เมืองอวิชชา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย TupLuang, 12 ตุลาคม 2008.

  1. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    มีโยมที่เคารพนับถือกันได้ถวายคำแนะนำว่า..ขออย่าให้แสดงทัศนะใด ๆ เกี่ยวกับการชุมนุมประท้วง เพราะเป็นของการเมือง จะทำให้คนที่มีเวลาน้อยไม่เข้าใจ และจะทำให้ไม่ดำรงอยู่ในความยุติธรรม จะพลอยเสียศรัทธาไปเสียเปล่า ๆ..ซึ่งก็รับฟังด้วยดีและอนุโมทนาในความปรารถนาดีที่เป็นห่วง


    เรื่อง ความยุติธรรม นั้นจะต้องเกิดจากกระบวนทัศน์หลายประการ คือ

    อตีตังสญาณ มีญาณระลึกถึงอดีตทั้งของตนและคนอื่น ในที่นี้คือมีความรู้เรื่องประวัติศสตร์ทั้งภายในประเทศ และ ประวัตศาสตร์โลก

    ปัจจุบันนังสญาณ มีญาณรู้ปัจจุบัน คือ ได้ติดตามสถานการณ์ปัจจุบันอย่างละเอียด ลึกซึ้ง ถูกต้อง

    อนาคตสญาณ มีญาณรู้อนาคตว่าจะเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อบุคคล บ้านเมือง โลก ก็คือการนำเอาประวัติศาสตร์ บวก เหตุการปัจจุบัน แล้วนำผลรวมมาพิจารณา เกิดเป็นพยากรณ์ และให้เป็น เอกังสพยากรณ์ ทำนายนิ้วเดียวแบบโกณฑัญญะทำนายมหาปุริสลักษณะของสิทธัตถะกุมาร อคติ ต้องมีใจปราศจากอคติอันเป็น โมหจิต ถ้ามีอคติแล้วพูด เขียนก็จะเข้าลักษณะ ตาบอดคลำช้าง ในอคติ ๔ ประการนั้น มีอคติกิเลสตัวใดตัวหนึ่ง ก็ต้องมีอีก ๓ ตัวเสมอ

    สถานภาพ คือความน่าเชื่อถือ ได้แก่ อายุ ความรู้ ชาติตระกูล ยศศักดิ์ ประสบการณ์ อันเป็นที่ศรัทธา และ ธรรมวุฒิ คือ ความเป็นผู้ดำรงอยู่ในคุณธรรม

    การสำรวจกระบวนทัศน์ในตนเอง เพื่อนำเสนอความคิดเห็นต่อสังคมผ่านสื่อต่าง ๆนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งและต้องตั้งอยู่ในจังหวะจะโคน ต้องดูตาม้าตาเรือ ซึ่งก็ได้แก่สัปปุริสธรรม สัมฤทธิผลจะเกิดขึ้นแก่สังคมอันก่อให้เกิดสติปัญญา อันเป็นสัมมาทิฎฐิ

    แต่ถ้าปราศจากกระบวนทัศน์และสัปปุริสธรรมความสูญเปล่าอันเป็นความล้มเหลวก็จะเกิดขึ้นแก่ตัวผู้แสดงวิสัยทัศน์ถึงแม้จะ พูด เขียน ผ่านสื่อได้ทุกวันก็ไร้ประโยชน์ จึงขอยืนยันต่อผู้ปรารถนาดีทุกท่านว่าจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด

    เปิดหนังสือพระราชนิพนธ์ เรื่องพระมหาชนก อ่านอย่างช้า ๆ เป็นครั้งที่ร้อยกว่าแล้วติดใจในพระราชนิพนธ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแปลไว้ ขอถอดความเล่าเรื่องว่า พระเจ้ามหาชนก (ยังไม่ใช่พระโพธิสัตว์อันจะอุบัติมาเป็นพระพุทธเจ้าครองราชสมบัติกรุงมิถิลานคร วิเทหรัฐ พระองค์มีพระราชโอรส ๒ พระองค์คืออริฎฐชก (พี่โปลชนก (น้องต่อมาทรงแต่งตั้งพระองค์พี่เป็นอุปราช พระองค์น้องเป็นเสนาบดีกาลต่อมา

    เมื่อพระเจ้ามหาชนกเสด็จสวรรคตอริฏฐะชนกเสด็จขึ้นครองราชย์ทรงแต่งตั้งโปลชนกผู้เป็นพระราชอนุชาเป็นอุปราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชนิพนธ์ว่า...

    ครั้นแล้วอมาตย์ใกล้ชิดคนหนึ่งไปเฝ้ากราบทูลพระราชาหลายครั้งว่า ขอเดชะ พระอุปราชเล่นไม่ซื่อกับพระองค์พะยะค่ะ ความสิเนหาของพระอริฏฐชนกต่อพระอนุชาทนทานคำอันอาบพิษอันซากซ้ำมิได้

    พระโปลชนกจึงถูกจองจำและควบคุมรักษาในคฤหาสน์ใกล้พระราชนิเวศน์ พระโปลชนกทรงอธิษฐานว่า..ถ้าข้าพเจ้าคิดไม่ซื่อต่อพระเชฏฐราชจริงเครื่องจองจำจงตรึงมือเท้าของข้าพเจ้าแม้ประตูก็จงปิดสนิท ถ้าข้าพเจ้ามิได้คิดทรยศ เครื่องจองจำจงหลุดจากมือและเท้าของข้าพเจ้า แม้ประตูก็จงเปิด

    ทันใดนั้นเครื่องจองจำได้หักลงเป็นท่อน ๆแม้ประตูก็เปิดกว้างต่อจากนั้นพระโปลชนกก็เสด็จออกไปยังชายแดนแห่งหนึ่งไปตั้งพระองค์ ที่นั้น ตอนนี้พระอริฏฐชนกราชไม่สามารถจับพระองค์ได้....ต่อมามีการสงครามอริฏฐชนกสิ้นพระชนย์

    ท่านผู้อ่านลองอ่านคำที่ขีดเส้นใต้ไว้หลาย ๆ ก็จะเห็นความจริงของสังคมนักบริหารและประชาชนบ้านเมืองไทยของเรา ตรงนี้เกิดเป็นข้อคิดว่า...

    เป็นผู้ใหญ่ ให้ระวังหู เป็นผู้น้อยให้ระวังหัว
    เป็นผู้ใหญ่ระวังผู้น้อยเป่าหู
    เป็นผู้น้อยระวังผู้ใหญ่ปั่นหัว


    สงครามสายเลือดระหว่างพี่เกิดขึ้นตรงนี้นั่นเองมิได้แตกต่างไปจากเหตุกรณ์ในบ้านเมืองของเราเลย...

    คนไทยเรานั้น
    อ่านหนังสือน้อยมาก
    อยากมีบทบาท
    ยากแสดงความสามารถ
    อยากให้ผู้มีอำนาจโปรดปราน


    ที่เป่าหูก็เป่ากันไป... ที่ปั่นหัวก็ปั่นกันไป งงๆกันทั้งบ้านทั้งเมือง เหมือนจิ้งหรีดที่ถูกเข้าปั่นหัวแล้วก็กัดกันอย่างหน้ามืดตามัว

    เมืองเราจึงมืดไปด้วยทิฏฐิที่เกิดจากอวิชชาเมื่อผู้บริหารหรือ ผู้มีบทบาทในทางสังคมได้แสดงความคิดหรือแผนการ แผนงาน นั้นก็เป็นทฤษฎีอวิชชาแล้วก็เผยแพร่อวิชชาศาสตร์เป็นโรคอุบาทว์ในบ้านเมือง




    หันมาดูพระเจ้าอริฏฐชนกอย่างพิเคราะห์ใคร่ครวญก็จะพบความบกพร่องคือ

    อ่อนวัย
    ไร้ประสบการณ์
    บริวารเป็นพิษ
    จิตใจหวาดระแวง
    ตะแบงเพราะคิดว่ามีอำนาจ
    ปราศจากความเที่ยงธรรม


    การได้อ่านพระราชนิพนธ์อย่างมีโยนิโสมนสิการคือการใคร่ครวญแล้วทำความฉลาดล่วงหน้าในการบริหาร จะทำให้เกิดปัญญากำจัดปัญหาทั้งสิ้นทั้งปวง


    ขอให้ท่านผู้มีอำนาจกลับไปอ่านใหม่และขอให้รู้ว่า... คำข้าวค่อย ๆขบเคี้ยวจะได้โอชรส คำพูดค่อยๆ ขอบคิดจะได้อรรถรส และธรรมรส....

    http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=11457
     
  2. หมูสวย

    หมูสวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +123
    เป็นผู้ใหญ่ ให้ระวังหู เป็นผู้น้อยให้ระวังหัว
    เป็นผู้ใหญ่ระวังผู้น้อยเป่าหู
    เป็นผู้น้อยระวังผู้ใหญ่ปั่นหัว


    อนุโมทนาค่ะ สำหรับข้อคิดดีๆ ^^
     
  3. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    คำข้าวค่อย ๆขบเคี้ยวจะได้โอชรส คำพูดค่อยๆ ขอบคิดจะได้อรรถรส และธรรมรส....

    ขออนุโมทนากับคำเปรียบเทียบดีๆนี้ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...