี้องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงถือว่าเป็นอารมณ์ฟุ้งซ่านของจิต คือ จิตไม่มีการปลง ไม่สามารถตัดสินใจ ไม่สามารถจะทำงานใดๆ ให้ลุล่วงไปได้โดยเร็ว และก็มีความหวง มีความยึดเหนี่ยวเป็นปกติ อารมณ์ก็มีความฟุ้งซ่่าน….”

    จากหนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม 58
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507390324_443_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “….วันเวลาผ่านไปชีวิตของเราก็ผ่านไปด้วย ชีวิตไม่ได้หยุดยั้งอยู่ ความตายคืบใกล้เข้ามาทุกขณะจิต เวลาผ่านไปเท่าไหร่ ความตายก็เดินมาใกล้เราเท่านั้น ถ้าเรามัวเอาใจไปยุ่งกับใจของชาวบ้าน เราเองจะลงนรก เพราะไม่ได้สะสางความชั่วของจิต ไม่สั่งสมความดีของจิตให้เกิดขึ้น…”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507731002_124_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…พ่อหวังว่าลูกทุกคนของพ่อซึ่งเป็นคนดี คงจะไม่ทิ้งธรรมะ คือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินสีห์ และทุกคนจงจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ จงอย่าคิดว่าเราเป็นผู้ทรงฌาน เป็นพระอริยเจ้า อย่าคิด คิดอย่างเดียวว่าจะเป็นอะไรก็ช่าง ถ้าตายคราวนี้หมดทุกข์ใช้ได….”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507730766_681_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…อานาปานุสสติ

    กรรมฐานที่ทิ้งไม่ได้จริงๆ คือ ลมหายใจเข้า-ออก ทุกท่านที่ได้อะไรมาก็ตามจะทิ้งไม่ได้เป็นอันขาดถ้าทิ้ง ไม่ช้าจะเสื่อม พัง ลมหายใจเข้าออกที่เรียกว่า อานาปานุสสติ เป็นตัวสร้างฌานสมาบัติ เป็นตัวที่ทำให้จิตสงบระงับจากความฟุ้งซ่าน ฉะนั้น เวลาที่นอนลงไป จับลมหายใจเข้า-ออก ปล่อยลมหายใจตามปกติ เอาจิตเข้าไปรับทราบ ถ้าใช้อานาปานุสสติเฉยๆ ถ้าคนนอนไม่หลับเดี๋ยวก็หลับ พอจิตจัดระดับเข้าขนิกสมาธิประเดี๋ยวก็ถึงฌานสมาบัติ…”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507740484_996_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “..ทุกครั้งที่จะเจริญวิปัสสนา ท่านให้เข้าฌานตามกำลังสมาธิที่ได้เสียก่อน เข้าฌานให้ถึงที่สุดของสมาธิ ถ้าเป็นฌานที่ ๔ ได้ยิ่งดี

    ถ้าได้สมาธิไม่ถึงฌาน ๔ ก็ให้เข้าฌานจนเต็มกำลังสมาธิที่ได้ เมื่ออยู่ในฌานจนจิตสงัดดีแล้ว ค่อยๆ คลายสมาธิมาหยุดอยู่ที่อุปจารฌาน แล้วพิจารณาวิปัสสนาญาณทีละขั้น

    อย่าละโมบโลภมาก ทำทีละขั้นๆ ตอนจนเกิดเป็นอารมณ์ประจำใจไม่หวั่นไหว เป็นเอกัคคตารมณ์ เป็นอารมณ์ที่ไม่กำเริบแล้วจึงค่อยเลื่อนไปฌานต่อไปเป็นลำดับ

    ทุกฌานปฏิบัติอย่างเดียวกันทำอย่างนี้จะได้รับผลแน่นอน ผลที่ได้ต้องมีการทดสอบจากอารมณ์จริงเสมอ อย่านึกคิดเอาเองว่าได้ เมื่อยังไม่ผ่านการกระทบจริง ต้องผ่านการกระทบจริงก่อน ไม่กำเริบแล้วเป็นอันใช้ได้…”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507817824_31_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…ถ้ามีความทนงตนเมื่อไร ลูกก็เลวเมื่อนั้น จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด ในเวลานั้นก็ชื่อว่าเรายังไม่มีความดี เราจะพยายามเก็บความชั่วทุกอย่างที่มันขังอยู่ในจิต ทำลายให้มันตายสนิทอย่าให้มันเกิดขึ้นมา เมื่อกิเลส คือความชั่วตายหมดชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว จงทรงไว้แต่ความดีและก็จะว่างจากความทุกข์ จะทรงไว้แต่เพียงความสุขอย่างเดียว หวังว่าลูกรักของพ่อคงจำได้…”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507823042_939_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

    “…ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ที่กำลังตั้งใจเจริญสมถ กรรมฐานวิปัสสนากรรมฐานหรือว่าตั้งใจเป็นบุญเป็นกุศล
    ถ้าคิดเสียว่ากรรมใหญ่คือกุศลใหญ่ ที่ยิ่งไปกว่านี้จะมีไม่ได้สำหรับเราก็ขอให้ท่านนึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยใช้ อานาปานุสสติกรรมฐาน กับ พุทธานุสสติกรรมฐานควบคุมเข้าไว้ให้กำลังใจทรงอยู่ในกรรมฐานทั้ง ๒ ประการเวลาหายใจเข้านึกว่า “พุท” เวลาหายใจออกนึกกว่า “โธ” อันนี้เป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน เพราะว่าเวลาที่เราจะตายจิตใจของเรามีความผ่องใส ถ้านึกถึงคำภาวนาอย่างนี้ได้ก็ชื่อว่าใจผ่องใส ย่อมเป็นปัจจัยให้เข้าถึงสวรรค์ได้โดยไม่ยาก…”

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    1507822804_977_บันทึกธรรมพระราชพรหมยา.jpg

    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...