เรื่องเด่น เมื่อญาติโยมเจอภัยทำไม!?!พระต้องรู้ร้อนรู้หนาว

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 6 สิงหาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    87301_th.jpg



    เมื่อญาติโยมเจอภัยทำไม!?!พระต้องรู้ร้อนรู้หนาว



    จากเหตุการณ์อุทกภัยพิษพายุโซนร้อน "เซินกา" ถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดสกลนคร หลายภาคส่วนได้ออกมาช่วยเหลือในด้านต่างๆ ร่วมถึงคณะสงฆ์ทุกระดับได้สั่งการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งให้อาหารทางกายและอาหารใจ และขณะนี้มวลน้ำได้ไหลบ่าเข้าพื้นที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม


    พระหรรษา ธมฺมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษาระดับป.โท-เอก ที่ได้ร่วมใจกับครอบครัวสันติศึกษาที่เป็นนิสิตในหลักสูตรสันติศึกษา ได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ยอดรวมทั้งสิ้นกว่า 400,000 บาท เพื่อดำเนินการผลิตได้นำน้ำสันติศึกษาซึ่งเป็นน้ำประจำหลักสูตรทั้งแต่เริ่มแรกที่เกิดอุทกภัยใหม่ หลังจากนั้นวันที่ 3 ส.ค.2560 นี้ พระหรรษาและครอบครัวสันติศึกษาได้นำน้ำชุดแรก จำนวน 100,000 ขวด ลงไปช่วยผู้ประสบภัยพื้นที่จุดแรกที่วัดสะพานคำ อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งมีพระมหาคาวี เจ้าอาวาสวัดสะพานคำ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาพุทธศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรรมศาสตร์ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


    พระอาจารย์หรรษายังได้นำคณะได้เดินทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยพื้นที่บ้านนาคูณทุ่ง หมู่ 3 ต.นาคูณใหญ่ อ.นาหว้า จ.นครพนม และต่อด้วยที่ตำบลโพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ซึ่งทั้งสองจุดนั้นน้ำยังท่วมสูงอยู่


    หลังจากนั้นเปิดเผยความรู้สึกผ่านทาเฟซบุ๊กส่วนตัว Hansa Dhammahaso ความว่า


    เมื่อญาติโยมเจอภัยทำไม!?!พระต้องรู้ร้อนรู้หนาว


    คำถามที่ตั้งเป็นโจทย์ข้างต้น ไม่ได้ตั้งไว้เพื่อจะตอบปัญหาใคร เพราะโจทย์ดังกล่าวไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นความจริงที่พระจะต้องแสดงออก ซึ่งต่างจากพระอิฐพระปูน ที่เฝ้ารอให้คนมากราบไหว้ และไม่จำเป็นต้องรู้ร้อนรู้หนาวอะไร เมื่อเห็นมนุษย์มีความทุกข์ จากคำถามที่ว่า "เมื่อญาติโยมเจอภัย ทำไมพระจึงต้องรู้ร้อนรู้หนาว" จึงกลายเป็นคำตอบที่สะท้อนคุณค่าและตัวตนของพระ ดังนี้


    1. พระก็คือมนุษย์คนหนึ่ง โดยสามัญสำนึก (Common Sense) เมื่อเพื่อนมนุษย์ประสบทุกข์ภัย จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระจะเฝ้าสวดมนต์แผ่เมตตาให้โยมมีความสุขอยู่ในวัดวาอาราม กรุณาธรรมที่ได้รับการฟูมฟักจึงกระตุ้นให้พระออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยามที่มีทุกข์ภัย ฉะนั้น ในยามมีทุกข์ภัย การเห็นสมณะจึงถือเป็นมงคลอย่างสูงสุด เพราะทำให้เกิดเกิดคุณค่า 2 อย่าง คือ คุณค่าภายใน เห็นพระแล้วเกิดความอุ่นใจ เพราะมีค่าสำหรับคนต่างจังหวัด เกิดความอุ่นใจ ไม่รู้สึกเดียวดาย มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต อาจจะต่างจากความรู้สึกที่คนเมืองมีต่อพระ และเกิดคุณค่าภายนอก เพราะได้อาหารกายหล่อเลี้ยงร่างกายให้มีกำลังต่อสู้ แปลงอาหารน้อยนิดเป็นเลือดเนื้อ เมื่อสองแรงบวก ได้ทั้งคุณค่าภายใน และภายนอกก็เกิดพลังและแรงใจที่พร้อมจะเดินหน้าสู้ชีวิตต่อไป


    2. พระบ้านนอก ต้องเข้าใจหัวอกคนบ้านนอก พระส่วนใหญ่ที่ดั้นด้น และมีความกระตือรือล้นออกไปช่วยผู้ประสบภัยนั้น (1) เป็นพระที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จึงเห็นภาพท่านออกมาช่วยเหลือชาวบ้านเพื่อทุเลาภัยได้อย่างทันท่วงที ในชนบท วิถีชีวิตของพระกับชาวบ้านจึงแยกกันไม่ออก เพราะช่วยเหลือเกื้อกูลตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ซึ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจนกับวิถีของพระกับโยมในสังคมเมือง (2) อีกกลุ่มเป็นพระบ้านนอก แล้วดั้นด้นเข้ามาศึกษาในเมืองกรุง เมื่อพอมีศักยภาพจึงรวบรวมเครือข่ายลูกศิษย์ และกลุ่มคนเมืองที่มีจิตอาสาพาอันเนื่องจากทนไม่ได้ที่เห็นคนอื่นมีความทุกข์ โดยตัดสินใจเดินทางกลับไปช่วยชุมชนและท้องถิ่นที่ตัวเองจากมา ฉะนั้น ทุกข์ของคนบ้านนอก จึงเป็นทุกข์ของพระบ้านนอกด้วย


    3. หน้าที่ของการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงไม่มีการแบ่งแยกว่า นั่นเป็นหน้าที่ของพระ นั่นเป็นหน้าที่ของโยม บทบาทและหน้าที่ใดที่กระทำแล้ว ก่อให้เกิดสันติสุขทั้งภายในและภายนอกแก่เพื่อนมนุษย์ นั่นย่อมเป็นหน้าที่ที่มนุษย์ไม่ว่าจะเป็นพระหรือโยมจำเป็นต้องแสดงออกให้ทันต่อเหตุการณ์ และสอดรับกับความต้องการของเพื่อนมนุษย์ ที่กำลังประสบกับความทุกข์ยากและลำบาก ฉะนั้น การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงไม่จำเป็นต้องต้องใช้ตรรกะ หรือเหตุผลใดมาอธิบายเลย ใช้สามัญสำนึกก็พอจะอธิบายได้ เพราะมันคือหน้าที่ที่มนุษย์ต้องทำต่อมนุษย์ ไม่ว่ามนุษย์ตนนั้นนั้นจะนับถือศาสนาใด ชาติพันธุ์ หรืออยากดีมีจนอย่างใดก็ตาม เขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรม

    ----------------------------------

    ภาพ: ครอบครัวสันติศึกษา ทั้งปริญญาโท และเอก มหาจุฬาฯ ที่มาจากหลากหลายอาชีพ ซึ่งมีทั้งพระสงฆ์ อดีตนักการเมือง นักสื่อสารมวลชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พยาบาล นักธุรกิจ ครู อาจารย์ และพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พร้อมใจกันลงพื้นที่มอบสิ่งของแก่พี่น้องที่ประสบมหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสกลนคร และบ้านคูณทุ่ง อ.นาหว้า จ.นครพนม โดยคิดเป็นประมาณจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 400,000 บาท


    --------------------------
    ขอบคุณที่มา
    http://www.banmuang.co.th/news/education/87301
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 สิงหาคม 2017
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    พุทธบริษัทมี ๔ คือ ๑.ภิกษุ ๒.ภิกษุณี ๓.อุบาสก ๔.อุบาสิกา (ปัจจุบันเหลือ ๓ เว้นภิกษุณี หมายถึงพุทธฝ่ายเถรวาท) บริษัท ๔ นี่แหละต่างต้องอิงอาศัยกันและกันจึงอยู่ได้ พระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพานก็ได้ฝากพระศาสนาไว้กับบริษัทธ ๔ นี้ ยามปกติฝ่ายอุบาสกอุบาสิกาก็สนับสนุนปัจจัย ๔ แก่ภิกษุ ภิกษุณี ยามอุบาสกอุบาสิกาประสบภัย อีกฝ่ายก็ต้องช่วยเหลือช่วยค้ำจุน
     

แชร์หน้านี้

Loading...