เมื่อตูนบำเพ็ญบารมีสิบประการ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 9 พฤศจิกายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ?temp_hash=14bbfaa5e77ac205f126ea08d85ae2e1.jpg


    ถือเป็นการให้เกียรติในระดับสูงสุดของพยาบาลแล้วครับ ที่ถืออยู่ในมือไม่ใช่แค่เทียนแต่เป็น "ตะเกียงไนติงเกล" สัญลักษณ์ในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ในการสืบทอดเจตนารมย์การเป็นพยาบาลจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง

    “ตะเกียงดวงนี้ เป็นสัญลักษณ์ของแสงสว่าง
    ส่องให้เราได้เห็น ได้รู้ เท่าทันความจริง แห่งสิ่งทั้งปวง
    เป็นแสงสว่างที่ปลุกให้เราตื่นขึ้นทำการใดๆ
    ปลุกให้เราสำนึกในหน้าที่ และ ภารกิจที่จะต้องปฏิบัติ
    เป็นแสงสว่างที่โน้มน้าวจิตใจเราให้สงบ
    เอื้ออารีย์ต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งปวง
    เป็นแสงสว่างที่สร้างปัญญาและการใฝ่หาความจริง
    เราขอมอบตะเกียงดวงนี้ แก่ท่าน”

    “ข้าพเจ้า ขอรับตะเกียงดวงนี้ด้วยความยินดี และจะขอใช้ประโยชน์จากแสงสว่างนี้ นำทางให้เรา ปฏิบัติภารกิจ ตามฉบับแห่งท่านทุกประการ”

    ผมไม่ได้เป็นพยาบาลแต่อยากบอกว่า นี่คือจิตวิญญาณของพวกเค้า มันคือทุกอย่างที่เค้ามีแล้ว คุณคือแสงสว่างของเค้า ช่วยกันแชร์จากเพจเล็กๆให้ถึงคุณตูนและทีมงานครับ


    **************************

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ?temp_hash=14bbfaa5e77ac205f126ea08d85ae2e1.jpg


    ถือเป็นการให้เกียรติในระดับสูงสุดของพยาบาลแล้วครับ ที่ถืออยู่ในมือไม่ใช่แค่เทียนแต่เป็น "ตะเกียงไนติงเกล" สัญลักษณ์ในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ในการสืบทอดเจตนารมย์การเป็นพยาบาลจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง

    “ตะเกียงดวงนี้ เป็นสัญลักษณ์ของแสงสว่าง
    ส่องให้เราได้เห็น ได้รู้ เท่าทันความจริง แห่งสิ่งทั้งปวง
    เป็นแสงสว่างที่ปลุกให้เราตื่นขึ้นทำการใดๆ
    ปลุกให้เราสำนึกในหน้าที่ และ ภารกิจที่จะต้องปฏิบัติ
    เป็นแสงสว่างที่โน้มน้าวจิตใจเราให้สงบ
    เอื้ออารีย์ต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งปวง
    เป็นแสงสว่างที่สร้างปัญญาและการใฝ่หาความจริง
    เราขอมอบตะเกียงดวงนี้ แก่ท่าน”

    “ข้าพเจ้า ขอรับตะเกียงดวงนี้ด้วยความยินดี และจะขอใช้ประโยชน์จากแสงสว่างนี้ นำทางให้เรา ปฏิบัติภารกิจ ตามฉบับแห่งท่านทุกประการ”

    ผมไม่ได้เป็นพยาบาลแต่อยากบอกว่า นี่คือจิตวิญญาณของพวกเค้า มันคือทุกอย่างที่เค้ามีแล้ว คุณคือแสงสว่างของเค้า ช่วยกันแชร์จากเพจเล็กๆให้ถึงคุณตูนและทีมงานครับ


    **************************

     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    89ae0b8a5e0b988e0b8a7e0b887e0b8abe0b899e0b989e0b8b2-17-e0b8a5e0b989e0b8b2e0b899-e0b89ee0b8a3-jpg.jpg

    วันที่ 22 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ไร่เชิญตะวัน ต.ห้วยสัก อ.เมือง จ.เชียงราย พระมหาวุฒิชเย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) พระนักเทศชื่อดังจากไร่เชิญตะวัน ได้นำผลงานทางศิลปะที่ชื่อว่า “จิตโพธิสัตว์” หล่อด้วยบรอนซ์กว้าง 11.9 นิ้ว สูง 18 นิ้ว ออกมาแสดงเพื่อเตรียมนำประมูลสำหรับสนับสนุนการวิ่งการกุศลโครงการก้าวคนละก้าวของตูน บอดี้สแลม ที่กำลังวิ่งอยู่ในเส้นทางระหว่าง จ.ลำปาง-พะเยา และมีปลายทางอยู่ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เบื้องต้นจะวิ่งไปถึงวัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง ซึ่งสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงรายในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ และมีกำหนดวิ่งไปให้ถึงปลายทางที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย ที่เป็นจุดเหนือสุดในประเทศไทยในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ต่อไป

    พระมหาวุฒิชัย กล่าวว่าจากการที่ได้รู้จักกับตูน บอดี้สแลม และก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ แล้วพบว่าต่างเป็นคนที่ถ่อมเนื้อถ่อมตนอย่างสม่ำเสมอต้นเสมอปลาย และต่อมาทราบว่าเขาได้วิ่งจนค่าเลือดสูงและอาจถึงแก่ชีวิตได้จากนั้นมีคนนำภาพขณะตูน บอดี้สแลม ทำกายภาพบำบัดด้วยอาการเจ็บปวดจึงอยากช่วยเป็นกำลังใจให้ จึงได้ส่งจดหมายที่มีเนื้อหาให้กำลังใจโดยมีภาพวาดลายเส้นศิลปะ ONE STROKE PAINTING แบบเชน ไปให้แล้วก็มีการนำจดหมายไปโพสต์กันแล้วมีคนชื่นชอบเพราะเล่าถึงการปล่อยวางตัวตน ให้ความสำคัญกับผู้อื่นมาก จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ตนทำผลงานทางศิลปะจากภาพที่วาดดังกล่าวเป็น “จิตโพธิสัตว์” เหล่านี้ออกมาโดยมี “ภูมิดล พิมสาร” ศิลปินชื่อดังอีกคนเป็นผู้ต่อยอดปั้นให้ เพราะจิตโพธิสัตว์คือการที่มีจิตใจเบิกบานในการรับใช้เพื่อนมนุษย์และทำความดีที่ยิ่งใหญ่โดยมีตัวตนเล็กน้อยที่สุดซึ่งก็เหมือนกับตูน บอดี้สแลม ทำในครั้งนี้นั่นเอง

    พระมหาวุฒิชัย กล่าวอีกว่าจากนั้นตั้งใจจะนำมาประมูลเพื่อช่วยตูน บอดี้สแลม อีกแรงหนึ่งโดยทำออกมาจำนวน 8 ชิ้นและจะมอบให้ตูน บอดี้สแลม 1 ชิ้น และอีก 7 ชิ้นจะนำมาประมูลก็ปรากฎว่าเมื่อมีผู้ทราบข่าวว่าจะนำไปช่วยโครงการก้าวคนละก้าวก็มีผู้รับเป็นเจ้าภาพแล้วชิ้นละอย่างน้อย 1 ล้านบาท ส่วนภาพวาดที่ตนวาดเป็นต้นแบบของศิลปะโพธิสัตว์ก็มีมหาเศรษฐีผู้ยังไม่ประสงค์จะออกนามแต่มีชื่อเสียงแน่นอน แจ้งขอเป็นเจ้าภาพแล้วและจะนำมอบเงินให้ตูน บอดี้สแลม ที่ จ.เชียงราย ด้วยตัวเองอีก 10 ล้านบาท

    พระมหาวุฒิชัย กล่าวด้วยว่าในที่ 26 ธ.ค.นี้นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย จะนำประชาชนทั้งพื้นราบและกลุ่มชาติพันธุ์ไปรวมตัวกันที่ไร่เชิญตะวันเพื่อบายศรีสู่ขวัญให้กับตูน บอดี้สแลม ด้วยและช่วงต้นคิดว่าจะนำผลงานศิลปะเหล่านี้ออกมาประมูลในงานดังกล่าวแต่เมื่อมีเจ้าภาพครบแล้วก็จึงทำให้ตูน บอดี้สแลม ก็มีเงินเข้าร่วมโครงการล่วงหน้าแล้วอีก 17 ล้านบาท จึงคิดว่ายอดเงินที่ตูน บอดี้สแลม เคยตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะได้ราว 700 ล้านบาท ก็จะเกิน 1,000 ล้านบาทต่อไป และถือเป็นโครงการต้นแบบของประเทศไทยที่ทำให้คนไทยทั้งชาติหลอมรวมกันอย่างแท้จริง



    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.prachachat.net/spinoff/entertainment/news-91535
     
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    เหลืออีก 2 วันจะ ยอดน่าจะเกิน1000 ล้าน ตอนนี้ยอด 985 ล้าน เช้าตื่นมาก็คง986 ล้านโมทนาบุญ ทุกคนที่ร่วมโครงการนี้ ตูนถึงเชียงรายแล้ว


    ?temp_hash=9890eb5b272b30296d1372a261a9cc4f.jpg

    ?temp_hash=9890eb5b272b30296d1372a261a9cc4f.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ?temp_hash=6146883af6620103fad8fcf8830fd324.jpg





    "เขาเป็นผู้ชายที่ชีวิตร้อยเรียงด้วยความฝัน, กีฬา, ความรัก, ความเชื่อ และเสียงดนตรี"

    เขาผ่านเรื่องราวมากมายในชีวิต
    เขาเกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ 38 ปีที่แล้ว
    เขาเป็นหลานของ "แอ๊ด คาราบาว" นักร้องนักแต่งเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง

    "เขาหลงรักเสียงเพลง
    เสียงดนตรี และกีต้าร์ เป็นหนึ่งในรักแรกพบของเขา"

    ปี 2539 เขา และเพื่อนๆ ได้รับรางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวด ฮอตเวฟ มิวสิค อวอร์ดส์ ครั้งที่ 1 และได้ออกอัลบั้มครั้งแรกในปีต่อมา ภายใต้ชื่อวง "ละอ่อน" ตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ สวนกุหลาบวิทยาลัย

    "วันเวลาไม่เคยจะหยุดเดิน
    อย่างไรเราคงต้องเดินไปกับมัน"

    เวลา และเงื่อนไขของชีวิต
    ทำให้เขาโตขึ้น และก้าวเข้ามาเรียนระดับชั้นมหาวิทยาลัย ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ

    เมื่อเขาเรียนจบ เขาเคยมีโอกาสทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินกัมพูชา แอร์ไลน์

    "เดินต่อช้าๆ ไม่อยากปล่อยฝันให้มันหลุดมือ
    ที่สั่งให้ฉันไปต่อก็คือความเชื่อเท่านั้น"

    แม้เงื่อนไขของชีวิต จะทำให้เขาต้องหลุดจากความฝันไปพักหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ลืมว่า ตัวเองเคยมีความฝันอย่างไร

    ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝันสิ
    และต้องไม่กลัวว่า จะหกล้มคลุกคลานเท่าไร

    ปี 2545 ในวัยที่เขาไม่ได้ละอ่อนแล้ว
    วงบอดี้แสลม ก็ได้อุบัติขึ้น

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้
    ไม่ต้องอธิบายว่า
    เสียงเพลงของเขา โด่งดังแค่ไหน
    ไพเราะแค่ไหน
    มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นแค่ไหน
    มีแฟนคลับมากมายแค่ไหน

    ความสำเร็จของวง ที่กลายเป็นวงร็อกเบอร์หนึ่งของประเทศ คือ คำตอบที่ทุกท่านน่าจะทราบดี

    บนทางชีวิตแห่งเสียงดนตรี
    เขายังมีสิ่งอื่นที่หลงรัก
    เขาคือผู้ชายแสนเซอร์ ผมยาว ไว้หนวดเครา สักลายรอบตัว ที่หลงรักการออกกำลังกาย, กีฬา และฟุตบอล

    เขาเชียร์ ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์
    เขาหลงใหลการชมทีมบ้านเกิด สุพรรณบุรี เอฟซี
    เขาเคยลงแข่งขัน เทเบิลเทนนิส ระดับกีฬาแห่งชาติในนามจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงรายการระดับชิงแชมป์ประเทศไทย
    เขาเคยลงแข่งขันไตรกีฬา

    "ดูเหมือนว่า เขาชอบการวิ่ง
    และดูเหมือนว่า การวิ่งเองก็ชอบเขา"

    เขาวิ่งเพื่อตัวเองมานานหลายปี
    จนวันหนึ่ง เขาเริ่มวิ่ง วิ่ง และวิ่ง
    "เพื่อคนอื่น"

    เขาเริ่มวิ่งโดยถือไม้ผลัด ที่ไม่มีคนมองเห็น
    การวิ่งของเขา ส่งต่อไม้ผลัดให้คนอื่น
    ผลัดแล้วผลัดเล่า

    ปี 2559 เขาวิ่งจากกรุงเทพฯ ไป อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 400 กิโลเมตร เพื่อเงินบริจาคให้กับ โรงพยาบาลบางสะพาน และสุดท้าย ตัวเลขที่ได้ในครั้งนั้น คือ 85 ล้านบาท

    เขาได้รับการสรรเสริญ ชื่นชม
    แต่นั่นไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความฝันของเขา

    "บทชีวิต ของเรา
    เราจะทำให้มีความหมาย"

    ความหมายของชีวิตของผม กับ คุณ และใครต่อใคร อาจจะเหมือนกัน หรือไม่เหมือน
    แต่เขาค้นพบว่า ชีวิตของเขาจะมีความหมายมากขึ้น
    ถ้าเขาวิ่งได้ไกลกว่าเดิม
    ถ้าเขาหาเงินได้มากกว่าเดิม
    ถ้าเขาสามารถช่วยเหลือโรงพยาบาลได้มากกว่าเดิม

    และที่สำคัญ ถ้าเขาได้ส่งไม้ผลัดต่อให้คนอื่นๆ หันมาออกกำลังกายมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อให้วงการแพทย์ในเมืองไทยเกิดความสมดุล มีผู้ป่วยน้อยลง ไม่ล้นโรงพยาบาลอย่างที่เคยเป็น

    เขาคิดถึงชีวิตของคนอื่น
    โดยใช้ร่างกายของตัวเองเป็นตัวประกัน

    เขาเริ่มต้นวิ่งจาก อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560

    อ.แม่สาย จ.เชียงราย คือ "ปลายทาง"
    2,191 กิโลเมตร คือ ตัวเลขกิโลเมตรที่กำลังท้าทายใจคนอย่างเขา
    55 วัน คือ ตัวเลขเวลาที่เขาตั้งเป้าเอาไว้

    เขาผ่านอาการบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า ตลอดเส้นทาง
    ตรงไหนที่เจ็บได้ เขาเจ็บหมด
    ตรงไหนที่ปวดได้ เขาปวดหมด

    "ฉันยังมีจุดหมาย
    ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไร
    จะไปจนถึงแสงสุดท้าย"

    ความเจ็บปวด ถูกหักลบไปได้ด้วยความมุ่งมั่น
    กล้ามเนื้อที่ระบม ถูกสั่งให้ทำงานด้วยหัวใจ
    หัวใจของเขาแข็งแกร่งเกินบรรยาย

    "ในค่ำคืนที่ฟ้า.. นั้นไม่มีดาวอยู่ตรงนี้
    ฉันยังคงก้าวไป
    ยังคงมีรักแท้ เป็นแสงนำไป"

    ตลอดทาง เขามีรักแท้เป็นแสงนำไป
    รักแท้จากแฟนคลับ
    รักแท้จากประชาชนคนไทย
    รักแท้จากเพื่อนร่วมวงการ
    รักแท้จากแฟนสาว

    จากวันแรกจนวันนี้
    จากกิโลเมตรแรก จนกิโลเมตรสุดท้าย
    จากแสงแรกของวัน ณ เบตง เมื่อ 55 วันที่แล้ว
    จนถึงแสงสุดท้ายของวันนี้ ณ แม่สาย

    เขาทำสำเร็จ
    เขาหาเงินได้มากกว่า 1000 ล้านบาท
    แน่นอน .. เพื่อคนอื่นไม่ใช่เพื่อตัวเอง

    เขากลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจต่อคนนับล้าน
    เขาคือสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่น ความเสียสละ และความเชื่อ

    เขา คือ ฮีโร่ที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมากมายนัก เหมือนตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ในภาพยนตร์ต่างชาติ

    แค่มีขา, หัวใจ และกีต้าร์สักตัว

    เขาคือตำนานที่ยังมีลมหายใจ

    "ชีวิตถ้าไม่ยากเย็นขนาดนั้น
    สองมือจะมีเรี่ยวแรงขนาดไหน
    แต่หัวใจ ของคน ยังยืนยันจะไม่ถอดใจ..."

    "อาทิวราห์ คงมาลัย" 2764.png2764.png2764.png2764.png

    ภาพจาก ภูกฤต ลิมปะพันธุ์


    ***************************************


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ?temp_hash=6146883af6620103fad8fcf8830fd324.jpg





    "เขาเป็นผู้ชายที่ชีวิตร้อยเรียงด้วยความฝัน, กีฬา, ความรัก, ความเชื่อ และเสียงดนตรี"

    เขาผ่านเรื่องราวมากมายในชีวิต
    เขาเกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ 38 ปีที่แล้ว
    เขาเป็นหลานของ "แอ๊ด คาราบาว" นักร้องนักแต่งเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง

    "เขาหลงรักเสียงเพลง
    เสียงดนตรี และกีต้าร์ เป็นหนึ่งในรักแรกพบของเขา"

    ปี 2539 เขา และเพื่อนๆ ได้รับรางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวด ฮอตเวฟ มิวสิค อวอร์ดส์ ครั้งที่ 1 และได้ออกอัลบั้มครั้งแรกในปีต่อมา ภายใต้ชื่อวง "ละอ่อน" ตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ สวนกุหลาบวิทยาลัย

    "วันเวลาไม่เคยจะหยุดเดิน
    อย่างไรเราคงต้องเดินไปกับมัน"

    เวลา และเงื่อนไขของชีวิต
    ทำให้เขาโตขึ้น และก้าวเข้ามาเรียนระดับชั้นมหาวิทยาลัย ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ

    เมื่อเขาเรียนจบ เขาเคยมีโอกาสทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินกัมพูชา แอร์ไลน์

    "เดินต่อช้าๆ ไม่อยากปล่อยฝันให้มันหลุดมือ
    ที่สั่งให้ฉันไปต่อก็คือความเชื่อเท่านั้น"

    แม้เงื่อนไขของชีวิต จะทำให้เขาต้องหลุดจากความฝันไปพักหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ลืมว่า ตัวเองเคยมีความฝันอย่างไร

    ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝันสิ
    และต้องไม่กลัวว่า จะหกล้มคลุกคลานเท่าไร

    ปี 2545 ในวัยที่เขาไม่ได้ละอ่อนแล้ว
    วงบอดี้แสลม ก็ได้อุบัติขึ้น

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้
    ไม่ต้องอธิบายว่า
    เสียงเพลงของเขา โด่งดังแค่ไหน
    ไพเราะแค่ไหน
    มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นแค่ไหน
    มีแฟนคลับมากมายแค่ไหน

    ความสำเร็จของวง ที่กลายเป็นวงร็อกเบอร์หนึ่งของประเทศ คือ คำตอบที่ทุกท่านน่าจะทราบดี

    บนทางชีวิตแห่งเสียงดนตรี
    เขายังมีสิ่งอื่นที่หลงรัก
    เขาคือผู้ชายแสนเซอร์ ผมยาว ไว้หนวดเครา สักลายรอบตัว ที่หลงรักการออกกำลังกาย, กีฬา และฟุตบอล

    เขาเชียร์ ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์
    เขาหลงใหลการชมทีมบ้านเกิด สุพรรณบุรี เอฟซี
    เขาเคยลงแข่งขัน เทเบิลเทนนิส ระดับกีฬาแห่งชาติในนามจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงรายการระดับชิงแชมป์ประเทศไทย
    เขาเคยลงแข่งขันไตรกีฬา

    "ดูเหมือนว่า เขาชอบการวิ่ง
    และดูเหมือนว่า การวิ่งเองก็ชอบเขา"

    เขาวิ่งเพื่อตัวเองมานานหลายปี
    จนวันหนึ่ง เขาเริ่มวิ่ง วิ่ง และวิ่ง
    "เพื่อคนอื่น"

    เขาเริ่มวิ่งโดยถือไม้ผลัด ที่ไม่มีคนมองเห็น
    การวิ่งของเขา ส่งต่อไม้ผลัดให้คนอื่น
    ผลัดแล้วผลัดเล่า

    ปี 2559 เขาวิ่งจากกรุงเทพฯ ไป อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 400 กิโลเมตร เพื่อเงินบริจาคให้กับ โรงพยาบาลบางสะพาน และสุดท้าย ตัวเลขที่ได้ในครั้งนั้น คือ 85 ล้านบาท

    เขาได้รับการสรรเสริญ ชื่นชม
    แต่นั่นไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความฝันของเขา

    "บทชีวิต ของเรา
    เราจะทำให้มีความหมาย"

    ความหมายของชีวิตของผม กับ คุณ และใครต่อใคร อาจจะเหมือนกัน หรือไม่เหมือน
    แต่เขาค้นพบว่า ชีวิตของเขาจะมีความหมายมากขึ้น
    ถ้าเขาวิ่งได้ไกลกว่าเดิม
    ถ้าเขาหาเงินได้มากกว่าเดิม
    ถ้าเขาสามารถช่วยเหลือโรงพยาบาลได้มากกว่าเดิม

    และที่สำคัญ ถ้าเขาได้ส่งไม้ผลัดต่อให้คนอื่นๆ หันมาออกกำลังกายมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อให้วงการแพทย์ในเมืองไทยเกิดความสมดุล มีผู้ป่วยน้อยลง ไม่ล้นโรงพยาบาลอย่างที่เคยเป็น

    เขาคิดถึงชีวิตของคนอื่น
    โดยใช้ร่างกายของตัวเองเป็นตัวประกัน

    เขาเริ่มต้นวิ่งจาก อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560

    อ.แม่สาย จ.เชียงราย คือ "ปลายทาง"
    2,191 กิโลเมตร คือ ตัวเลขกิโลเมตรที่กำลังท้าทายใจคนอย่างเขา
    55 วัน คือ ตัวเลขเวลาที่เขาตั้งเป้าเอาไว้

    เขาผ่านอาการบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า ตลอดเส้นทาง
    ตรงไหนที่เจ็บได้ เขาเจ็บหมด
    ตรงไหนที่ปวดได้ เขาปวดหมด

    "ฉันยังมีจุดหมาย
    ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไร
    จะไปจนถึงแสงสุดท้าย"

    ความเจ็บปวด ถูกหักลบไปได้ด้วยความมุ่งมั่น
    กล้ามเนื้อที่ระบม ถูกสั่งให้ทำงานด้วยหัวใจ
    หัวใจของเขาแข็งแกร่งเกินบรรยาย

    "ในค่ำคืนที่ฟ้า.. นั้นไม่มีดาวอยู่ตรงนี้
    ฉันยังคงก้าวไป
    ยังคงมีรักแท้ เป็นแสงนำไป"

    ตลอดทาง เขามีรักแท้เป็นแสงนำไป
    รักแท้จากแฟนคลับ
    รักแท้จากประชาชนคนไทย
    รักแท้จากเพื่อนร่วมวงการ
    รักแท้จากแฟนสาว

    จากวันแรกจนวันนี้
    จากกิโลเมตรแรก จนกิโลเมตรสุดท้าย
    จากแสงแรกของวัน ณ เบตง เมื่อ 55 วันที่แล้ว
    จนถึงแสงสุดท้ายของวันนี้ ณ แม่สาย

    เขาทำสำเร็จ
    เขาหาเงินได้มากกว่า 1000 ล้านบาท
    แน่นอน .. เพื่อคนอื่นไม่ใช่เพื่อตัวเอง

    เขากลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจต่อคนนับล้าน
    เขาคือสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่น ความเสียสละ และความเชื่อ

    เขา คือ ฮีโร่ที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมากมายนัก เหมือนตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ในภาพยนตร์ต่างชาติ

    แค่มีขา, หัวใจ และกีต้าร์สักตัว

    เขาคือตำนานที่ยังมีลมหายใจ

    "ชีวิตถ้าไม่ยากเย็นขนาดนั้น
    สองมือจะมีเรี่ยวแรงขนาดไหน
    แต่หัวใจ ของคน ยังยืนยันจะไม่ถอดใจ..."

    "อาทิวราห์ คงมาลัย" 2764.png2764.png2764.png2764.png

    ภาพจาก ภูกฤต ลิมปะพันธุ์


    ***************************************


     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    26001171_685713581625590_4958445866843600322_n.jpg






    LIVE โครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
    เบตง - แม่สาย วันที่ 1 พย - 25 ธค 2560 ระยะทาง ระยะทาง 2,191 กม.

    การวิ่งวันที่ 25 ธันวาคม 2560 Set5 แม่สายการ์เด้นวิว - ด่านท่าขี้เหล็ก 9.2km.

    ช่องทางในการบริจาค
    1. บัญชีรับบริจาค : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
    สาขารัชโยธิน ชื่อบัญชี มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ (โครงการก้าวคนละก้าว)
    เลขที่บัญชี 111-393- 5263 ประเภทบัญชีกระแสรายวัน
    2. SMS : บริจาคครั้งละ 10 บาท* โดยพิมพ์ T แล้วกดส่งมาที่ 4545099(ทุกเครือข่าย )
    หมายเหตุ : ทุกยอดเงินบริจาคไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงิน
    3. พร้อมเพย์ : โอนเงินผ่านพร้อมเพย์ ไปที่เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 0994000005261
    4. SCB EASY APP: สามารถบริจาคผ่านเมนู “บริจาค” ใน SCB EASY APP
    และเลือก โครงการวิ่งการกุศล “ก้าวคนละก้าว” เพื่อ 11โรงพยาบาลทั่วประเทศ
    5. SCB EASY NET: ผู้ที่สมัครใช้บริการ SCB EASY NET สามารถบริจาคด้วยการโอนเงินผ่านเว็บไซต์ www.scbeasy.com
    6. SCB ATM : บริจาคผ่านเครื่อง ATM ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
    เลือกรายการ แล้วกด ถอนจากบัตร UP2ME / บริจาค แล้วกดบริจาคโครงการวิ่งการกุศล “ก้าวคนละก้าว”
    7. เคาเตอร์เซอร์วิสของ 7-11 ทุกสาขา
    8. www.ruckdee.com :
    สำหรับการบริจาคผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต
    หมายเหตุ – สามารถบริจาคได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561
    9. ห้างบิ๊กซีทุกสาขา
    10. บริจาคผ่านช่องทางแอป ทรูมันนี่ วอลเล็ท (ทรูมันนี่ ร่วม บริจาคเพิ่มอีก 10 บาท ต่อการบริจาคของท่าน) คลิก http://d.truemoney.com/kao1g
    11. Rabbit LINE Pay https://lin.ee/bFAYJuW

    ขอขอบคุณคนไทยใจดีทุกคนที่เห็นด้วยและมาช่วยกัน "ก้าว" ครั้งนี้ ติดรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook "ก้าว"

    #ก้าวคนละก้าว
    #ก้าวคนละก้าวเพื่อ11โรงพยาบาล
    #ก้าวนี้เพื่อหมอพยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2017
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ปรากฏการณ์ตูน ...ส่งเสริมให้ผู้สร้างบารมีทางธรรม ได้แนวคิด
    ในการพัฒนาตน และ สร้างประโยชน์ต่อสาธารณะ ตรงจุดไหน???






    พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส มองว่า การวิ่งของ ตูน บอดี้แสลม เพื่อระดมเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลที่ขาดแคลน เป็นการสร้างปรา กฏการณ์การทำความดีรูปแบบใหม่

    วันนี้ (25 ธ.ค.2560) พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส มองว่า การวิ่งของ ตูน บอดี้แสลม เพื่อระดมเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลที่ขาดแคลน เป็นการสร้างปรา กฏการณ์การทำความดีรูปแบบใหม่ และสามารถเชื่อมร้อยผู้คนในสังคมจำนวนมากให้หันกลับมาตระ หนักถึงปัญหาระบบสาธารณสุขร่วมกันซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตูนกล้าทำ และหากเปรียบทางพุทธแล้วถือว่า ตูน ได้ฝึกฝนตามหลักธรรมเรื่อง
    ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา


    ปรากฎการณ์ตูน สะท้อนอะไรบ้าง




    สิ่งที่ตูนทำเห็นได้ชัดถึงความเสียสละ และความพากเพียรพยายาม และที่สำคัญคือความกล้า เพราะการที่คนเราคิดที่จะวิ่ง 2,000 กิโลเมตร ในเวลา 55 วัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีความกล้า ทั้งกล้าทำ และกล้าคิด คิดไม่เหมือนใคร ซึ่งปรากฏว่าเป็นการกระทำที่โดนใจคน ดึงความดีของคนออกมา ที่อยากจะมาช่วยทำความดีกับตูน ทั้งวิ่งกับเขาหรือบริจาคเงิน ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง แต่การทำบุญทุกวันนี้ รูปแบบอาจจะซ้ำซาก จำเจ แต่สิ่งที่ตูนทำให้คนเห็นถึงการทำบุญที่แปลกใหม่ และสามารถจะดึงเอาคนมาร่วมกันทำความดี ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ เป็นความดีที่ดึงจิตใจให้มาเชื่อมโยงกัน และรู้สึกว่าทำแล้วเท่ห์ด้วย เพราะเป็นการทำบุญที่ไม่ซ้ำซากจำเจ



    0b8a8e0b8b2e0b8a5-e0b8a7e0b8b4e0b8aae0b8b2e0b982e0b8a5-e0b8a1e0b8ade0b887-e0b89be0b8a3e0b8b2-jpg.jpg

    อาตมาคิดว่าสังคมควรจะมีการคิดค้นสร้างสรรค์ เรื่องการทำดีที่หลากหลายและโดนใจผู้คน ที่เคยทำดีแล้วก็ทำไปเรื่อยๆ แต่เราต้องคิดถึงเรื่องการทำความดีที่นอกกรอบ หรือรูปแบบที่ไม่ซ้ำซากจำเจ มันยังมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่ใช่สร้างสรรค์แบบแปลกใหม่อย่างเดียว ต้องสามารถดึงใจคนได้



    สิ่งที่ตูนทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ก็คือดึงเอาความดีความเสียสละของผู้คนออกมา ถ้าเราดึงเอาความดีของผู้คนออกมามากๆ ทั่วทั้งสังคม จะเกิดพลังในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ มากมาย และไม่ควรรอให้มีคนอย่างตูนเท่านั้น ควรจะเป็นคนอื่นที่ช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างสรรค์ อย่าไปรอคนอย่างตูน หรือรอฮีโร่


    เพราะอย่างที่ตูน บอก ทุกคนก็เป็นฮีโร่ พยาบาลก็เป็นฮีโร่ หมอก็เป็นฮีโร่ เพียงแต่ว่าเราต้องกล้าคิด กล้าทำ” แม้เป็นเรื่องยาก สิ่งที่ตูนทำ อาตมาก็รู้ว่ายาก และก็ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงเป้าหมายหรือเปล่า แต่เขาก็กล้าทำ และพอกล้าทำแล้ว ก็มีโอกาสที่จะถึงเส้นชัยได้ ดังนั้น คนทำความดี ต้องมีความกล้าด้วย ความปรารถนาดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความกล้าด้วย กล้าคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดนอกกรอบ แล้วความดีก็จะผุดบานทั่วทั้งสังคม เหมือนดอกไม้



    8a8e0b8b2e0b8a5-e0b8a7e0b8b4e0b8aae0b8b2e0b982e0b8a5-e0b8a1e0b8ade0b887-e0b89be0b8a3e0b8b2-1-jpg.jpg

    หลักธรรมที่อธิบายการกระทำต่อเนื่องจนสำเร็จได้



    ใจรัก ก็คือ ฉันทะ ต้องมี พอเรามีฉันทะแล้ว แม้ยาก แต่พอได้ทำก็มีความสุข และพอมีความสุขมันก็เกิดความเพียร เกิดความต่อเนื่อง ถ้าทำแล้วไม่มีความสุข ก็ทำได้ไม่นาน แต่จะมีความสุขได้ ก็ต้องมีฉันทะ พอมีฉันทะมีความรักในงาน ในสิ่งที่ทำ ก็ทำให้เกิดความสุข พอความสุขเกิดขึ้น ก็ทำให้ทำได้เรื่อยๆ ทำแล้วมีความสุข เหนื่อยกาย แต่ใจมีความสุข นี่คือวิริยะ


    พอทำแล้วก็ใคร่ครวญด้วยจิตที่ตั้งมั่น ถ้าเราทำความเพียรบ่อยๆ ทำไปอย่างต่อเนื่อง มันจะเกิดสมาธิ เกิดจิตตะ เกิดความตั้งมั่น แล้วควรจะหมั่นใคร่ครวญด้วยว่า มีอะไรที่ควรแก้ไขไหม บางครั้งก็ต้องอาศัยความรู้เท่าทันตัวเอง เมื่อร่างกายไม่ไหวแล้ว มันบอกว่า ฉันขอพัก ก็พักก่อน การที่ตูนจะวิ่งไปถึงจุดหมาย ต้องมีทั้งการวิ่งและการพัก และการพักก็ต้องดูเสียงเรียกร้องของร่างกาย ถ้าจะต้องพักก็ควรพัก แล้วจะทำให้เราสามารถวิ่งต่อไปได้


    สังเกตว่าตูนวิ่งช้า ทำให้วิ่งได้นาน และทำให้ถึงจุดหมายปลายทางได้ในที่สุด มีคำพูดที่เป็นภาษิตแอฟริกาว่า ถ้าอยากไปให้ถึงเร็ว ก็ไปคนเดียว แต่ถ้าอยากให้ไปได้นานๆ ก็ต้องไปด้วยกัน และการที่จะไปด้วยกันได้ ก็ต้องวิ่งแบบที่เรียกว่า ทุกคนก็สามารถมีส่วนร่วมได้ ก็คือวิ่งช้าๆ เดินช้าๆ แม้วิ่งช้า แต่ถึงเร็ว แต่ถ้าเดินเร็ว วิ่งเร็ว อาจไม่ถึงก็ได้ ดังนั้น การทำความดี บางทีมันยาก แต่เราค่อยๆทำ ทำไปเรื่อยๆ ทำไม่หยุด แต่ก็พักบ้าง



    8a8e0b8b2e0b8a5-e0b8a7e0b8b4e0b8aae0b8b2e0b982e0b8a5-e0b8a1e0b8ade0b887-e0b89be0b8a3e0b8b2-2-jpg.jpg


    คุยกับผู้คนตลอดเส้นทาง-รณรงค์ทำความเข้าใจกับสังคม


    มองว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการจุดประเด็นให้คนมาถกเถียงเรื่องระบบบริการสุขภาพ ไม่ใช่แค่โรงพยาบาล มีการถกเถียงกันเรื่องระบบบริการสุขภาพในปัจจุบันว่า มีอะไรบกพร่องไหม หรือแค่ขาดเงิน ทำไมถึงขาดเงิน ขาดงบประมาณ อาตมาว่าเป็นประโยชน์ถ้าเราใช้ประเด็นนี้มาเพื่อถกเถียงกัน เพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพ ไม่ใช่เพื่อ 11 โรงพยาบาล แต่ให้มีผลกระทบต่อโรงพยาบาลทั้งหมดในประเทศไทย และมากกว่าโรงพยาบาลด้วย


    เพราะระบบสุขภาพเป็นมากกว่าโรงพยาบาล โรงพยาบาลเป็นแค่ตั้งรับ แต่มันต้องมีการทำเชิงรุก ซึ่งเป็นเรื่องการออกกำลังกาย เป็นเรื่องการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม การบริหารร่างกายด้วย ซึ่งตูนพูดอยู่เสมอว่า จะช่วยเรื่องโรงพยาบาลก็ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ก็ช่วยลดภาระโรงพยาบาล ลดภาระของหมอ ลดภาระงบประมาณด้วย จุดนี้ อาตมาคิดว่าน่าจะมาถกเถียงอภิปรายกัน


    ตูนไม่เคยพูดตรงๆปัญหาเชิงโครงสร้าง ระบบงบประมาณ



    ถูกแล้วที่ตูนจะไม่พูดประเด็นนี้ตรงๆ เพราะประเด็นนี้เมื่อพูดไปแล้ว จะเป็นการถกเถียงกันจนกระทั่งเกิดความเป็นฝักฝ่าย แต่ถ้าเลือกทำในสิ่งที่คนเห็นพ้องต้องกัน เอาจุดที่เห็นพ้องต้องกันเป็นจุดเริ่มต้น ก็จะนำไปสู่การร่วมมือกันในเรื่องอื่นที่ยาก รวมทั้งการปรับปรุงระบบสุขภาพให้ดีขึ้นได้


    อาตมาคิดว่า เราต้องยอมรับข้อจำกัดของตูนว่า ถ้าจะทำแบบนี้ ก็ต้องหาจุดที่เป็นจุดร่วมของคนให้มากที่สุด แต่ “เราสามารถจะเริ่มต้นจากจุดที่ตูนทำอยู่ นำไปสู่ประเด็นที่สำคัญ โดยเฉพาะการปฏิรูประบบสุขภาพ เพื่อไม่ให้หมอและพยาบาลทำงานหนัก เพื่อไม่ให้งบประมาณถูกใช้อย่างมหาศาลเพียงเพื่อแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เราควรจะเอาจุดเริ่มต้นที่ตูนได้ทิ้งเอาไว้มาสานต่อ เพื่อเป็นการเปิดประเด็น หรือนำไปสู่การปฏิรูประบบสุขภาพอย่างแท้จริง”



    8a8e0b8b2e0b8a5-e0b8a7e0b8b4e0b8aae0b8b2e0b982e0b8a5-e0b8a1e0b8ade0b887-e0b89be0b8a3e0b8b2-3-jpg.jpg

    คนที่ควรทำต่อ หมายถึงใคร


    คือคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่รัฐบาล เพราะว่าเรื่องนี้ คนไทยมักคิดว่า ถ้ามีโรงพยาบาลเยอะๆ โรงพยาบาลมีงบประมาณมากๆ คนไทยก็จะมีสุขภาพดีขึ้น แต่จริงๆ มันมากกว่านั้น โรงพยาบาลเป็นแค่ปลายเหตุ เป็นแค่การตั้งรับ


    เปรียบเทียบสิ่งที่นพ.สงวน- ตูน ทำต่อระบบสุขภาพ


    หมอสงวน นิตยารัมพงศ์ ทุ่มเทในการทำงานเพื่อรักษาเยียวยาความเจ็บป่วยของผู้คน แต่คุณหมอแทนที่จะทำแค่เป็นหมอธรรมดา ก็คือรักษาไข้ รักษาโรคไป ซึ่งไม่จบสิ้น เพราะว่าคนป่วยก็เยอะ และที่สำคัญก็คือ จะมีคนจำนวนมากที่ถูกทอดทิ้ง โรงพยาบาลไม่สามารถจะรองรับเขาได้ เพราะปัญหาอยู่ที่โครงสร้างหรือระบบสาธารณสุขเมืองไทยในเวลานั้นที่ทอดทิ้งคนจน คุณหมอสงวนจึงเห็นว่า แค่รักษาคนไข้รายต่อรายไม่พอ ต้องยกเครื่องหรือปฏิรูประบบ เพราะจะทำให้เกิดการรองรับคนที่ยากไร้ ให้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ควรแก่ความเป็นมนุษย์


    ประเด็นที่คุณหมอเลือกคือ การทำหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่จริงคุณหมอทำมากกว่านั้น แต่ที่เด่นและส่งผลกระทบมากคือ การผลักดันโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งก็คือหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตรงนี้ช่วยคนได้ทั้งประเทศ คน 30 ล้านคนที่อาจมีปัญหาในการเข้าถึงระบบสุขภาพก็ได้รับโอกาส ในแง่นี้ คุณหมอไม่ได้แค่เสียสละในฐานะหมอ แต่คุณหมอทำให้เกิดการปฏิรูประบบทั้งหมด คือการแก้ไขเชิงโครงสร้าง ซึ่งยังไม่จบ ยังต้องทำ


    สิ่งที่คุณหมอทำเรียกว่า ยืนระยะได้ยาวกว่า ทำมา 30 ปี สิ่งที่ตูนทำ 55 วัน ซึ่งก็ต้องใช้ความเพียรเยอะ ถ้าให้คุณหมอสงวนมาวิ่งแบบตูนก็คงจะไม่ไหว แต่การที่ทำในฐานะหมอ และข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ก็ทำได้อย่างยืดเยื้อยาวนาน แง่หนึ่งก็คล้ายกับตูนที่มีความอดทนและพากเพียรพยายาม เพียงแต่ว่ากว่าจะเห็นผลก็ต้องใช้เวลา 15 ปี เฉพาะเรื่องหลักประกันสุขภาพ



    การทำความดีที่จะเปลี่ยนแปลงปฏิรูปโครงสร้าง ต้องมีความอดทนขนาดนั้น ไม่ใช่แค่ 55 วัน บางทีอาจจะต้อง 55 ปี ดังนั้น ก็ต้องมีความสุขและความมุ่งมั่น รวมทั้งฉันทะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงอย่างคุณหมอสงวนก็มีฉันทะ ท่านบอกท่านมีความสุขในการทำงาน ความสุขนั้นก็หล่อเลี้ยงให้ทำงานช่วยเหลือชาวบ้านได้ถึง 30 ปี






    สังคมไทยจะต้องทำอะไรต่อ หลังจากนี้


    เฉพาะ “เรื่องปฏิรูประบบสุขภาพ ยังต้องทำต่อ โดยเฉพาะปฏิรูปเรื่องการป้องกัน แทนที่จะแก้ไขหรือบรรเทา อย่างที่บอกคือโรงพยาบาลเป็นการตั้งรับ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้องทำงานในเชิงรุก คือ การป้องกันไม่ให้คนเจ็บป่วย ซึ่งหมายถึงการปรับปรุงการใช้ชีวิต ระบบสุขภาพจะต้องหันมาเน้นเรื่องป้องกันการเจ็บป่วยให้มากขึ้น” เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ


    อย่าลืมว่า สังคมไทยกำลังเป็นสังคมผู้สูงอายุ และถ้าเราปล่อยให้คนแก่ป่วย โรงพยาบาลมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะการป่วยของคนแก่ กินเวลานานกว่าจะหายได้ ดังนั้น จะดีกว่าถ้ามีโอกาสได้รู้วิธีการดูแลสุขภาพ อันนี้ไม่ใช่คนแก่อย่างที่เป็นปัญหา คนในวัยอื่นก็เหมือนกัน


    ดังนั้น การทำสิ่งที่เรียกว่า สาธารณสุขมูลฐานสำคัญมาก ที่เมืองไทยยังทำได้น้อย และอาจไม่ให้ความสำคัญเท่าไหร่ การทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันไม่ให้คนเจ็บป่วย สุขภาพดี ไม่ต้องรอให้ป่วยแล้วเข้าโรงพยาบาลกลายเป็นภาระของหมอโรงพยาบาล คงจะน้อยลง นี่คืองานที่น่าจะทำ ออกกำลังกาย วิ่งบ่อยๆ แบบตูน ก็จะป่วยน้อยลง เข้าโรงพยาบาลน้อยลง พยาบาล หมอ ก็จะเหนื่อยน้อยลง งบประมาณก็จะไม่ต้องใช้มากอย่างที่เป็นอยู่


    บุศย์สิรินทร์ ยิ่งเกียรติกุล ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส



    ขอขอบคุณที่มา
    http://news.thaipbs.or.th/content/268824
     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    25660351_2023037824380342_8013238397550738174_n.jpg


    คำโปรย

    “เป็นเรื่องปกติของคนเราที่ย่อมมีเกิดแก่เจ็บตาย แต่ว่าในระหว่างที่เราใช้ชีวิตอยู่ เราจะใช้ชีวิตอยู่เพื่ออะไร อยู่เพื่อทำอะไร ... เพื่อที่จะเตรียมตัวที่จะไม่อยู่แล้วอย่างมีคุณค่าที่สุด

    บางทีไม่จำเป็นต้องเป็นประโยชน์สำหรับคนหมู่มาก ทำเพื่อสังคม หรือประเทศชาติที่มันใหญ่โต เพียงแค่ชีวิตชีวิตนึง มีใครสักคนหนึ่งที่จำว่าเราเคยมีคุณค่า แล้วทำให้คนๆนั้นอย่างเต็มที่ ที่สุดแล้วก็น่าจะมีค่าพอสำหรับใครที่จะจดจำ แค่นี้ถือว่าเป็นการเตรียมตัวตายที่ดี ” - ข้อความจาก CD

    - - - -

    คำตูน

    "ผมอยากรวยนะโอม ใครๆก็อยาก แต่ทุกวันนี้ผมมีพอนะ อยากเที่ยวได้เที่ยว อยากกินได้กิน ไม่ได้ลำบากอะไรแล้วก็จริง แต่ผมก็ยังไม่ได้มีความสุขขนาดที่คิดว่าน่าจะมี พอผมได้วิ่งบางสะพานผมรู้สึกได้ว่าตัวเองมีประโยชน์ ตัวเราสามารถเป็นประโยชน์ให้คนอื่นได้ ผมมีความสุขมาก ความสุขแบบที่ทั้งชีวิตไม่เคยมีมาก่อน" - ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย

    - - - -

    คำพระ

    สังคมบริโภคนิยมดำเนินไปบนฐานความเชื่อว่าชีวิตนี้คือการเสพสุขมี ๔ ประการที่บริโภคนิยมเชิดชูคือ เซ็กซ์ ความสนุกสนาน ความเป็นหนุ่มสาว และความสำเร็จ (sex, joy, youth, success) ลองสังเกตโฆษณาในทีวีจะเห็นว่าเขาเน้น ๔ ประการนี้อยู่เสมอ ทำให้ผู้คนเกิดความเข้าใจว่าทั้ง ๔ อย่างนี้คือจุดหมายของชีวิตนี้ คนในสังคมบริโภคนิยม จึงตั้งหน้าตั้งตาแสวงหา ๔ อย่างนี้ จนลืมไปหมดเลยว่าเราต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย

    ถ้าเราคิดขึ้นมาได้ว่าสักวันหนึ่งเราต้องตายนะ เราจะคลั่งไคล้กับการเสพน้อยลง เราจะตระหนักว่าทั้ง ๔ ประการนี้เป็นของชั่วคราว ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ เราจะหันมาอยู่อย่างเรียบง่ายมากขึ้น หันมาสร้างบุญกุศลทำความดี ช่วยเหลือคนอื่น และเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อพร้อมรับความตายที่จะมาถึง

    เป็นเพราะมัวแต่เสพสุข จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนสมัยนี้เมื่อพูดถึงความตายก็จะกลัว ถ้าได้ไปเห็นใครเจ็บป่วย หรือเห็นคนตาย เขาจะตกใจ ตื่นตระหนก หรือหดหู่ไปเลย เพราะเขาจะรู้ทันทีว่าสักวันมันต้องเกิดกับตัวเอง ก็เลยเสียศูนย์ นั่นเป็นเพราะเราลุ่มหลงกับของชั่วคราวมาตลอดชีวิต

    พระไพศาล วิสาโล

    1f3b6.png 1f3b6.png 1f3b6.png 1f3b6.png 1f3b6.png 1f3b6.png 1f3b6.png

    เพลง เตรียมตัวตาย
    คำร้อง/ทำนอง อาทิวราห์ คงมาลัย
    เรียบเรียง bodyslam, พูนศักดิ์ จตุระบุล
    ฟัง


    ตั้งแต่ที่ฉันลืมตา ใช้ชีวิต
    ท่ามกลางโลกแห่งเครื่องหมายคำถาม
    โลกแห่งความสับสน

    ฉันเคยหวาดกลัวความตาย
    กลัวในวันที่สุดท้าย เรื่องราวชีวิตจบลง
    เหลือไว้เพียงร่างว่างเปล่า
    ไม่มีความหมาย ไม่มีสักหยดน้ำตา

    ดอกไม้ ให้ความรักผลิบานขึ้นในหัวใจ
    สุดท้าย ร่วงโรยไปแต่ยังติดตราตรึงดวงใจ

    ใคร สักคนก็พอ
    ชีวิตตายให้มีความหมายเพื่อคำว่ารัก
    ไม่ยิ่งใหญ่ แค่เธอจำไว้เพียงพอ

    หยดน้ำค้างพร่างพราย ในยามที่ฟ้าเปิด
    เตือนใจให้ทำสิ่งดีดี กับใครสักคนที่เคียงข้าง
    หากฟ้าหม่น เพียงชั่วข้ามคืนหนึ่งชีวิตอาจสาย

    เด็กน้อย ได้เรียนรู้เติบโตและมีหัวใจ
    มีรัก มอบให้ใคร ได้เตรียมตัวตายได้ทำเพื่อ

    ใคร สักคนก็พอ
    ชีวิตตายให้มีความหมายเพื่อคำว่ารัก
    ไม่ยิ่งใหญ่ แค่เธอจำไว้เพียงพอ

    คล้ายดั่งรุ้งงาม แสงทองส่อง
    ใคร สักคนด้วยรัก
    ชีวิตตายให้มีความหมายขอทำต่อไป
    ไม่ยิ่งใหญ่ แค่เธอจำไว้เพียง

    ใคร สักคนก็พอ
    ชีวิตตายให้มีความหมายเพื่อคำว่ารัก
    ไม่ยิ่งใหญ่ แค่เธอจำไว้เพียง

    คนคนหนึ่งชีวิตได้ทำเรื่องสวยงาม ไม่เสียใจ
    เตรียมตัวตายแม้ชีวิตบทสุดท้ายเมื่อไร วันนี้ไม่กลัว
    มันอาจไม่ยิ่งใหญ่ แค่เธอจำไว้เพียงพอ
    ความสุขที่ยิ่งใหญ่ ได้มีชีวิตเพื่อใคร

    คำ DJ

    อัลบั้มนี้ออกมาเมื่อปี 2557 จากข้อความที่แนบมากับเพลงในตอนนั้นดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอะไรยิ่งใหญ่มากมายนัก...ไม่ใช่สำหรับคนหมู่มาก แต่เวลาเปลี่ยนไป ความคิดก็เติบโต จนได้มาถึงวันนี้ที่เราได้บันทึกประวัติศาสตร์ของประเทศไทยไว้อีกหน้าหนึ่ง

    D.J. KC.Pop
    ธรรมตามจังหวะ
    #ฟังเป็นเห็นธรรม
    ภาพ นิตยสาร OPTIMISE

    8888888888888888888888888888888888888888888888888888

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 25660351_2023037824380342_8013238397550738174_n.jpg
      25660351_2023037824380342_8013238397550738174_n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.6 KB
      เปิดดู:
      105
    • 1f3b6.png
      1f3b6.png
      ขนาดไฟล์:
      965 bytes
      เปิดดู:
      97
    • 1f3b6.png
      1f3b6.png
      ขนาดไฟล์:
      965 bytes
      เปิดดู:
      92
    • 1f3b6.png
      1f3b6.png
      ขนาดไฟล์:
      965 bytes
      เปิดดู:
      101
    • 1f3b6.png
      1f3b6.png
      ขนาดไฟล์:
      965 bytes
      เปิดดู:
      106
    • 1f3b6.png
      1f3b6.png
      ขนาดไฟล์:
      965 bytes
      เปิดดู:
      103
    • 1f3b6.png
      1f3b6.png
      ขนาดไฟล์:
      965 bytes
      เปิดดู:
      100
    • 1f3b6.png
      1f3b6.png
      ขนาดไฟล์:
      965 bytes
      เปิดดู:
      87
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2017
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...