เพลง เทพเจ้าแห่งความระทม สุเทพ วงศ์กำแหง

วันเสาร์นี้ขออนุญาตนำเพลงของครูจงรัก จันทร์คณา ที่คุณสุเทพ วงศ์กำแหง ขับร้อง และเป็นเพลงที่นิยมกันมากเพลงหนึ่งก็คือเพลง เทพเจ้าแห่งความระทม ต่อมาอีกยุคสมัยใหม่ได้นำมาบันทึกแผ่นเสียงอีกหลายท่านเช่น ดอน สอนระเบียบ, นิตยา บุญสูงเนิน, เอกชัย ศรีวิชัย,คัทลียา มารศรี ขอเชิญรับฟังครับ

เพลง เทพเจ้าแห่งความระทม
ขับร้อง สุเทพ วงศ์กำแหง
คำร้อง/ทำนอง จงรัก จันทร์คณา

นี่หรือคน ที่ชนยกย่อง ประเสริฐ
แต่สิ่งประเสริฐ ไม่เคยเข้าข้าง ตัวฉัน
มีแต่ ความทุกข์ คุกคามหยามเหยียด ชีวัน
เสพสิ่งสุขสันต์ จะฝันถึงมัน ยังยากเต็มทน

เจ้าระทม ทับถมฉันจม เรื่อยไป
พระเจ้าองค์ไหน ไม่มีทางช่วย ฉุดพ้น
ในโลกคนหวัง ฉันมีแต่ ความมืดมน
ในโลกคนจน ฉันก็จน กว่าทุกชีวี

***อ่อนใจ หมดอาลัยในชีวิต ไม่อยากจะคิด
ไม่อยาก จะหวัง ไม่อยาก จะมี
ฉันอยาก จะตาย อยากจะตายไปเสียที
อยากตั้งฤดี จุดธูป อธิษฐาน

เมื่อฉันตาย ขอให้วิญญาณ ศักดิ์สิทธิ์
มีอิทธิฤทธิ์ จนคนสร้างขึ้น เป็นศาล
เป็นที่ เปลื้องทุกข์ ไหว้กราบของ คนทรมาน
มีชื่อขนาน ว่า ศาลเจ้า แห่งความระทม

*** (ซ้ำ)

เพลงนี้ ขับร้องบันทึกเสียง โดย สุเทพ วงศ์กำแหง เมื่อ ปี พ.ศ. 2510

เบื้องหลังที่มาของเพลงนี้ เกิดจาก ครูจงรัก จันทร์คณา เดินทางไปร่วมงานศพ ซึ่งเป็นน้องชาย ของ ประยูร เวชชประสิทธิ์ ที่ วัดละหาน บางบัวทอง ได้ไปพบกับ ตาถอน สัปเหร่อกินศพ และเมื่อเดินทางกลับก็พบ หญิงสาวกับชายหนุ่มคู่หนึ่ง จุดธูปบนบานศาลเจ้าแม่ข้างทาง จึงเกิดความบันดาลใจ ในการแต่งเพลงนี้ขึ้นมา

ครูจงรัก จันทร์คณา เขียนเล่าว่า

“…ขากลับ เราทั้งคณะ เดินทางโดยรถสองแถว สมัยนั้น จากกรุงเทพฯไปบางบัวทอง ต้องลงเรือที่ท่าน้ำเมืองนนท์ แล้วต่อสองแถวไปถึงตลาดบางบัวทอง หนทางโรยด้วยลูกรังตลอดสาย…

ขากลับนี้ ข้าพเจ้านั่งชมวิวกินฝุ่นไปเรื่อยๆ ขณะเพลินๆ เหลือบไปเห็นหญิงสาวกับชายหนุ่มคู่หนึ่ง จุดธูปนั่งพนมมือไหว้ศาลเจ้าข้างทาง ดูเป็นศาลยังไม่เก่นัก สังเกตจากมาลัยดอกไม้ กับผ้าสีที่เอามาผูกศาล ไม่ค่อยรุงรังเท่าใด

พี่ยูรเห็นข้าพเจ้าสนใจ ก็เลยให้ความกระจ่าง

“มีหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่ง พ่ายต่อความรัก เพราะแฟนไปแต่งงานใหม่ เลยมาผูกคอตายที่กิ่งตะเคียนต้นนี้ หลังจากนั้นวิญญาณเกิดเฮี้ยน มีคนพบเห็นบ่อยๆ ชาวบ้านจึงมาตั้งศาลให้ ใครมีทุกข์ร้อนก็มาบนบานให้ช่วย หนุ่มสาวจะรักกันให้มั่นยั่งยืน ก็มาสาบานกันที่นี่ คนบ้าหวยก็มาขอหวย ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่ชาวบ้านเขาก็นับถือกัน”

พี่ยูร จบตำนานศาลเจ้าข้างทางเพียงนั้น

แต่ ข้าพเจ้ายังไม่จบ ยังจินตนาการไปอีกกว้างไกล จินตนาการไปเห็นขายหนึ่งโทรมกับชีวิตขนาดหนัก หนักจนสุดจะแบกมันไหว ในโลกคนหวัง เขาก็มีแต่ความมืดมน ในโลกคนจน เขาก็จนกว่าทุกชีวี ชีวิตกากเดนนี้ จะประคองไว้เพื่อประโยชน์อันใด…หยุดมันเสีย

แล้วตั้งจิตอธิษฐาน หากตายไป ขอให้ดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ ช่วยคนเศร้าให้สมสุข

ช่วยคนทุกข์ให้สมหวัง อานิสงค์แห่งการช่วยคน จะส่งไปสู่ภพดี มีสุขบ้างในภพหน้า

คิดได้ดังนั้น ก็ถึงเวลาต้องแต่งเพลงอีกแล้ว

มีซองจดหมายเหลือจากใส่เงินช่วยงานศพติดกระเป๋าอยู่อีกซอง มันเป็นกระดาษเขียนเพลงนี้ของข้าพเจ้า

พอถึงท่าน้ำที่จะข้ามไปเมืองนนท์ ข้าพเจ้าก็พับซองจดหมายนั้นใส่กระเป๋าเสื้อ นั่นหมายถึงว่า บทเพลงประชดชีวิตบทนี้ ได้จบลงแล้วอย่างสมบูรณ์

ข้าพเจ้า ให้ชื่อเพลงนี้ว่า เทพเจ้าแห่งความระทม

เพลงนี้เกิดอาถรรพ์วันอัด คือ พี่ใย (ปรีชา เมตไตรย์) ไม่รู้มัวทำอะไรอยู่ ลืมเรียบเรียงเสียงประสานเพลงนี้ ต้องมานั่งโม่กันหน้าห้องอัด พี่เทพ (สุเทพ วงศ์กำแหง) มาเห็นเข้า ร้องโอ้โฮ เนรมิตกันหน้าห้องอัดนี่ละหรือ

แต่พอเห็นเนื้อเพลง บอกเพลงนี้ดังแน่ๆ เสียดายมาแยกเสียงหน้าห้องอัด ไม่รู้จะออกมาเป็นยังไง
แต่แล้ว…อาจเป็นเพราะปาฏิหาริย์ของศาลเจ้าข้างทางนั่นกระมัง ทุกอย่างก็ผ่านไปได้เรียบร้อย จนแผ่นเสียงวางตลาด แฟนเพลงให้การต้อนรับทันที และดังมาทุกวันนี้

ยังไม่รู้ลืมเลือน จากความทรงจำของแฟนเพลง ทั่วแผ่นดิน

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.633829/[/MUSIC]

 

ศาลเจ้าแห่งความระทม
เป็นคน เป็นมนุษย์ ดีอยู่แล้ว
เมื่อได้เกิด ควรรักษา ตัวตนนี้
สร้างแต่สิ่ง ดีงาม เพื่อตัวเอง
เพื่อสังคม หมู่มวล เพื่อนมนุษย์

ความระทม ทุกข์ขม ตรอมตรมมา
ยากลำบาก แสนเข็ญ กรรมหนักหนา
สู้ทนได้ ทนไป เพื่อแลกคืน
ตนเคยทำ สิ่งใด กรรมย้อนมา

​

 

เมื่อฉันตาย ขอให้วิญญาณ ศักดิ์สิทธิ์
มีอิทธิฤทธิ์ จนคนสร้างขึ้น เป็นศาล
เป็นที่ เปลื้องทุกข์ ไหว้กราบของ คนทรมาน
มีชื่อขนาน ว่า ศาลเจ้า แห่งความระทม



ศาลเจ้าหลอก ศาลเจ้าลวง ล้วนถ้วนๆ
วิญญาณ เทพเจ้า อิทธิฤทธิ์
ฝันเฟื่องกัน ทั้งนั้น โลภมากนัก
อยากได้เงิน อยากได้ทอง ตั้งตนทรง

ทรงเจ้า ทรงผี ทรงวิญญาณ
หลอกผู้คน มานับ ไม่ถ้วนถี่
รวยรถเบ๊นซ์ รวยบัญชี ธนาคาร
รวยเมีย รวยผัว รวยกรรมเวร

​

 

เมื่อฉันตาย ขอให้วิญญาณ ศักดิ์สิทธิ์
มีอิทธิฤทธิ์ จนคนสร้างขึ้น เป็นศาล
เป็นที่ เปลื้องทุกข์ ไหว้กราบของ คนทรมาน
มีชื่อขนาน ว่า ศาลเจ้า แห่งความระทม

จ้าวพ่อเจ้าขาาา...ลูกช้างงง..ขอรางวัลที่หนึ่งซักงวดนะเจ้าคะ...

(smile)

 

ขอท่อนนี้ล่ะกัน....
***อ่อนใจ หมดอาลัยในชีวิต ไม่อยากจะคิด
ไม่อยาก จะหวัง ไม่อยาก จะมี
ฉันอยาก จะตาย อยากจะตายไปเสียที
อยากตั้งฤดี จุดธูป อธิษฐาน
คุณแซมครับ.....เกือบชนกันอีกแล้วครับ....
เป็นเพลงที่ผมกำลังเลือกอยู่พอดี....
คุณแซมร้องน่ะดีแล้วครับ....
อืมถ่ายทอดได้ดีครับ

 

นี่หรือคน ที่ชนยกย่อง ประเสริฐ..........
แต่สิ่งประเสริฐ ไม่เคยเข้าข้าง ตัวฉัน...........
มีแต่ ความทุกข์ คุกคามหยามเหยียด ชีวัน.........
เสพสิ่งสุขสันต์ จะฝันถึงมัน ยังยากเต็มทน..............

มนุษย์ทำไมต้องอิจฉาริษยากัน
จะแข่งขันกันไปทำไมไม่มีประโยชน์
มันทำลายจิตใจของตัวเองเมื่อมีกิเลส
เรามาปล่อยวางทำจิตใจให้สบายไม่ดีกว่าหรือ
ไม่เสียสุขภาพจิต เกิดปัญญา เป็นตัวเรา
ไม่ต้องหวังพึ่งใคร และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

 

เวอร์ชั่นนี้พึ่งจะได้ฟังครับ ดนตรีเป็นแนวใหม่ ฟังแล้วไพเราะและเยือกเย็นดีครับ เหมาะกับวันหยุดพักผ่อนยามเย็น

 

เจ้าระทม ทับถมฉันจม เรื่อยไป..........
พระเจ้าองค์ไหน ไม่มีทางช่วย ฉุดพ้น.........
ในโลกคนหวัง ฉันมีแต่ ความมืดมน.............
ในโลกคนจน ฉันก็จน กว่าทุกชีวี..............

อยู่แบบพอเพียง ไม่ต้องไปฟุ้งเฟ้อ
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ต้องมีพระเจ้าองค์ไหนมาช่วย
มีความสุขตามอัตภาพ เท่านี้ก็อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีแล้ว
ลาภยศ สรรเสริญเอาไว้ให้คนร่ำรวยไว้ประดับตน

 

ขอให้ถูกหวยเพี้ยงงง......12๓๔๕67๘๙0

 

นี่ ระทมทุกข์ ขั้นระดับเทพเลยนะเนี่ยะป๋า ทุกข์หนักขนาดไหนก็สู้ทุกข์ระทมครั้งนี้ไม่ได้....ไม่อยากเจอเลย

 

ศาลเจ้าแห่งความร่ำรวย
รวยแต๊ รวยว่า
จำนวนเงินมหาศาลมาทุ่มทุนสร้างให้กับสิ่งก่อสร้าง
ซึ่งเสพประโยชน์ได้แค่ตาดูเท่านั้น

เงินสูญไปโดยไม่ได้คุณค่าเพื่อมวลชน
โดยแท้

​

 

ศาลเจ้าแม่กวนอิมอันนี้
ถือว่า ยังไม่รวยเท่าไหร่
รอลูกค้ามาอุดหนุนเยอะๆ ค่อยสร้างใหญ่ขึ้นๆ
เจ้าแม่กวนอิมเจ้าอื่น เขารวยเอา รวยเอา
สงสัยเราต้องหาเทคนิค เรียกลูกค้าเข้าซะแระ


​

 

​

ที่นี่ดูจากสภาพร่ำรวยเหมือนกันนะ
มีเทคนิค โดยแสร้งว่า ทำพิธีเข้าทรงเจ้าแม่กวนอิม
แล้วแต่คิดว่า ฤกษ์ดีวันไหน
แต่งเรื่อง เจ้าแม่แห่กันมาแย่งเข้าร่างทรงกัน
หลายๆเจ้าแม่กวนอิม
ฮือฮากันมาก

ร่ำรวยขึ้นมาอีกโขเลย
ศาลนี้


​

 

ยิ่งรวย ยิ่งดีไซน์ ออกแบบ
หรูหรา ฟู่ฟ่า ฟุ้งเฟ้อ
ที่โน่น ใหญ่กว่า ที่นั่น
ที่นั่น วิจิตร กว่าที่โน่น

เปรียบเทียบ กันใหญ่ กันโต
ลูกค้าที่นี่ รวยกว่า ลูกค้าที่นั่น
ลูกค้าที่นั่น โง่กว่า ลูกค้าที่โน่น
โง่เพราะ ควักเงิน ง่ายดาย


​

 

คณะกรรมการศาลเจ้า

กรรมการร่ำ กรรมการรวย ศาลเจ้า
จัดงาน พิธีกรรม เสริมตุนเงิน
ย่างหมูสด วัวหัน แพะหัน
เป็ดก็หัน ไก่ก็หัน หันหมดโต๊ะ

จุดธูปเทียน เจ้าประคู้น ขอลูกค้ามางานเยอะๆเถิด
ความลับรั่วไหล เงินบริจาคไม่พอแบ่ง
คนรู้ความลับ ก็ขอร่วมเป็นกรรมการมากขึ้น





​

 

พิธีกรรม น่าเกลียด และน่ากลัว
น่าแสยะ สะอิด สะเอียน
คิดได้ไง แบบนี้ สมองตื้น
เกลือกกลั้ว ความหมักหมม เพทุบาย


​

 

ส่งมาให้เพื่อนๆฟังกันหลายเวอร์ชั่นก็ดีนะ นักร้องลูกทุ่งนำไปร้องหลายท่านลองฟังของน้องDARIS บ้างครับหลากหลายสไตล์ดีครับ

 

ขอบคุณครับ ครับดนตรีใหม่แต่จังหวะเพลงช้าเหมือนเดิมนะครับ

 

ทุกวันนี้คนไม่รู้จะพึ่งอะไรแล้ว พึ่งอะไรๆก็ต้องใช้เงิน มนุษย์ทุกวันนี้เห็นแก่ผลประโยชน์กันมาก พึ่งไม่ได้ ก็หันไปพึ่งศาลเจ้าดีกว่า ขอหวยบ้างขอให้โชคดีบ้างตามประสาคนที่อยากได้........อยู่ไปวันๆ ยังมีความหวังว่าสักวันหนึ่งอาจจะเป็นจริง

 

อ่อนใจ หมดอาลัยในชีวิต ไม่อยากจะคิด..........
ไม่อยาก จะหวัง ไม่อยาก จะมี................
ฉันอยาก จะตาย อยากจะตายไปเสียที.............
อยากตั้งฤดี จุดธูป อธิษฐาน................

ศาลเจ้าสร้างกันสวยงามด้วยความศรัทธา
ที่สำหรับกราบไหว้ ของมนุษย์อีกระดับหนึ่ง
ความร่ำรวยของคนที่ศรัทธาก็ช่วยกันบริจาค
สร้างความสวยงามอลังการณ์ แต่คนระดับรากหญ้า
ก็อาศัยต้นไม้ที่เก่าแก่กราบไหว้ จุดธูปอธิษฐานกันไป......อืม...


เจ้าแม่ตะเคียนทอง