เมืองหลวงของประเทศไทยติดเรตน้ำท่วม โดยการวิเคราะห์ของนักวิชาการต่างชาติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เสขะปฎิสัมภิทา, 29 พฤศจิกายน 2017.

  1. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
     
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เป็นส่วนหนึ่ง ของธีม "ความฝัน" แต่ปรากฏว่าผมกลายเป็นผู้นำ ในส่วน "ฝันร้าย" ของธีมนี้

    (เสียงหัวเราะ)

    ซึ่งแน่นอนว่ามันก็มีหลายๆอย่าง เกี่ยวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่เป็นฝันร้าย และผมมีข่าวร้ายอยู่บ้าง แต่ผมมีข่าวดีเยอะกว่ามาก ผมจะเสนอคำถามขึ้นมาสามคำถามข้อ และคำตอบของคำถามแรก จำเป็นจะต้องมีข่าวร้ายเข้ามาเกี่ยวบ้าง แต่เดี๋ยวก่อน เพราะคำตอบของ คำถามที่สองและสาม เป็นไปในทางบวกจริง ๆ

    คำถามแรกก็คือ "เราจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงจริง ๆ หรือ" และแน่นอนว่าหนึ่งในหลาย ๆ อย่างนั้น รวมไปถึง ภารกิจอะพอลโล ได้เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวเรื่องสิ่งแวดล้อม ผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวเรื่อง สิ่งแวดล้อมสมัยใหม่ 18 เดือนหลังจากที่ผู้คนบนโลกได้เห็น ภาพโลกจากดวงจันทร์นี้ ก็มีการจัดตั้งวันโลกขึ้นมาเป็นครั้งแรก เราได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับพวกเราเอง ผ่านการมองโลกจากอวกาศ หนึ่งในหลาย ๆ อย่างที่เราได้เรียนรู้ ก็ได้ยืนยันสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ บอกเรามานานแล้ว หนึ่งในข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สุด เกี่ยวกับวิกฤติสภาพภูมิอากาศนั้น เกี่ยวข้องกับท้องฟ้า อย่างที่ภาพนี้แสดงให้เห็น ท้องฟ้าไม่ใช่พื้นที่กว้างไกลไร้ขอบเขต อย่างที่เราเห็น เวลามองขึ้นไปจากพื้นดิน แต่มันเป็นเปลือกอันบอบบางของ ชั้นบรรยากาศ ที่โอบล้อมโลกไว้ และนั่นก็คือท่อระบายแบบเปิด สำหรับอารยธรรมอุตสาหกรรมของเรา อย่างที่จัดการกันอยู่ปัจจุบัน ทุก ๆ 24 ชั่วโมง เราทิ้งมลพิษโลกร้อน ที่กักเก็บความร้อน ปริมาณ 110 ล้านตันขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่คิดเงิน เอาเลยตามสบาย

    และมันยังมีแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกมากมายเหลือเกิน ผมจะไม่พูดถึงมันทั้งหมดแน่ ๆ ผมจะเจาะจงไปที่แหล่งที่สำคัญที่สุด แต่การเกษตรก็มีส่วน อาหารการกินก็มีส่วน จำนวนประชากรมีมีส่วน การจัดการป่าไม้ การคมนาคม มหาสมุทร การละลายของชั้นดินเยือกแข็ง แต่ผมจะเจาะจงไปที่หัวใจหลักของปัญหา ซึ่งคือข้อเท็จจริงที่ว่า เรายังคงพึ่งพา เชื้อเพลิงคาร์บอนที่สกปรกอยู่ เป็นปริมาณร้อยละ 85 ของพลังงานทั้งหมด ที่โลกเราเผาผลาญแต่ละปี และคุณจะเห็นจากภาพนี้ว่า หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง อัตราการปล่อยก๊าซเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และปริมาณสะสมของมลพิษโลกร้อนที่มนุษย์ผลิต อยู่ในชั้นบรรยากาศ ณ ตอนนี้ กักเก็บพลังงานความร้อนส่วนเกินมากเท่ากับ ที่ระเบิดนิวเคลียร์ระดับฮิโรชิม่าจำนวน 400,000 ลูกจะปล่อยออกมา ทุก 24 ชั่วโมง 365 วันต่อปี จากการตรวจทานข้อเท็จจริง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นเรื่องจริง แน่นอนโลกของเรามันใหญ่ แต่ว่า

    (เสียงระเบิด)

    นั่นก็เป็นพลังงานปริมาณมากเช่นกัน ยิ่งถ้าคูณมันเป็น 400,000 เท่าทุก ๆ วัน และพลังงานความร้อนส่วนเกินนี้กำลังทำให้ชั้นบรรยากาศ และระบบโลกทั้งระบบร้อนขึ้น

    เรามาดูชั้นบรรยากาศกัน นี่คือภาพ ของสิ่งที่เราเคยคิดกันว่าเป็น กราฟการกระจายปกติของอุณหภูมิ สีขาวแทนวันที่อุณหภูมิปกติ โดยเลือกใช้ข้อมูลระหว่างปี 1951-1980 สีฟ้าคือวันที่หนาวกว่าปกติ และสีแดงคือวันที่ร้อนกว่าปกติแต่เส้นโค้งทั้งเส้นขยับไปทางขวา ในช่วงทศวรรษที่ 1980 และคุณจะเห็นที่มุมขวาล่าง ว่ามีตัวเลขที่มีนัยยสำคัญทางสถิติ ของวันที่ร้อนอย่างยิ่ง ในยุคปี 90 เส้นโค้งได้ขยับไกลออกไปมากขึ้น และในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คุณจะเห็นว่าวันที่ร้อนอย่างยิ่ง มีจำนวนมากกว่าวันที่หนาวกว่าค่าเฉลี่ย อันที่จริง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมากกว่าปกติ ถึง 150 เท่า บนบริเวณพื้นผิวโลก เมื่อเทียบกับ 30 ปีที่แล้ว

    ดังนั้น เรามีสถิติอุณหภูมิสูงที่สุด ถูกทำลายอยู่เรื่อย ๆ 14 ใน 15 ปีที่ร้อนที่สุด เท่าที่เคยวัดได้ด้วยเครื่องมือ อยู่ในช่วงทศวรรษล่าสุด และปีที่ร้อนที่สุดคือปีที่แล้ว เดือนที่แล้วเป็นเดือนที่ 371 ติดต่อกัน ที่ร้อนกว่าค่าเฉลี่ยในศตวรรษที่ 20 และเป็นครั้งแรก นี่ไม่ได้เป็นแค่มกราคมที่ร้อนที่สุด แต่ยังเป็นมกราคมที่ร้อนกว่าเฉลี่ย ถึง 2 องศาฟาเรนไฮต์อุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้ กำลังส่งผลกระทบต่อสัตว์ พืช ผู้คน ระบบนิเวศน์

    แต่ตามมาตรฐานของโลก ร้อยละ 93 ของพลังงานความร้อนส่วนเกิน ถูกกักไว้ในมหาสมุทร และนักวิทยาศาสตร์สามารถวัด การก่อตัวของความร้อน ได้อย่างแม่นยำขึ้นมาก ในทุกช่วงความลึก ทั้งลึกมาก ปานกลาง หรือไม่กี่ร้อยเมตรใต้ผิวน้ำ และมันก็กำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน กราฟนี้ย้อนไปกว่าร้อยปี และเกินครึ่งหนึ่งของการเพิ่มสูงขึ้นของอุณหภูมิ เกิดในช่วง 19 ปีที่ผ่านมา สิ่งนี้มีผลกระทบตามมา

    ผลกระทบลำดับแรก พายุที่เกิดจากมหาสมุทรรุนแรงขึ้น ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนเคลื่อนไปตาม พื้นที่แปซิฟิก ด้วยอุณหภูมิสูงกว่าปกติ 5.5 องศาฟาเรนไฮต์ ก่อนที่จะเข้าฝั่งเมืองตักโลบัน และกลายเป็นพายุที่มีพลังทำลายล้าง มากที่สุดเท่าที่เคยขึ้นฝั่ง พระสันตปาปาฟรานซิสซึ่งได้สร้าง ความเปลี่ยนแปลงมากมายกับปัญหานี้ เข้าเยี่ยมเยือนตักโลบันทันทีหลังจากนั้น เฮอริเคนแซนดี้เคลื่อนไปตามพื้นที่แอตแลนติก อุณหภูมิสูงกว่าปกติ 9 องศาฟาเรนไฮต์ ก่อนจะเข้าฝั่งที่นิวยอร์กและนิวเจอร์ซี ผลกระทบลำดับที่สอง คือสิ่งที่พวกเราทั้งหมดกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ มหาสมุทรที่อุ่นขึ้นมากกำลังระเหย เป็นไอน้ำปริมาณมากขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า ความชื้นเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 4 และได้สร้างแม่น้ำในชั้นบรรยากาศ นักวิทยาศาสตร์บราซิลเรียกพวกมันว่า "แม่น้ำบินได้" และไอน้ำส่วนเกินเหล่านั้นก็รวมกัน เป็นรูปกรวยรดลงมาบนพื้นดิน ในจุดที่สภาวะพายุกระตุ้นให้เกิด ฝนกระหน่ำทำลายสถิติเหล่านี้ ภาพนี้ถ่ายจากมอนทานา ดูพายุเมื่อเดือนสิงหาคมที่แล้วสิครับ ระหว่างที่มันเคลื่อนที่ผ่านเมืองทูซอน มลรัฐแอริโซนา เห็นได้ชัดว่ามันได้กระหน่ำเมืองนั้นอย่างรุนแรง พายุฝนพวกนี้ไม่ปกติเลยครับ

    กรกฎาคมที่แล้วที่เมืองฮูสตัน มลรัฐเท็กซัส ฝนตกยาวนานถึงสองวัน ปริมาณน้ำฝน 162,000 ล้านแกลลอน นั่นมันมากกว่าปริมาณน้ำจากน้ำตกไนแอการา ในระยะเวลารวมสองวัน ตกลงมากลางเมือง ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ทั้งเมืองเป็นอัมพาตไปเลย พายุฝนทำลายสถิติเหล่านี้ทำให้เกิด น้ำท่วมและโคลนถล่มครั้งประวัติศาสตร์

    นี่เกิดขึ้นที่ชิลีปีที่แล้ว คุณจะเห็นโกดังหลังนั่นลอยผ่านไป รถบรรทุกน้ำมันลอยผ่านไป นี่มาจากสเปนเมื่อกันยายนปีที่แล้ว คุณจะเรียกมันว่าเป็นการไหลของ รถยนต์และรถบรรทุกก็ได้ ผมว่า ทุกคืนที่เปิดรายการข่าวทีวี มันเหมือนเห็นธรรมชาติ กำลังไต่ขึ้นไปตาม คัมภีร์วิวรณ์

    (เสียงหัวเราะ)

    จริง ๆ ครับ ผมหมายความตามนั้นเลย

    อุตสาหกรรมประกันภัยได้ตระหนัก ถึงความสูญเสียที่เพิ่มขึ้นแล้วแน่ ๆ พวกเขาไม่ได้เห็นภาพลวงตาอะไรทั้งนั้น กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และเราก็ควรจะมานั่งคิดถึงเรื่อง สาเหตุและผลกระทบกันใหม่ เราคุ้นชินกับการคิดถึงสาเหตุและ ผลกระทบในเชิงเส้น หนึ่งเหตุ หนึ่งผลกระทบ นี่คือความสัมพันธ์ระหว่างเหตุกับผล ที่เป็นระบบ อย่างที่เควิน เทรนเบิร์ธกล่าวไว้ "ปัจจุบันพายุทุกลูกได้เปลี่ยนไปแล้ว มีพลังงานส่วนเกินในชั้นบรรยากาศ มากเหลือเกิน มีไอน้ำส่วนเกินมากเหลือเกิน พายุทุกลูกได้เปลี่ยนไปแล้ว" ความร้อนส่วนเกินเดียวกันนี้ ดึงความชิ้นออกจากผืนดิน ทำให้เกิดความแห้งแล้งที่รุนแรงขึ้น ยาวนานขึ้น และกินพื้นที่กว้างขึ้น และเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในหลายที่ตอนนี้

    มันทำให้พืชแห้งแล้ง และทำให้เกิดไฟป่ามากขึ้นในฝั่งตะวันตก ของอเมริกาเหนือ แน่นอนว่ามีหลักฐานของสิ่งเหล่านี้ มีเยอะเสียด้วย

    เกิดฟ้าผ่ามากขึ้น เมื่อพลังงานความร้อนสะสมมากขึ้น ก็มีฟ้าผ่าเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

    หายนะที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเหล่านี้ ยังส่งผลกระทบถึงภูมิรัฐศาสตร์ด้วย และทำให้เกิดความไม่มั่นคง ความแห้งแล้งที่เกี่ยวเนื่องกับสภาพภูมิอากาศ ครั้งประวัติศาสตร์เริ่มที่ซีเรีย ปี 2006 ทำลายร้อยละ 60 ของพื้นที่เพาะปลูกในซีเรีย คร่าชีวิตปศุสัตว์ไปร้อยละ 80 และผลักผู้ลี้ภัยทางสภาพภูมิอากาศ 1.5 ล้านคน เข้าสู่เมืองต่าง ๆ ในซีเรีย ที่ซึ่งพวกเขาพบกับผู้ลี้ภัยอีก 1.5 ล้านคน ที่หนีสงครามอิรัก และเมื่อรวมกับปัจจัยอื่น ๆ มันได้เปิดประตูนรก ที่ผู้คนยังกำลังพยายามปิดอยู่ขณะนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้เตือน ถึงเรื่องผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ มานานแล้ว รวมไปถึงประเด็นเรื่องผู้ลี้ภัย การขาดแคลนน้ำและอาหาร และการระบาดของโรค

    ตอนนี้เราได้เห็นโรคพื้นถิ่นจากเขตร้อนชิ้น กระจาย สูงขึ้นไปตามเส้นละติจูดที่เพิ่มขึ้น การปฏิวัติการคมนาคม มีส่วนทำให้เกิดเรื่องนี้อย่างมาก แต่ปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ได้เปลี่ยนเส้นละติจูดและอาณาบริเวณ ที่โรคพื้นถิ่นเหล่านี้จะสามารถระบาดได้ และทำให้สัตว์เช่นยุงและเห็บที่เป็นพาหะของโรค สามารถกระจายตัวได้กว้างขึ้น การระบาดของซิก้า ณ ตอนนี้ เราโชคดีที่อยู่ในอเมริกาเหนือ เพราะมันยังหนาวเกินไปหน่อย และเรายังมีระบบสาธารณสุขที่ดีกว่า แต่เมื่อผู้หญิงในบางพื้นที่ของ อเมริกาใต้และอเมริกากลาง ได้รับคำแนะนำไม่ให้ตั้งท้อง ในระยะสองปีนี้ นั่นเป็นอะไรที่ใหม่ นั่นควรจะได้รับความสนใจจากเรา The Lancet หนึ่งในสองวารสารทางการแพทย์ ที่โด่งดังที่สุดในโลก ได้เรียกสิ่งนี้ว่าเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว ซึ่งมีปัจจัยที่ทำให้เกิดมากมาย

    และนี่ยังเชื่อมโยงกับวิกฤตการสูญพันธุ์ เราตกอยู่ในอันตรายที่จะสูญเสียร้อยละ 50 ของสปีชีส์ที่ยังมีอยู่บนโลกภายในสิ้นศตวรรษนี้ และ ณ เวลาปัจจุบัน พืชและสัตว์บก กำลังเคลื่อนย้ายไปสู่ขั้วโลก โดยเฉลี่ย 15 ฟุตต่อวัน

    เมื่อพูดถึงขั้วโลกเหนือ 29 ธันวาคมปีที่แล้ว พายุลูกเดียว กับที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์ ในอเมริกาตะวันตกกลาง ได้ทำให้อุณหภูมิของขั้วโลกเหนือ สูงขึ้น 50 องศาฟาเรนไฮต์กว่าปกติ ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายตอนกลางดึกที่มืดและยาวนานในฤดูหนาวของขั้วโลก และเมื่อน้ำแข็งบนบกที่อาร์คติกละลาย มันทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น

    ภาพที่งดงามของพอล นิคเลน ถ่ายที่สฟาลบาร์แสดงให้เห็นถึงสิ่งนี้ มันยิ่งอันตรายยิ่งกว่าเมื่อมาจากกรีนแลนด์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แอนตาร์กติกา 10 เมืองที่เสี่ยงอันตรายสูงสุดจากระดับน้ำทะเล ที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อวัดตามประชากรแล้ว ส่วนมากอยู่ในเอเชียใต้และตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อคุณวัดความเสี่ยงตามสินทรัพย์ อันดับหนึ่งคือไมอามี่ เงิน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง อันดับที่สาม นิวยอร์กและนวร์ก ผมอยู่ที่ไมอามี่ฤดูใบไม้ร่วงที่แล้ว ในช่วงที่เกิดซุปเปอร์มูน หนึ่งในวันที่น้ำขึ้นสูงที่สุด และตอนนั้นมีปลาจากทะเล ว่ายน้ำอยู่ถนนบางสาย ในหาดไมอามี่และฟอร์ตลอเดอร์เดล และเดลเรย์ และนี่ได้กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ ช่วงที่น้ำขึ้นสูงสุด ไม่ได้เกิดจากฝน พวกเขาเรียกมันว่า "น้ำท่วมวันแดดออก" น้ำมันเอ่อขึ้นมาจากท่อระบายน้ำฝน และผู้ว่าการไมอามี่ได้พูด แทนคนจำนวนมาก เมื่อเขาพูดว่า เราไม่สามารถจะมองเรื่องนี้ ผ่านแว่นตาการเมืองได้อีกแล้ว นี่เป็นวิกฤตที่กำลังย่ำแย่ลงทุกวัน เราจะต้องมองข้ามเรื่อง การแบ่งพรรคพวกการเมืองไป
     
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    และผมอยากจะใช้เวลานี้ชื่นชม นักการเมืองพรรครีพับลิกันเหล่านี้

    (เสียงปรบมือ)

    ที่กล้าหาญมากพอ ที่จะก้าวออกมาและยอมเสี่ยงในทางการเมือง ด้วยบอกความจริงเกี่ยวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

    ต้นทุนของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ กำลังเพิ่มพูนขึ้น ยังมีหลายประเด็น ที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึงด้วยซ้ำ มันเป็นภาระที่ใหญ่หลวงเหลือเกิน ผมจะกล่าวถึงอีกเพียงหนึ่งอย่าง เนื่องจากสภาเศรษฐกิจโลกเมื่อเดือนที่แล้ว ในดาวอส หลังจากได้เก็บข้อมูลประจำปี จากนักเศรษฐศาสตร์ 750 คน กล่าวว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็น ความเสี่ยงอันดับหนึ่งต่อเศรษฐกิจโลก คุณได้ยินคนของธนาคารกลาง อย่างมาร์ค คาร์นีย์ หัวหน้าธนาคารกลางสหราชอาณาจักร พูดว่าพลังงานคาร์บอนสำรองจำนวนมาก ไม่สามารถเผาผลาญได้ ซับไพรม์คาร์บอน ผมจะไม่ย้ำว่าเกิดอะไรขึ้น กับสินเชื่อซับไพรม์ แต่มันเป็นสิ่งเดียวกัน ถ้าคุณดูเชื้อเพลิงคาร์บอนทั้งหมด ที่ถูกเผาผลาญ ตั้งเต่เริ่มการปฏิวัติอุตสาหกรรม นี่คือปริมาณที่เผาผลาญในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา นี่คือทั้งหมดที่ได้รับการพิสูจน์ และถูกบันทึกไว้ 28 ล้านล้านดอลลาร์องค์การพลังงานระหว่างประเทศบอกว่า มีเพียงเท่านี้ที่สามารถเผาผลาญได้ ดังนั้นที่เหลือ 22 ล้านล้านดอลลาร์ ก็คือเผาผลาญไม่ได้ ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก นี่คือเหตุผลที่การรณรงค์ให้ลดทอน การลงทุนสมเหตุสมผลในทางปฏิบัติ และไม่ใช่แค่สิ่งที่ต้องทำในเชิงจริยธรรม

    ดังนั้นคำตอบของคำถามแรก "เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหรือไม่" ใช่แล้วครับ เราต้องเปลี่ยนแปลง คำถามถัดมา "เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่" นี่แหละคือข่าวที่น่าตื่นเต้น การคาดการณ์ที่ดีที่สุดในโลก เมื่อ 16 ปีที่แล้ว บอกว่าเมื่อถึงปี 2010 โลกจะสามารถ ติดตั้งกังหันลม ที่ผลิตไฟฟ้าได้ 30 กิกกะวัตต์ ซึ่งเราทำได้มากกว่าที่คาดไว้ถึง 14.5 เท่า เราได้เห็นกราฟเอ็กซ์โพเนนเชียล ในการพัฒนาพลังงานลมแล้ว เราได้เห็นราคาไฟฟ้าลดต่ำลง อย่างรวดเร็ว ในบางประเทศ เช่น เยอรมนี มหาอำนาจอุตสาหกรรม ที่ภูมิอากาศไม่ได้ต่าง กับแวนคูเวอร์มากเท่าไหร่นั้นวันหนึ่งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้รับพลังงานร้อยละ 81 มาจาก ทรัพยากรหมุนเวียน หลัก ๆ คือจากแสงอาทิตย์และลม หลายประเทศก็กำลังใช้พลังงานสะอาดเหล่านี้ เกินครึ่งหนึ่งโดยเฉลี่ย

    ยังมีข่าวดีอีก แหล่งเก็บพลังงาน โดยเฉพาะแบตเตอรี่ กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะราคาได้ลดลงมาอย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ปัญหาความไม่สม่ำเสมอ ยิ่งมีพลังงานแสงอาทิตย์ ข่าวนี้ก็ยิ่ง น่าตื่นเต้นขึ้นไปอีก การคาดการที่ดีที่สุดเมื่อ 14 ปีที่แล้ว คือเราจะผลิตได้ปีละ 1 กิกกะวัตต์ ในปี 2010 เมื่อถึงปี 2010 เราเอาชนะ ตัวเลขนั้นได้ถึง 17 เท่า ปีที่แล้ว เราทำได้มากกว่าถึง 58 เท่า ปีนี้ เรากำลังจะทำได้มากกว่าถึง 68 เท่า

    เราจะเอาชนะมัน และเราจะผ่านมันไปได้ กราฟเอ็กซ์โพเนนเชียลของพลังงานแสงอาทิตย์ ชันกว่าและรวดเร็วกว่าอีก ตอนที่ผมขึ้นมาพูดบนเวทีนี้ 10 ปีที่แล้ว นี่คือจุดที่มันเคยอยู่ และเราได้เห็นการค้นพบที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง จากความรวดเร็วของ กราฟเอ็กซ์โพเนนเชียลเหล่านี้

    (เสียงปรบมือ)

    และราคาก็ลดลงร้อยละ 10 ต่อปี เป็นเวลา 30 ปี และมันก็ยังคงลดลงอยู่

    ปัจจุบัน ประชาคมธุรกิจได้สังเกตเห็น สิ่งเหล่านี้แล้วแน่นอน เพราะมันกำลังข้ามจุดที่พลังงานทางเลือกมีราคาถูกลงเท่ากับพลังงานที่ได้จากรูปแบบเดิม อัตราการลดลงของราคาพลังงานแสงอาทิตย์ เริ่มเพิ่มสูงขึ้น Grid parity คือระดับเส้นวิกฤติที่บ่งบอกว่า ใต้เส้นนั้น พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน มีราคาถูกกว่าไฟฟ้าที่มาจาก การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ระดับกั้นนี้ก็คล้าย ๆ กับความต่าง ระหว่าง 32 องศาฟาเรนไฮต์ กับ 33 องศาฟาเรนไฮต์ หรือศูนย์และหนึ่งองศาเซลเซียส มันเป็นความต่างที่มากกว่าหนึ่งองศา มันคือความต่างระหว่างน้ำแข็งกับน้ำ และมันเป็นความต่างระหว่างตลาด ที่กำลังหยุดนิ่ง กับการไหลของเงินทุน เข้าไปหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ นี่เป็นโอกาสการทำธุรกิจใหม่ที่ใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์โลก และสองในสามอยู่ในภาคเอกชน เรากำลังเห็นความเฟื่องฟู ของการลงทุนใหม่ ๆ ตั้งแต่ปี 2010 การลงทุนทั่วโลก ในยุคพลังงงานไฟฟ้าหมุนเวียน ชนะพลังงานจากฟอสซิล ช่องว่างนี้ก็ได้ขยายขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่นั้น การคาดการณ์อนาคตยัง น่าตื่นตาตื่นใจกว่านั้นอีก แม้ว่าปัจจุบันจะยังมีการให้เงินอุดหนุน พลังงานฟอสซิลอยู่ ในอัตรา 40 เท่าของพลังงานหมุนเวียน และถ้าคุณรวมการคาดการณ์ เกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์เข้าไปด้วย โดยเฉพาะหากคุณคิดถึง สิ่งที่หลาย ๆ คนกำลังทำอยู่ เพื่อค้นพบรูปแบบของนิวเคลียร์ ที่ปลอดภัยกว่า ยอมรับได้มากกว่า และราคาถูกกว่า ก็ยิ่งทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอีก

    เคยมีเหตุการณ์ไหน ที่โลกรับเอาเทคโนโลยีใหม่ เข้ามาใช้อย่างรวดเร็วเช่นนี้อีกไหม ครับ มีหลายเหตุการณ์ทีเดียว แต่มาดูที่โทรศัพท์มือถือกัน ในปี ค.ศ. 1980 AT&T ตามด้วย Ma Bell จ้างให้ McKinsey ทำการสำรวจตลาดโลกเกี่ยวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ใหม่ รูปทรงหนา ๆ ที่ปรากฏขึ้นในสมัยนั้น "เราจะขายได้เท่าไหร่เมื่อถึงปี ค.ศ. 2000" พวกเขาถาม McKinsey กลับมาพร้อมคำตอบว่า "900,000" และแน่นอน เมื่อถึงปี 2000 พวกเขาก็ได้ขายไป 900,000 เครื่อง ภายในสามวันแรก และถึงช่วงงบดุลประจำปี พวกเขาก็ขายได้มากกว่านั้น 120 เท่า และตอนนี้มีการเชื่อมต่อทางโทรศัพท์มือถือ มากกว่าจำนวนคนบนโลก

    ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงไม่ได้แค่คาดผิด แต่คาดผิดไปไกลนักล่ะ ผมถามคำถามนั้นกับตัวเอง "ทำไมนะ"

    (เสียงหัวเราะ)

    และผมคิดว่าคำตอบอยู่ในส่วนที่สาม ส่วนแรก ราคามันลดฮวบลงมา เร็วกว่าที่ใคร ๆ จะคาดการณ์ ทั้ง ๆ ที่คุณภาพพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และประเทศรายได้ต่ำ ที่ไม่มีการวางสายโทรศัพท์บนดิน พวกเขาก็กระโดดเข้าตะครุบเทคโนโลยีใหม่นี้ การขยายตัวขนาดใหญ่เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับพลังงานไฟฟ้า ในโลกที่กำลังพัฒนาล่ะ มันไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก และหลาย ๆ พื้นที่ไม่มีมันเลยด้วยซ้ำ จำนวนคนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้เลยในอินเดีย มีจำนวนมากกว่า จำนวนประชากรทั้งหมด ในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นเราก็เลยมีพวกนี้ แผงเซลล์สุริยะบนหลังคาหญ้าและโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ทำมันมีราคาที่พอจะซื้อได้ มูฮัมหมัด ยูนุส ให้เงินติดตั้งแผงนี้ที่บังกลาเทศ ด้วยการปล่อยสินเชื่อขนาดเล็ก นี่คือตลาดของหมู่บ้าน บังกลาเทศในปัจจุบันเป็นประเทศ ที่ติดตั้งด้วยอัตราที่เร็วที่สุดในโลก สอบระบบต่อนาทีโดยเฉลี่ย และเรามีทุกอย่างที่จำเป็น พลังงานแสงอาทิตย์ที่มาถึงโลก ในทุก ๆ ชั่วโมงนั้นมากพอ ที่จะตอบสนองความจำเป็น ทางด้านพลังงานของโลกได้ทั้งปี จริง ๆ แล้วใช้แสงอาทิตย์ น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงนิดหน่อยก็ยังได้ ดังนั้น คำตอบของคำถามข้อสองก็คือ "เราเปลี่ยนแปลงได้ไหม" นั้นชัดเจนแล้วว่า "ได้" และมันก็เป็น "ได้" ที่หนักแน่นเสียยิ่งกว่า

    คำถามข้อสุดท้าย "เราจะเปลี่ยนแปลงไหม?" ข้อตกลงปารีสนั้นเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ มีบางบทที่เป็นข้อผูกมัดและการทบทวนอย่างสม่ำเสมอก็สำคัญอย่างมาก แต่ชาติต่าง ๆ ก็ไม่ได้รีรอ พวกเขากำลังเดินไปข้างหน้า จีนได้ประกาศไปแล้วว่าตั้งแต่ปีถัดไป พวกเขาจะรับเอาระบบการค้าขายแลกเปลี่ยน ก๊าซเรือนกระจกทั่วประเทศ พวกเขามีแนวโน้มจะเชื่อมกับสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาก็กำลังเปลี่ยนแปลง โรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดที่ได้วางโครงการ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ก็ได้ถูกยกเลิก และโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดที่มีอยู่เดิม ก็ถูกปลดระวาง โรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดนี้ มีแผนการปลดระวางที่ได้ประกาศแล้ว ทั้งหมดทั้งมวล ถูกยกเลิก พวกเรากำลังก้าวไปข้างหน้า ปีที่แล้ว ถ้าคุณดูการทั้งหมดทั้งหมด ในพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ในสหรัฐอเมริกา เกือบสามในสี่ เป็นพลังงานหมุนเวียน ส่วนใหญ่เป็นพลังงานลมและแสงอาทิตย์

    พวกเรากำลังแก้ไขวิกฤติการณ์นี้ และคำถามเดียวก็คือ จะใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะสำเร็จ? มันสำคัญมากที่ผู้คนกำลังจัดตั้งกลุ่ม เพื่อยืนหยัดในการเปลี่ยนแปลงนี้ ผู้คนเกือบ 400,000 คนเดินขบวน ในเมืองนิวยอร์ก ก่อนการประชุมวาระพิเศษของสหประชาชาติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลายพันคน เป็นหมื่น ๆ คน เดนขบวนในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก และก็ ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดีสุด ๆ อย่างที่ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้ เรากำลังเอาชนะมัน

    ผมจะปิดท้ายด้วยเรื่องนี้ ตอนผมมีอายุได้ 13 ปี ผมได้ยินการเสนอโครงการนั้น ของประธานาธิบดีเคนเนดี้ ที่จะส่งคนไปยังดวงจันทร์ และนำเขากลับมาอย่างปลอดภัย ภายใน 10 ปี ผมได้ยินผู้ใหญ่ในเวลานั้นพูดว่า "นั่นมันขาดความยั้งคิด สิ้นเปลือง และอาจจะล้มเหลวอีกต่างหาก" แต่ 8 ปี 2 เดือนถัดมา ณ เวลาที่นีล อาร์มสตรอง ก้าวเท้าลงบนดวงจันทร์ มีเสียงโห่ร้องยินดีในห้องควบคุมภารกิจของ NASA ที่เมืองฮุสตัน นี่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้กัน อายุเฉลี่ยของวิศวกรระบบ ผู้ควบคุมที่อยู่ในห้องนั้น ในวันนั้น คือ 26 ปี ซึ่งหมายความว่า นอกจากเรื่องอื่่น ๆ แล้ว อายุตอนที่พวกเขาได้ยินการท้าทายนี้ คือ 18 ปี
     
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ตอนนี้เรามีความท้าท้ายทางศีลธรรม ที่มีอยู่ในประเพณีของผู้อื่น ที่พวกเราได้พบเจอ หนึ่งในกวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในช่วงศตวรรษที่แล้วของสหรัฐฯ วอลเลส สตีเวนส์ ได้เขียนบทหนึ่งที่ผมยังคงตราตรึง "หลัง 'ไม่' สุดท้าย 'ใช่' ก็จะมาและ 'ใช่' นั้น ที่อนาคตของโลกพึ่งพิง" เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกทาส เริ่มต้นการเคลื่อนไหว พวกเขาพบกับคำว่า ไม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก และจากนั้นก็มีคำว่า ใช่ สิทธิออกเสียงเลือกตั้งของสตรี และขบวนการเพื่อสิทธิสตรี เจอกับคำว่า ไม่ แทบไม่สิ้นสุด จนกระทั่ง สุดท้ายแล้ว ก็มีคำว่า ใช่ ขบวนการเพื่อสิทธิพลเมือง การเคลื่อนไหวที่ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ และที่ล่าสุดกว่านี้ การเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิของเกย์และเลสเบียน ที่นี่ในสหรัฐฯ และที่อื่น ๆ หลังคำว่า "ไม่" ครั้งสุดท้าย คำว่า "ใช่" ก็มา

    เมื่อความท้าทายทางศีลธรรมครั้งใหญ่ใด ๆ ที่ในที่สุดได้ถูกแบ่งแยก ออกเป็นทางเลือกสองแพร่ง ระหว่างสิ่งที่ถูก และสิ่งที่ผิด ผลลัพธ์ได้ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะสิ่งที่เราเป็นในฐานะป็นมนุษย์ ร้อยละ 99 ของพวกเรา นั่นคือที่ที่เราอยู่ตอนนี้ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงจะชนะ เรามีทุกอย่างที่จำเป็น บางคนยังคงสงสัย ว่าเรามีปณิธานที่จะลงมือทำหรือไม่ แต่ผมพูดได้ว่า ปณิธานที่จะลงมือทำนั้น คือตัวแหล่งพลังงานหมุนเวียนนั่นเอง

    ขอบคุณมากครับ

    (เสียงปรบมือ)

    คริส แอนเดอร์สัน: คุณมีการผสมผสาน ที่น่าเหลือเชื่อของทักษะต่าง ๆ คุณมีหัวคิดของแบบนักวิทยาศาสตร์ ที่สามารถเข้าใจ ขอบเขตทั้งหมดของปัญหา และความสามารถที่จะส่งมันออกมา ด้วยภาษาที่มีชีวิตชีวาที่สุด ไม่มีใครอีกแล้วที่สามารถทำได้แบบนี้ คุณถึงได้เป็นผู้นำในเรื่องนี้ มันช่างวิเศษที่ได้เห็นมันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มันช่างวิเศษที่ได้เห็นมันตอนนี้

    อัล กอร์: ครับ คุณเองก็สุภาพ ที่พูดแบบนั้น คริส แต่เอาตามตรง ผมมีเพื่อนที่ดีมากมาย ในประชาคมวิทยาศาสตร์ ที่มีความอดทนอย่างน่าเหลือเชื่อ และผู้ที่จะนั่งอยู่ตรงนั้น และอธิบายเรื่องนี้กับผม ซ้ำแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าผมจะสามารถรับมัน ด้วยภาษาที่เรียบง่ายเพียงพอ ที่ผมจะสามารถเข้าใจมันได้ และนั่นคือหัวใจ ของการพยายามที่จะสื่อสาร

    คริส: การสนทนาของคุณ ช่วงแรก น่าสะพรึง ส่วนที่สอง ให้ความหวังอย่างน่าเหลือเชื่อ คุณทราบได้อย่างไรว่ากราฟทั้งหมดนั่น ความก้าวหน้าทั้งหมดนั่น เพียงพอแล้ว ที่จะแก้ไขในสิ่งที่คุณแสดงให้เห็น ในส่วนแรก

    อัล กอร์: ผมคิดว่า การตัดกันของเส้น คุณก็รู้ ผมอยู่ในโลกธุรกิจเพียงแค่ 15 ปี แต่หนึ่งในสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ก็คือ มันมีความสำคัญอย่างชัดแจ้ง ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่นั้นแพงกว่า ของที่มีอยู่เดิม หรือถูกกว่า ผลก็คือ มันสร้างความแตกต่าง ถ้ามันถูกกว่า

    (เสียงหัวเราะ)

    และเมื่อมันได้ตัดกับเส้นนั้น สิ่งต่าง ๆ มากมายก็จะเปลี่ยนแปลงจริง ๆ พวกเราต่างประหลาดใจอยู่บ่อยครั้ง ต่อการพัฒนาเหล่านี้ อย่างที่รูดี ดอร์นบุช นักเศรษฐศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้เคยกล่าวไว้ "สิ่งต่าง ๆ ใช้เวลายาวนานกว่าจะเกิดขึ้น ทันใดนั้น คุณคิดว่ามันจะเกิด และพวกมันก็เกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่พวกคุณ ได้คิดไว้ว่ามันจะทำได้" ผมคิดจริง ๆ ว่านั่นคือจุดที่เรากำลังอยู่ บางคนกำลังใช้คำว่า "ภาวะเอกฐานสุริยะ" ตอนนี้ หมายความว่า เมื่อพลังงานแสงอาทิตย์ ไปถึงจุดที่ตำกว่าค่าของพลังงานกริด ที่ไม่ได้รับการอุดหนุนในพื้นที่ส่วนใหญ่ มันจะกลายเป็นทางเลือกโดยปริยาย

    เอาหละ ในการนำเสนอหนึ่ง เมื่อวานนี้ เรื่องรถสองแถว มีความพยายามที่จะใช้กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อชะลอเรื่องนี้ลงและผมก็ไม่คิดว่ามันจะได้ผล

    มีผู้หญิงคนหนึ่งในเมืองแอตแลนต้า เด็บบี้ ดูเลย์ ซึ่งเป็นประธานของขบวนการเลี้ยงน้ำชา เมืองแอตแลนต้า พวกเขาเรียกร้องจากเธอ ในความพยายามที่จะจัดเก็บภาษี จากแผงเซลล์สุริยะ และกฎระเบียบต่าง ๆ และเธอก็เพิ่งจะติดตั้งแผงเซลล์สุริยะ บนหลังคาบ้านตัวเองไปหมาด ๆ และเธอก็ไม่เข้าใจข้อเรียกร้องนี้

    (เสียงหัวเราะ)

    ดังนั้นเธอจึงไปและจัดตั้งพันธมิตรกับเซียร่า คลับ และพวกเขาก็ได้จัดตั้งองค์การใหม่ขึ้นมา เรียกว่า ขบวนการเลี้ยงน้ำชาเขียว

    (เสียงหัวเราะ)

    (เสียงปรบมือ)

    และพวกเขาก็ได้ล้มข้อเสนอนั้นลง ดังนั้น สุดท้ายแล้ว คำตอบของคำถามของคุณก็คือ นี่อาจจะฟังดูเชยและอาจจะจำเจ แต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และคริสเตียนาพูดถึงเรื่องนี้ มีหลายคนในบรรดาผู้ฟัง ที่ได้มีบทบาทสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อในการสร้างกราฟเอ็กซ์โปเนนเชียลเหล่านั้น และมันก็ไม่ได้ผลในทางเศรษฐกิจ สำหรับพวกเขาบางคน แต่นั่นก็ได้ก่อให้เกิดการปฏิวัติระดับโลกนี้ และสิ่งที่ผู้ฟังทำตอนนี้ ด้วยความรู้ที่ว่า พวกเราจะเอาชนะมันได้ แต่มันก็สำคัญมาก ๆ ที่ว่า เราจะชนะมันได้เร็วแค่ไหน

    คริส: อัล กอร์ครับ นั่นทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ ถ้านี่กลับกลายเป็นปี ทีเรื่องของฝ่ายการเมืองเปลี่ยนแปลง อย่างที่คุณพูดไว้ มันไม่ใช่ประเด็น เกี่ยวกับฝ่ายการเมืองอีกต่อไปแล้ว แต่คุณได้นำพาผู้คนจากต่างฝ่าย เข้ามาไว้ด้วยกันหนุนหลังด้วยวิทยาศาสตร์ ด้วยโอกาสในการลงทุนเหล่านั้น ด้วยเหตุผลที่คุณชนะการโต้เถียง โอ้ ช่างน่าตื่นเต้นเสียจริง

    ขอบคุณมากครับ

    อัล กอร์: ขอบคุณมากครับ ที่พาผมกลับมายัง TED ขอบคุณครับ

    (เสียงปรบมือ)
     
  5. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
     
  6. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ผมเคยนำเสนอสไลด์ที่ผมให้ที่นี่ไว้เมื่อสองปีก่อน ประมาณ 2 พันครั้งเห็นจะได้ครับ และเช้าวันนี้ผมกำลังจะให้ดูสไลด์สั้นๆ ที่ผมจะให้ดูเป็นครั้งแรกจริงๆ ฉะนั้น-- มันเป็นสิ่งที่--ผมไม่ต้องการหรืออยากจะทำให้มันซับซ้อน จริงๆ แล้วผมพยายามที่จะลดความซับซ้อนลงด้วยซ้ำ เพราะผมได้ปะติดปะต่อเรื่องนี้เข้าด้วยกันเพื่อพยายาม ที่จะเผชิญกับการท้าทายในการประชุมครั้งนี้

    และการนำเสนอที่เยี่ยมยอดของคุณคาเรน อาร์มสตรองได้เตือนสติผมว่า ศาสนาที่ได้รับความเข้าใจอย่างถูกต้องนั้นไม่เกี่ยวกับความเชื่อ แต่เกี่ยวกับพฤติกรรม บางทีเราควรพูดถึงเรื่องเดียวกันเกี่ยวกับการมองโลกในแง่ดี พวกเรากล้าที่มองโลกในแง่ดีได้อย่างไรครับ บางครั้ง การมองโลกในแง่ดีถูกจัดอยู่ในลักษณะของความเชื่อ เป็นทัศนคติที่ชาญฉลาด อย่างที่ท่านมหาตมะคานธีได้กล่าวประโยคอันลือลั่นว่า "คุณจะต้องกลายเป็นความเปลี่ยนแปลงที่คุณปรารถนาที่จะเห็นในโลกนี้" และผลลัพธ์ที่ออกมาเกี่ยวกับสิ่งที่ เราปรารถนาที่จะเป็นคนมองโลกในแง่ดีนั้นจะไม่ถูกสร้างขึ้นมา โดยความเชื่อเพียงอย่างเดียว เว้นแต่ในระดับที่ความเชื่อ จะนำมาซึ่งพฤติกรรมใหม่ แต่คำว่า "พฤติกรรม" ผมคิดว่าบางครั้งยังถูกตีความผิดในความหมายแวดล้อมนี้ด้วย ผมเป็นหัวเรือใหญ่ในการเปลี่ยน หลอดไฟฟ้าและการซื้อรถยนต์ไฮบริด และทิปเปอร์กับผมวางแผงรับพลังแสงอาทิตย์ 33 แผ่นไว้บนบ้านของเรา พร้อมทั้งขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลและทำสิ่งอื่นๆ อีกหลายอย่าง แต่สิ่งที่สำคัญเท่าเทียมกับการเปลี่ยนหลอดไฟฟ้า เรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าคือการปรับเปลี่ยนกฏหมาย และเมื่อเราเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเองในชีวิตประจำวัน บางครั้งเราก็ไม่สนใจในส่วนความเป็นพลเมือง และส่วนความเป็นประชาธิปไตย เพื่อที่จะมีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราจะต้องกระตือรือร้นอย่างมากในฐานะพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย เพื่อที่จะแก้ปัญหาวิกฤติสภาวะอากาศ เราจะต้องแก้วิกฤติระบอบประชาธิปไตย (เสียงปรบมือ) และเรามีวิธีแก้ไข

    ที่ผ่านมาผมได้พยายามที่จะบอกเรื่องนี้มาโดยตลอด เมื่อเร็วๆ นี้เอง ผมจำได้ว่ามีคุณยายท่านหนึ่ง ได้เดินผ่านโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ เธอเพียงแค่จ้องมองผมตอนที่เดินผ่าน คุณยายอายุราวๆ 70 ปี ท่านดูท่าทางใจดี ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งผมได้เหลือบดูด้วยหางตา ขณะที่คุณยายกำลังเดินมาจากฝั่งตรงข้าม และยังคงแค่มองจ้องผม แล้วผมก็ทักทายท่านว่า "สบายดีหรือครับ" แล้วคุณยายก็พูดว่า "คุณรู้มั๊ย ถ้าคุณย้อมผมเป็นสีดำ คุณจะดูเหมือนอัล กอร์ เลยนะ" (เสียงหัวเราะ)

    หลายปีที่ผ่านมาตอนที่ผมเป็นสมาชิกหนุ่มสภาคองเกรส ผมใช้เวลาอย่างมากมายไปกับการต่อสู้กับความท้าทายของการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์--การแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์ และนักประวัติศาสตร์ทางทหารได้สอนผมไว้ ในช่วงการแข่งขันนั้นว่า ปกติแล้ว ความขัดแย้งทางการทหาร จะถูกจัดอยู่ใน 3 จำพวกได้แก่: ยุทธภูมิในท้องถิ่น สงครามระดับภูมิภาคหรือระดับภาคพื้นทวีป และสงครามที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งแต่สำคัญทั่วโลก นั่นคือสงครามโลก ความขัดแย้งทางยุทธศาสตร์ และความขัดแย้งแต่ละระดับจะต้องการการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เหมือนกัน วิธีการที่ไม่เหมือนกัน รูปแบบการจัดการที่ไม่เหมือนกัน ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมถูกจัดอยู่ใน 3 จำพวกเหมือนกัน และสิ่งที่เราคิดถึงมากที่สุดคือ ปัญหาสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นเช่น มลพิษในอากาศ มลพิษในน้ำ ที่ทิ้งขยะที่เป็นอันตราย นอกจากนั้นยังมี ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาค เช่น ฝนกรด จากภาคตะวันตกตอนกลางถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจากยุโรปตะวันตก ถึงมหาสมุทรอาร์กติก และจากภาคตะวันตกตอนกลาง ออกจากมิสซิสซิปปี้เข้าไปในเขตเดดโซนของอ่าวเม็กซิโก และยังมีปัญหาเหล่านั้นอีกมากมาย แต่วิกฤติสภาวะอากาศ เป็นวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักแต่มีความสำคัญ ทั่วโลกหรือในเชิงยุทธศาสตร์ ทุกสรรพสิ่งได้รับผลกระทบ และเราจะต้องจัดการกับปฏิกิริยาของเราอย่างเหมาะสม เราต้องการการเคลื่อนไหวทั่วโลก เพื่อพลังงานคืนรูป การอนุรักษ์ธรรมชาติ ความมีประสิทธิภาพและการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เรามีงานที่ต้องทำ และเราสามารถระดมทรัพยากรต่างๆ และความทุ่มเทของภาครัฐ แต่ความทุ่มเทของภาครัฐนั้น จำเป็นจะต้องถูกระดมเพื่อที่จะขับเคลื่อนทรัพยากรได้

    ผมจะให้คุณชมภาพสไลด์เหล่านี้ครับ ผมคิดว่าผมควรจะเริ่มด้วยโลโก้ สิ่งที่หายไป แน่นอน คือดินแดนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือ กรีนแลนด์ยังอยู่ ในช่วง 28 ปีที่ผ่านมาภาพที่เห็นนี่คือดินแดนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งในขั้วโลก --ดินแดนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งทางขั้วโลกเหนือ--เคยเป็นอย่างนี้ เมื่อสิ้นสุดฤดูร้อนเข้าฤดูใบไม้ร่วงในช่วงที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมานี้เองผมได้ไปที่ศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็ง ในโบลเดอร์รัฐโคโลราโดและได้พูดคุยกับนักวิจัยหลายๆ คนใน เมืองมอนเทอเรย์ที่ห้องปฏิบัติการของนักศึกษาบัณฑิตวิทยาลัยกองทัพเรือ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 28 ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ ในปี 2005 นั้นเป็นบันทึกก่อนหน้า ภาพนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ที่สร้างความประหวั่นพรั่นใจอย่างมากให้กับนักวิจัย ดินแดนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือมีขนาดเชิงภูมิศาสตร์เท่ากัน ดูไม่เหมือนว่าจะมีขนาดเดียวกันซะทีเดียว แต่มันมีขนาดเท่ากันพอดีกับประเทศสหรัฐอเมริกา ตัดพื้นที่ซึ่งมีขนาดคร่าวๆ เท่ากับรัฐอาริโซน่า ส่วนที่หายไปทั้งหมดในปี 2005 นั้น มีขนาดเทียบเท่ากับด้านตะวันออกทั้งหมดของมิสซิสซิปปี้ ส่วนที่หายไปเพิ่มเติมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา นั้นเทียบเท่ากับภาพที่เห็นนี้มาก น้ำแข็งจะกลับมาอีกฤดูหนาว แต่ไม่ใช่น้ำแข็งถาวร แต่เป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่เปราะบาง ส่วนที่เหลืออยู่นั้นอาจจะละลายหายไปจนหมดสิ้น ในฤดูร้อนภายในเวลาเพียง 5 ปี ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อกรีนแลนด์มาก และแผ่ไปรอบอาร์กติกเซอร์เคิล นี่คือหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในอลาสก้า นี่คือเมืองเล็กๆ ในนิวฟาวแลนด์ แอนตาร์กติกา การศึกษาล่าสุดจากองค์การนาซ่า ปริมาณการละลายของหิมะในระดับปานกลางถึงรุนแรง ในพื้นที่ที่มีขนาดเทียบเท่ากับรัฐแคลิฟอร์เนีย
     
  7. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    "ช่วงเวลาต่างๆ มีทั้งเวลาที่ดีที่สุด และเวลาที่เลวร้ายที่สุด" เป็นประโยคเปิดเรื่องที่โด่งดังที่สุด ในวรรณคดีอังกฤษ ผมอยากจะเล่าเรื่องย่อๆ ของ "เรื่องเล่าของดาวพระเคราะห์สองดวง"โลกและดาวศุกร์ นั้นมีขนาดเท่ากันพอดี เส้นผ่าศูนย์กลางของโลก นั้นมีขนาดใหญ่กว่าประมาณ 400 กิโลเมตรแต่โดยหลักแล้วมีขนาดเท่ากัน ดาวเคราะห์ทั้งสองดวงต่างมีปริมาณของก๊าซคาร์บอนเท่ากันพอดี แต่ความแตกต่างก็คือ บนโลกนั้น ก๊าซคาร์บอนส่วนใหญ่ ถูกดูดออกจากชั้นบรรยกาศเมื่อเวลาผ่านพ้นไป และถูกทับถมอยู่ในพื้นดินเป็นถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น แต่บนดาวศุกร์ก๊าซส่วนใหญ่ จะอยู่ในชั้นบรรยากาศ ข้อแตกต่างก็คืออุณภูมิของเรา อยู่ที่ระดับ 59 องศาโดยเฉลี่ย ส่วนบนดาวศุกร์ อุณหภูมิอยู่ที่ 855 องศา เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ปัจจุบันของเรา ในการดึงก๊าซคาร์บอนขึ้นมาจากพื้นดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และส่งขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศ ไม่ใช่เพราะดาวศุกร์อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากกว่าดาวเคราะห์ร้อนกว่าดาวพุธ ซึ่งอยู่ถัดจากดวงอาทิตย์ถึงสามเท่า ขอสั้นๆนะครับ นี่คือภาพที่คุณเคยเห็นซึ่งเป็นหนึ่งในภาพเก่าๆ เท่ามีอยู่ แต่ที่ผมให้ดูเพราะผมอยากมอบซีเอสไอด้านสภาวะอากาศ

    ชุมชนด้านวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกล่าวว่า มลพิษของภาวะโลกร้อนจากฝีมือมนุษย์ที่เพิ่มเข้าไปในชั้นบรรยากาศ ซึ่งจับตัวหนาขึ้น จะปิดกั้นรังสีอินฟราเรดที่จะออกไป ทุกท่านทราบดีว่า ผลสรุป ของไอพีซีซีล่าสุดนั้น นักวิทยาศาสตร์ต้องการจะพูดว่า "คุณมั่นใจแค่ไหน" พวกเค้าอยากจะตอบว่า "99 เปอร์เซนต์" ชาวจีนท้วงขึ้นมาและคำตอบแบบรอมชอมที่ได้ก็คือ "มากกว่า 90 เปอร์เซนต์" ตอนนี้ คนขี้สงสัยพวกนั้นก็พูดว่า "โอ้ เดี๋ยวก่อน นี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในพลังงานนี้ ที่ส่งออกมาจากดวงอาทิตย์" ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง บรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ก็จะถูกทำให้ร้อนขึ้น เช่นเดียวกับ บรรยากาศที่อยู่ต่ำกว่าลงไปหากมีพลังงานเข้ามากมากขึ้น และถ้ามันถูกดักมากขึ้นในระหว่างทางออก แล้วคุณจะ คาดได้ว่าที่นี่จะร้อนขึ้นและที่นั่นก็จะเย็นลง นี่คือชั้นบรรยากาศที่ต่ำกว่า นี่คือบรรยากาชั้นสตราโตสเฟียร์:เย็นกว่า ซีเอสไอ: สภาวะอากาศ

    ต่อไปนี้เป็นข่าวดี ขณะนี้คนอเมริกัน 68% เชื่อว่า การกระทำของมนุษย์มีส่วนรับผิดชอบ ต่อภาวะโลกร้อน 69% เชื่อว่าโลกกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ ในหนทางที่รุนแรง ยังมีความคืบหน้าอยู่ แต่กุญแจสำคัญคือ เมื่อแสดงรายการความท้าทาย ที่จะต้องเผชิญ ภาวะโลกร้อนยังคงถูกจัดไว้ในอันดับเกือบสุดท้าย สิ่งที่หายไปก็คือความรู้สึกของความเร่งด่วน หากคุณเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ด้านข้อเท็จจริง แต่คุณไม่ได้รู้สึกถึงความเร่งด่วนเลย แล้วคุณจะทำอย่างไรดีสมาพันธ์เพื่อการปกป้องสภาพอากาศที่ผมเป็นผู้นำ โดยร่วมมือกับ CurrentTV--ที่เป็นผู้ให้การบริการสังคมครั้งนี้ร่วมกันจัดการแข่งขันระดับโลกเพื่อทำสื่อโฆษณาในหัวข้อวิธีสื่อสารเรื่องนี้ และนี่ก็คือผู้ชนะ

    เอ็นบีซี--ผมจะแสดงให้เห็นเครือข่ายทั้งหมดที่นี่--นักหนังสือพิมพ์ชั้นแนวหน้า ของเอ็นบีซีตั้งคำถามทั้งหมด 965 คำถามไว้ในปี 2007 กับผู้สมัครลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยสองคำถามในนั้น เกี่ยวกับวิกฤติสภาวะอากาศ เอบีซี: มี 844 คำถามและมีสองคำถามเกี่ยวกับวิกฤติสภาวะอากาศ ฟ๊อกซ์:สองคำถาม ซีเอ็นเอ็น:สองคำถาม ซีบีเอส:ศูนย์ บ้างก็เรียกเสียงหัวเราะ บ้างก็เรียกน้ำตา นี่คือหนึ่งใน โฆษณาขายบุหรี่ที่เก่ากว่า ฉะนั้น นี่คือสิ่งที่เราทำอยู่ นี่คือปริมาณการบริโภคน้ำมันในประเทศเหล่านี้ทั้งหมดและรวมทั้งเราด้วย แต่นี่ไม่ใช่แค่ประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น ตอนนี้ประเทศที่กำลังพัฒนากำลังตามเรามาติดๆ และกำลังเร่งฝีเท้าของพวกเขา และจริงๆ แล้ว การปล่อยพลังงานสะสมของประเทศเหล่านี้ในปีนี้เทียบเท่ากับ ระดับการปล่อยของเราในปี 1965 และพวกเขากำลังไล่ตามทัน อย่างรวดเร็วมาก ระดับความเข้มข้นทั้งหมด ภายในปี 2025 พวกเค้าจะอยู่ในระดับที่เราเคยอยู่ในปี 1985 ถ้าหากประเทศที่มั่งคั่งร่ำรวยหายไปจนหมดสิ้น จากโลกนี้ เราก็ยังคงมีวิกฤตินี้อยู่ แต่เราได้ให้เทคโนโลยีและวิธีการคิดแก่ประเทศที่กำลังพัฒนา ที่เป็นผู้สร้างวิกฤติ นี่คือในโบลิเวีย ผ่านไป--ผ่านไปกว่าสามสิบปี

    นี่คือการทำประมงช่วงสูงสุดในเวลาสองสามวินาที ยุค 60 ยุค 70 ยุค 80 ยุค 90 เราจะต้องหยุดวิกฤตินี้ และข่าวดีก็คือเราสามารถทำได้ เรามีเทคโนโลยี เราจะต้องเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันถึงวิธีจัดการกับเรื่องนี้ ความพยายามต่อสู้กับความยากจนในโลก และความท้าทายของการลดการปล่อยพลังงานของประเทศที่ร่ำรวยลง ทั้งหมดมีทางแก้ที่ง่ายมากอยู่ทางเดียว

    ผู้คนถามว่า "แล้วทางแก้คืออะไรล่ะ" นี่ไงครับ กำหนดราคาก๊าซคาร์บอน เราต้องการเงินภาษีของก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ รายได้ที่เป็นกลาง เพื่อมาแทนที่เงินภาษีในการจ้างงานที่บิสมาร์กเป็นผู้สร้างขึ้น -- และบางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ในโลกที่น่าสงสารนี้ เราจะต้องผสานปฏิกิริยาตอบสนอง ต่อความยากจนเข้ากับการแก้ปัญหาวิกฤติสภาวะอากาศ แผนการที่จะต่อสู้กับความยากจนในอูกานด้า นั้นจะถูกโต้แย้งหากเราไม่แก้ปัญหาวิกฤติสภาวะอากาศ

    แต่ปฏิกิริยาตอบสนองสามารถสร้างความแตกต่างมากได้จริงๆ ในประเทศที่ยากจน นี่คือข้อเสนอ ที่ถูกกล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมากในยุโรป นี่ได้มาจากนิยสารเนเจอร์ พืชเหล่านี้คือ พืชพลังงานคืนรูปแบบ แสงอาทิตย์ที่ปลูกกันอยู่หนาแน่น ซึ่งถูกเชื่อมโยงกับซูเปอร์กริด เพื่อจ่ายพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด สู่ยุโรป ส่วนใหญ่มาจากประเทศที่กำลังพัฒนา กำลังไฟฟ้ากระแสตรงที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง นี่ไม่ใช่ "การวาดวิมานบนอากาศ" เราสามารถทำได้

    เราต้องทำเรื่องนี้เพื่อระบบเศรษฐกิจของเราเอง ตัวเลขล่าสุดแสดงให้เห็นว่าโมเดลแบบเก่า ใช้ไม่ได้ผล มีการลงทุนที่ดีมากมาย ที่คุณสามารถทำได้ หากคุณกำลังลงทุนในทรายน้ำมันดิน หรือหินน้ำมัน ถือว่าคุณมีกลุ่มการลงทุน ที่แน่นขนัดไปด้วยสินทรัพย์คาร์บอนด้อยคุณภาพ และมีพื้นฐานจากโมเดลแบบเก่า คนติดยามองหาเส้นเลือดที่นิ้วเท้าของตัวเองขณะที่ เส้นเลือดที่แขนและขาทรุดลง การพัฒนาทรายน้ำมันดิน และหินน้ำมันก็ไม่ต่างกัน ต่อไปนี้คือแค่การลงทุนไม่กี่ชนิด ที่โดยส่วนตัวผมคิดว่าเข้าท่า ผมลงทุนในสิ่งเหล่านี้ ฉะนั้นผมจะไม่พยายามชักชวนให้คุณลงทุนแต่พลังงานความร้อนใต้ผิวโลก การเพิ่มความเข้มข้นของแสงอาทิตย์ เซลล์แสงอาทิตย์ขั้นสูง ความมีประสิทธิภาพ และการอนุรักษ์ธรรมชาติ
     
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    คุณเคยดูสไลด์ชุดนี้มาก่อน แต่มีการเปลี่ยนแปลงครับ มีเพียงสองประเทศเท่านั้นที่ไม่อนุมัติ --และตอนนี้เหลือเพียงประเทศเดียว ออสเตรเลียได้มีการเลือกตั้ง และเคยมีการรณรงค์ในออสเตรเลีย ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาทางโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ตและวิทยุ เพื่อที่จะปลุกสำนึกความเร่งด่วนให้กับประชาชนที่นั่น และเราได้ฝึกอบรมคนจำนวน 250 คนในการนำเสนอสไลด์ ในทุกๆ ชุมชน หมู่บ้าน และเมืองในออสเตรเลีย หลายสิ่งหลายอย่างมีส่วนร่วมในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ประกาศว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาคือการเปลี่ยนฐานะของออสเตรเลีย ในสนธิสัญญาเกียวโต และเขาก็ทำได้ ขณะนี้พวกเขาตระหนักดีแล้ว ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากภัยแล้งรุนแรงที่พวกได้ประสบมา นี่คือทะเลสาปเลเนียร์ ไฮดี้ คัลลินส์ เพื่อนของผม พูดไว้ว่า ถ้าเราตั้งชื่อให้ภัยแล้งแบบที่เราตั้งชื่อให้พายุเฮอริเคน เราน่าจะเรียกภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงใต้ตอนนี้ว่าคาทริน่า และเราจะบอกว่าภัยนี้ได้มุ่งตรงไปที่แอตแลนต้า เรารอไม่ได้แล้วที่จะให้เกิดภัยแล้ง อย่างที่มีในออสเตรเลียเพื่อเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมืองของเรามีข่าวดีเพิ่มเติม เมืองต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนสนธิสัญญาเกียวโต มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 780 เมือง -- และผมคิดว่าผมเห็นเมืองหนึ่งผ่านตาไป แค่อยากจะให้ดูเฉพาะเมืองนี้ ซึ่งถือเป็นข่าวดี

    สำหรับช่วงสุดท้าย เมื่อสองสามวันก่อนเราได้ยินเรื่อง เกี่ยวกับคุณค่าของการสร้างวีรกรรมแบบปัจเจกชนที่แสนธรรดา ที่กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหรือจำเจ สิ่งที่เราต้องการคือฮีโร่อีกรุ่นหนึ่ง พวกเราที่ยังมีชีวิต อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ แต่ยังรวมถึงผู้ที่อยู่ในส่วนอื่นๆ ของโลกด้วย จะต้องเข้าใจในทางใดทางหนึ่งว่าประวัติศาสตร์ ได้มอบตัวเลือกให้แก่เรา--อย่างที่จิล บอลท์ เทย์เลอร์ ที่คิดหาวิธี ว่าจะช่วยชีวิตของเธอเองได้อย่างไรในขณะที่เธอถูกเบี่ยงเบนความสนใจ โดยประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ที่เธอได้พบประสบมา ขณะนี้ เรามีค่านิยมในสิ่งที่ทำให้ไข้วเขว แต่เรามีภาวะเร่งด่วนที่เกี่ยวกับโลก และเราต้องหาหนทางที่จะสร้าง สำนึกในภาระหน้าที่ร่วมรุ่น ในรุ่นของผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ผมหวังว่าผมจะหาคำที่ใช้สื่อเรื่องนี้ได้ นี่คือฮีโร่อีกรุ่นหนึ่ง ที่นำประชาธิปไตยมาสู่โลกของเรา รุ่นที่ได้ยกเลิกระบบทาส และได้ให้สิทธิกับผู้หญิงในการออกเสียง เราสามารถทำได้ อย่าบอกกับผมว่าเราไม่มีความสามารถในการทำสิ่งนี้นะครับ ถ้าเรามีทรัพย์สินที่มีมูลค่าเท่ากับที่เราใช้จ่ายหนึ่งสัปดาห์ในสงครามอิรัก เราจะสามารถนำมาใช้แก้ไขความท้าทายนี้ได้แน่ เรามีความสามารถที่จะทำได้

    จุดสุดท้าย ผมมองโลกในแง่ดีเพราะผมเชื่อว่า เรามีความสามารถ ในช่วงเวลาของความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ที่จะเลิกสนใจสาเหตุของความไข้วเขว แล้วลุกขึ้นสู้กับความท้าทาย ที่ประวัติศาสตร์มอบให้เรา บางครั้ง ผมได้ยินคนโต้ตอบกับข้อเท็จจริงที่น่าหวาดหวั่นของวิกฤติสภาวะอากาศ โดยพูดว่า "โอ มันน่ากลัวเหลือเกิน เรามีภาระที่ยากลำบากจริงๆ" ผมอยากขอให้คุณ จัดกรอบคำพูดนั้นใหม่ จะมีคนสักกี่รุ่น ในประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติทั้งหมดที่มีโอกาสเช่นนี้ที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายที่คุ้มกับการพยายามสูงสุดของเรา ความท้าทายที่สามารถดึงมาจากพวกเรา มากกว่าที่เรารู้ว่าเราสามารถทำได้ ผมคิดว่าเราควรจะจัดการ กับความท้าทายนี้ด้วยสำนึกแห่งความยินดียิ่ง และรู้สึกขอบคุณที่เราคือคนรุ่นนี้ที่ ซึ่งอีกพันปีนับจากนี้ไป วงดินตรีประสานเสียงออร์เคสตร้า นักแต่งกลอน และนักร้องจะร่วมสรรเสริญ ด้วยการพูดว่าพวกเขาคือผู้ที่ค้นพบสำนึกนี้ภายในตัวของตนเอง ในการแก้ไขวิกฤตินี้และวางรากฐาน เพื่ออนาคตของมนุษย์ที่มีโชติช่วงและมองโลกในแง่ดี

    มาทำสิ่งนั้นกันเถอะครับ ขอบคุณมากครับ

    คริส แอนเดอร์สัน: สำหรับหลายๆ คนที่ TED ถือเป็นความเจ็บปวดลึกๆ นั่นก็คือปัญหาการออกแบบ--เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว ปัญหาการออกแบบบนแบบฟอร์มลงคะแนน-- ปัญหาการออกแบบเพียงจุดเดียวหมายความว่าความเห็นของคุณไม่ได้รับฟัง แบบนั้นในช่วงแปดปีที่อยู่ในตำแหน่ง ที่คุณสามารถทำสิ่งเหล่านั้นให้เป็นจริงได้ นั่นเจ็บปวด

    อัลกอร์: คุณไม่มีทางรู้หรอก (เสียงหัวเราะ)

    คริส แอนเดอร์สัน: เมื่อคุณดูสิ่งที่ผู้สมัครคนสำคัญๆ ในพรรคของคุณเองกำลังทำอยู่ตอนนี้--ผมหมายถึง คุณตื่นเต้นไปกับแผนเรื่องภาวะโลกร้อนของพวกเขาหรือไม่

    อัลกอร์:มันยากที่ผมจะตอบคำถามนี้ เพราะด้านหนึ่งผมคิดว่า เราควรรู้สึกดีมากในข้อเท็จจริงที่ ตัวแทนฝ่ายรีพับบลิกัน--ตัวแทนบางท่าน-- จอห์น แม็คเคนและผู้เข้ารอบสุดท้ายทั้งคู่ สำหรับการเสนอชื่อตัวแทนจากพรรคเดโมแครต - ทั้งสามท่านต่างก็มี มุมมองที่ก้าวหน้าในเรื่อง วิกฤติสภาวะอากาศที่แตกต่างกันมาก ทั้งสามท่านได้เสนอภาวะความเป็นผู้นำ และทั้งสามท่านก็แตกต่างกันจากวิธีดำเนินการ ที่ใช้โดยรัฐบาลชุดปัจจุบัน และผมคิดว่า ทั้งสามท่านได้มีส่วนรับผิดชอบใน การเสนอแผนงานและข้อเสนอที่ก้าวหน้า แต่บทพูดในการรณรงค์ที่-- ตามที่ถูกตีกรอบโดยคำถาม-- ที่ถูกนำมาปะติดปะต่อกันโดย สมาพันธ์ผู้ออกเสียงให้มีการอนุรักษ์ธรรมชาติ อนึ่ง การวิเคราะห์คำถามทั้งหมดนั้น และอีกอย่างหนึ่ง การโต้วาทีทั้งหมดได้รับการ สนับสนุนโดยบางอย่างมีป้ายยี่ห้อ Orwellian ปรากฎอยู่คือ "Clean Coal" มีใครสังเกตเห็นบ้างมั๊ยครับ การโต้วาทีทุกๆ ครั้งได้รับการสนับสนุนโดย "Clean Coal" "ขณะนี้มีการปล่อยน้อยยิ่งกว่าเดิม!"

    ความแน่นและความสมบูรณ์ของบทพูด ในประชาธิปไตยของเราไม่ได้วางรากฐาน ให้กับแผนเริ่มต้นที่กล้าหาญที่จำเป็นต้องมีจริงๆ ดังนั้น พวกเขาพูดในสิ่งที่ถูกต้องและพวกเขาอาจจะ-- ไม่คนใดคนนึงที่ถูกเลือก--อาจทำสิ่งที่ถูกต้องก็ได้-- แต่ผมขอบอกคุณว่า เมื่อผมกลับมาจากเกียวโต ในปี 1997 ด้วยความรู้สึกถึงความสุขที่ยิ่งใหญ่ ที่เรามีการพัฒนาอย่างยิ่งใหญ่ที่นั่น และแล้วก็ได้เผชิญหน้ากับสภาสูงแห่งสหรัฐอเมริกา มีวุฒิสมาชิกเพียงหนึ่งในร้อยคนเท่านั้นที่เต็มใจที่จะออกเสียง เพื่อยืนยัน เพื่ออนุมัติสนธิสัญญานั้น ไม่ว่าผู้สมัครจะพูดอย่างไร จะต้องถูกวางไปตามแนวของสิ่งที่ประชาชนพูด

    ความท้าทายนี้ถือเป็นส่วนของโครงสร้าง อารยธรรมทั้งหมดของเรา คาร์บอนไดอ๊อกไซด์เป็นลมหายใจออกของอารยะธรรมของพวกเราอย่างแท้จริง และตอนนี้เราใช้เครื่องจักรเคลื่อนกระบวนการนั้น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบนั้นจะต้องมีขอบเขต ระดับ ความรวดเร็วในการเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้มากเกินกว่าสิ่งที่เราได้ทำไว้ในอดีต ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมเริ่มด้วยการพูดว่า เป็นคนมองโลกในแง่ดีในสิ่งที่คุณทำ แต่เป็นพลเมืองที่ร่วมมืออย่างจริงจัง ความต้องการ -- เปลี่ยนหลอดไฟฟ้า แต่เปลี่ยนกฏหมาย เปลี่ยนสนธิสัญญาทั่วโลก เราจะต้องพูด เราจะต้องแก้ประชาธิปไตยนี้-- เรามีความแข็งกระด้างในระบอบประชาธิปไตยของเรา และเราต้องเปลี่ยนแปลงมัน ใช้อินเตอร์เน็ต ท่องอินเตอร์เน็ต ติดต่อกับผู้คน กลายเป็นคนที่กระตืรือร้นเฉกเช่นพลเมือง ให้มีการระงับยับยั้งชั่วคราว--เราไม่ควรที่จะ มีโรงงานที่ใช้ถ่านหินเป็นตัวสร้างพลังงานใหม่อีก ที่ไม่สามารถดักจับและกักก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ซึ่งหมายความว่าเราต้อง รีบเร่งสร้างแหล่งทรัพากรคืนรูปเหล่านี้อย่างรวดเร็ว วันนี้ ยังไม่มีใครพูดถึงในระดับนั้น แต่ผมเชื่อว่า ในระหว่างนี้ไปถึงเดือนพฤศจิกายน มีความเป็นไปได้ Alliance for Climate Protection นี้ จะเปิดตัวการรณรงค์ทั่วประเทศ-- การระดมคนระดับรากหญ้า โฆษณาทีวี โฆษณาในอินเตอร์เน็ต วิทยุ หนังสือพิมพ์--ด้วยการร่วมมือกับทุกๆ คน ทั้งจากลูกเสือหญิงไปถึงนักล่าสัตว์และชาวประมง

    เราต้องการความช่วยเหลือ เราต้องการความช่วยเหลือ

    คริส: ในแง่บทบาทส่วนตัวของคุณเองที่กำลังเดินไปข้างหน้า อัล ยังมีอะไรมากไปกว่านั้นมั๊ยครับ ที่คุณต้องการที่จะทำ

    อัลกอร์: ผมภาวนาว่าผมจะหาคำตอบ ให้กับคำถามนั้นได้ ผมทำอะไรได้บ้าง บัคมินสเตอร์ ฟูลเลอร์เคยเขียนไว้ว่า "ถ้าหากอนาคตของ ของอารยธรรมมนุษย์ทั้งหมดขึ้นอยู่กับผม ผมจะทำอะไรดี ผมจะเป็นอะไรดี" มันขึ้นกับพวกเราทุกคน แต่นั่นแหละ ไม่ใช่แค่กับหลอดไฟฟ้าเท่านั้น เรา พวกเราส่วนใหญ่ที่นี่เป็นคนอเมริกัน เรามีประชาธิปไตย เราสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ แต่เราจะต้องเปลี่ยนอย่างจริงจัง สิ่งที่จำเป็นจริงๆ คือระดับของจิตสำนึกที่สูงกว่านี้และมันเป็นเรื่องยากที่จะ-- เป็นเรื่องยากที่จะสร้างขึ้น--แต่มันกำลังจะมา มีสุภาษิตของคนแอฟริกันเก่าแก่บทหนึ่งที่คุณบางคนรู้ ที่พูดว่า "ถ้าคุณต้องการไปเร็วๆ ก็ควรไปคนเดียว แต่ถ้าคุณต้องการไปให้ไกล เราไปพร้อมกัน" เราต้องไปให้ไกลเร็วๆ ดังนั้นเราต้องมีการเปลี่ยนแปลงในจิตสำนึก การเปลี่ยนแปลงในพันธะผูกพัน สำนึกใหม่ของความเร่งด่วน การรู้คุณค่าใหม่ของสิทธิพิเศษ ที่เรามีในการรับภาระต่อกรกับความท้าทายนี้

    คริส แอนเดอร์สัน: ขอบคุณมากครับคุณอัลกอร์ที่กรุณามาที่ TED

    อัลกอร์: ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ (เสียงปรบมือ)
     
  9. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
     
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ปีที่แล้วผมได้โชว์สไลด์สองสไลด์ที่ แสดงถึงว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ ซึ่งเกือบจะโดยตลอด สามล้านปีที่แล้ว ที่มีขนาดเท่า 48 รัฐของสหรัฐอเมริกา ได้ลดขนาดลงถึง 40 เปอร์เซนต์ แต่ว่าข้อมูลนี้ยังขาดข้อมูลสำคัญที่จะแสดงถึงปัญหาที่ใหญ่กว่า เพราะว่ามันไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความหนาของชั้นน้ำแข็ง น้ำแข็งขั้วโลกเหนือนี้โดยหลักการแล้วคือหัวใจของระบบสภาวะอากาศของโลก ชั้นน้ำแข็งนี้จะขยายตัวในช่วงฤดูหนาว และหดตัวในช่วงฤดูร้อน สไลด์ต่อไปที่ผมจะเอามาให้ดูนี้ เป็นการเร่งเวลาเร็วๆให้ดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างเมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา ชั้นน้ำแข็งถาวรที่ไม่มีการละลาย จะให้เป็นสีแดง เห็นไหมครับว่า มันขยายตัว กลายเป็นสีนำ้เงินเข้ม นั่นคือ ปริมาณน้ำแข็งในแต่ล่ะปีในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเมื่อถึงฤดูร้อนพื้นที่น้ำแข็งพวกนี้จะหดตัว เจ้าน้ำแข็งถาวรนี้ จะมีอายุประมาณ 5ปีขึ้นไป คุณจะเห็นได้ว่ามันเหมือนกับเลือด ที่กำลังหลั่งออกจากร่างกาย นี่คือสิ่งที่เปลี่ยนไปใน 25 ปี

    ปัญหาที่ตามมาคือ อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจะไปละลายผืนดินที่รอบ มหาสมุทรอาร์คติก ซึ่งเป็นที่เก็บคาร์บอนที่ถูกแช่แข็งไว้ จำนวนมหาศาล ซึ่งพอมันละลายก็จะกลายเป็นก๊าซมีเทน โดยการย่อยสลายของแบคทีเรีย ถ้าเราลองเทียบกับปริมาณของมลภาวะ ที่ก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อน ที่อยู่ในชั้นบรรยากาศ ถ้าปริมาณนั้นผ่านจุดดุลยภาพเมื่อไหร่ ปริมาณนั้นสามารถเพิ่มเป็นทวีคูณได้ เราจะเห็นได้ว่า ในทะเลสาบบางแห่งใน มลรัฐอลาสกา ก็าซมีเทน ได้พุ่งขึ้นมาสู่ผิวน้ำตลอดเวลา เมื่อ ฤดูหนาวปีที่แล้ว ศ. คาเทย์ วอลเตอร์ จาก มหาวิทยาลัยแห่งอลาสกา ได้ออกไปสำรวจ ทะเลสาบอีกแห่ง (หัวเราะ) เธอไม่เป็นอะไร แต่คำถามคือแล้วพวกเราล่ะ จะเป็นอะไรหรือเปล่า?

    อีกเรื่องก็คือ ในเขตเหนือของประเทศกรีนแลนด์ ได้ถูกทำให้ร้อนขึ้นอย่างมหาศาล นี่คือ แม่น้ำที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งในแต่ล่ะปี แต่ตอนนี้ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา นี่คือ แม่น้ำคานเกอลุสสัค ในทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกรีนแลนด์ ถ้าอยากเห็นว่าระดับน่้ำทะเล เพิ่มขึ้นจากการละลายของน้ำแข็งที่อยู่บนบกได้อย่างไร ที่นี่คือที่ที่มันไหลลงสู่ทะเล กระแสธารเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่นี้มาดูที่อีกด้านของโลกกัน แอนตาร์คติกา ก้อนน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดบนพื้นภิภพ เมื่อเดือนที่แล้วนักวิทยาศาสตร์รายงานว่า สภาวะน้ำแข็งทั้งทวีปกำลังอยู่ในสภาวะถดถอย และน้ำแข็งที่แอนตาร์คติคกาตะวันตกที่คลุมอยู่เหนือเกาะใต้ทะเล ก็กำลังละลายลงอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึง ระดับน้ำทะเลยอีก 20 ฟุตที่จะเพิ่มขึ้นมา ซึ่งเท่ากันกับปริมาณของกรีนแลนด์

    ที่เทือกเขาหิมาลัย ที่ที่มีปริมาณน้ำแข็งมากเป็นอันดับสามของโลก ที่บริเวณยอดเขาเราจะเห็นทะเลสาบเกิดใหม่ ที่เมื่อไม่กี่ปีก่อนคือ ธารน้ำแข็ง สี่สิบเปอร์เซนต์ของประชากรโลก ได้รับปริมาณน้ำจืดประมาณครึ่งหนึ่งจากการละลายของน้ำแข็ง ที่เทือกเขาอันดีส ธารน้ำแข็งคือ แหล่งของน้ำจืดของเมือง ปริมาณกระแสน้ำได้เพิ่มขึ้น แต่เมื่อมันไหลไปหมด ก็หมายถึงปริมาณน้ำจืดที่จะหายตามไปด้วย ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ปริมาณหิมะได้ ลดลงถึง สี่สิบเปอร์เซนต์ ในเทือกเขาเซียรราเนวาดา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่ออ่างเก็บน้ำ และผลกระทบจะมีผลร้ายแรง อย่างที่เห็นกัน

    ภัยแล้งที่เกิดขึ้นรอบๆโลกนั้น ส่งผลให้เกิดไฟป่าที่เพิ่มขึ้น และ ภัยพิบัติรอบๆโลก ได้เพิ่มจำนวนขึ้น อย่างมหาศาลสี่เท่าใน สามสิบปีที่่ผ่านมา ถ้าเทียบกับเมื่อ เจ็ดสิบห้าปีที่แล้ว สภาวะการณ์แบบนี้ ถือว่าน่าเป็นกังวลอย่างที่สุด ถ้าเรามองย้อนไปในอดีต เราจะเห็นได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    ห้าปีที่ผ่านมา พวกเราได้เพิ่มปริมาณ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปริมาณ เจ็ดสิบล้านตัน ทุกๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมง ยี่สิบห้าล้่านตันทุกๆวันลงไปในทะเล มาดูกันดีๆที่มหาสมุทรแปซิฟิคตะวันออก จากทวีปอเมริกาเหนือและใต้ ไปทางตะวันตก ไปจนถึงสองฟากของเขตประเทศอินเดีย เขตเหล่านี้เกิดการลดลงอย่างรวดเร็วผิดปกติของ ปริมาณออกซิเจนสาหตุที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน ควบคู่ไปกับการตัดไม้ทำลายป่าที่ส่งผลกระทบยี่สิบเปอร์เซนต์ คือการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิง น้ำมันคือปัญหา และถ่านหินเป็นยิ่งกว่าปัญหา สหรัฐอเมริกาคือหนึ่งในสองประเทศที่ปล่อยก็าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากที่สุด อีกประเทศ คือประเทศจีน และยังมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน

    แต่ว่าพอพวกเราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล นี่คือโรงไฟฟ้าที่ยังไม่ได้สร้างที่แผนถูกยกเลิกไปในไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยแผนงานที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติมากกว่าได้ถูกเสนอเข้ามาแทน (เสียงปรบมือ) แต่ว่า สำหรับประเทศของเรา นี่คือการต่อสู้ทางการเมือง และ อุตสาหกรรม น้ำมัน และถ่านหิน แค่ปีที่แล้วปีเดียว จ่ายเงินไปถึง สองพันห้าร้อยล้านเหรียญ เพื่อโปรโมท "ถ่านหินสะอาด" ซึ่งเป็นเพียงแค่ "วาทะกรรมอำพราง" รูปนั้นทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่าง (เสียงหัวเราะ) แถวบ้านผมที่ มลรัฐเทนเนสซี ช่วงคริสมาสต์ เกิดการั่วไหลทะลักของโคลนถ่านหินเป็นล้านแกลลอน น่าจะเคยเห็นกันในข่าวนะครับ นี่เป็นการรั่วไหลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของอเมริกาตอนช่วงคริสมาสต์ บริษัทอุตสาหกรรมถ่านหินได้ออกโฆษณามาตัวหนึ่ง

    ♪♫ ฟรอส์ตีโคลแมน ผู้ร่าเริง มีอยู่เยอะแยะในอเมริกา และยังช่วยให้เศรษฐกิจโต ฟรอส์ตีโคลแมน ยังสะอาดขึ้นทุกๆวัน ทั้งถูก ทั้งน่ารัก ทั้งสร้างงานให้คนมั่งคั่ง

    นี่คือ แหล่งที่มาของ ถ่านหินส่วนใหญ่ใน มลรัฐเวอร์จิเนียตะวันตก ผู้ขุดเจาะที่ใหญ่ที่สุดบนภูเขา คือหัวหน้าของ บริษัทถ่านหิน มาสซี
     
  11. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ขอผมพูดตรงๆสักครั้ง อัล กอร์ แนนซี เปโลซี แฮร์รี รีด พวกนั้นไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่

    ฉะนั้น พันธมิตรเพือพิทักษ์สภาวะอากาศ ได้ออกโฆษณารณรงค์มาสองชุด ชิ้นนี้เป็นชิ้นแรก

    ที่บริษัทโคลเลอร์จี พวกเราให้ความใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลกว่า เป็นภัยต่อธุรกิจของเราฉะนั้นพวกเราจึงตั้งเป้าหมายหลักของเราว่า จะจ่ายเงินจำนวนมหาศาล ออกโฆษณาชวนเชื่อ ที่จะเพิ่มระดับของความยุ่งยากซับซ้อน ให้กับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับถ่านหิน ข้อเท็จจริงคือ ถ่านหินไม่สกปรก พวกเราคิดว่ามันสะอาดแถมยังหอมอีกด้วย ฉะนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศโลกหรอกครับ พวกเราจัดการได้ (เสียงหัวเราะ)

    ถ่านหินสะอาด คงได้ยินกันมาหลายครั้งนะครับ ไปดูโรงงานถ่านหินสะอาด ที่ยิ่งกว่าทันสมัยกันดีกว่าครับ สุดยอด เสียงเครื่องจักรดังหน่อยนะครับ แต่มันคือเสียงของเทคโนโลยีแห่งความสะอาด และ การเผาถ่านหินคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดที่ทุกท่านเห็นอยู่ที่นี่นะครับ จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ดูดีๆนะครับ นี่คือ เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด

    และก็ โฆษณาเชิงสร้างสรรค์ ที่พูดถึง เศรษฐกิจ และ ความมั่นคงของชาติ

    อเมริกาตกอยู่ใน วิกฤติ ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคงของรัฐ และ วิกฤติสภาวะอากาศ และ ด้ายที่ผูกทุกอย่างเขาด้วยกันคือ การเสพติดเชื้อเพลิงประเภทคาร์บอน เช่น ถ่านหิน และน้ำมันนำเข้า แต่ ตอนนี้เรามีทางออกที่จะนำพวกเราออกจากความยุ่งเหยิงเหล่านี้ "รีพาวเวอร์ อเมริกา" (เสริมพลังงานใหม่ ให้อเมริกา) ด้วย ไฟฟ้าสะอาด ร้อยเปอร์เซนต์ภายในสิบปี แผนที่จะนำอเมริกากลับมา ปลอดภัยมากขึ้น และช่วยหยุดสภาวะโลกร้อน คำตอบที่ใหญ่พอที่จะแก้ปัญหาได้ "รีพาวเวอร์อเมริกา" โปรดติดตาม

    อันนี้อันสุดท้าย

    นี่คือการฟื้นพลังให้กับอเมริกา หนึ่งในหนทางที่เร็วที่สุดสู่อิสรภาพ จากพลังงานสกปรกที่กำลังฆ่าโลก อนาคตอยู่ที่นี่ ลม แสงอาทิตย์ โครงข่ายพลังงานใหม่ ขยายการลุงทุนเพื่อเพิ่มงานรายได้สูง "รีพาวเวอร์ อเมริกา" ถึงเวลาเอาจริงแล้ว

    สุภาษิตแอฟริกันโบราณเคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าอยากไปเร็ว ไปคนเดียว ถ้าอยากไปไกล ไปด้วยกัน" พวกเราจำเป็นต้องไปไกล อย่างเร็ว ขอบคุณทุกท่านมากครับ (เสียงปรบมือ)
     
  12. ไทร

    ไทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +771
    ผมดูแล้วไม่เห็นมีระบุถึงกรุงเทพ หรือแม้แต่ประเทศไทยไว้เลยน่ะครับ บอกไว้ตรงไหนหรือครับ?
     
  13. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204

    ไฟล์วีดีโอแรก ครับนาทีที่ 10:20 เป็นต้นไปครับ
     
  14. ไทร

    ไทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +771
    ขอบคุณครับ
     
  15. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +3,204
    กดตรงที่ TED มุมซ้ายเพื่อเข้าสู่เว็บไซส์ อ่านซับ ปรับแต่งภาษา และเรื่องที่น่าสนใจจากนักวิชาการท่านอื่นๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...